การอื่นขอแจ้งกับทุกท่านก่อนนะคะ ว่าเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องจริง แต่เชื่อบุคคลขอเปลี่ยนแปลงเพื่อป้องกันตัวเองค่ะ เรื่องราวที่จะบอกกับทุกคนต่อไปนี้เป็นเรื่องราวชีวิตของ "ก้อย" เองค่ะ ครั้งแรกมีน้องที่สนิทกันเข้ามาถาม ก้อยก็เล่าให้ฟังเพราะเขาก็เข้าใจผิดก้อยเหมือนคนอื่นๆ แต่พอเล่าให้น้องเขาฟังแล้ว น้องบอกว่าอยากให้ก้อยเอาเรื่องตัวเองลงพันทิป เพื่อเป็นอุทาหรณ์สอนใจทั้งลูกผู้หญิงและลูกผู้ชาย เรื่องราวยาวมากค่ะ แต่ไม่สามารถตัดทอนได้ เพราะเป็นเรื่องสำคัญ เริ่มเลยนะคะ
.... เมื่อปี 52 ก้อยทำงานเป็นครูอัตราจ้างอยู่โรงเรียนแห่งหนึ่งแถบชายแดนของจังหวัดกาญจนบุรี ชีวิตก้อยไม่ต่อยสนใจเรื่องรักๆใคร่ๆสักเท่าไหร่ เพราะเป็นเด็กเรียนมาตลอด จบมาก็สนุกกับการเป็นครูบ้านป่า สอนเด็กต่างด้าว วันหยุดก็ไปเที่ยวป่ากับพวกเด็กๆ ชีวิตดำเนินไปอย่างมีความสุข จนเข้าเดือนที่ 3 ที่มาทำงานที่นี่ "นัด" เขาทำงานเป็นเจ้าหน้าที่อุทยาน เขามาจีบก้อย โทรมาหาก้อยโดยเอาเบอร์มือถือมาจากน้องสาวเขา เพราะน้องเขาเป็นลูกศิษย์ก้อย ก้อยรับไว้พิจารณาแต่ก็เว้นระยะห่างตลอดไม่เคยไปไหนกันตามลำพัง จนผ่านไป 2 เดือนกว่า ก็มีผู้หญิงชื่อแอม โทรมาด่าก้อยว่าไปแย่งสามีเขาซึ่งก็คือนัด แถมแอมกำลังตั้งท้องได้ 5 เดือนกว่าแล้ว ก้อยถามนัด เขายอมรับว่าเคยเป็นสามีภรรยากันแต่เลิกนานแล้ว เพราะแอมมั่วมาก ก้อยเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งแต่ก็บอกเลิกทันทีเพราะไม่อยากทำร้ายลูกผู้หญิงด้วยกัน แล้วก็เป็นความโชคดีอีกอย่างของก้อย ก่อนหน้านี้ก้อยได้สอบข้าราชการครูไว้ ทางจังหวัดที่สอบติดเขาก็เรียกตัวไปบรรจุ ก้อยกับนัดก็ห่างกันไป อีกอย่างก้อยเองก็เปลี่ยนเบอร์มือถือ นัดเลยติดต่อไม่ได้ แต่เขาเองก็หาทางติดต่อก้อยจนได้ ด้วยการขอเบอร์มือถือทางเพื่อนครูที่อยู่โรงเรียนเก่า ก้อยต้องเปลี่ยนเบอร์อยู่หลายครั้ง จนในที่สุดเขาก็ยอมแพ้และหายไปจากชีวิตก้อย
....ปี 56 หลังจากเหตุการณ์ต่างๆผ่านไป 4 ปี ก้อยอยู่โดยที่ไม่มีแฟน เพราะมีความสุขกับการทำงานกับนักเรียน แต่จู่ๆวันหนึ่ง นัดก็ขอแอดเฟสมา ก้อยไม่รับ นัดส่งข้อความมาทางแชทว่าขอโอกาสแค่ความเป็นเพื่อนก็ยังดี และที่สำคัญเขามีเรื่องน้องสาว(อดีตลูกศิษย์ก้อย)จะปรึกษา เรื่องร้ายแรงมาก พอเจอเรื่องลูกศิษย์ก้อยก็รับแอดทันที นัดบอกว่าน้องสาวเขากำลังทำตัวแย่ ไม่สนใจการเรียนทั้งๆที่อยู่ม.6 แล้ว หายไปกับผู้ชายไม่เรียน ก้อยก็พยายามช่วยเหลือ พูดคุย จนน้องหันกลับมาเรียน และระหว่างนั้นเองนัดก็เข้ามาพูดคุยสานสัมพันธ์อีกครั้ง และครั้งนี้เขามีหลักฐานยืนยันชัดเจนว่าเลิกกับแอมแล้วจริงๆ และตลอด 4 ปีที่ผ่านมาติดตามก้อยมาตลอด แต่ไม่กล้าเข้าหาเพราะกลัวก้อยจะหนีอีก
