ความเดิม ตอนที่ 3
http://ppantip.com/topic/33096607
กึง...กึง... กึง...กึง...
เสียงล้อเหล็กวิ่งผ่านรางที่ ตรงมุ่งสู่ภาคเหนือของไทย
ตอนนี้เรากับ บี อยู่ในตู้นอนของโบกี้ที่ 8 ของรถไฟ เส้นทางสายกรุงเทพ-เชียงใหม่
ตั้งแต่เกิดมาก็เพิ่งเคยนั่งรถไฟครั้งแรก ภายในตู้นอนที่ถูกแบ่งออกเป็นห้อง ดูคล้ายในหนังเรื่อง แฮร์รี่พอตเตอร์ ภาคแรก
แต่ไม่ใช่โซฟา เพียงแต่เป็น เตียงสองชั้น สองฝั่งเป็นสี่เตียง เรากับ บี เหมาห้องนี้ทั้งห้อง เพื่อที่จะได้ไม่มีใครมารบกวน
พวกเราจึงใช้เตียงชั้นสองในการวางของ ส่วนพวกเรานอนชั้นล่างกันคนละฝั่ง แม้เตียงจะแคบและไม่ใหม่นัก แต่ปลอกหมอน
ผ้าปูเตียงก็ได้ผ่านการซักทำความสะอาดมาเป็นอย่างดี
ช่วงหนึ่งเราเคยเป็นห่วงเรื่องค่าใช้จ่าย เพราะเด็กสาวสองคนไม่มีผู้ปกครองเดินทางไกล ใครก็ต้องคิดเป็นธรรมดา
แต่มีแว่บหนึ่งที่เราสังเกตุเห็นภายในกระเป๋าสะพายบี ในนั้นมีเงินแบงค์พันหลายปึก มากขนาดที่ว่า ถ้าเอามาจุดไฟเผา
คงย่างไก่สุกได้ตัวนึง เราเลยหมดความกังวลในเรื่องนี้ไป จริงๆนี่ถ้าไม่ติดว่าต้องหนีตาย คงชวนบีไป พารากอน แล้วด้วยซ้ำ
ตอนแรกเราเคยถาม บี ว่าทำไมถึงไม่นั่งเครื่องบินไป ทั้งเร็ว และสะดวกกว่า แต่เธอบอกว่า บนฟ้า เธอทำอะไรไม่ค่อยได้
และถ้าเจออสูรบินได้กลางทาง อาจจะได้ตายกันยกลำ ความคิดที่จะนั่งเครื่องบินไปเลยตกประเด็นไปเลย
ยอมรัวว่าช่วงแรกรู้สึกกังวลนิดๆที่จะโดยสารตู้นอน เพราะเมื่อปีที่แล้ว มีข่าวน่าสลดเกิดขึ้นก็เด็กผู้หญิงคนหนึ่ง
แต่ตอนนี้ เรามี "บี" อสูรสาวน้อยน่ารักสุดแกร่งอยู่ด้วย ถ้ามีพวกโรคจิตอยู่แถวๆ นี้ คิดจะเข้ามาทำมิดีมิร้าย
เราก็อยากจะท้าทายเหมือน ยัยแอ๊ว ในเรื่อง "ไอ ฟายฯ" ซะจริงๆ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้นาทีที่ 2.35
"รู้สึกเหมือนกำลังหนีตามกันเลยเนอะ ?"
