อายุ 43 จะเริ่มต้นชีวิตใหม่ยังไงดี

ดิฉันมีอาขีพนักออกแบบกราฟิคค่ะ โดยทำงานเป็น freelance มา 15 ปีแล้ว ชีวิตส่วนตัวก็ขึ้นๆลงๆมาตลอด ปัจจุบันน่าจะถึงจุดที่ลงสุดๆ
เพราะไม่มีงานทำ... หลายปีมาแล้วที่ดิฉันเลี้ยงลูกสาวคนเดียวนี้เพียงลำพังด้วยความรู้สึกโดดเดี่ยว ไม่มีความช่วยเหลือใดจากพ่อของเขา
ซึ่งก็เข้าใจว่าเขาเองก็คงจะลำบากอยู่ไม่น้อย เพราะแม่ของเขานั้นเป็นอัมพาตอยู่

ปัญหาที่หนักที่สุดของดิฉันตอนนี้คือ "หนี้สิน" ค่ะ ไม่ว่าจะเป็นผ่อนบ้านเดือนละ 18,000 รถ 9,200 และเจ้าหนี้บุคคลอีกหลายราย
รวมแล้ว 8 แสนกว่าบาท (บุคคลที่ว่าก็เช่น พี่สาว, เจ้าหนี้เงินกู้, พ่อ, น้องชายค่ะ)
ตอนนี้ดิฉันตัดสินใจแล้วว่าจะขายทั้งบ้านทั้งรถให้หมด แล้วมาตั้งหน้าตั้งตาใช้หนี้ แต่ก็ไม่มีอะไรง่ายเลยสำหรับคนอย่างดิฉัน
ดิฉันประกาศให้เช่าบ้านก็ไม่มีใครมาเช่า ประกาศขายก็ไม่มีใครติดต่อมานอกจากนายหน้า
แม้กระทั่งประกาศขายจักรยานเพื่อมาใช้ซื้ออะไรให้ลูกกินก็ยังไม่มีใครซื้อเลย ..ตลกดีนะคะ
ทั้งที่บ้านก็ตั้งราคาเท่ากับที่ซื้อมาไม่ได้บวกอะไรเพิ่มเลย รถก็ตั้งต่ำสุดๆ จักรยานซื้อมา 5,000 ก็ขายแค่ 2,200..
ตอนนี้เห็นอะไรขายได้ก็ขายหมดค่ะ

ดิฉันอยากไปอยู่ต่างจังหวัด หาอะไรก๊อกแก๊กทำไป ตอนนี้เรื่องงานที่เคยทำมา 15-20 ปีนั้นกลายเป็นว่าไม่อยากแตะต้องเลย...
เสียใจค่ะ ที่เราตั้งใจทำงานเต็มที่ แต่สุดท้ายงานที่เรา(เคย)รักก็ไม่ได้ทำให้ชีวิตเราดีขึ้น
ทุกวันนี้อยู่กับลูกตลอด ลูกไม่ได้ไปโรงเรียนหรอกค่ะ เขามีปัญหาสุขภาพจึงต้องเรียนแบบโฮมสคูล
(ประกอบกับความไม่ศรัทธาในระบบโรงเรียนเป็นทุนเดิม) เมื่อครั้งยังไปโรงเรียนจะต้องพาลูกเข้า รพ.บ่อยมาก
เสียเงินรวมแล้วหลายหมื่น ตั้งแต่เรียนอยู่ที่บ้านยังไม่เคยไปเข้า รพ.อีกเลยค่ะ

ตอนนี้รู้สึกมืดแปดด้าน คิดอะไรไม่ออกค่ะ ดิฉันไม่ได้ปรึกษาใดๆกับครอบครัวหรอกค่ะ ส่วนใหญ่ในครอบครัวเขาจะสนุกสนานเฮฮา
กินเบียร์กินเหล้ากันประจำ แม่ดิฉันเองอายุ 70 กว่าแล้ว ก็ยังเป็นหัวหน้าทีมร่วมวงกับครอบครัวพี่สาว (ที่ฐานะดี) และญาติบางคนเป็นประจำ
ขณะที่ดิฉันเขียนอยู่นี้ ด้านล่างก็สรวลเสเฮฮา ไม่มีเวลามาสนใจความทุกข์ของใครหรอกค่ะ

