คู่ใครที่คบกันแล้วมีข้อตกลงแบบนี้บ้างคะ แล้วผ่านช่วงห่างแบบนี้ไปได้ยังไง

กระทู้คำถาม
เรากับแฟนอายุเท่ากันคือ 29 ปี ตกลงกันไว้ว่าจะคบกันด้วยความเข้าใจ เขาขอให้เราเชื่อใจเขาและขอให้เราอดทน ช่วงอายุของเราทั้งคู่เป็นช่วงเวลากอบโกยความก้าวหน้าและเงินทอง เขาไม่มีเวลาให้เราเพราะเวลาส่วนใหญ่ของเขาคือ...ทำงานเพื่อหาเงินสร้างความมั่นคงให้กับครอบครัวในอนาคต เขาไม่มีเวลาพาเราไปเที่ยว ดูหนัง ช้อปปิ้งบ่อยนัก และอย่างอนบ่อยเพราะเขาไม่มีเวลาง้อ T__T เขาบอกว่าโอกาสไม่ได้มาหาเขาตลอดเพราะฉะนั้นตอนนี้เขาต้องคว้ามันไว้ อีกสิบปียี่สิบปีข้างหน้าเราค่อยสวีทกันก็ได้ (ไม่ช้าไปเหรอ!!) เขาบอกว่าถ้าเราอดทนกับเขาได้เขาสัญญาจะเป็นผู้ชายที่ดูแลเราให้มีความสุขที่สุด และเราเข้าใจเขาตัดสินใจแล้วว่าจะรอวันนั้น (วันไหนวะ)แต่ก็มีบ้างที่น้อยใจมากๆไม่เจอหน้ากันเป็นเดือนยังเคยเลยค่ะ คู่ใครเป็นแบบนี้บ้างคะช่วยแชร์หน่อยได้ไหมคะว่าจะผ่านช่วงเวลานี้ไปได้ยังไง