เราลองพูดยอกกับ บี แต่ดูเหมือนเธอจะไม่รับมุก เธอยังคงใช้ระแวดระวังตัวอยู่ตลอดเวลา
แม้ว่าเธอจะแอบเอา กระปุกใส่ต้นไม้เล็กๆ ไปวางไว้ตามโบกี้ต่างๆ เพื่อให้รู้สึกถึงความผิดปกติ
แต่เธอยังดูไม่วางใจอยู่ดี
"เธอกังวลอะไรอยู่เหรอ ?" เราถาม บี ซ้ำอีกครั้ง
"แค่ร้อนใจน่ะ" บีตอบ "ยิ่งเข้าใกล้ทางเหนือมากขึ้นเท่าไหร่ เธอก็จะยิ่งปลอดภัยมากขึ้นเท่านั้น"
บี เล่าให้ฟังว่า ยิ่งเข้าใกล้ดินแดนที่มีป่า เขา และต้นไม้มากเท่าไหร่ พลังของเธอยิ่งเพิ่ม
ยังมีอสูรที่แกร่งกว่าเธออยู่มากมายนัก ถ้าตอนนี้เจอเข้ากับ อสูรที่เป็น บริวารของยักษ์
คงไม่มีทางรอด พวกนี้พละกำลังมหาศาลและแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก แถมยังโมโหง่าย
ขณะที่ อสูร บริวารของครุฑ หรือ นาค ก็ล้วนมีฤทธิ์มาก ไม่แพ้ เหล่าวิทยาธร นอกจากนี้
ยังมีพวก อมนุษย์ โอปปาติกะ ที่มีพลังอำนาจพิเศษ แถมยังอันตรายเอามากๆเสียด้วย
เพราะพวกนี้เป็นเหมือน มือปืนรับจ้าง คอยเก็บกวาด งานสกปรกในโลกของ อมนุษย์
แต่ถึงจะกังวลยังไง เมื่อผ่านมาครึ่งวันผ่านไป พวกเราก็เดินทางผ่านสถานีพิษณุโลก
โดยยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น เว้นแต่มี คุณยายคนหนึ่ง ขึ้นรถไฟ เข้ามาในโบกี้นอน ถัดห่างจากเราไปสองตู้
พวกเรายังคงเข้าใกล้จุดหมาย และยังคงปลอดภัย
แต่แล้ว บีก็จับสังเกตุได้ถึงบางสิ่ง เธอมองออกไปนอกหน้าต่าง และเห็นชายคนหนึ่ง
ขี่มอเตอร์ไซค์บิ๊คไบค์ ในชุดเต็มแต่ไม่สวมหมวกกันน็อค ตีคู่มากับรถไฟ ชายคนนั้นสบตากับพวกเราพร้อมแสยะยิ้มให้
ก่อนจะขับรถแซงไปยังหน้าขบวน
ตึง ! เสียงบางอย่างกระแทกลงมาบนหลังคา ก่อนรถไฟจะแซง บิ๊คไบค์ คันเมื่อครู่ ที่ถูกจอดทิ้งไว้ข้างทาง
ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเจ้าของรถอยู่ไหน ชายคนเมื่อครู่ ปรากฏตัวตรงทางเดินระหว่างโบกี้ก่อนจะจุดบุหรี่ขึ้นสูบ อย่างใจเย็น
ทันใดนั้นเอง ไฟที่ใช้จุดบุหรี่ก็ลุกไหม้ขึ้นเป็นเพลิงลูกใหญ่ ลอยอยู่เหนือมือข้างหนึ่ง
"ได้ยินว่า เธอใช้ต้นไม้ได้นี่" ชายคนนั้นพูดขึ้น "อยากรู้ถ้าโดนเผาจะเป็นยังไง"
"ขอทางยายหน่อยจ้า..."
ระหว่างที่กำลังจดๆจ้องๆกันอยู่ คุณยายที่เพิ่งขึ้นจากสถานีเมื่อครู่ ก็ลุกขึ้นมา แทรกผ่ากลางปล้อง
เราถึงกับตะลึง ขณะที่ บี ยังใจเย็นนิ่งอยู่ ราวกับจะปล่อยให้คนแก่ถูกฆ่าตายต่อหน้าจริงๆ
"ยายจะไปห้องน้ำ... ขอทางยายหน่อยจ้า..."