บ้านที่ดิฉันซื้อไว้และผ่อนอยู่นั้นดิฉันเพียงอยากมีที่ๆสามารถไปอยู่และทำงานได้อย่างสงบ ทำบ้านให้สะอาดๆตามที่เราต้องการได้เท่านั้น
ที่พูดอย่างนี้ก็เพราะบ้านที่ดิฉันอยู่กับแม่เดิมนั้น แม่จะไม่ดูแลใส่ใจเท่าที่ควร หากดิฉันไปทำ อีกไม่นานก็จะกลับมาสกปรกอีก
ทั้งบ้านมองไปทางไหนก็จะเจอขวดเบียร์ หรือไม่ก็ลังเบียร์ตั้งไว้ซ้อนๆกัน เพื่อรอนำไปขาย
หรือหากนำสิ่งใดไปทิ้งแม่ก็จะด่าลั่นบ้าน นี่เพียงสังเขปค่ะ  แต่ดิฉันก็ยังคงไปๆมาๆ บางครั้งไม่มีอะไรกินก็พาลูกกลับมาบ้าน
ยายเองก็รักหลานอยู่ มักซื้ออะไรใส่ตู้เย็นเอาไว้ให้เสมอ

ชีวิตดิฉันก็ไม่รู้ทำไมต้องเป็นแบบนี้ แค่เลี้ยงลูกคนเดียวก็แย่อยู่แล้ว ยังมาขัดสนเงินทอง ไร้งานทำอีก..
ด้านพี่น้องเขามีรถกันครอบครัวละ 2-3 คัน พี่สาวได้เงินใช้จากสามีตลอด น้องชายทำงานกับแฟนเจริญรุ่งเรืองขึ้นทุกวัน
ส่วนไอ้ดิฉันกำลังจะขายรถ ขายบ้านหนีหน้าไปอยู่ต่างจังหวัด
สิ้นเดือนนี้ก็เป็นเดือนสุดท้ายแล้วที่จะได้เงินจากงานที่เคยทำไป (ทุกวันนี้งานที่ทำต้องให้เครดิตลูกค้า 60 วัน)
แล้วก็ต้องจ่ายออกหมด ยังคิดไม่ออกว่าจะทำยังไงต่อไปในเดือนต่อๆไปเลยค่ะ ถ้าขายอะไรได้เร็วก็หวังว่าคงจะตั้งตัวได้เร็วขึ้น
อายุดิฉันก็ค่อนข้างมากแล้วด้วย บางทีถ้าได้รับฟังผู้อื่นดูบ้างก็คงจะดีนะคะ ขอบคุณมากค่ะ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 35
เมื่อคุณจขกท.บอกว่ายินดีรับฟังความเห็น  
ผมก็จะลองสรุป "รูปแบบชีวิต(Life pattern)" ของคุณจขกท. ให้คุณลองพิจารณาดูนะครับ
หวังว่ามันอาจจะช่วยคุณจขกท.วางแผนชีวิตใหม่ได้ครับ



จากข้อมูลที่คุณให้มาค่อนข้างละเอียด ผมพบว่า
รูปแบบซ้ำ ของการใช้ชีวิตของคุณจขกท. คือการ "โดดเดี่ยวจากผู้อื่น" และ "เป็นเหยื่อผู้โชคร้าย ครับ
คุณมีทัศนคติฝังในใจโดยไม่รู้ตัวว่า
ไม่มีใครช่วยเหลือคุณ ไม่มีใครเห็นใจคุณ คุณคือผู้โดดเดี่ยวบนโลกใบนี้ และเหยื่อผู้โชคร้าย
*และด้วยทัศนคติฝังรากแบบนี้ มันจึงมีพลังดึงดูดทุกอย่างที่คุณเชื่อว่าคุณเป็น ครับ*

