เห็นมีมือใหม่เข้ามาตลาดเป็นจำนวนมากใช้ช่วงนี้ เอาบทความดีๆมาฝากครับ
(1) หุ้นคือการระดมทุนเพื่อการลงทุนธุรกิจของบริษัทนั้นๆ
(2) ตลาดคือลักษณะความเป็นไปของราคาในกระดานหุ้น ที่สะท้อนปัจจัยต่างๆ เช่นข่าวลวง ข่าวโคม เรื่องจริง ความกลัว รวมถึงความโลภของคน.... คนดูข่าวมากๆจะมีอาการเหมือนนักมวยเมาหมัด
(3) ตลาดในประเทศเล็กๆอย่างประเทศไทยต้อง พึ่งพา fund flow หรือเงินลงทุนที่ไหลมาจากต่างประเทศ เพื่อทำให้หุ้นขึ้นไปสูงๆได้
(4) ปัญหาเศรษฐกิจ ปัจจุบันแก้ไขได้โดยการพิมพ์เงิน ซึ่งทำได้ถูกกฎหมายสำหรับประเทศใหญ่ๆ เพราะบอกว่า Too Big Too Fail เพื่อเอามากว้านซื้อทรัพย์สินของประเทศเล็กๆในตลาดเกิดใหม่ อย่างเช่นข้อ 3
(5) กลต หรือ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ เห็นนักลงทุนเป็นเด็กน้อย และมักจะออกกฎเพื่อแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ เช่นล่าสุดการออกมาตราการ Trade Alert List
(6) Trade Alert List เป็นมาตราการสกัดความร้อนแรงของหุ้นประกาศใช้ ต้นปี 58 เพื่อไม่ให้หุ้นขึ้นมากเกินไปแต่ลงได้อย่างไม่จำกัด หรือพูดให้เข้าใจง่ายๆคือ การ Limit กำไร แต่ขาดทุนได้อย่างไม่จำกัด
(7) ตรงกันข้ามกับกรณีบริษัทมีการเพิ่มทุน ที่ราคาต่ำกว่ากระดานซื้อขายมากๆ กลต ไม่ได้แสดงบทบาทสืบหาความจริง หรือยับยั้งได้เลย
(8) คำว่า "การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน” ว่ามีไว้เพียงลดความรู้สึกผิด (Guilty) ของผู้ดูแล เมื่อผู้ลงทุนเจ๊งหุ้น คล้ายกับ “การสูบบูหรี่ทำให้เป็นมะเร็ง” หากจะเขียนเพื่อผู้ลงทุนจริงๆ ควรบอกว่า “ไม่มีความรู้ ห้ามลงทุน” ซึ่งคล้ายกับ “ห้ามดื่มเกินวันละ 2 ขวด” แทน
(9) คนเจ๊งหุ้น#1 ไม่ว่าจะมีความรู้หรือไม่มีก็ตาม มักจะเป็นพวกที่เอาตัวเองเป็นศูนย์กลางโดยไม่มองตลาดตามความเป็นจริง หรือคนเทรดหุ้นแบบการพนัน
(10) (A) วิเคราะห์แบบเน้นพื้นฐาน (Fundametal Analysis - FA) จะดูพื้นฐานตามทฤษฎีวิเคราะห์ธุรกิจต่างๆ เพื่อคาดหมายกำไรในอนาคต ซื้อในราคาที่คิดว่าถูก และขายในราคาที่คิดว่าแพง โดยเรียกตัวเองว่านักลงทุนเน้นคุณค่า (Value Investor - VI) และส่วนใหญ่มี Warren Buffettหรือ Peter Lyne เป็นศาสดา
(11) (B) วิเคราห์แบบเทคนิค (Technical Analysis -TA) จะดูเส้นกราฟและดัชนีต่างๆ โดยมีความเชื่อว่ากราฟสะท้อนอารมณ์ตลาดไว้เรียบร้อยแล้ว โดยถูกเรียกว่าพวกเก็งกำไร หรือ Speculator และส่วนใหญ่มี Charles Dow หรือ George Soros เป็นศาสดา
(12) ทั้ง Warrant Buffet, Peter Lyn, Charles Dow, Gorge Solos เป็น American Hero อย่างที่อ้เมริกาอยากให้คนที่เหลือในโลกเข้าใจว่าเป็นที่สุดของนักลงทุน มีนักลงทุน low profile high profit อีกเยอะในโลกนี้
(13) ไม่มีกฎข้อห้ามที่ VI จะเรียนหรือ Technical หรือ นักเก็งกำไรจะเรียน Fundametal แต่คุณก็ไม่จำเป็นต้องรู้ทั้งหมด แค่มีเพื่อนที่เก่งอีกด้านที่คุณไม่มี
(14) การเทรดด้วยระบบ system trade เป็นกาาต่อยอดจาก TA โดยการเขียนกฎเกณฑ์การซื้อขายของตัวเองไว้ชัดเจน ประหนึ่งเป็นหุ่นยนต์ และไม่มีจิตใจ
