[บทความ] หยวนซินเย่ว : ปี 2014 ก้าวย่างที่สำคัญ

กระทู้ข่าว



หลังจากได้อ่านเรื่องของสวีหยุนลี่ที่พูดย้อนรำลึกถึงรายการชิงแชมป์โลก  หยวนซินเย่วก็ได้ส่งข้อความมาหาฉันบอกว่า การย้อนรำลึกของพี่ลี่ทำให้ฉันรู้สึกเหมือนว่าได้กลับไปอยู่ตอนชิงแชมป์โลก

เมื่อได้อ่านเรื่องของเว่ยชิวเย่วจบ  เธอก็ส่งข้อความมาหาฉันอีกบอกว่า ขอให้พี่เย่วกลับบ้านโดยสวัสดิภาพ  ฉันอยากเล่นร่วมกับพี่  เห็นถึงความมุ่งมั่นไม่ท้อถอยของพี่เย่วใน 2 ปีมานี้   ทำให้ฉันมีความรู้สึกร่วมตามไปด้วย

และเมื่อได้ยินว่าฉันจะเขียนเรื่องของเธอด้วย  หยวนซินเย่วแสดงความดีใจมาก  และยังเสนอตัวอีกด้วยว่า
“พี่หม่า  ให้ฉันเขียนแล้วส่งให้คุณดีไหม?”


หยวนซินเย่วอยากจะลงมือเขียนเอง  ฉันก็หวังอยากให้เธอเขียน  แต่เธอก็บอกอีกว่า  “ แต่ฝีมือเขียนฉันไม่เก่ง  คุณเอาไปใช้เป็นข้อมูลไว้เขียนเถอะ”

แต่เห็นท่าทางเอาจริงเอาจังของเธอ   ฉันจึงลองถามดูว่า  ต้องการใช้เวลาสักเท่าไรในการเขียน   เธอตอบ “ ขอเวลาสัก 4 วันน่าจะได้”  


พอถึงวันที่ 4  ฉันถามเธอไปว่าเขียนไปถึงไหนแล้ว  เธอกล่าว “ขอโทษด้วยพี่หม่า  ฉันยังเขียนไม่เสร็จเลย  2-3วันมานี้เวลาฉันแน่นเอี๊ยดมาก   ตอนค่ำก็ถูกเก็บมือถือด้วย”   ฉันจึงบอกยืดขยายเวลาให้อีก 3 วัน  เธอลิงโลดมาก  “ ใจดีจังเลย  ฉันกำลังห่วงอยู่เลย  ช่วงนี้มีธุระยุ่งทุกวัน  นี่เดี๋ยวก็ต้องไปทำฟัน  ฟันผุ .....”    


วันถัดมา  หยวนซินเย่วก็ส่งงานเขียนมาให้ตอนหนึ่งแบบนี้   เธอบอกว่าเธอตั้งใจคิดย้อนไปถึงเรื่องราวที่ผ่านมาในรอบ 1 ปีนี้  รู้สึกว่าการที่ตัวเองประสบความสำเร็จในปีนี้นั้นเป็นผลสืบเนื่องจากปีที่แล้วได้ย้ายไปเล่นให้สโมสรเหิงต้า  แต่พอเขียนออกมาแล้วก็รู้สึกว่ามีแต่น้ำไม่ค่อยมีเนื้อ  


****************


นับแต่ พ.ย. 2013 ที่เข้าร่วมแคมป์ทีมชาติจนถึงปลายปีที่ย้ายไปเล่นให้เหิงต้า  จนมาถึงปี 2014 สวมชุดทีมชาติออกไปแข่งทั้งที่เอเชียและยุโรป   ทุกสิ่งอย่างที่ผ่านเข้ามาใน 1 ปีนี้รู้สึกเหมือนกับว่าเพิ่งจะเกิดขึ้นเมื่อวานนี้เอง  

ปี 2014  ผู้ที่ให้จุดเปลี่ยนสำคัญแก่ฉันแน่นอนว่าคือ โค้ชหลาง    เธอให้โอกาสฉันได้เข้าร่วมแคมป์ทีมชาติรอบที่ 4 ของปีที่แล้ว  รู้สึกเหนือความคาดหมาย  ทั้งสงสัยทั้งตื่นเต้นดีใจ   ตอนเข้าแคมป์ใหม่ๆยังทำได้ไม่ค่อยดี  คงเป็นเพราะก่อนหน้านั้นฉันกำลังอยู่ในช่วงหยุดพัก   สภาพร่างกายจึงไม่ฟิต   ท่าทางการตีก็ยังไม่ถูกต้องเท่าไร   โดยรวมแล้วรู้สึกว่าตัวเองห่างชั้นกับคนอื่นอยู่มาก   รู้สึกหงุดหงิดตัวเองกลับสโมสรปาอีก็ไม่รู้ว่าจะตามทันคนอื่นไหม?    