เสียงแหบพร้าของผู้สูงอายุเอ่ยขึ้นมาอีกครั้งอย่างน่าสงสาร โดยไม่รู้ว่ากำลังเอ่ยอยู่กับมัจจุราชเบื้องหน้า
"ขอโทษทีนะยาย..." หนุ่มบิ๊คไบค์เอ่ย "ตายห่าซะเถอะ"
พริบตานั้นเอง ลูกไฟลูกใหญ่ก็ถูกฟาดใส่ผู้สูงอายุ ทว่าด้วยความเร็วที่มองแทบไม่ทัน มือข้างที่จับลูกไฟก็ถูกปัด
โดยยายชราก่อนจะเปลี่ยนวิถีให้ไปอัดเข้ากับใบหน้าของเจ้าตัว
ไม่เท่านั้น เป็นภาพที่น่าประหลาด เมื่อเห็นหญิงชรา จับแขนทั้งสองข้างของผู้ที่คิดร้ายเธอ ที่กำลังทรมารจากการถูกไฟคลอกไว้
ก่อนจะยกขาขึ้นถีบ เข้าที่ยอดอกอย่างรุนแรง จนแขนทั้งสองข้างที่จับไว้ขาดติดมือมา โดยตัวของผู้ที่ถูกถีบทะลุหน้าต่างรถไฟที่กำลังวิ่งออกไป
และกลัวเหมือนว่าจะไม่ตาย คุณยายที่เคารพ ได้ชักปืนสั้นสองกระบอกออกมาจากข้างหลัง รัวกระสุนใส่ กลางอกร่างที่ปลิ้วออกนอกหน้าต่างไปหลายนัด
"ทีหลังเคารพผู้สูงอายุซะบ้าง ไอ้จ๊าดง่าว !"
คุณยายมีแถมตะโกนด่าไล่หลัง ถึงไอ้หนุ่ม บิ๊คไบค์ ที่ตอนนี้ คงเปลี่ยน สถานะเป็นศพชายไม่ทราบชื่อไปเรียบร้อยแล้ว
"ไง... บี..."
คุณยายผู้ชอบแถมเอ่ย ทว่าเธอคนนั้นไม่ได้เป็นหญิงชราอีกต่อไป แต่ได้กลายร่างเป็นสาวน้อย ผมดำ ที่ตัวเล็กกว่าพวกเธอ
ไว้ผมแกละสองข้าง มีนัยน์ตาดุเหมือนสัตว์ร้าย แถมยังสวมเฮดโฟนอันใหญ่ กับเสื้อแจ็คเก๊ตเหลืองดำ
"ไง... มิ้นท์..."
บีเอ่ยทักเป็นปกติ กับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า ก่อนที่สาวน้อย เฮดโฟนจะ ยิ้มโชว์เขี้ยวเล็กๆและพุ่งปรี่เข้ามา
สวมกอดบีไว้ พร้อมกับซุกไซ้หน้าไปมากับหน้าอกของบี ที่อยู่ระดับหัวของเธอพอดี
"คิดถึงจังเลย..."
เด็กสาวกล่าว พร้อมกับ หอมไปตามส่วนต่างๆของบี ก่อนจะหยุดและทำตาขวางมองมายังเรา
"ปาล์ม... นี้มิ้นท์ เป็นเพื่อนสมัยเด็กของเรา... เธอเป็น เสือสมิง..."
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
“เสือสมิง” ก็เป็นอีกหนึ่งเรื่องเล่าแห่งป่าที่หลายๆ คนคงเคยได้ยินได้ฟังผ่านหูกันบ้าง โดยเชื่อว่า เสือสมิงนั้นเป็นผีไพร หรือผีที่สิงสถิตอยู่ตามป่าเขา นับเป็นตำนานผีไทยพื้นบ้านชนิดหนึ่งที่มีเรื่องเล่าสืบต่อกันมา เพียงแต่ว่ามีความแตกต่างที่ปรากฏมาในร่างของสัตว์เจ้าป่า วันดีคืนดีจะแปลงร่างมาหลอกลวงคนที่เดินทางในป่าเพื่อจับกินเป็นอาหาร โดยมักจะแปลงตัวมาเป็นคนบาดเจ็บ สาวชาวป่า หรือเป็นคนรู้จักมาตามให้กลับบ้านเพื่อหลอกล่อให้เหยื่อหลงกล
"เหรอ..."