(15) เงิน คือทรัพย์กรที่มีจำกัด
(16) (C) การบริหารหน้าตัก (Money Management) คือการใช้ทรัพยากรที่มีจำกัด อย่างมีประสิทธิภาพ
(17) (D) จิตวิทยาการลงทุนคือ วิธีที่จะจัดการ ‘ความโลภ’ และ ‘ควากลัว’ เพื่อให้คุณได้ 'ทำตามแผนที่วางไว้’ ได้
(18) (E) ความเสี่ยงคือธรรมชาติของตลาด ตลาดคือความเสี่ยง แต่เราสามารถลดความเสี่ยงได้ด้วยการบริหารความเสี่ยง (risk management)
(19) คนเจ๊งหุ้น#2 คนที่ไม่มี A และ B
(20) คนไม่เจ๊ง แต่พอร์ทไม่โต คือคนที่ไม่มี C และ E
(21) คนที่รวยและหมดตัว คือคนที่ไม่มี D และ E
(22) สมการง่ายๆสำหรับการอยู่รอดในตลาด คือ ( ( A or B ) and C and E ) and D
(23) น่าเศร้าเพราะคนส่วนใหญ่ไปหมกมุ่นกับ A หรือ B เกินไป
(24) สรุปนักลงทุนแบ่งเป็น 2 ประเภท คือ คนที่ทำตามแผน และ ไม่ทำตามแผน
(25) การเช็คข่าวใน webboard, line, page รวมทั้งหนังสือพิมพ์ ต่างๆเป็นประจำเพื่อการเทรดไม่มีประโยชน์อันใดนอกจากหาเรื่องคุยกับเพื่อน เพราะสื่อทั้งหมดมีไว้เพื่อการโฆษณาของธุรกิจ
(26) ออกกำลังด้วยเพราะเมื่อคุณทำข้อ 22 ได้ แต่สุขภาพแย่ ก็รวยแต่ไม่ได้ใช้เงิน
(27) เพจ ‘กระทิง แห่งรัตติกาล’ เปิดใหม่ โดยนักลงทุนอิสระที่อยู่ใน ‘ตลาดได้อย่างสบายๆ’ ไม่ได้มีสังกัด โดยมีเป้าหมายบอกเล่า ‘ความจริงของการลงทุน’ และเรื่องอื่นๆ โดยใช้ 'ทุกเครื่องมือ’ ที่จะเป็นไปได้ ครับ
.
.
.
Welcome to Stock Market
credit.
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้https://www.facebook.com/darkbullspage
สมการการลงทุน 27 ข้อ - สำหรับมือใหม่ที่สนใจในตลาดหุ้น เพื่อการลงทุนแบบมี Style แบบรวบรัด ตรงประเด็น
(1) หุ้นคือการระดมทุนเพื่อการลงทุนธุรกิจของบริษัทนั้นๆ
(2) ตลาดคือลักษณะความเป็นไปของราคาในกระดานหุ้น ที่สะท้อนปัจจัยต่างๆ เช่นข่าวลวง ข่าวโคม เรื่องจริง ความกลัว รวมถึงความโลภของคน.... คนดูข่าวมากๆจะมีอาการเหมือนนักมวยเมาหมัด
(3) ตลาดในประเทศเล็กๆอย่างประเทศไทยต้อง พึ่งพา fund flow หรือเงินลงทุนที่ไหลมาจากต่างประเทศ เพื่อทำให้หุ้นขึ้นไปสูงๆได้
(4) ปัญหาเศรษฐกิจ ปัจจุบันแก้ไขได้โดยการพิมพ์เงิน ซึ่งทำได้ถูกกฎหมายสำหรับประเทศใหญ่ๆ เพราะบอกว่า Too Big Too Fail เพื่อเอามากว้านซื้อทรัพย์สินของประเทศเล็กๆในตลาดเกิดใหม่ อย่างเช่นข้อ 3
(5) กลต หรือ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ เห็นนักลงทุนเป็นเด็กน้อย และมักจะออกกฎเพื่อแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ เช่นล่าสุดการออกมาตราการ Trade Alert List
(6) Trade Alert List เป็นมาตราการสกัดความร้อนแรงของหุ้นประกาศใช้ ต้นปี 58 เพื่อไม่ให้หุ้นขึ้นมากเกินไปแต่ลงได้อย่างไม่จำกัด หรือพูดให้เข้าใจง่ายๆคือ การ Limit กำไร แต่ขาดทุนได้อย่างไม่จำกัด
(7) ตรงกันข้ามกับกรณีบริษัทมีการเพิ่มทุน ที่ราคาต่ำกว่ากระดานซื้อขายมากๆ กลต ไม่ได้แสดงบทบาทสืบหาความจริง หรือยับยั้งได้เลย