คิดไม่ถึงว่าตอนนั้นเอง   มีข่าวออกมาว่าฉันจะย้ายไปเล่นให้เหิงต้า  ฉันไม่อยากจะเชื่อ  จนต่อมาโค้ชหลางพูดกับฉันด้วยตัวเองฉันถึงเชื่อว่าเป็นเรื่องจริง   ตอนนั้นไม่ทันรู้สึกดีใจ   คิดแต่ว่าเล่นลีกจีนปีแรกก็ย้ายไปเหิงต้าทีมอันดับหัวแถวของลีก ได้อยู่กับโค้ชหลาง  แล้วฉันจะตามทันผู้เล่นคนอื่นหรือเปล่านะ?  ในทีมมีผู้เล่นต่างชาติด้วย  ฉันจะพูดคุยสื่อสารกับเขายังไง?  คิดกังวลว่าถ้าตัวเองเกิดไม่สามารถปรับตัวเข้ากับทีมได้จะทำยังไง?  ..........  

คิดสับสนไปหมด   นี่มันไม่ใช่นิสัยฉันเลย !!   ที่เป็นแบบนี้คงเป็นเพราะมีเรื่องดีๆเข้ามาหาฉันเร็วไปหน่อยจนเราตั้งตัวไม่ทันล่ะมั๊ง    

จนถึงวันที่ออกเดินทางขึ้นเครื่องบินไปกว่างโจว   อยู่บนเครื่องบินก็ปลุกขวัญตัวเองตลอดจนถึงตอนลงฉันจึงคิดได้  ไม่มีใครรู้ว่าจะต้องไปเจออะไรข้างหน้าบ้าง  และเมื่อถึงตอนนั้นจริงๆก็ปรับไปตามสถานการณ์ก็เท่านั้น    


มาถึงสโมสรเหิงต้า   คนแรกที่ฉันรู้จักคือโค้ชอู๋เสี่ยวเหลย  อดีตผู้เล่น MB เป็นโค้ชที่ดูแลผู้เล่น MB ให้เหิงต้า  

“อย่าไปฟังแค่เธอพูดสำเนียงตงเป่ย  แต่ทำอะไรเด็ดเดี่ยวกล้าหาญสมกับสาวฉงชิ่งขนานแท้ “  โค้ชอู๋เสี่ยวเหลยพูดถึงหยวนซินเย่วตอนอยู่เหิงต้า  

“เป็นคนกล้าพูด  ไม่ยอมแพ้”  


หยวนซินเย่วเป็นคนกล้าพูดขนาดไหน?  เรื่องข้างล่างนี้จะเป็นสิ่งบ่งบอก

วันหนึ่งหลังเสร็จสิ้นการฝึกซ้อม  โค้ชหลางเรียกหยวนซินเย่วมาเพื่อให้เธอดูเทป จะได้ศึกษาหาวิธีปรับแก้ท่าทาง   หยวนซินเย่วได้ฟังก็ชะงักเล็กน้อย     “โค้ชหลาง  สมัยฉันเป็นผู้เล่นยุวชนทีมชาติ  ฉันคือ MVP ยุวชนโลก....”

คราวนี้กลับเป็นโค้ชหลางที่อึ้งแทน  เธอเป็นโค้ชมา 20 ปี  ผู้เล่นที่กล้าพูดต่อหน้าเธอแบบนี้ยังไม่เคยเจอเป็นคนที่สอง  


พูดต่อหน้าโค้ชหลางว่าตัวเองเป็น MVP   พูดจริงหรือล้อเล่น?

หยวนซินเย่ว :  (หัวเราะ)  เป็นเรื่องจริง  ตอนนั้นฉันมักจะบล็อกลูกไม่ค่อยได้  โค้ชหลางบอกว่าท่าฉันไม่ถูกต้อง  จะพาให้ไปดูเทป   ฉันคิดว่าท่าฉันก็ถูกแล้วนิ    MVP ยุวชนโลกนะ  ก็พูดเรื่องจริง   และตอนนั้นก็คิดแบบนั้นจริงๆ


แล้วโค้ชหลางว่ายังไง?