เราตอบแบบลากเสียง พร้อมกับเหล่ตามองไปยังยัยเปี๊ยก ที่เอาแต่ แต๊ะอั้ง บี มาตั้งแต่เมื่อครู่
ถ้าเป็นสองสามวันก่อน เราคงตกใจกลัวตัวสั่น แต่ตอนนี้ เรากล้าจ้องตาท้าทาย ประมาณว่า
หาเรื่องได้เลย
"บี..." เสือสมิงน้อยเอ่ยขึ้น "เราไม่เคยกินคนเลย แต่จะกินยัยเนี้ยเป็นคนแรก"
"หา..! เอาซี้..!" เราสวนทันควัน
"เดี๋ยวก่อน... พวกเธอโกรธอะไรกันเหรอ ?" บี ถามซื่อๆ
"คิดว่าเป็นเพราะใครกันล่ะ !"
เรากับยัยเปี๊ยก ประสานเสียงกัน ขณะที่ บี ยังเหมือนไม่เข้าใจสถานะการณ์ที่เกิดขึ้น ยัยนี่มันประสาทช้า
หรือแกล้งทำกันแน่ ไม่รู้เหรอว่าตัวเอง น่ารัก และ เนื้อหอมขนาดไหน
รถไฟยังคงเดินทางไปยังจุดหมาย โดยที่มีเพื่อนร่วมทางเพิ่มมาอีกหนึ่ง และมีรังสีการปะทะกัน
ที่ บี มองไม่เห็นเกิดขึ้นเป็นระยะๆ ระหว่างการเดินทาง
โปรดติดตาม ตอนต่อไป...
อจินไตย ตอนที่ 4
กึง...กึง... กึง...กึง...
เสียงล้อเหล็กวิ่งผ่านรางที่ ตรงมุ่งสู่ภาคเหนือของไทย
ตอนนี้เรากับ บี อยู่ในตู้นอนของโบกี้ที่ 8 ของรถไฟ เส้นทางสายกรุงเทพ-เชียงใหม่
ตั้งแต่เกิดมาก็เพิ่งเคยนั่งรถไฟครั้งแรก ภายในตู้นอนที่ถูกแบ่งออกเป็นห้อง ดูคล้ายในหนังเรื่อง แฮร์รี่พอตเตอร์ ภาคแรก
แต่ไม่ใช่โซฟา เพียงแต่เป็น เตียงสองชั้น สองฝั่งเป็นสี่เตียง เรากับ บี เหมาห้องนี้ทั้งห้อง เพื่อที่จะได้ไม่มีใครมารบกวน
พวกเราจึงใช้เตียงชั้นสองในการวางของ ส่วนพวกเรานอนชั้นล่างกันคนละฝั่ง แม้เตียงจะแคบและไม่ใหม่นัก แต่ปลอกหมอน
ผ้าปูเตียงก็ได้ผ่านการซักทำความสะอาดมาเป็นอย่างดี
ช่วงหนึ่งเราเคยเป็นห่วงเรื่องค่าใช้จ่าย เพราะเด็กสาวสองคนไม่มีผู้ปกครองเดินทางไกล ใครก็ต้องคิดเป็นธรรมดา
แต่มีแว่บหนึ่งที่เราสังเกตุเห็นภายในกระเป๋าสะพายบี ในนั้นมีเงินแบงค์พันหลายปึก มากขนาดที่ว่า ถ้าเอามาจุดไฟเผา
คงย่างไก่สุกได้ตัวนึง เราเลยหมดความกังวลในเรื่องนี้ไป จริงๆนี่ถ้าไม่ติดว่าต้องหนีตาย คงชวนบีไป พารากอน แล้วด้วยซ้ำ
