เล่าสู่กันฟังเด้อ...การขอวีซ่าอเมริกาโดยมีญาติเป็นสปอนเซอร์ พ่ะน่ะ



กระทู้เล่าสู่กันฟังเด้อพี่น้อง
ใครได้วีซ่าแล้วก็ยินดีด้วยหลายๆ ส่วนใครที่ยังไม่ได้วีซ่าจะอ่านไว้พอเป็นแนวทางก็ได้เด้อ หมูน่อยเอามาเล่าสู่กันฟัง พ่ะน่ะ
ถือว่าตอบแทนและขอบคุณผู้แนะนำทุกๆท่านจากเว็บพันทิปละเว็บต่างๆ โดยการแนะนำผู้อื่นๆต่อไป เป็นการช่วยเหลือกันเนาะๆๆ

---------------------------------------------------------------------------------

หลังจากที่อ่านเรื่องการขอวีซ่าเข้าอเมริกาโดยมีญาติเป็นสปอนเซอร์และกระทิงแดงมาหลายเคส
เลยตัดสินใจให้พี่ๆขอวีซ่าอเมริกา โดยหมูน่อยนี่แหล่ะเป็นสปอนเซอร์เอง อิๆๆ เขียนจดหมายเชิญพี่ๆจากไทยให้ไปเที่ยวอเมริโกย
เคสนี้คือผู้ขอวีซ่าคือพี่ๆทั้ง 3 คน ไม่มีสเตทเมนท์บัญชีเงินฝาก แต่มีเดือนเข้า-ออกรายเดือน เลยต้องอ้างอิงสปอนเซอร์เป็นหลัก

หมูน่อยเป็นคนกรอกใบสมัคร DS-160 ให้พี่ๆ 3 คน  พี่ๆเค้าไม่ถนัดเรื่องการกรอกเอกสารกลัวจะผิดพลาด
หมูน่อยเลยเป็นผู้กรอกใบสมัครให้เสร็จสรรพ พ่ะน่ะ (มึนตึ๊บเลยกว่าจะกรอกเสร็จ 3 คน แต่ละคนก็สิบกว่าหน้า)
พี่ๆรับผิดชอบคือถ่ายก็อปปี้เอกสารต่างๆให้ข้อมูลกับหมูน่อยเพื่อกรอกใบสมัคร ,
ไปถ่ายรูปขนาด 2 นิ้วเซฟลงเมมโมรี่การ์ดแล้วส่งไฟล์ให้, ไปจ่ายเงินค่าสมัครที่แบงค์กรุงศรีฯและเดินทางไปสัมภาษณ์  
และหมูน่อยเองที่จัดติวให้พี่ๆ ตัวอย่างคำถามก่อนไปสัมภาษณ์ ปริ๊นท์ให้อ่านท่องจำกันเรยยยย
..........................................................................................

การกรอกใบสมัคร
ทำตาม 2 กระทู้นี้เด้อ ดีสุดๆ
http://ppantip.com/topic/32189283 ขั้นตอนการสมัครละเอียดยิบทุกขั้นตอน ดีโพดๆ
http://ppantip.com/topic/32193184 ขั้นตอนการจองวันสัมภาษณ์ ดีโพดๆ
ขอบคุณเจ้าของกระทู้คือ คุณล็อคอินนี้ง่วงแล้ว อย่างมากๆๆๆ ที่โพสท์เป็นวิทยาทาน จุ๊ฟๆๆๆๆ ♥♥

สรุปคร่าวๆขั้นตอนการกรอกใบสมัครคือ
- กรอกใบสมัครออนไลน์ สิบกว่าหน้า
- อัพรูปหน้าผู้สมัครใส่ใบสมัครออนไลน์ ( ถ่ายรูปให้เห็นใบหูทั้ง 2 ข้าง )
- ปริ๊นท์ใบคอนเฟิร์มการสมัคร และรายละเอียดการชำระเงินค่าธรรมเนียมขอวีซ่า แล้วไปชำระเงินค่าธรรมเนียมฯที่ธนาคารกรุงศรีฯ
- หลังจากชำระเงินแล้ว ถัดมาอีก 1 วัน เข้าเว็บจองวันสัมภาษณ์ออนไลน์ เลือกวันสัมภาษณ์ ปริ๊นท์ใบนัด
- ไปสัมภาษณ์ตามวันที่นัดไว้ พร้อมเอกสารต่างๆ ( กรณีเปลี่ยนวันให้ยกเลิกวันเก่าและทำการเลือกใหม่ พ่ะน่ะ)

....................................................................................................