....หลังจากวันนั้น เราก็พูดคุยกันดีมาตลอด คบหากันในฐานะแฟน โดยที่เราอยู่ห่างกัน 300 กว่ากิโลเมตร อาศัยแค่โซเชียลติดต่อกัน จนกระทั่งเดือนกรกฎาก่อนเข้าพรรษาปี 56 นัดก็มาหาถึงโรงเรียน โดยไม่บอกล่วงหน้า เขาพาก้อยไปเที่ยวห้าง ดูหนัง กินข้าว เหมือนคู่รักอื่นๆ แต่คืนนั้นนัดขอดื่มเบียร์เพื่อเป็นการฉลองที่ได้เจอหน้ากันครั้งแรก ก้อยดื่มไป 2 แก้ว (ตามคำขอของนัด) หลังจากนั้นก็ไม่รู้ตัว มารู้ตัวอีกทีตอนที่กำลังถูกล่วงเกิน และสุดท้ายเราก็เสียตัวให้เขาไป นัดแสดงความรับผิดชอบทันทีในตอนเช้าด้วยการขอแต่งงาน แล้วหลังจากนั้น 3 วันพ่อแม่ของทั้งสองฝ่าย(พ่อเราเสียไปเมื่อปี 49) ก็มาพูดคุยตกลงเรื่องแต่งงาน ซึ่งจะมีขึ้นตอนปลายเดือนมกราคม 57 นัดหวานมากกว่าเดิม คอยโทรหาตลอดที่ว่าง รักของเราทั้งคู่กลายเป็นที่อิจฉาของทุกคน
....จนเดือน ตค. 56 ฝันร้ายก็เริ่มต้น นัดให้ก้อยช่วยออกรถกะบะสองตอนให้ โดยที่นัดบอกว่าจะเอาไปวิ่งผักและวิ่งของทะเลจากมหาชัย ช่วงวันที่หยุดงาน เพื่อหารายได้เสริม เพื่องานแต่งงาน และเพื่อบ้านในอนาคต ก้อยก็ยอม เดือน พย. เดือนแรกที่ต้องผ่อนรถ 8 พันกว่า ก้อยผ่อนเองเพราะนัดบอกว่ายังไม่ได้เริ่มทำ เขาต้องลาดตระเวนป่าทั้งเดือน ก้อยก็ยอมเพราะเชื่อ จนเดือนธค. ก้อยก็ยังผ่อนเองเหมือนเดิม เพราะนัดบอกว่าช่วงแรกของการลงทุนมันจะขาดทุนแบบนี้ ประมาณ 1-2 เดือนถึงจะถอนทุนจะได้กำไร แต่ไม่ต้องกลัวเพราะกำไรได้เดือนละ 4 หมื่นกว่า และระหว่างนั้น นัดก็ขอให้ก้อยทำบัตรเครดิตและสินเชื่อเงินสดให้เขา ทั้ง ยูเมะพลัส และพรอมมิส เพราะตอนนั้นก้อยเพิ่งกู้สหกรณ์ครูปลูกบ้านให้แม่อยู่ กลายเป็นว่าภาระแต่ละเดือนที่ก้อยต้องรับคือ ใช้หนี้สหกรณ์เดือนละ 4 พันกว่า ค่ารถกะบะ 8 พันกว่า ค่าบัตรเขาอีก 2 ใบเดือนละ 4 พันกว่า ทั้งๆที่ตอนนั้นเงินเดือนตัวเองแค่ หมื่นหก เท่ากับว่าแต่ละเดือนไม่เหลือเงินเลย ก้อยต้องเอาเงินเก็บมาใช้ เงินซึ่งจะใช้ในงานแต่ง
....ก่อนงานแต่ง 5 วัน ก้อยถามถึงเรื่องเงินเพื่อเอามาใช้ในงานซึ่งเราตกลงกันไว้ว่า จะออกกันคนละครึ่ง ส่วนสินสอดแม่จะคืนให้ยกเว้นทอง แม่ขอไว้ นัดบอกว่าพ่อขายที่ให้ซึ่งเป็นที่ของนัดเอง แต่เจ้าของเงินจะจ่ายได้หลังแต่งงานเราไปแล้ว มาถึงตอนนี้คิดจะล้มงานแต่งเหมือนกัน แต่ก็กลัวว่าแม่กับญาติจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน แถมนัดเองก็รับปากหนักแน่นว่าได้เงินแน่นอน แต่ขอให้ก้อยหาจากทางอื่นมาก่อน สุดท้ายก้อยต้องไปกู้ KTB กับอิออน เพื่อมาใช้ในงานแต่ง จนทุกอย่างผ่านไป
....เดือนกุมภา หลังแต่ง 1 เดือน เรื่องเงินเริ่มมีปัญหา นัดลาออกจากงานแถมยังไม่ผักวิ่งของทะเลเหมือนที่ตัวเองบอก ภาระทุกอย่างหนักอึ้งที่ตัวก้อยคนเดียว จนเดือน มีนา เราทะเลาะกันหนักมาก เพราะเงินเก็บและอะไรที่มีค่าทุกอย่างของก้อยหมดแล้ว และสุดท้ายก้อยก็ได้รู้ความจริงที่แสนเจ็บปวดว่า พ่อไม่เคยขายที่ และที่ผ่านมานัดเที่ยวบอกใครต่อใครว่า ก้อยรักเขามากจนยอมออกเงินเองทุกบาททุกสตางค์เพื่อแต่งงานกับเขา เหมือนจ้างเขาให้แต่งงานด้วย ตอนนั้นร้องไห้โฮเลย เพราะเรารู้สึกได้เลยว่าตั้งแต่วันแต่งงานแล้ว ญาติ พี่ น้อง เขามองเราเหมือนตัวตลก มองเราแปลกๆ แต่เราก็ทนเพราะรัก