1. คุณเลือกผู้ชายที่มีปัญหาส่วนตัว (แม่อัมพาต) ทำให้เขาต้อง ทิ้งคุณให้โดดเดี่ยวเพียงลำพัง ในการเลี้ยงลูก
2. คุณมีลูกที่มีปัญหา (เรื่องสุขภาพ) ทำให้เขาต้องแยกตัวออกมาเรียนที่บ้าน ถูกโดดเดี่ยวจากคนอื่น
3. คุณมีแม่และพี่น้องที่ติดการบันเทิง ไม่สนใจคุณ คุณจึงถูกโดดเดี่ยวจากพี่น้องและแม่
4. คุณกำลังจะออกจากงาน ต้องอยู่โดดเดี่ยว ไม่มีสังคมไม่มีเงินอีก
5. คุณขายบ้าน ก็ไม่มีใครสักคนโผล่มาซื้อ
6. คุณขายจักรยาน ก็ไม่มีคนโผล่มาซื้อเหมือนเดิม
.....จากตัวเอน  คุณเห็น pattern ซ้ำแล้วหรือยังครับ?.....

หากคุณเชื่อว่า "ทุกอย่างที่เกิดขึ้น ไม่ใช่เพราะดวงซวย แต่มันมีเหตุผลของมัน และเป็นเหตุผลที่ดีสุด"
ผมอยากให้คุณทำการบ้าน 6 ข้อนี้  แล้วค้นหาต้นตอให้ได้ว่า คุณเลือกใช้ชีวิตโดดเดี่ยวและเป็น victim mentality แบบนี้ เพราะอะไร
ต้นตอที่คุณสร้างคุณภายในตัวเองนี่แหละครับ เป็นตัวกำหนดชีวิตคุณให้เจอสถานการณ์แบบนี้ซ้ำซาก
ส่งผลทำให้ชีวิตคุณต่างจากพี่น้อง ที่คุณเขียนเล่าว่า
"ด้านพี่น้องเขามีรถกันครอบครัวละ 2-3 คัน พี่สาวได้เงินใช้จากสามีตลอด น้องชายทำงานกับแฟนเจริญรุ่งเรืองขึ้นทุกวัน"

ถ้าคุณไม่เชื่อว่าคุณเลือก'ระทมทุกข์อย่างโดดเดี่ยว'เอง  ให้ย้อนกลับไปอ่านข้อความตัวเองอีกครั้งเลยครับ

การเลือกโดดเดี่ยว

ย้อนไปข้อ 2-แม้ลูกจะมีปัญหาสุขภาพไม่มาก แต่คุณก็ เลือกจะให้ลูกเรียนโฮมสกูล เพราะไม่เชื่อว่าระบบรร.จะดี
ย้อนไปข้อ 3-แม่และญาติคุณสรวลเสเฮฮาประสาเขา แทนที่คุณจะลงไปจอยกับเขา คุณกลับบอกว่า "ไม่มีใครสนใจทุกข์ของคุณ"
และคุณก็บอกเองว่าแม่คุณรักหลาน ซื้อของใส่ตู้เย็นให้หลานกินตลอด แต่คุณกลับเลือกมองแต่ด้านที่เขาไม่สนใจคุณ

การเลือกเป็นเหยื่อผู้ระทมทุกข์

คุณจขกท.สังเกตคำพูดคุณที่คุณบอกกับตัวเองนะครับ
- แต่ก็ไม่มีอะไรง่ายเลยสำหรับคนอย่างดิฉัน
- เสียใจค่ะ ที่เราตั้งใจทำงานเต็มที่ แต่สุดท้ายงานที่เรา(เคย)รักก็ไม่ได้ทำให้ชีวิตเราดีขึ้น
- ด้านล่างก็สรวลเสเฮฮา ไม่มีเวลามาสนใจความทุกข์ของใครหรอกค่ะ
- ชีวิตดิฉันก็ไม่รู้ทำไมต้องเป็นแบบนี้

...เช่นเคย  จากตัวเอน..คุณเห็น pattern ซ้ำของคำพูดที่คุณพร่ำบอกตัวเองหรือยัง?....