สัมภาษณ์

ทุกคนลางาน เพราะมาจากตจว.เลือกสัมภาษณืที่กทม. ไป-กลับ 3 วัน
ก่อนไปสัมภาษณ์ บอกพี่ๆว่าวัดดวงกันเลย ได้หรือไม่ได้ก็ช่างเนาะ มีแค่นี้แหล่ะ มาถึงขั้นนี้ละ
ชาตินี้จะมีได้ไปอเมริโกยหรือไม่ก็วัดดวงกันนี่ เพี๊ยงงงงง...จึ้กๆๆๆ สาธุๆๆๆขอให้ผ่าน  โอมมมมๆๆๆ

เคยอ่านในเว็บ บางคนเป็นเจ้าของกิจการ เป็นเจ้าของบริษัทหรือห้างหุ้นส่วน มีเงินเป็นล้านๆก็ไม่ได้วีซ่า
บางคนไปมาหลายประเทศจะขอวีซ่าไปฮันนีมูนที่เมกาก็ไม่ได้ เป็นเภสัช,เป็นหมอก็ไม่ได้ เป็นข้าราชการไม่ได้ก็เยอะ
เป็นนักเรียนดันได้ เป็นพนักงานบริษัทปกติก็ได้ เป็นแม่บ้านก็ได้ เอ๋า...ทำไมเป็นเช่นนิ่
คือมันไม่มีอะไรแน่นอน  พี่ๆก็เครียดกันนะ เพราะหลักๆเลยคือแทบไม่มีเงินฝาก
...........................................................................................

วันสัมภาษณ์ พี่ๆเค้าไปเข้าแถวหน้าสถานทูตตั้งแต่ตีห้าครึ่งเลย (นัดไว้ 7 โมงเช้า)
การไปเช้าๆข้อดีคือจะได้เสร็จไวๆ ถ้าไปช้าแล้วช่วงสายๆคนก็เยอะ ถ้ารอสัมภาษณ์นานจะเครียดทั้งผู้ขอวีซ่าและคนสัมภาษณ์
รีบไปรีบเสร็จนี่แหล่ะเนาะ เป็นไงเป็นกัลลลล์ ให้รู้กันไปเลย

*ด่านตรวจเอกสารนี่สำคัญมากๆเด้อ ด่านนี้แบบว่าคล้ายจะเป็นด่านคัดกรองเบื้องต้น ว่ามีแนวโน้มจะผ่านไม่ผ่าน
จนท.มีแนวคำถามว่าจะไปไหนอะไรยังไงคร่าวๆ ดูแนวคำตอบว่าน่าจะไปแล้วไม่กลับมาหรือน่าจะกลับมา
ประเภทคำถาม อยากไปอยู่กับแฟนไม๊คะ มีญาติที่นั่นไม๊คะ อยากไปทำงานที่นั่นไม๊คะ เคยไปไม๊คะ คิดถึงแฟนไม๊คะ แนวๆนี้
เวลาตอบต้องมีกึ๋นตอบ ถ้าตอบอยากไปอยู่คร่าาา หรือคิดถึงลุงมากค่ะ อยากไปหาลุงกับป้า คิดถึงแฟนคร๊า
ไปหาน้าไปพักกับน้าค่ะ น้าทำร้านอาหาร มีสิทธิ์ไม่ผ่าน  (จนท.จะคีย์ใส่คอมพ์ฯ จึ้กๆๆ)

*หลักฐานที่เตรียมไปทุกอย่าง จนท.จัดเรียงให้ใหม่ คัดเอาแค่พาสปอร์ตไทย, จดหมายเชิญ
และจดหมายรับรองการทำงานของพี่ๆ จากต้นสังกัด ใช้แค่ 3 อย่างนี้เท่านั้นเอง

*ด่านสัมภาษณ์ กงสุลสัมภาษณ์วีซ่า ตอนเช้าๆอาจอารมณ์ดี มีเวลามาก อาจจะซักละเอียด อ่านทุกอย่างๆ
หรืออาจจะอารมณ์เสียจากรถติด หงุดหงิดมาจากบ้าน หรือปัญหาร้อยแปดซึ่งมีผลต่ออารมณ์ในช่วงเช้า ฯลฯ
หรือพอสายๆคนเยอะ วุ่นวาย อาจจะให้ผ่านหรือไม่ให้ผ่านง่ายๆ ทุกอย่างประกอบกันหมด
บทจะง่ายก็ได้ปุ๊บปั๊บสองสามคำถาม บทจะไม่ให้ก็แค่ไม่กี่คำถามเหมือนกัน
แต่ถ้าหลักฐานพร้อม ตอบคำถามชัดเจน ไม่ติดๆขัดๆ โอกาสที่จะถูกปฏิเสธก็มีน้อยลง