หยวนซินเย่ว :  ก็หัวเราะ  ( ไม่คิดว่าตัวเองพูดอะไรผิดไปหรือเปล่าหรือ?)  คิดว่าโค้ชหลางเป็นคนหัวสมัยใหม่  กับโค้ชแล้วไม่เห็นต้องไปกระมิดกระเมี้ยนอะไร   และฉันก็เป็นคนมั่นใจตัวเองอย่างนี้มาตลอด  ไม่เคยหวั่นกลัวเรื่องอะไร  และก็ไม่กลัวโค้ชด้วย  แต่ถึงกระนั้นฉันก็รู้ว่าผู้เล่นที่กล้าพูดกับโค้ชหลางตรงๆแบบนี้มีไม่มาก


แล้วเป็นตอนไหนที่รู้สึกว่าตัวเองฝีมือยังห่างจากผู้เล่นที่เก่งๆ?

หยวนซินเย่ว :   ถ้าฉันไม่ได้ไปเหิงต้า  อยู่ที่ปาอีก็คงไม่ถึงไหน และถึงแม้ว่าโค้ชหลางจะเรียกตัวติดทีมชาติโอกาสที่จะถูกส่งกลับก็คงมีสูง   ที่จริงฝีมือความห่างกับผู้เล่นผู้ใหญ่ฉันก็รู้ดีในใจอยู่แล้ว  เพียงแต่เมื่อก่อนก่อนติดทีมชาติไม่ได้คิดวางเป้าคาดหวังตัวเองไว้สูง    พอใจที่จะเปรียบเทียบแค่ผู้เล่นรุ่นอายุเดียวกันก็พอ  


คุณรู้สึกว่าโค้ชหลางเหมือนเป็นแม่หรือเปล่า?

หยวนซินเย่ว :   อืมม์   แต่เป็นแม่ที่เข้มงวด


อยู่กับโค้ชหลางมา 1 ปี   ตอนที่รู้สึกว่าตัวเองทำได้น่าพอใจ  เธอกลับมาไล่จี้ใส่คุณมีบ้างหรือเปล่า?

หยวนซินเย่ว :   ไม่ใช่ไล่จี้  แต่เป็นการกระตุ้น   ฉันเป็นคนเข้มแข็ง  พอถูกกระตุ้นก็จะมีลูกฮึดไม่ยอมแพ้  ยกตัวอย่างรายการ WGP รอบสุดท้ายนัดที่เล่นกับตุรกี  โค้ชหลางส่งฉันลงเป็นไลน์อัพแรก   2 เซ็ตแรกฉันทำได้แค่ 2 แต้ม  จังหวะการตบลูกบล็อกลูกยังไม่ดี  ความฮึกเหิมก็ไม่มี   จบเซ็ต 2 โค้ชหลางดึงฉันมาอีกด้าน  ตอนแรกก็คิดว่าเธอคงจะมาบอกเคล็ดลับอะไรให้เรา  แต่เธอกลับพูดว่า  เสี่ยวหยวน  2 เซ็ตมานี้เธอเพิ่งทำได้แค่ 2 แต้ม  เธอต้องพยายามให้มากกว่านี้ทำให้ได้มากกว่า 2 แต้ม ทำได้หรือเปล่า?    ฉันคิดๆดูมันก็จริง  เล่นแย่มาก  ก่อนลงไปเล่นเซ็ต 3 ก็กระตุ้นตัวเอง มีสติหน่อย  จากนั้นลงไปก็บล็อกได้ลูกนึง ต่อมาก็ฉุดไม่อยู่  เริ่มสำแดงฤทธิ์ได้แล้ว  


จำได้ว่าหลังเกมนัดนั้นฉันถามคุณว่ารู้สึกยังไง?   คุณตอบอย่างหงุดหงิดว่า “ คุณบอกทีสิว่าทำไมฉันถึงไม่เล่นอย่างนี้ให้ได้เร็วกว่านี้

หยวนซินเย่ว :   ก็มันจริงนี่   ถ้าฉันสำแดงได้เร็วกว่านี้ทีมเราก็ไม่ต้องมาเหนื่อยเล่นกันถึง 5 เซ็ตใช่ไหมล่ะ?  โค้ชหลางก็ไม่ต้องเหนื่อยตะโกนข้างสนามถึง 5 เซ็ตหรอก  


***  ยังมีต่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่