ตอนแรกเราเคยถาม บี ว่าทำไมถึงไม่นั่งเครื่องบินไป ทั้งเร็ว และสะดวกกว่า แต่เธอบอกว่า บนฟ้า เธอทำอะไรไม่ค่อยได้
และถ้าเจออสูรบินได้กลางทาง อาจจะได้ตายกันยกลำ ความคิดที่จะนั่งเครื่องบินไปเลยตกประเด็นไปเลย
ยอมรัวว่าช่วงแรกรู้สึกกังวลนิดๆที่จะโดยสารตู้นอน เพราะเมื่อปีที่แล้ว มีข่าวน่าสลดเกิดขึ้นก็เด็กผู้หญิงคนหนึ่ง
แต่ตอนนี้ เรามี "บี" อสูรสาวน้อยน่ารักสุดแกร่งอยู่ด้วย ถ้ามีพวกโรคจิตอยู่แถวๆ นี้ คิดจะเข้ามาทำมิดีมิร้าย
เราก็อยากจะท้าทายเหมือน ยัยแอ๊ว ในเรื่อง "ไอ ฟายฯ" ซะจริงๆ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
"รู้สึกเหมือนกำลังหนีตามกันเลยเนอะ ?"
เราลองพูดยอกกับ บี แต่ดูเหมือนเธอจะไม่รับมุก เธอยังคงใช้ระแวดระวังตัวอยู่ตลอดเวลา
แม้ว่าเธอจะแอบเอา กระปุกใส่ต้นไม้เล็กๆ ไปวางไว้ตามโบกี้ต่างๆ เพื่อให้รู้สึกถึงความผิดปกติ
แต่เธอยังดูไม่วางใจอยู่ดี
"เธอกังวลอะไรอยู่เหรอ ?" เราถาม บี ซ้ำอีกครั้ง
"แค่ร้อนใจน่ะ" บีตอบ "ยิ่งเข้าใกล้ทางเหนือมากขึ้นเท่าไหร่ เธอก็จะยิ่งปลอดภัยมากขึ้นเท่านั้น"
บี เล่าให้ฟังว่า ยิ่งเข้าใกล้ดินแดนที่มีป่า เขา และต้นไม้มากเท่าไหร่ พลังของเธอยิ่งเพิ่ม
ยังมีอสูรที่แกร่งกว่าเธออยู่มากมายนัก ถ้าตอนนี้เจอเข้ากับ อสูรที่เป็น บริวารของยักษ์
คงไม่มีทางรอด พวกนี้พละกำลังมหาศาลและแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก แถมยังโมโหง่าย
ขณะที่ อสูร บริวารของครุฑ หรือ นาค ก็ล้วนมีฤทธิ์มาก ไม่แพ้ เหล่าวิทยาธร นอกจากนี้
ยังมีพวก อมนุษย์ โอปปาติกะ ที่มีพลังอำนาจพิเศษ แถมยังอันตรายเอามากๆเสียด้วย
เพราะพวกนี้เป็นเหมือน มือปืนรับจ้าง คอยเก็บกวาด งานสกปรกในโลกของ อมนุษย์
แต่ถึงจะกังวลยังไง เมื่อผ่านมาครึ่งวันผ่านไป พวกเราก็เดินทางผ่านสถานีพิษณุโลก
โดยยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น เว้นแต่มี คุณยายคนหนึ่ง ขึ้นรถไฟ เข้ามาในโบกี้นอน ถัดห่างจากเราไปสองตู้
พวกเรายังคงเข้าใกล้จุดหมาย และยังคงปลอดภัย