หากคุณต้องการพลิกชีวิตตัวเอง  จขกท.ต้องเปลี่ยนทัศนคติ 360 องศาก่อนเลยครับ
Change the Inner and Outer will follow-เปลี่ยนโลกข้างในก่อน แล้วโลกข้างนอกจะเปลี่ยนตามคุณ ครับ

1. เลิกใส่พลังด้านลบลงไปในชีวิตตัวเองเสียที  มองชีวิตด้านบวกได้แล้ว
สาเหตุที่ข้อ 5 และ 6-บ้านกับจักรยานขายไม่ได้ เพราะมันมีแต่ energy ความเศร้าเต็มไปหมดครับ
และมันส่งออกมากระทบกับคนรอบข้างโดยคุณไม่รู้ตัวเลย

2. เริ่มวางแผนชีวิต ด้วยทัศนคติว่า "มีอะไรที่ทำได้บ้าง" ไม่ใช่ "ทำไมฉันโชคร้ายอย่างนี้"
เพราะคุณไม่มีทางจะหางานใหม่ได้ ถ้าคุณยังอยู่สนามพลังของหญิงหม้ายผู้ระทมทุกข์ครับ

3. คุณต้องคำนวณลงบนกระดาษด้วยเครื่องคิดเลขเลย ว่าคุณส่งบ้านไหวไหม หนี้ที่เหลือจะทำยังไง
แล้วคุณจะยอมรับความจริงว่าคุณต้องขายบ้านแล้วย้ายไปอยู่กับแม่หรือไม่

4. ถ้าคุณต้องย้ายไปอยู่กับแม่ คุณสามารถมีห้องของคุณกับลูกที่คุณดูแลโลกเล็กๆให้สะอาดตามใจคุณได้  แต่อย่าไปควบคุมคนอื่นครับ
ไม่ใช่หน้าที่ที่คนอื่นต้องมาเศร้ากับคุณ ทุกข์กับคุณ
และคุณก็มีหน้าที่ต่อตัวเอง ที่จะต้องเลิกเศร้า เลิกทุกข์ เลิกแยกตัวเดียวดายเสียที

เพราะคุณก็รู้อยู่แล้วว่าวิถีชีวิตที่คุณโดดเดี่ยวและระทมทุกข์ที่ผ่านมา มันช่วยคุณหรือทำร้ายคุณกันแน่


ขอเพียงคุณเปิดใจกว้าง เปลี่ยนทัศนคติจากดำมืดสู่สว่างไสว  เปิดประตูห้องแล้วออกมาพบผู้คน ชีวิตคุณจะเปลี่ยนเลย
"เปลี่ยนโลกภายในก่อน แล้วโลกภายนอกจะเปลี่ยนตามคุณ" จริงๆครับ
ความคิดเห็นที่ 2
แนะนำให้ไปเจริญวิปัสสนากรรมฐาน 7 วัน 7 คืน ถ้าเป็นไปได้ก็ไปที่วัดอัมพวัน สิงห์บุรี

เมื่อ 5 ปีก่อน เคยประสบปัญหาคล้ายคุณ คือตกงาน มีหนี้สินราว 5-6 แสน
เลยทราบถึงปัญหาคนที่ตกงาน มีหนี้สินเป็นอย่างดี
แต่พอได้ไปปฏิบัติ 7 วัน 7 คืน ที่วัดอัมพวัน ปรากฎว่าพอออกกรรมฐาน มีคนให้ไปทำงานเลย
จากนั้นชีวิตก็ดีขึ้นเรื่อยๆ จนปัจจุบันหนี้สินเกือบหมดแล้ว

ปัญหาทั้งหมดบางทีมาจากเวรกรรมในอดีต
จึงแนะนำคุณให้ไป แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นขึ้นกับว่าคุณศรัทธาหรือเปล่า ถ้าศรัทธารับรองได้ผลแน่นอน
ปฏิบัติจริงจัง จะเกิดปัญญาแก้ไขปัญหาได้ (อันนี้หลวงพ่อจรัญกล่าวไว้)