พี่ๆบอกว่าตอนสัมภาษณ์เจอด่านหินสุดๆ ซักละเอียด ตอบคำถามไปในใจก็คิดว่าคงไม่ได้แน่เลย ทั้ง 3 คนเข้าสัมภาษณ์พร้อมกัน
กงสุลอ่านจดหมายเชิญตั้งแต่ต้นจนจบใช้เวลาสักพัก แล้วก็เริ่มซักละเอียดทีละคน

รายละเอียดในจดหมายเชิญ หมูน่อยเล่าประวัติตัวเอง บ้านอยุ่ไหน เคยทำงานที่ไหน ปัจจุบันอาชีพ
พร้อมระบุในจดหมายเชิญว่ามีเอกสารแนบมาด้วยคือใบจดทะเบียนบริษัท (ไม่ใช่ร้านอาหาร)
ใบเสียภาษีเงินได้ย้อนหลัง 3 ปี ( ไม่ได้แนบบัญชีเงินฝากเนื่องจากใบเสียภาษีแจงรายได้น่าจะเพียงพอ )
แล้วก็เขียนว่าจะพาพี่ๆไปเที่ยวไหนไปทำอะไรบ้าง โปรแกรมมีอะไรบ้าง วันไหนจะไปไหน รายละเอียดที่เที่ยวทั้งหมด
โดยในขณะที่พี่ๆพำนักอยู่ในอเมริกา หมูน่อยจะเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายทุกๆอย่าง รวมถึงประกันสุขภาพ อาหาร ที่พัก ค่าเดินทาง ฯลฯ

ด้วยเหตุผลข้างต้นแสดงให้เห็นได้ว่า มีความสามารถที่จะรับผิดชอบและดูแลพี่ๆในขณะที่พำนักในอเมริกาได้โดยไม่มีปัญหา
และไม่มีเหตุสมควรที่จะได้รับการปฏิเสธวีซ่าท่องเที่ยวนี้แต่อย่างใด  ได้โปรดอนุมัติวีซ่าท่องเที่ยว B2 นี้ด้วย จักเป็นพระคุณอย่างสูง

ขอรับรองว่าข้อมูลทุกอย่างในจดหมายฉบับนี้เป็นความสัตย์จริงทุกประการ, ลงชื่อ. หมูน่อย


ตัวอย่างจดหมายเชิญคร่าวๆเด้อ ก็อปจากในกูเกิ้ลมีหลายแบบมากๆ เลือกเอาโลดว่าจะเอาแบบไหน ฮี่ๆๆ
แล้วก็เอามาปรับเปลี่ยนประยุกต์แก้ไขใส่รายละเอียดเอาเอง เชิญไปเที่ยวอย่าลืมใส่รายละเอียดโปรแกรมท่องเที่ยวลงไปด้วย
ขอบคุณเจ้าของโพสท์มากๆที่โพสท์ให้ไว้เป็นวิทยาทาน จุ๊ฟๆๆ

...............................................................................................

กงสุลอ่านจบแล้วก็ซักถามทีละคน ถามว่าจะไปไหน คุณทำอาชีพอะไร (รับราชการกระทรวงสาธาฯ 2 คน กระทรวงศึกษา 1 คน)
จะไปเที่ยวไหน ไปวันไหน กลับวันไหน ไปกี่วัน  เป็นอะไรเกี่ยวข้องกับหมูน่อย (ญาติและครอบครัวเดียวกัน) หมูน่อยทำอะไรอยู่
ใครเป็นคนออกเงิน (ตอบว่าออกกันเองและหมูน่อยออกด้วย) พูดภาษาอังกฤษได้ไหม (พี่ๆบอกพูดได้เพียง 25% พ่ะน่ะ)
แล้วกงสุลก็ถามเป็นภาษาอังกฤษทันที เย๊ยยยยยยยยยย..ยย.!!!  พี่หมูน่อยแปลออกว่าท่านกงสุลถามอะไร
แต่พี่คิดไม่ออกว่าจะตอบภาษาอังกฤษยังไงเลยตอบเป็นไทยไป  เหอๆๆ
ทั้งสามคนเกี่ยวข้องเป็นอะไรกัน , ทำไมถึงเลือกไปช่วงวันเวลานั้น (ลาได้ช่วงนั้น) ฯลฯ
♦ ท่านกงสุลไม่ขอดูสมุดบัญชีหรือหลักฐานเอกสารอย่างอื่นเลย

..............................................................................................