....เดือนเมษา เรามาอยู่ที่บ้านพี่สาวนัดกับนัด เพราะเรื่องข้างบนทำให้พ่อกับแม่ไล่นัดออกจากบ้าน วันที่ 21 มีนาคม 57 เป็นวันสุดท้ายที่เราทั้งคู่มีความสัมพันธ์กัน ต้นเดือนเมษานัดไปเตะบอลงานประจำหมู่บ้าน(7วัน) กินเหล้ากลับมาบ้านหลัง 4 ทุ่มทุกคืน บางครั้งก็กลับวันรุ่งขึ้น เราอดทนมาตลอด จนมีผู้หญิงเริ่มเข้ามาแสดงตัวกับเราทั้งเฟส ทั้งบีทอคว่าเป็นกิ๊กกับนัด แต่ที่ร้ายที่สุดก็คือ น้องนัน น้องเป็นเด็กนักเรียนม.5 แต่ส่งบีทอคมาบอกว่าเป็นเจ้าของรีสอร์ตขอเราเป็นเพื่อน ซึ่งระยะทางที่แสดงเราอยู่ห่างจากน้องนันแค่ 50 เมตร เรายังแซวเลยว่าเดินมาคุยกันง่ายกว่าไหม น้องนันดีมาก คุยสนุกจนเราลืมทุกข์ไปได้บ้าง
....หลังสงกรานต์ นัดยืม มือถือก้อยไปเล่นเฟส แต่ลืมล็อคเอ้าท์ เราเล่นต่อ แล้วน้องนันก็ส่งข้อความเข้ามา น้องใช้ชื่อเฟสและรูปเดียวกับบีทอค นั่นแหละเราถึงรู้ความจริงว่า เขาแอบเป็นชู้กัน แถมน้องนันเองก็ส่งข้อความมาหาเราทางบีทอคสารภาพทุกเรื่องพร้อมบอกประโยคเด็ดว่า รักนัดมาก รักจริงและอยากแต่งงานด้วย โดยที่ไปนอนมีอะไรกันที่เป็นเพื่อนนัดซึ่งห่างจากที่เรานอนแค่ 50 เมตร ตั้งแต่สงกรานต์ถึงวันที่ 25 เมษา และที่สำคัญทำให้เรารู้ว่า น้องนัน เป็นแค่เด็กนักเรียน เราให้นัดเลือก แต่เขาบอกว่าไม่เลือกใคร นาทีนั้นเรารู้เลยว่า ไม่มีวันกลับมาเป็นครอบครัวกันได้อีกแล้ว
....เดือนพฤษภา 57 เราได้ย้ายมาสอนโรงเรียนใกล้ๆบ้านนัด (เขียนย้ายตั้งแต่ กพ.) แต่เราต้องเช่าบ้านอยู่เพราะบ้านพักครูเต็ม เราขอให้นัดมาอยู่ด้วยเพราะเราไม่รู้จักใครเลย แต่เขาไม่มา และไม่เคยมาเหยียบที่บ้านเช่าเราเลยแม้แต่ครั้งเดียว พร้อมกับเริ่มมีรูปเขากับผู้หญิงมากหน้าหลายตาออกมาทางเฟส แต่เราก็ทน
....12มิย.57 เขาโทรมาหาเราบอกว่า ขอห่างกับเราสักพักเพื่อคิดทบทวนเรื่องราวที่ผ่านมา และขอทำงานอย่างเต็มที่โดยที่ไม่ต้องมาคิดเรื่องครอบครัว เราก็ยอมไม่โทรหาหรือติดต่อเลย จนกระทั่ง 25 มิถุนายน พ่อของนัดโทรมาบอกเราว่านัดหนีไปอยู่ใต้เกือบอาทิตย์แล้ว ที่พ่อโทรมาบอกก็เพราะสงสารเรา เราถึงกับช็อคแต่ก็ยังประคองตัวได้ พยายามติดต่อนัดเพื่อขอความจริง แต่ติดต่อไม่ได้เลย คิดว่าเขาคงเปลี่ยนเบอร์ เฟสก็บล็อกเรา
.....13 กค.57 นัดโทรมาขอหย่า ตอนนั้นก้อยนั่งคร่อมมอไซ จอดอยู่ในตลาดเพราะมาซื้อของ ทันทีที่ได้ยินคำว่าหย่ากับเหตุผลที่แสนทุเรศ ก้อยก็ช็อคของจริง ล้มลงกลางตลาดหมดสติ มารู้ตัวอีกทีก็อยู่ที่โรงพยาบาลประจำจังหวัด โดยที่มีชายหนุ่มนอนฟุบอยู่ข้างเตียง ก้อยปลุกเขาเพื่อถามเรื่องราว เขาชื่อ "บอย" เป็นพ่อค้าตลาดนัด วันไหนไม่ขายก็เป็นอาสาสมัครกู้ภัย แล้วเขาก็เป็นคนเอาก้อยไปส่งโรงพยาบาลประจำอำเภอ แต่ รพ. รักษาไม่ได้ต้องส่งต่อจังหวัด แล้วก้อยอาการหนักต้องมีญาติไปด้วย เขาเลยอาสา (ตอนนั้นไม่มีใครหามือถือก้อยเจอ)
