อจินไตย ตอนที่ 7

ความเดิม ตอนที่ 6 http://ppantip.com/topic/33114833

"มิ้นท์ เธอเป็นอะไรรึเปล่า"

บีเอ่ยถามกับเพื่อสมัยเด็ก ตอนนี้พวกเรานั่งอยู่ในห้องอาหารของโรงแรม โดย บี ทานแค่สลัดผักราดน้ำมันมะกอก
เป็นอะไรที่แปลกดี เราเลยขอชิมบ้าง แล้วก็รู้ว่าเป็นหนึ่งในสิ่งที่ไม่อร่อยที่สุดในโลก ทั้งจานมีเพียงรสชาดผักอย่างเดียว
ไม่มีรสอื่นเลย ผิดกับสลัดครีมที่เคยกินมาก เพราะกินแปลกอย่างนี้นี่เอง ก่อนหน้านี้เคยชวนไปกินข้าวด้วยกันถึงไม่เคย
ไปด้วยซักครั้ง ต่างจาก มิ้นท์ ที่สั่งเสต็กเนื้อ นำเข้าอย่างดี แถมยังสั่งแบบแรร์ ซึ่งพอใช้มีดผ่าดูแล้วจะเห็นตรงกลางชิ้นเนื่อ
ยังเป็นสีชมพูอยู่เลย โดยมิ้นท์ใช้ส้อมจิ้มเนื้อส่งเข้าปาก ด้วยท่าทางเหม่อลอย จนไม่แน่ใจว่าเธอรู้รสอาหารที่กำลังกินอยู่จริงๆรึเปล่า

"ตอนที่ฉันไปอาบน้ำ เกิดอะไรขึ้นเหรอ ?"

บีถามทำเรารีบปฏิเสทออกไปทันควัน ใครจะกล้าบอกความจริง ยัยนี่เองก็เอาแต่เหม่อจนเราเริ่มรู้สึกผิดแล้วเนี่ย

ทันใดนั้นเอง บี กับ มิ้นท์ ก็มีท่าทางแปลกไป เหมือนว่าจู่ๆก็สะดุ้งตัวขึ้นพร้อมกันราวกับรู้สึกถึงอะไรบางอย่าง
ก่อนที่จะเกิดมีแผ่นดินไหว แรงขนาดที่ว่าทำให้น้ำในแก้วกระเพื้อมเป็นวง บี จึงดึงตัวเราที่นั่งอยู่ข้างๆ เข้ามากอด
โดยใช้มือจับหัวของเรากดไว้หลบอยู่ใต้คางของเธอ และแหงนหน้าระวังว่าจะมีหลอดไฟหรืออะไรที่เป็นอันตราย
ตกลงมารึเปล่า ซึ่งระหว่างที่หลบอยู่นั้น เราสังเกตเห็น มิ้นท์ หรี่ตามองมายังเรากับบี พร้อมทำสีหน้าเหมือนไม่พอใจ
อะไรบางอย่าง ก่อนจะหันกลับไปตั้งหน้าตั้งตากินอาหารตรงหน้า

"ขออภัยที่รบกวนเวลารับประทานอาหารครับ ผมได้รับคำสั่งให้มาเชิญพวกคุณทั้งสามไป พบกับ "ท่าน" ครับ"

บริกรวัยกลางคนนายหนึ่งเดินเข้ามาแจ้งบางอย่างที่ฟังดูคลุมเครือกับพวกเราด้วยท่าทางเหม่อลอยเหมือนคนไม่มีสติ
แต่ มิ้นท์ กับ บี กลับพยักหน้าตอบรับราวกับเป็นเรื่องที่รู้อยู่แล้ว พวกเราลุกขึ้นทั้งๆที่ทานยังไม่เสร็จ โดยมี
บริกรนำทางไป พวกเราทั้งสี่อยู่ในลิฟท์ ก่อนที่บริกรคนนั้นจะหยิบเอาคีย์การ์ดสีทองออกมาแตะกับเซนเซอร์
ทันใดนั้นเองลิฟท์ก็เคลื่อนขึ้นไป ทั้งๆที่ยังไม่ได้กดปุ่มเลือกชั้น ก่อนจะหยุดลง และเปิดออก
ภาพแรกที่ได้เห็นเบื้องหน้าของเราตอนนี้คือสวนสวยงาม ที่มีสนามหญ้า ก้อนหิน สะพาน ธารน้ำเล็กๆ เป็นสวน
สไตร์ญี่ปุ่นแบบที่เคยเห็นในทีวี และเมื่อแหงนหน้าก็จะเห็นท้องฟ้าราตรีประดับด้วยดวงดาวเต็มฟ้าจนไม่อยากเชื่อว่า
มีสถานที่แบบนี้อยู่ในโรงแรมแห่งนี้ด้วย

บี จับมือเรา ออกเดิน โดยมีมิ้นท์ตามมา ขณะที่บริกรไม่ได้ตามมาด้วย พวกเราเดินข้ามสะพานโดยตรงไปยังบ้านเล็กๆหลังหนึ่ง
ที่รูปทรงออกแนวญี่ปุ่นรับกับสวนสวยแห่งนี้เช่นกัน

"พวกเรากำลังจะไปพบใคร แล้วที่นี่คือที่ไหนกันเหรอ ?"