ปล.เค้าเคยพูดเรื่องแต่งงานแต่ทะเลาะกันเรื่องแต่งแล้วจะไปอยู่บ้านใครดี ก็เลยพักไว้ก่อนค่ะ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 21
ในฐานะผู้ใหญ่เป็นพ่อคนและผ่านชีวิตมามากมาย อยากให้มองอย่างมีเหตุมีผล  เช่นการที่ต้องไม่ได้เจอกันเป็นเพราะเขาต้องไปทำงานที่ต่างจังหวัดหรือต่างประเทศ หรืองานที่เป็นกะเป็นเวลาที่ไม่ตรงกับตนปกติทั่วไป ถ้าเป็นเช่นนี้ก็พอจะรับได้  แต่ถ้าไม่ใช่แล้วอ้างว่าทำเพื่ออนาคต  อันนี้ไม่รู้ว่าอนาคตของใคร  ไม่มีงานอะไรที่จะทำแล้วมีการสิ้นสุดและจบได้แล้วก็สร้างความมั่งคั่งที่เพียงพอได้ งานทุกงานมันจะต่อเนื่องต่อไปไม่สิ้นสุดแล้วเมื่อไหร่ถึงจะพร้อมที่จะแต่งและใช้ชีวิตร่วมกัน
     สมัยวัยหนุ่มผมเคยคิดว่าถ้าเก็บเงินได้สักหนึ่งล้านมีบ้านทาวเฮ้าสักหลังรถกะบะสักคัน ก็เลิศแล้ว  แต่พอวัยกลางคนห้าล้านยังไม่พอโตโยต้ายังรู้สึกน้อยไปต้องบ้านเดี่ยวเท่านั้น  ตอนใกล้เกษียร สิบล้านก็น้อยไป บ้านต้องโอ่อ้าหน่อย รถต้องรถBenzหรือBMWแล้วต้องรวยและมั่นคงแค่ไหนครับถึงจะมีเวลาให้เรา  ต้องรวยหรือมั่นคงแค่ไหนครับถึงจะเพียงพอ ในเมื่อชีวิตและงานมันต้องดำเนินไปเรื่อยๆไม่มีวันจบ
    ลองถามคุณพ่อหรือคุณแม่ดูก็ได้ครับ  ว่าท่านใช้ชีวิตร่วมกันตอนพร้อมทุกอย่างหรือไม่  แล้วที่ว่าร่วมทุกข์ร่วมสุขมันคืออะไร  ต้องไม่ลืมนะครับ  ชีวิตช่วงโรแมนติคมันเป็นช่วงที่ยังรักกันและแต่งงานกันใหม่ๆ  หลังจากนั้นมันจะเป็นช่วงร่วมทุกข์ร่วมสุข  ทั้งจะต้องช่วยกันเลี้ยงดูลูก สร้างฐานะร่วมกัน ตอนที่เริ่มเข้าที่เข้าทางนี่แหละ ต้องใช้ความห่วงใยเอื่ออาทรเป็นแรงผลักดันให้อยู่ร่วมกันไปตลอดรอดฝั่ง
     ที่เล่าให้ฟังก็เพื่อจะบอกว่า ต้องคุยกับคนรักว่างานกับความรัก มันต้องไปด้วยกัน ช่วงเวลากอบโกยความก้าวหน้าและเงินทองมันต้องไปพร้อมๆกับช่วงเวลากอบโกยความสุขความรักความห่วงใยเอื่ออาทรต่อกันด้วย   ชีวิตคู่ถึงจะมีความสุขและยั่งยืน
     สำหรับผม ผมกับแฟนตกลงกันไว้ว่าจะคบกันด้วยความเข้าใจ เชื่อใจและอดทนให้อภัยกันเสมอ เมื่อกลับถึงบ้านเราจะไม่โกรธกัน ไม่งอนกันให้เสียเวลาที่จะหาเรี่องคุยกันหาความสุขต่อกัน พักผ่อนด้วยกัน เวลาที่จะอยู่ด้วยกันในแต่ละวันมันน้อยมากอยู่แล้วครับ ทั้งสองตนต้องBalanceเรื่องงานกับเรื่องครอบครัวให้ดี  ไม่มากไปและน้อยไป ชีวิตคู่ถึงจะเป็นสุขครับ
ความคิดเห็นที่ 2
คิดได้สองด้านนะครับผม
มุมชายคนนึง อาจคิดแบบนี้
---เขาได้สร้างฐานะ เพื่อทำให้เราได้อยู่กันแบบสะดวกสบาย ไม่ลำบาก แน่นอนว่าอนาคต คุณอาจเปนผู้โชคดีที่สุด
    แต่เขาปล่อยเวลาให้ผ่านเลยไป เพื่ออยู่กับงาน ทุ่มเทให้กับงาน จนละเลยสิ่งที่มีอยู่ข้างๆเขาครับ
มุมชายอีกคนนึง อาจคิดแบบนี้
---เขาเลือกที่จะดูแล ใส่จนคนรอบข้าง เทคแคร์คนข้างกาย หวานใจเรา ให้มีความสุขชุ่มชื่นทุกวัน
    แต่อาจมีไม่มากมาย ไม่สะดวกสบาย แต่อยู่ใกล้ ได้ใช้เวลากับคนข้างกายเรา

...เราไม่รุ้หรอกคับว่า อนาคตเปนอย่างไร พุ่งนี้จะเปลี่ยนไปอย่างไร
สำหรับผมแล้ว ผมเลือกมีความสุขกับคนที่เรารักทุกวันครับ อย่าปล่อยให้เวลาผ่านไปโดยต้องละเลยคนข้างกายเราเลยครับ

ลองดูหนังเรื่อง Click ของ อดัม แซนเลอร์ ดูนะครับ มีแง่คิดบางอย่างอยู่ ^^
ความคิดเห็นที่ 1
คนเรามีเวลา24ชม.เท่ากันค่ะ อยู่ที่การบริหารเวลา
ไม่รู้ว่าแฟนคุณทำอาชีพอะไร   เราเองเคยผ่านช่วงเวลานั้นมา อย่าว่าแต่เป็นเดือนเลย
ไม่เจอกัน5ปี ยังผ่านมาแล้ว  แต่พอแต่งงานกัน มันดีขึ้นมากๆค่ะ
สามีเราเป็นหมอศัลยกรรมที่ประจำห้องฉุกเฉินในร.พ.เป็นส่วนใหญ่ เวลาว่างไม่แน่นอน  ยิ่งช่วงเทศกาลไม่ต้องหวัง
แต่ก็ไม่ใช่ว่าชีวิตจะไม่ว่างเลย  เค้าจัดสรรมันได้ พอได้หยุด เวลาเหล่านั้นเค้ายกให้เรากับลูกเสมอค่ะ
ความคิดเห็นที่ 24
การคิดถึงอนาคตเป็นเรื่องที่ดีค่ะ แต่อย่าแลกด้วยความสุขที่ควรมีทั้งหมดในปัจจุบัน
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่