ผลบุญจาก
ทำทานไม่มีศีล เหมือนสินค้าไปเรือพาย
ถ้ามีศีลเหมือนสินค้าไปรถยนต์
ถ้ามีภาวนา(เจริญวิปัสนากรรมฐาน)เหมือนสินค้าไปเครื่องบิน
อ้างอิงจาก
https://www.youtube.com/watch?v=bQyAyNdhEuo

เพิ่มเติมอีกนิด
เมื่อตอนไปตอนไปวัดครั้งแรก มีสตางค์อยู่แค่ไม่เกิน 300 ตอนแรกไปแค่ 3 วัน
พอดีกลับมาวันถัดไปเป็นวันโกนพอดี ก็เลยยืมเพื่อนอีก 500 บาท ไปอีก 7 วัน 7 คืน
ในช่วงนั้นบอกตรงๆว่า ไม่มีกะจิตกะใจ ไปคิดแก้ปัญหาอะไร
หากใครไปไม่ประสบขั้นวิกฤติ จะไม่รู้ถึงรสชาดเลย จะทำอะไรมันตื้อไปหมด คิดไม่ออก
การไปวัดไปนั่งวิปัสสนากรรมฐาน ไม่ใช่การหนีปัญหาอย่างที่บางคนเข้าใจ
ไปนั่งสงบสติอารมณ์ ไปสร้างบุญเพื่อชดใช้เจ้ากรรมนายเวร เมื่อเรามีสติแล้วปัญญาจะเกิดขึ้น
ตอนปฏิบัติขอให้ตั้งใจทำ เมื่อเกิดความเจ็บปวดก็ต้องทน เป็นการฝึกความอดทนไปในตัว
ที่แนะนำให้ไปวัดอัมพวัน เพราะว่าที่วัดนี้ ปฏิบัติเข้ม ได้ถือศีลแปดด้วย

ตัวผมก็ผ่านจุดนั้นมาแล้ว อันนี้เพียงแค่ชี้ทางเท่านั้น
ทั้งหมดขึ้นอยู่กับตัวคุณเอง คุณต้องแก้ไขปัญหาด้วยตัวเอง (อัตตาหิ อัตโนนาโถ)

สู้ๆ
ความคิดเห็นที่ 10
อ่านเรื่องของคุณ มีความรู้สึกว่า คุณคิดว่าโชคชะตาไม่อยู่ข้างคุณ
คุณมีปัญหาเรื่องงาน เรื่องลูก เรื่องหนี้สิน เรื่องครอบครัว แม่ พี่น้อง ที่ไม่เป็นอย่างที่คุณพอใจ

คุณสงสัยว่า อายุ 43 จะเริ่มต้นอย่างไร ?

ขอตอบแบบ single mom ที่ไม่เคยรับความช่วยเหลือจากพ่อของลูกสักบาทเหมือนกัน

ที่อายุที่คุณว่านี้ เราเริ่มงานใหม่ที่รายได้สูงพอใข้ เริ่มผ่อนทรัพย์สิน
ก่อนหน้านั้น เราไม่ได้ทำงานที่เรา"รัก"
เราทำงานที่ทำได้ดี จนมีเครดิตระดับหนึ่ง จึงไม่ลำบากในการหางานใหม่
แม้งานที่เราเคยทำจะสร้างความทุกข์บ้าง เราก็ไม่ท้อ
ตั้งหน้าตั้งตาทำ รอผลงานที่จะได้ เพราะเรามีภาระต้องรับผิดชอบ

ทัศนะของเราต่างกัน เราไม่รอให้อะไรๆเข้ามาหาเรา เราออกไปสู้ให้ได้มา
เราไม่มีครอบครัวให้หยิบยืมเงิน
แม้เขาจะมีเราก็ไม่เอา ไม่สร้างหนี้สินที่ไม่สร้างรายได้

คุณจะเริ่มต้นใหม่อย่างไร ขอให้ใช้เรื่องของเราเป็นตัวอย่างหนึ่ง
อย่าถอดใจ หาทางออกที่ดูง่าย มันไม่พาเราไปสู่ความสำเร็จ

คนเราต้องสู้ ยังมีชีวิต ยังมีแรง สู้ให้ถึงที่สุดก่อน เพื่อตัวเราและลูกที่เรารัก
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่