(8) คำว่า "การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน” ว่ามีไว้เพียงลดความรู้สึกผิด (Guilty) ของผู้ดูแล เมื่อผู้ลงทุนเจ๊งหุ้น คล้ายกับ “การสูบบูหรี่ทำให้เป็นมะเร็ง” หากจะเขียนเพื่อผู้ลงทุนจริงๆ ควรบอกว่า “ไม่มีความรู้ ห้ามลงทุน” ซึ่งคล้ายกับ “ห้ามดื่มเกินวันละ 2 ขวด” แทน
(9) คนเจ๊งหุ้น#1 ไม่ว่าจะมีความรู้หรือไม่มีก็ตาม มักจะเป็นพวกที่เอาตัวเองเป็นศูนย์กลางโดยไม่มองตลาดตามความเป็นจริง หรือคนเทรดหุ้นแบบการพนัน
(10) (A) วิเคราะห์แบบเน้นพื้นฐาน (Fundametal Analysis - FA) จะดูพื้นฐานตามทฤษฎีวิเคราะห์ธุรกิจต่างๆ เพื่อคาดหมายกำไรในอนาคต ซื้อในราคาที่คิดว่าถูก และขายในราคาที่คิดว่าแพง โดยเรียกตัวเองว่านักลงทุนเน้นคุณค่า (Value Investor - VI) และส่วนใหญ่มี Warren Buffettหรือ Peter Lyne เป็นศาสดา
(11) (B) วิเคราห์แบบเทคนิค (Technical Analysis -TA) จะดูเส้นกราฟและดัชนีต่างๆ โดยมีความเชื่อว่ากราฟสะท้อนอารมณ์ตลาดไว้เรียบร้อยแล้ว โดยถูกเรียกว่าพวกเก็งกำไร หรือ Speculator และส่วนใหญ่มี Charles Dow หรือ George Soros เป็นศาสดา
(12) ทั้ง Warrant Buffet, Peter Lyn, Charles Dow, Gorge Solos เป็น American Hero อย่างที่อ้เมริกาอยากให้คนที่เหลือในโลกเข้าใจว่าเป็นที่สุดของนักลงทุน มีนักลงทุน low profile high profit อีกเยอะในโลกนี้
(13) ไม่มีกฎข้อห้ามที่ VI จะเรียนหรือ Technical หรือ นักเก็งกำไรจะเรียน Fundametal แต่คุณก็ไม่จำเป็นต้องรู้ทั้งหมด แค่มีเพื่อนที่เก่งอีกด้านที่คุณไม่มี
(14) การเทรดด้วยระบบ system trade เป็นกาาต่อยอดจาก TA โดยการเขียนกฎเกณฑ์การซื้อขายของตัวเองไว้ชัดเจน ประหนึ่งเป็นหุ่นยนต์ และไม่มีจิตใจ
(15) เงิน คือทรัพย์กรที่มีจำกัด
(16) (C) การบริหารหน้าตัก (Money Management) คือการใช้ทรัพยากรที่มีจำกัด อย่างมีประสิทธิภาพ
(17) (D) จิตวิทยาการลงทุนคือ วิธีที่จะจัดการ ‘ความโลภ’ และ ‘ควากลัว’ เพื่อให้คุณได้ 'ทำตามแผนที่วางไว้’ ได้
(18) (E) ความเสี่ยงคือธรรมชาติของตลาด ตลาดคือความเสี่ยง แต่เราสามารถลดความเสี่ยงได้ด้วยการบริหารความเสี่ยง (risk management)
(19) คนเจ๊งหุ้น#2 คนที่ไม่มี A และ B
(20) คนไม่เจ๊ง แต่พอร์ทไม่โต คือคนที่ไม่มี C และ E
(21) คนที่รวยและหมดตัว คือคนที่ไม่มี D และ E
(22) สมการง่ายๆสำหรับการอยู่รอดในตลาด คือ ( ( A or B ) and C and E ) and D
(23) น่าเศร้าเพราะคนส่วนใหญ่ไปหมกมุ่นกับ A หรือ B เกินไป
(24) สรุปนักลงทุนแบ่งเป็น 2 ประเภท คือ คนที่ทำตามแผน และ ไม่ทำตามแผน
(25) การเช็คข่าวใน webboard, line, page รวมทั้งหนังสือพิมพ์ ต่างๆเป็นประจำเพื่อการเทรดไม่มีประโยชน์อันใดนอกจากหาเรื่องคุยกับเพื่อน เพราะสื่อทั้งหมดมีไว้เพื่อการโฆษณาของธุรกิจ
(26) ออกกำลังด้วยเพราะเมื่อคุณทำข้อ 22 ได้ แต่สุขภาพแย่ ก็รวยแต่ไม่ได้ใช้เงิน
(27) เพจ ‘กระทิง แห่งรัตติกาล’ เปิดใหม่ โดยนักลงทุนอิสระที่อยู่ใน ‘ตลาดได้อย่างสบายๆ’ ไม่ได้มีสังกัด โดยมีเป้าหมายบอกเล่า ‘ความจริงของการลงทุน’ และเรื่องอื่นๆ โดยใช้ 'ทุกเครื่องมือ’ ที่จะเป็นไปได้ ครับ
.
.
.
Welcome to Stock Market
credit.
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้