ตอนเราบอกแม่เราว่าจะแต่งงานกับสามี แม่เราซักถามค่ะว่าไปเจอกันได้ยังไง เค้าดีจริงมั้ย แน่ใจแล้วเหรอ แต่พ่อเราพอรู้ว่าจะแต่งไม่มีถามอะไรทั้งสิ้นค่ะ ขอสินสอด 2 แสน (สมัย 14ปี ที่แล้ว) งานแต่งต้องจัด ญาติโกโหติกาต้องเชิญทุกคน... เราเลยหันไปพูดเนิบๆ กับแม่ค่ะว่า แม่ก็รู้ว่าหนูไม่มีเงินทอง แฟนก็เพิ่งได้งานทำ ถ้าจะให้ไปกู้เงินมาเพื่อเป็นสินสอดตามที่พ่อขอน่ะได้นะ แต่คือให้แล้วคือให้เลย ครั้งเดียวจบ จากนี้ไปคงต้องไปนั่งทำงานใช้หนี้ก้อนนี้ คงไม่มีให้อีกแล้วล่ะ ส่วนงานเลี้ยงที่ต้องเชิญญาติก็ไม่คิดจะทำ เพราะตั้งแต่เล็กจนโตไม่เคยเห็นญาติคนไหนโผล่หัวมาช่วยอะไรยามลำบาก แต่ยามสบายมีญาติเยอะแยะมากค่ะ ฉะนั้นคิดว่าไม่มีความจำเป็นต้องไปเชิญญาติหน้าไหนมาทั้งนั้น ถ้าจะจัดคือไปหาอะไรอร่อยๆ กินกันภายในครอบครัวพอแล้ว แม่รับได้มั้ย?

แม่เราตอบกลับมาว่า ถ้าเค้าดูแลลูกได้ ไม่พาไปลำบาก ไม่มาหลอกลวงเรา แม่ก็อวยพรให้นะลูก จะไปจดทะเบียนกันเมื่อไหร่ แค่นี้แหละค่ะ แต่พ่อเราทั้งวีนทั้งด่าว่าเราสองคนค่ะ แต่ชีวิตเราโตมาด้วยเงินและความรักของแม่ค่ะ เพราะฉะนั้นเราฟังแค่แม่เราคนเดียว เลยไม่มีปัญหาอะไร

สุดท้ายแล้วมันก็ขึ้นอยู่กับครอบครัวของแต่ละคนค่ะ บางครอบครัวคาดหวังสูงมาก บางครอบครัวก็ไม่ได้คาดหวังอะไร จะเอาความคิดคนรุ่นใหม่ไปเปลี่ยนคนรุ่นเก่า (ส่วนใหญ่) ก็จะยากหน่อยนะคะ แต่ก็นะ.... ไม่ลองไม่รู้ค่ะ

ในทฤษฎี
_____________________________________________________________

ทฤษฎีอะไรยังไง

ถ้าตอนเด็ก พ่อ แม่บอกว่าส่งเรียนแค่การศึกษาภาคบังคับนะ พ่อแม่ต้องสร้างฐานะ

ถ้าตอนเด็ก พ่อ แม่บอกว่า กินข้าวเหลือ สองมื้อเท่าพระนะลูก พ่อแม่ต้องสร้างฐานะ

ถ้าตอนเด็ก พ่อ แม่บอกว่า  กินข้าว ปลูกผักเองกินเฉพาะที่มี อยู่แบบธรรมชาติเผื่อสุขภาพ  พ่อแม่ต้องสร้างฐานะ

ถ้าตอนเด็ก พ่อ แม่บอกว่า เสื้อผ้าทอเอง เย็บเองไม่ต้องซื้อ คนโบราญเขาทำกัน พ่อแม่ต้องสร้างฐานะ

ถ้าตอนเด็ก พ่อ แม่บอกว่า เวลาป่วยเล็กๆน้อยอดทนมากๆนะเดียวหายเอง พ่อแม่ต้องสร้างฐานะ

ถ้าตอนเด็ก พ่อ แม่บอกว่า เวลาป่วยหนักค่อยไปอนามัย อดทนมากๆนะเดียวหายเอง พ่อแม่ต้องสร้างฐานะ

ถ้าตอนเด็ก พ่อ แม่บอกว่า ไปนอนที่ถนนเอาประหยัดค่าสร้างบ้าน พ่อแม่ต้องสร้างฐานะ

ผมว่าหลายๆคนไม่เข้าใจ ในทฤษฎี นะคิดทบทวนดีๆ อะไรทำให้ท่านได้พยายามหน่อย
_______________________________________________________________________

มี ทฤษฎี ที่ว่า "ทำอะไรได้อย่างนั้น" อยู่เหมือนกัน

พอมี ลูกๆ จะทำแบบที่คุณทำได้เหมือนกัน

ของผมจูงแฟนไปบอกแม่แฟนว่าได้ทำการฟีเจอร์ริ่งกันตั้งแต่ปวช.แล้วนะ(ตอนนี้ทำงานล่ะ) บ้านผมก็ไม่มีอะไร ถ้าให้แต่งแม่จะเอาสินสอดเยอะไหม แม่ยายบอกว่าแล้วแต่จะแต่งให้เขาเท่าไรก็ได้ สาเหตุที่ต้องไปคุยเพราะปีนี้แฟนจะเรียนจบแล้ว แฟนอยากมาอยู่ด้วยก็เลยลองไปคุยกับแม่แฟนซะเลย เป็นไงเป็นกัน ผลออกมากลายเป็นง่ายเราก็สบายใจ แต่เงินสินสอดก็ต้องทำไปคือ ๆ หน่อย ต้องรักษาหน้าญาติฝ่ายหญิงด้วย อันนี้แม่ย่าเป็นคนสั่ง ไม่ใช่ไปขอลูกเขาง่ายก็จะทำให้เขาน้อยซะจนเขาอยากยกลูกให้ฟรี 555