"ที่นี่คือช่องว่างระหว่างมิติ และคนที่เราจะไปพบคือ ท่าน รุกขเทพ ผู้เป็นใหญ่ ในแดนเหนือ"

คำตอบของบีทำเอาเราเกร็งจนตัวสั่น เมื่อรู้ว่าเบื้องหลังประตูบานนี้เป็นใครและยิ่งใหญ่แค่ไหน
แต่แล้ว เมื่อประตูที่ทำจากไม้และกระดาษถูกเลื่อนเปิดออก แทนที่เราจะได้พบท่านรุกขเทพ กลับได้พบกับ
บางสิ่งที่น่าตกตะลึงยิ่งกว่า

เธอดูเป็นเด็กผู้หญิง ในชุดแปลกตาสีส้ม นั่งเอกขเนกอยู่ โดยเธอมีหูเหมือนจิ้งจอกสองข้างอยู่บนหัว แถมยังดูสวยน่ารักจน
แม้เราเห็นเพียงแว่บยังรู้สึกเคลิ้มไป เรื่องราวทุกอย่างในโลกไม่ใช่เรื่องสำคัญ เมื่อเทียบกับการได้มาเจอเธอ ผู้อยู่ตรงหน้า

"นี่ ท่านรุกขเทพอยู่ไหนเหรอ ?" เราถามผู้หญิงตรงหน้า โดยคิดเอาว่าคงเป็น บริวารคนสนิทของท่านเหมือน บี กับ มิ้นท์

"พูดบ้าอะไรของเธอ" มิ้นร้องขึ้น ก่อนจะคุกเข่าลง บี เองก็เช่นกัน "ท่านก็อยู่ตรงหน้าแล้วนี่ไง"

เราทรุดตัวลงคุกเข่าอย่างรวดเร็วจนรู้สึกเจ็บ ทำเอาคนที่มองภายนอกดูยังไงก็เป็นเด็กสาวในชุดคอสเพลย์ ยิ้มขำขึ้นมา

"ขออภัยค่ะ ท่านรุกขเทพ ที่หนูไม่รู้ที่ต่ำที่สูง"

"ตามสบายเถอะ ดื่มชาก่อนสิ"

ท่านรุกขเทพกล่าวก่อนจะรินชาส่งให้

"เดิมทีเราก็ไม่ใช่เผ่าพันธุ์เทพอะไรหรอกนะ เป็นเพียงแค่อสูรจากต่างถิ่นธรรมดาๆ อย่าให้เกียรติกันนักเลย..."

ก่อนจะทันได้ถาม บี ก็เล่าให้ฟังว่า ราวห้าร้อยปีก่อน ท่านรุกขเทพองค์ก่อนจวนจะสิ้นอายุขัย ไปจุติเป็นมนุษย์
ทำให้เกิดสงครามอสูรขึ้น จนเกิดเป็นภัยภิบัติ นำความเดือดร้อนมาสู่มนุษย์ แต่โชคดีที่ ท่านรุกขเทพองค์ก่อนได้
ขอร้องสหายเก่าแก่ ที่เป็นอสูรที่มีตบะแกร่งกล้ากว่าสองพันปีจากต่างแดนเข้ามาหยุดภัยพิบัติดังกล่าว

"และเมื่อท่านมาถึงก็สะบัดหางหนึ่งครั้ง สงครามก็ยุติ..."

"เดี่ยวนะ... บีเธอเล่าข้ามอะไรไปรึเปล่า" เราท้วงขึ้นด้วยความรู้สึกเหมือนถูกตัดจบ

"เปล่า... ท่านสะบัดหางเพียงครั้งเดียว สงครามก็ยุติจริงๆ และอสูรทั่วล่าก็ยกท่านขึ้นเป็นรุกขเทพองค์ใหม่"

"เทพอสูรจิ้งจอกเก้าหาง..."

หักมุม... หักมุมเกินไปแล้ว... แค่รุกขเทพเป็นสาวน้อยน่ารักก็แย่พออยู่แล้ว แต่นี่ไม่ได้มีถิ่นฐานอยู่ในไทยด้วยซ้ำ
แล้วแบบนี้ พวกอสูรไม่มีใครทัดทานเลยเหรอ ในสังคมมนุษย์ นี่มันพอๆกับมีนายกเป็นฟรั่งเชียวนะ...