....บอยดูแลก้อยเป็นอย่างดี จนช่วงบ่ายของวันนั้นก้อยก็ขอให้เขาโทรหาแม่ แล้วแม่ก็มาตอนค่ำ บอยขอแม่ดูแลก้อยต่อ เพราะแม่ก้อยเองก็ทรุดเหมือนกันเมื่อรู้เรื่องราวทั้งหมด(แม่ก้อยเป็นความดัน เบาหวาน ) แล้วบอยก็เล่าให้ฟังว่า เพื่อนๆของบอยกับนัดเป็นกลุ่มเดียวกัน แต่เขากับนัดไม่ได้เป็นเพื่อนกัน และบอยก็แอบชอบก้อยมานานแล้ว แต่พอรู้ว่าก้อยแต่งงานกับนัด บอยก็เลิกคิด จนมาเจอกันอีกครั้งในวันที่ก้อยเจ็บ
....29 กค.57 ก้อยกลับมาพักฟื้นที่บ้านเช่า โดยมีแม่ตามมาอยู่ด้วย(จนถึงปัจจุบัน) บอยเองก็เอาเต๊นท์มานอนกางในห้องครัวทุกคืน เพื่ออยู่เป็นเพื่อนเราสองคนแม่ลูก
....4 สค. นัดโทรมาหาก้อยตอน 9 โมงกว่า (มือถือได้คืนตอนออกจากโรงพยาบาล) เขาบอกว่าอีก 2 ชั่วโมงเขาจะมาถึงอำเภอ ขอให้ก้อยมาหย่าให้เขาด้วย ก้อยตอบตกลงแบบไม่ต้องคิดอะไรเลย เพราะก้อยผ่านอะไรที่เจ็บปวดมามากพอแล้ว ธรรมะจากบอย น้ำตาของแม่ ทำให้ไม่ต้องคิดอะไรเลย แล้วเราก็หย่ากันด้วยดี โดยที่ก้อยไม่ได้เรียกร้องอะไรจากเขาเลย แม้แต่เรื่องหนี้สิน เพราะถึงขอเขาก็คงนิ่งเฉยเหมือนที่ผ่านมา
....แต่ทันทีหลังจากหย่า หายนะก็เกิดขึ้น เฟสเพื่อนๆนัดต่างพร้อมใจประโคมข่าวเรื่องหย่า (เพื่อนนัดเป็นเพื่อนในเฟสของก้อยหลายคน)พร้อมภาพนัดโชว์ใบหย่าด้วยสีหน้าสดใส แล้วแน่นอนเมื่อหย่ากันก็ยอมมีคนถามถึงสาเหตุ ซึ่งเพื่อนนัดทุกคนให้เหตุผลว่าเพราะก้อยมีชู้ โดยที่พาชู้มาอยู่ที่บ้านตั้งนานแล้ว นัดไปทำงานเพื่อสร้างครอบครัวแต่ก้อยกลับมีชู้ แต่อย่างที่บอกว่าเพื่อนนัดกับบอยก็กลุ่มเดียวกัน คนที่รู้ความจริงก็พยายามอธิบายให้อื่นๆเข้าใจ แต่อย่างว่า แทบไม่มีใครรู้เรื่องความร้ายกาจที่นัดทำกับก้อย แต่ภาพที่บอยแวะเวียนเข้ามาหามันเป็นภาพที่ทุกคนเห็น
....ก่อนที่ทุกอย่างจะเสียไปกว่านี้ บอยก็ให้พ่อแม่ ยาย มาขอก้อย แล้วเราก็แต่งงานกันเมื่อเดือน ตุลา 57 ที่ผ่านมา ก้อยกลายเป็นผู้หญิงที่แต่งงาน 2 ครั้งในปีเดียว และบอยก็มาช่วยก้อยชดใช้หนี้สินที่นัดก่อไว้
............................. ทุกวันนี้ก้อยไม่รู้หรอกค่ะว่านัดสบายดีหรือเปล่า แต่เรื่องเลวร้ายที่ก้อยรู้มานี่สิ ที่เล่นเอาถอนหายใจโล่งอกที่ตัวเองพ้นมือมารสักที......
จำแอมได้ไหมคะ แอมแอดเฟสมาให้กำลังใจพร้อมเล่าให้ฟังว่า ลูกนั้นเป็นลูกของนัดจริงๆ แต่เพราะแอมจน นัดเขาอยากสบายเลยมาจีบก้อย ซึ่งแอมเองก็ปล่อยเพราะมีคนที่ดีกว่านัดเข้ามาดูแลเธอและลูก
พี่สาวนัดที่ก้อยเคยไปอยู่บ้านเขา เล่าให้ก้อยฟังว่า ทุกเย็นวันศุกร์นัดจะไปพาผู้หญิงมานอนแบบไม่ซ้ำหน้า ตลอดช่วงก่อนและหลังแต่งงาน โดยไม่แคร์ใคร แม้ขนาดจะแต่งงานกับก้อยในวันรุ่งขึ้น นัดยังเอาผู้หญิงไปนอนด้วยจนแม่ต้องเอามีดไล่ฟันทั้งคู่ จนวิ่งเปลือยกายไปทั่วหมู่บ้าน ตลอดเวลา 4 ปีที่ไม่ได้เจอกัน นัดมีเมียเป็นสิบแต่ละคนมีฐานะดีทั้งนั้น และพอหมดตัวนัทก็จะทิ้งเขา นัดติดม้า กัญชา พนันบอล (พี่สาวเขาบอก) นัดเที่ยวบอกใครต่อใครว่าที่แต่งงานกับก้อยเพราะก้อยอยากแต่ง อยากรักษาหน้าที่ตัวเองพลาดท่าให้นัด ซื้อของให้เงินทุกอย่างเพื่อดึงเขาไว้ และที่เจ็บใจที่สุด ทอง 4 บาทที่เขาให้ไว้เป็นสินสอด ก้อยเอามาขายเพราะจะมาใช้หนี้ ปรากฎว่าปลอมทั้ง 4 บาทค่ะ และเรื่องเลวร้ายอีกมากมายที่ยิ่งบรรยายก็ยิ่งเห็นความโง่ของตัวเอง
