เมื่อวันนั้นเรายังผ่านมันไปได้ นับประสาอะไรกับพรุ่งนี้ ..

ไม่รู้ว่าจะมีใครอ่านเรื่องของฉันบ้างมั้ยน๊า ? ที่เขียนให้ใครที่ได้อ่านได้บทเรียนจากชีวิตอีกมุมหนึ่ง
อีกแบบหนึ่ง กับการต่อสู้จนจบปริญญาวิทยาศาสตร์บัณฑิต (สาธารณสุขชุมชน)
ขอใช้คำว่าชูสองนิ้วสู้มาเกือบตายเลยก็ได้
ฉันเติบโตมากับพ่อแม่ที่รับราชการของกระทรวงสาสุขทั้งคู่ค่ะ
มีบ้าน2ชั้นครึ่งปูนครึ่งไม้หลังใหญ่พอควรถ้าเทียบกับบ้านผู้คนในละแวกนั้นๆ
บ้านฉันอขู่ในอำเภอหนึ่ง ห่างไกลจากตัวเมืองเหลือเกิน ถ้านั่งรถโดยสาร 3 ชม.ถึง 3 ชม. ครึ่ง ทีเดียว
ถ้าพ่อฉันขับหน่ะหรอ 2 ชม ครึ่งก็พอแล้ว เรียนอนุบาล ประถม มัธยม ก็ที่บ้านนั่นแหละ
ชีวืตเข้าเมืองทีนี่ตาลุกวาว เห็นแสงสีแล้วตื่นเต้นสุดๆ แบบที่ใครๆเค้าเรียกแหละว่าบ้านนอกเข้ากรุง
ครั้งนั้น จบ ม.6 พ่อแม่วางอนาคตไว้เสร็จสรร ต้องเรียนพยาบาลนะ ทั้งๆที่ตัวเองยังไม่รู้ใจตัวเองเลยว่าชอบมั้ย
แต่เรียนได้ ก็เข้าเรียนสมใจพ่อแม่แหละที่เรียนอยู่อีกจังหวัดซึ่งจากในเมืองไปถึงที่เรียน ชั่วโมงเดียว
ไม่นับจากที่บ้านมาถึงเมือง3ชม.นะค้ะ จำไว้ว่าพ่อกับแม่ซื้อโทรศัพท์รุ่นโนเกียใบไม้ตอนนั้นราคา9พันกว่า เป็นของขวัญให้
ชีวิตถูกวางเป็นระบบในกรอบแล้วเชียว ตัวเองแท้ๆสร้างเรื่องขึ้นมา เพราะความเป็นคนบ้านนอกเลยชอบแสงสี
ชอบเดินห้าง เดินเปิดท้ายทุกๆอย่าง จึงทำให้ทุกเสาร์-อาทิตย์ กลับแต่เมือง เที่ยวกลางคืน ไปพักกับเพื่อน
เหตุก็เกิด เมื่อมีอยู่วันนึงฉันชวนเพื่อนเก่าไปถ่ายรูปที่สตูดิโอในห้างๆหนึ่ง
เจอทอมเป็นคนถ่ายให้ หน้าตาดีขาวจั้ว แต่งตัวดีเป็นช่างภาพ สตูแห่งนี้ รู้สึกว่าเราเขินจัง ทั้งๆที่เมื่อก่อน ไม่เคยชอบทอมเลย
ตอน ม.ปลาย มีมาจีบ2คนรู้สึกว่าเราไม่ชอบมากๆแต่พอเจอคนนี้ รู้สึกแปลกๆมากๆ เพื่อนผู้ชาย(เพื่อนเก่า) ที่ไปด้วยกัน
ก็เอาเลยรู้ทันดูเหมือนเราจะชอบ แล้วทอมคยนั้นก็เหมือนเล่นด้วย จบท้ายที่แลกเบอร์กันแล้วนี่คือจุดเริ่มต้นของเรื่องต่อไปนี้ค่ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่