"อันที่จริงจนถึงวันนี้ เราเองก็ยังไม่เคยยอมรับตำแหน่งนี้ซักครั้งเลยนะ แม่หนูปาล์ม..." ท่านเทพอสูรเอ่ยพลางยิ้ม ราวกับอ่านใจเราได้

"กลับมาคราวนี้ท่านจะอยู่นานแค่ไหนคะ ?" บีถาม

"ไม่ล่ะ เดี๋ยวก็จะไปแล้ว เราแค่แวะมาช่วยเหลือลูกศิษย์ที่น่ารักซักหน่อย"

กล่าวจบ ท่านเทพอสูรก็ดึงขนหูออกมาสองเส้น แบ่งใส่ ชาสองถ้วย ก่อนที่ชาในแต่ล่ะถ้วยจะเปลี่ยนสีเป็นแดงและฟ้า
และหลอมรวมกันกลายเป็นเม็ดใสๆ คล้ายยา

"บี เธอจง รับเอายาเม็ดสีฟ้านี้ไป ถ้าใครกินมันภายในสามวันนี้ คนคนนั้นจะลืมเรื่องที่เกี่ยวกับอสูรจนหมดสิ้นและไม่สามารถจำได้ตลอดไป"

"มิ้นท์ เธอจง รับเอายาเม็ดสีแดงนี้ไป ถ้ามนุษย์คนไหนได้กินภายในสามวันนี้ จะกลายเป็นอสูรเช่นด้วยกับพวกเรา และไม่สามารถคืนความเป็นมนุษย์ได้อีก"

กล่าวจบท่านเทพอสูรก็ขยิบตาให้เราหน่อยนึง ซึ่งตอนนั้น เรายังไม่เข้าใจความหมายของมัน ว่าท่านหมายถึงอะไร

"ถึงเทพ อสูร และ ผู้มีฤทธิ์ทุกผู้ทุกนาม ทั้งสามโลก เราจะขอชีวิตของเด็กสาวผู้นี้ไว้สามวัน หากหลังจากสามวันนี้ เธอยังไม่ได้เลือกเส้นทางใดทางหนึ่ง เราจะไม่ขอยุ่งเกี่ยวอะไรอีกแล้ว"

ท่านเทพอสูรผู้ทรงฤทธิ์เอ่ยขึ้นธรรมดา แต่รับรู้ไปถึงสามโลก เท่ากับว่า มีเวลาสามวันให้เราตัดสินใจ ว่าจะลืมทุกสิ่งแล้วกลับไปใช้ชีวิตปกติธรรมดา
หรือว่า จะกลายเป็นอสูร แล้วอยู่โลกฝั่งนี้ โดยไม่สามารถกลับไปเจอครอบครัวได้ตลอดไป ว่าแต่ทำไมต้องให้บีกับมินท์แยกกันเก็บด้วยนะ

"เราช่วยพวกเธอได้แค่นี้นะ" เทพอสูรผู้ปราณีกล่าว "ถ้ามากกว่านี้ มันยุ่งยากน่ารำคาญน่ะ..."

ปกติแล้ว เทพ จะไม่ลดตัวลงมายุ่งเรื่องของมนุษย์กับอสูร แต่เป็นเพราะท่านมีความเป็นอสูรอยู่ครึ่งหนึ่ง จึงแอบใช้ช่องว่าง
ตรงนี้เอื้อมมือลงมาช่วยเหลือเล็กน้อย

"บี... เธอยังต้องเรียนรู้เรื่องมนุษย์อีกมาก ยิ่งกว่านั้นคือต้องรู้ใจตัวเองให้มากกว่านี้นะ รู้ไหม"

"ส่วน มิ้นท์ ที่ผ่านมาฉันเห็นเธอเป็นเด็กมาตลอด แต่ดูเหมือนวันนี้เธอจะโตอีกนิดหน่อยนะ"

ท่านเอ่ยพร้อมกับ เอื้อมมือมาลูกหัวบริวารทั้งสองอย่างเอ็นดู ก่อนจะ หันมามองเราและยิ้มมุมปากอย่างเจ้าเล่ห์

"เอาล่ะ ท่าทางเราคงต้องไปแล้ว... แม่หนูปาล์ม จงใช้เวลาสามวันนี้ให้คุ้มค่านะ..."

"ท่านจะไปไหนเหรอคะ ?" เราพลั้งปากถาม

"กรีก... ว่าจะไปเยี่ยมสหายเก่านิดหน่อยน่ะ"

พูดจบ เทพอสูรในร่างสาวน้อยหูจิ้งจอกก็กระโดดทะยานขึ้นฟ้าไป ยังทิศตะวันตก ส่งผลให้แผ่นดินไหวอีกครั้ง เพราะแผ่นโลกเคลื่อนตัว...

แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่