สุดท้ายนะคะ ฝากถึงทุกท่านไม่ว่าจะหญิงชาย ก่อนจะแต่งงานสืบสาวประวัติคู่ของเราให้แน่นอนก่อนนะคะ
ชีวิตลูกผู้หญิงกับคำว่ามีชู้
.... เมื่อปี 52 ก้อยทำงานเป็นครูอัตราจ้างอยู่โรงเรียนแห่งหนึ่งแถบชายแดนของจังหวัดกาญจนบุรี ชีวิตก้อยไม่ต่อยสนใจเรื่องรักๆใคร่ๆสักเท่าไหร่ เพราะเป็นเด็กเรียนมาตลอด จบมาก็สนุกกับการเป็นครูบ้านป่า สอนเด็กต่างด้าว วันหยุดก็ไปเที่ยวป่ากับพวกเด็กๆ ชีวิตดำเนินไปอย่างมีความสุข จนเข้าเดือนที่ 3 ที่มาทำงานที่นี่ "นัด" เขาทำงานเป็นเจ้าหน้าที่อุทยาน เขามาจีบก้อย โทรมาหาก้อยโดยเอาเบอร์มือถือมาจากน้องสาวเขา เพราะน้องเขาเป็นลูกศิษย์ก้อย ก้อยรับไว้พิจารณาแต่ก็เว้นระยะห่างตลอดไม่เคยไปไหนกันตามลำพัง จนผ่านไป 2 เดือนกว่า ก็มีผู้หญิงชื่อแอม โทรมาด่าก้อยว่าไปแย่งสามีเขาซึ่งก็คือนัด แถมแอมกำลังตั้งท้องได้ 5 เดือนกว่าแล้ว ก้อยถามนัด เขายอมรับว่าเคยเป็นสามีภรรยากันแต่เลิกนานแล้ว เพราะแอมมั่วมาก ก้อยเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งแต่ก็บอกเลิกทันทีเพราะไม่อยากทำร้ายลูกผู้หญิงด้วยกัน แล้วก็เป็นความโชคดีอีกอย่างของก้อย ก่อนหน้านี้ก้อยได้สอบข้าราชการครูไว้ ทางจังหวัดที่สอบติดเขาก็เรียกตัวไปบรรจุ ก้อยกับนัดก็ห่างกันไป อีกอย่างก้อยเองก็เปลี่ยนเบอร์มือถือ นัดเลยติดต่อไม่ได้ แต่เขาเองก็หาทางติดต่อก้อยจนได้ ด้วยการขอเบอร์มือถือทางเพื่อนครูที่อยู่โรงเรียนเก่า ก้อยต้องเปลี่ยนเบอร์อยู่หลายครั้ง จนในที่สุดเขาก็ยอมแพ้และหายไปจากชีวิตก้อย
....ปี 56 หลังจากเหตุการณ์ต่างๆผ่านไป 4 ปี ก้อยอยู่โดยที่ไม่มีแฟน เพราะมีความสุขกับการทำงานกับนักเรียน แต่จู่ๆวันหนึ่ง นัดก็ขอแอดเฟสมา ก้อยไม่รับ นัดส่งข้อความมาทางแชทว่าขอโอกาสแค่ความเป็นเพื่อนก็ยังดี และที่สำคัญเขามีเรื่องน้องสาว(อดีตลูกศิษย์ก้อย)จะปรึกษา เรื่องร้ายแรงมาก พอเจอเรื่องลูกศิษย์ก้อยก็รับแอดทันที นัดบอกว่าน้องสาวเขากำลังทำตัวแย่ ไม่สนใจการเรียนทั้งๆที่อยู่ม.6 แล้ว หายไปกับผู้ชายไม่เรียน ก้อยก็พยายามช่วยเหลือ พูดคุย จนน้องหันกลับมาเรียน และระหว่างนั้นเองนัดก็เข้ามาพูดคุยสานสัมพันธ์อีกครั้ง และครั้งนี้เขามีหลักฐานยืนยันชัดเจนว่าเลิกกับแอมแล้วจริงๆ และตลอด 4 ปีที่ผ่านมาติดตามก้อยมาตลอด แต่ไม่กล้าเข้าหาเพราะกลัวก้อยจะหนีอีก
....หลังจากวันนั้น เราก็พูดคุยกันดีมาตลอด คบหากันในฐานะแฟน โดยที่เราอยู่ห่างกัน 300 กว่ากิโลเมตร อาศัยแค่โซเชียลติดต่อกัน จนกระทั่งเดือนกรกฎาก่อนเข้าพรรษาปี 56 นัดก็มาหาถึงโรงเรียน โดยไม่บอกล่วงหน้า เขาพาก้อยไปเที่ยวห้าง ดูหนัง กินข้าว เหมือนคู่รักอื่นๆ แต่คืนนั้นนัดขอดื่มเบียร์เพื่อเป็นการฉลองที่ได้เจอหน้ากันครั้งแรก ก้อยดื่มไป 2 แก้ว (ตามคำขอของนัด) หลังจากนั้นก็ไม่รู้ตัว มารู้ตัวอีกทีตอนที่กำลังถูกล่วงเกิน และสุดท้ายเราก็เสียตัวให้เขาไป นัดแสดงความรับผิดชอบทันทีในตอนเช้าด้วยการขอแต่งงาน แล้วหลังจากนั้น 3 วันพ่อแม่ของทั้งสองฝ่าย(พ่อเราเสียไปเมื่อปี 49) ก็มาพูดคุยตกลงเรื่องแต่งงาน ซึ่งจะมีขึ้นตอนปลายเดือนมกราคม 57 นัดหวานมากกว่าเดิม คอยโทรหาตลอดที่ว่าง รักของเราทั้งคู่กลายเป็นที่อิจฉาของทุกคน