กงสุลอ่านจดหมายรับรองการทำงานของแต่ละคนอย่างละเอียด ในจดหมายรับรองฯ บอกว่าทำงานตำแหน่งอะไร
ตั้งแต่ปีไหนจนถึงปัจจุบัน  และเงินเดือนปัจจุบัน ( แนวจดหมายราชการ พ่ะน่ะ)
ท่านกงสุลไม่ได้ขอดูเอกสารอื่นเพิ่ม ถามไปพิมพ์ใส่คอมพ์ไป ใช้เวลาสัมภาษณ์รวม 5 นาที
สุดท้ายก็ผ่านกันทุกคน พี่ๆบอกหมดแรงเลย คือลุ้นกันเกือบตายอยากให้ผ่านพร้อมกันทั้ง 3 คน


ตัวอย่างหนังสือรับรองการทำงานจากต้นสังกัด

หมูน่อยวิเคราะห์เอเด้อว่า เนื่องจากคิวแรกๆเช้าสุดอ่ะเนาะ กงสุลท่านคงมีเวลา เลยอ่านทุกอย่างและซักละเอียดมากๆ
ถึงแม้ว่าจะมีงานประจำทำทุกคน อายุราชการก็หลายปีทุกคน ยังโดนถามละเอียดมากๆ
* การตอบคำถาม ทุกคนต้องตอบคำถามให้เหมือนกัน รู้ว่าตัวเองจะไปไหน มีโปรแกรมอะไร ตรงกับในจดหมายเชิญ
ไม่ใช่ตอบแบบไปตายเอาดาบหน้า หรือตอบว่าไม่รู้เดี๋ยวเขาจะพาเที่ยว ก็ไปกับเค้า อันนี้ไม่ผ่านแน่ๆ
ต้องซักซ้อมกันให้ดีๆ  ( โปรแกรมจริงอาจเปลี่ยนแปลงได้ในภายหลัง แต่วันสัมภาษณ์ต้องเป๊ะๆ)

ท่านกงสุลวัยกลางคน รูปร่างท้วม พี่บอกว่าท่านไม่ยิ้มแต่ไม่ดุ ไม่เหมือนอีก 2 ช่องนั่นยิ้มแย้ม
( ไปหาอ่านในเว็บมาพบว่าท่านนี้ผ่านยากที่สุด )



ได้รับพาสปอร์ตส่งไปให้ที่บ้าน สัมภาษณ์วันจันทร์ วัพฤหัสได้รับอีเอ็มเอสแหล่ว ได้วีซ่า 10 ปีทั้ง 3 คน
หมดความหนักใจไปได้ 10 ปี รอลุ้นไปตอบคำถามอีกทีตอนขาเข้าเมกาว่าจะแสตมป์ให้อยู่กี่เดือน

สรุปเลยเด้อคือเตรียมความพร้อมไปให้มากที่สุด และที่สำคัญกว่าสิ่งอื่นใดคือ ดวง ดวง
รวมใช้เวลา 2 เดือนตั้งแต่กรอกใบสมัคร จ่ายเงิน เลือกวันสัมภาษณ์ เตรียมเอกสารต่างๆจนถึงวันสัมภาษณ์
ไม่มีใครรู้ว่าจะได้สัมภาษณ์กับกงสุลคนไหน แต่ละคนมีวิธีการตัดสินแตกต่างกันออกไป
ตั้งใจตอบคำถามด้วยความมั่นใจ ทำให้ดีที่สุด

หวังว่าคงพอเป็นแนวทางให้คนที่ยังไม่ได้วีซ่าได้พอรู้ไว้เป็นแนวทางเนาะ
ผู้ได๋วางแผนว่าสิไปเมกา รีบไปสมัครไว้แต่เนิ่นๆเลย ช่วงซัมเมอร์ใครๆก็ไปเมกา คิววันสัมภาษณ์อาจจะเต็มก็เป็นได้
ขอบคุณหลายๆที่ติดตามอ่านกระทู้หมูน่อยหอยสังข์ พ่ะน่ะ อยู่ดีมีแฮงอยู่แดงมีฮีเด้อทุกท่าน ซวดๆๆๆ งั้นก็จบแหล่วเด้อ ฮิๆๆ.
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่