....จนเดือน ตค. 56 ฝันร้ายก็เริ่มต้น นัดให้ก้อยช่วยออกรถกะบะสองตอนให้ โดยที่นัดบอกว่าจะเอาไปวิ่งผักและวิ่งของทะเลจากมหาชัย ช่วงวันที่หยุดงาน เพื่อหารายได้เสริม เพื่องานแต่งงาน และเพื่อบ้านในอนาคต ก้อยก็ยอม เดือน พย. เดือนแรกที่ต้องผ่อนรถ 8 พันกว่า ก้อยผ่อนเองเพราะนัดบอกว่ายังไม่ได้เริ่มทำ เขาต้องลาดตระเวนป่าทั้งเดือน ก้อยก็ยอมเพราะเชื่อ จนเดือนธค. ก้อยก็ยังผ่อนเองเหมือนเดิม เพราะนัดบอกว่าช่วงแรกของการลงทุนมันจะขาดทุนแบบนี้ ประมาณ 1-2 เดือนถึงจะถอนทุนจะได้กำไร แต่ไม่ต้องกลัวเพราะกำไรได้เดือนละ 4 หมื่นกว่า และระหว่างนั้น นัดก็ขอให้ก้อยทำบัตรเครดิตและสินเชื่อเงินสดให้เขา ทั้ง ยูเมะพลัส และพรอมมิส เพราะตอนนั้นก้อยเพิ่งกู้สหกรณ์ครูปลูกบ้านให้แม่อยู่ กลายเป็นว่าภาระแต่ละเดือนที่ก้อยต้องรับคือ ใช้หนี้สหกรณ์เดือนละ 4 พันกว่า ค่ารถกะบะ 8 พันกว่า ค่าบัตรเขาอีก 2 ใบเดือนละ 4 พันกว่า ทั้งๆที่ตอนนั้นเงินเดือนตัวเองแค่ หมื่นหก เท่ากับว่าแต่ละเดือนไม่เหลือเงินเลย ก้อยต้องเอาเงินเก็บมาใช้ เงินซึ่งจะใช้ในงานแต่ง
....ก่อนงานแต่ง 5 วัน ก้อยถามถึงเรื่องเงินเพื่อเอามาใช้ในงานซึ่งเราตกลงกันไว้ว่า จะออกกันคนละครึ่ง ส่วนสินสอดแม่จะคืนให้ยกเว้นทอง แม่ขอไว้ นัดบอกว่าพ่อขายที่ให้ซึ่งเป็นที่ของนัดเอง แต่เจ้าของเงินจะจ่ายได้หลังแต่งงานเราไปแล้ว มาถึงตอนนี้คิดจะล้มงานแต่งเหมือนกัน แต่ก็กลัวว่าแม่กับญาติจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน แถมนัดเองก็รับปากหนักแน่นว่าได้เงินแน่นอน แต่ขอให้ก้อยหาจากทางอื่นมาก่อน สุดท้ายก้อยต้องไปกู้ KTB กับอิออน เพื่อมาใช้ในงานแต่ง จนทุกอย่างผ่านไป
....เดือนกุมภา หลังแต่ง 1 เดือน เรื่องเงินเริ่มมีปัญหา นัดลาออกจากงานแถมยังไม่ผักวิ่งของทะเลเหมือนที่ตัวเองบอก ภาระทุกอย่างหนักอึ้งที่ตัวก้อยคนเดียว จนเดือน มีนา เราทะเลาะกันหนักมาก เพราะเงินเก็บและอะไรที่มีค่าทุกอย่างของก้อยหมดแล้ว และสุดท้ายก้อยก็ได้รู้ความจริงที่แสนเจ็บปวดว่า พ่อไม่เคยขายที่ และที่ผ่านมานัดเที่ยวบอกใครต่อใครว่า ก้อยรักเขามากจนยอมออกเงินเองทุกบาททุกสตางค์เพื่อแต่งงานกับเขา เหมือนจ้างเขาให้แต่งงานด้วย ตอนนั้นร้องไห้โฮเลย เพราะเรารู้สึกได้เลยว่าตั้งแต่วันแต่งงานแล้ว ญาติ พี่ น้อง เขามองเราเหมือนตัวตลก มองเราแปลกๆ แต่เราก็ทนเพราะรัก
....เดือนเมษา เรามาอยู่ที่บ้านพี่สาวนัดกับนัด เพราะเรื่องข้างบนทำให้พ่อกับแม่ไล่นัดออกจากบ้าน วันที่ 21 มีนาคม 57 เป็นวันสุดท้ายที่เราทั้งคู่มีความสัมพันธ์กัน ต้นเดือนเมษานัดไปเตะบอลงานประจำหมู่บ้าน(7วัน) กินเหล้ากลับมาบ้านหลัง 4 ทุ่มทุกคืน บางครั้งก็กลับวันรุ่งขึ้น เราอดทนมาตลอด จนมีผู้หญิงเริ่มเข้ามาแสดงตัวกับเราทั้งเฟส ทั้งบีทอคว่าเป็นกิ๊กกับนัด แต่ที่ร้ายที่สุดก็คือ น้องนัน น้องเป็นเด็กนักเรียนม.5 แต่ส่งบีทอคมาบอกว่าเป็นเจ้าของรีสอร์ตขอเราเป็นเพื่อน ซึ่งระยะทางที่แสดงเราอยู่ห่างจากน้องนันแค่ 50 เมตร เรายังแซวเลยว่าเดินมาคุยกันง่ายกว่าไหม น้องนันดีมาก คุยสนุกจนเราลืมทุกข์ไปได้บ้าง
....หลังสงกรานต์ นัดยืม มือถือก้อยไปเล่นเฟส แต่ลืมล็อคเอ้าท์ เราเล่นต่อ แล้วน้องนันก็ส่งข้อความเข้ามา น้องใช้ชื่อเฟสและรูปเดียวกับบีทอค นั่นแหละเราถึงรู้ความจริงว่า เขาแอบเป็นชู้กัน แถมน้องนันเองก็ส่งข้อความมาหาเราทางบีทอคสารภาพทุกเรื่องพร้อมบอกประโยคเด็ดว่า รักนัดมาก รักจริงและอยากแต่งงานด้วย โดยที่ไปนอนมีอะไรกันที่เป็นเพื่อนนัดซึ่งห่างจากที่เรานอนแค่ 50 เมตร ตั้งแต่สงกรานต์ถึงวันที่ 25 เมษา และที่สำคัญทำให้เรารู้ว่า น้องนัน เป็นแค่เด็กนักเรียน เราให้นัดเลือก แต่เขาบอกว่าไม่เลือกใคร นาทีนั้นเรารู้เลยว่า ไม่มีวันกลับมาเป็นครอบครัวกันได้อีกแล้ว
....เดือนพฤษภา 57 เราได้ย้ายมาสอนโรงเรียนใกล้ๆบ้านนัด (เขียนย้ายตั้งแต่ กพ.) แต่เราต้องเช่าบ้านอยู่เพราะบ้านพักครูเต็ม เราขอให้นัดมาอยู่ด้วยเพราะเราไม่รู้จักใครเลย แต่เขาไม่มา และไม่เคยมาเหยียบที่บ้านเช่าเราเลยแม้แต่ครั้งเดียว พร้อมกับเริ่มมีรูปเขากับผู้หญิงมากหน้าหลายตาออกมาทางเฟส แต่เราก็ทน
....12มิย.57 เขาโทรมาหาเราบอกว่า ขอห่างกับเราสักพักเพื่อคิดทบทวนเรื่องราวที่ผ่านมา และขอทำงานอย่างเต็มที่โดยที่ไม่ต้องมาคิดเรื่องครอบครัว เราก็ยอมไม่โทรหาหรือติดต่อเลย จนกระทั่ง 25 มิถุนายน พ่อของนัดโทรมาบอกเราว่านัดหนีไปอยู่ใต้เกือบอาทิตย์แล้ว ที่พ่อโทรมาบอกก็เพราะสงสารเรา เราถึงกับช็อคแต่ก็ยังประคองตัวได้ พยายามติดต่อนัดเพื่อขอความจริง แต่ติดต่อไม่ได้เลย คิดว่าเขาคงเปลี่ยนเบอร์ เฟสก็บล็อกเรา
.....13 กค.57 นัดโทรมาขอหย่า ตอนนั้นก้อยนั่งคร่อมมอไซ จอดอยู่ในตลาดเพราะมาซื้อของ ทันทีที่ได้ยินคำว่าหย่ากับเหตุผลที่แสนทุเรศ ก้อยก็ช็อคของจริง ล้มลงกลางตลาดหมดสติ มารู้ตัวอีกทีก็อยู่ที่โรงพยาบาลประจำจังหวัด โดยที่มีชายหนุ่มนอนฟุบอยู่ข้างเตียง ก้อยปลุกเขาเพื่อถามเรื่องราว เขาชื่อ "บอย" เป็นพ่อค้าตลาดนัด วันไหนไม่ขายก็เป็นอาสาสมัครกู้ภัย แล้วเขาก็เป็นคนเอาก้อยไปส่งโรงพยาบาลประจำอำเภอ แต่ รพ. รักษาไม่ได้ต้องส่งต่อจังหวัด แล้วก้อยอาการหนักต้องมีญาติไปด้วย เขาเลยอาสา (ตอนนั้นไม่มีใครหามือถือก้อยเจอ)
....บอยดูแลก้อยเป็นอย่างดี จนช่วงบ่ายของวันนั้นก้อยก็ขอให้เขาโทรหาแม่ แล้วแม่ก็มาตอนค่ำ บอยขอแม่ดูแลก้อยต่อ เพราะแม่ก้อยเองก็ทรุดเหมือนกันเมื่อรู้เรื่องราวทั้งหมด(แม่ก้อยเป็นความดัน เบาหวาน ) แล้วบอยก็เล่าให้ฟังว่า เพื่อนๆของบอยกับนัดเป็นกลุ่มเดียวกัน แต่เขากับนัดไม่ได้เป็นเพื่อนกัน และบอยก็แอบชอบก้อยมานานแล้ว แต่พอรู้ว่าก้อยแต่งงานกับนัด บอยก็เลิกคิด จนมาเจอกันอีกครั้งในวันที่ก้อยเจ็บ
....29 กค.57 ก้อยกลับมาพักฟื้นที่บ้านเช่า โดยมีแม่ตามมาอยู่ด้วย(จนถึงปัจจุบัน) บอยเองก็เอาเต๊นท์มานอนกางในห้องครัวทุกคืน เพื่ออยู่เป็นเพื่อนเราสองคนแม่ลูก
....4 สค. นัดโทรมาหาก้อยตอน 9 โมงกว่า (มือถือได้คืนตอนออกจากโรงพยาบาล) เขาบอกว่าอีก 2 ชั่วโมงเขาจะมาถึงอำเภอ ขอให้ก้อยมาหย่าให้เขาด้วย ก้อยตอบตกลงแบบไม่ต้องคิดอะไรเลย เพราะก้อยผ่านอะไรที่เจ็บปวดมามากพอแล้ว ธรรมะจากบอย น้ำตาของแม่ ทำให้ไม่ต้องคิดอะไรเลย แล้วเราก็หย่ากันด้วยดี โดยที่ก้อยไม่ได้เรียกร้องอะไรจากเขาเลย แม้แต่เรื่องหนี้สิน เพราะถึงขอเขาก็คงนิ่งเฉยเหมือนที่ผ่านมา
....แต่ทันทีหลังจากหย่า หายนะก็เกิดขึ้น เฟสเพื่อนๆนัดต่างพร้อมใจประโคมข่าวเรื่องหย่า (เพื่อนนัดเป็นเพื่อนในเฟสของก้อยหลายคน)พร้อมภาพนัดโชว์ใบหย่าด้วยสีหน้าสดใส แล้วแน่นอนเมื่อหย่ากันก็ยอมมีคนถามถึงสาเหตุ ซึ่งเพื่อนนัดทุกคนให้เหตุผลว่าเพราะก้อยมีชู้ โดยที่พาชู้มาอยู่ที่บ้านตั้งนานแล้ว นัดไปทำงานเพื่อสร้างครอบครัวแต่ก้อยกลับมีชู้ แต่อย่างที่บอกว่าเพื่อนนัดกับบอยก็กลุ่มเดียวกัน คนที่รู้ความจริงก็พยายามอธิบายให้อื่นๆเข้าใจ แต่อย่างว่า แทบไม่มีใครรู้เรื่องความร้ายกาจที่นัดทำกับก้อย แต่ภาพที่บอยแวะเวียนเข้ามาหามันเป็นภาพที่ทุกคนเห็น
....ก่อนที่ทุกอย่างจะเสียไปกว่านี้ บอยก็ให้พ่อแม่ ยาย มาขอก้อย แล้วเราก็แต่งงานกันเมื่อเดือน ตุลา 57 ที่ผ่านมา ก้อยกลายเป็นผู้หญิงที่แต่งงาน 2 ครั้งในปีเดียว และบอยก็มาช่วยก้อยชดใช้หนี้สินที่นัดก่อไว้
............................. ทุกวันนี้ก้อยไม่รู้หรอกค่ะว่านัดสบายดีหรือเปล่า แต่เรื่องเลวร้ายที่ก้อยรู้มานี่สิ ที่เล่นเอาถอนหายใจโล่งอกที่ตัวเองพ้นมือมารสักที......
จำแอมได้ไหมคะ แอมแอดเฟสมาให้กำลังใจพร้อมเล่าให้ฟังว่า ลูกนั้นเป็นลูกของนัดจริงๆ แต่เพราะแอมจน นัดเขาอยากสบายเลยมาจีบก้อย ซึ่งแอมเองก็ปล่อยเพราะมีคนที่ดีกว่านัดเข้ามาดูแลเธอและลูก
พี่สาวนัดที่ก้อยเคยไปอยู่บ้านเขา เล่าให้ก้อยฟังว่า ทุกเย็นวันศุกร์นัดจะไปพาผู้หญิงมานอนแบบไม่ซ้ำหน้า ตลอดช่วงก่อนและหลังแต่งงาน โดยไม่แคร์ใคร แม้ขนาดจะแต่งงานกับก้อยในวันรุ่งขึ้น นัดยังเอาผู้หญิงไปนอนด้วยจนแม่ต้องเอามีดไล่ฟันทั้งคู่ จนวิ่งเปลือยกายไปทั่วหมู่บ้าน ตลอดเวลา 4 ปีที่ไม่ได้เจอกัน นัดมีเมียเป็นสิบแต่ละคนมีฐานะดีทั้งนั้น และพอหมดตัวนัทก็จะทิ้งเขา นัดติดม้า กัญชา พนันบอล (พี่สาวเขาบอก) นัดเที่ยวบอกใครต่อใครว่าที่แต่งงานกับก้อยเพราะก้อยอยากแต่ง อยากรักษาหน้าที่ตัวเองพลาดท่าให้นัด ซื้อของให้เงินทุกอย่างเพื่อดึงเขาไว้ และที่เจ็บใจที่สุด ทอง 4 บาทที่เขาให้ไว้เป็นสินสอด ก้อยเอามาขายเพราะจะมาใช้หนี้ ปรากฎว่าปลอมทั้ง 4 บาทค่ะ และเรื่องเลวร้ายอีกมากมายที่ยิ่งบรรยายก็ยิ่งเห็นความโง่ของตัวเอง
สุดท้ายนะคะ ฝากถึงทุกท่านไม่ว่าจะหญิงชาย ก่อนจะแต่งงานสืบสาวประวัติคู่ของเราให้แน่นอนก่อนนะคะ