แต่แล้ว บีก็จับสังเกตุได้ถึงบางสิ่ง เธอมองออกไปนอกหน้าต่าง และเห็นชายคนหนึ่ง
ขี่มอเตอร์ไซค์บิ๊คไบค์ ในชุดเต็มแต่ไม่สวมหมวกกันน็อค ตีคู่มากับรถไฟ ชายคนนั้นสบตากับพวกเราพร้อมแสยะยิ้มให้
ก่อนจะขับรถแซงไปยังหน้าขบวน
ตึง ! เสียงบางอย่างกระแทกลงมาบนหลังคา ก่อนรถไฟจะแซง บิ๊คไบค์ คันเมื่อครู่ ที่ถูกจอดทิ้งไว้ข้างทาง
ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเจ้าของรถอยู่ไหน ชายคนเมื่อครู่ ปรากฏตัวตรงทางเดินระหว่างโบกี้ก่อนจะจุดบุหรี่ขึ้นสูบ อย่างใจเย็น
ทันใดนั้นเอง ไฟที่ใช้จุดบุหรี่ก็ลุกไหม้ขึ้นเป็นเพลิงลูกใหญ่ ลอยอยู่เหนือมือข้างหนึ่ง
"ได้ยินว่า เธอใช้ต้นไม้ได้นี่" ชายคนนั้นพูดขึ้น "อยากรู้ถ้าโดนเผาจะเป็นยังไง"
"ขอทางยายหน่อยจ้า..."
ระหว่างที่กำลังจดๆจ้องๆกันอยู่ คุณยายที่เพิ่งขึ้นจากสถานีเมื่อครู่ ก็ลุกขึ้นมา แทรกผ่ากลางปล้อง
เราถึงกับตะลึง ขณะที่ บี ยังใจเย็นนิ่งอยู่ ราวกับจะปล่อยให้คนแก่ถูกฆ่าตายต่อหน้าจริงๆ
"ยายจะไปห้องน้ำ... ขอทางยายหน่อยจ้า..."
เสียงแหบพร้าของผู้สูงอายุเอ่ยขึ้นมาอีกครั้งอย่างน่าสงสาร โดยไม่รู้ว่ากำลังเอ่ยอยู่กับมัจจุราชเบื้องหน้า
"ขอโทษทีนะยาย..." หนุ่มบิ๊คไบค์เอ่ย "ตายห่าซะเถอะ"
พริบตานั้นเอง ลูกไฟลูกใหญ่ก็ถูกฟาดใส่ผู้สูงอายุ ทว่าด้วยความเร็วที่มองแทบไม่ทัน มือข้างที่จับลูกไฟก็ถูกปัด
โดยยายชราก่อนจะเปลี่ยนวิถีให้ไปอัดเข้ากับใบหน้าของเจ้าตัว
ไม่เท่านั้น เป็นภาพที่น่าประหลาด เมื่อเห็นหญิงชรา จับแขนทั้งสองข้างของผู้ที่คิดร้ายเธอ ที่กำลังทรมารจากการถูกไฟคลอกไว้
ก่อนจะยกขาขึ้นถีบ เข้าที่ยอดอกอย่างรุนแรง จนแขนทั้งสองข้างที่จับไว้ขาดติดมือมา โดยตัวของผู้ที่ถูกถีบทะลุหน้าต่างรถไฟที่กำลังวิ่งออกไป
และกลัวเหมือนว่าจะไม่ตาย คุณยายที่เคารพ ได้ชักปืนสั้นสองกระบอกออกมาจากข้างหลัง รัวกระสุนใส่ กลางอกร่างที่ปลิ้วออกนอกหน้าต่างไปหลายนัด
"ทีหลังเคารพผู้สูงอายุซะบ้าง ไอ้จ๊าดง่าว !"
คุณยายมีแถมตะโกนด่าไล่หลัง ถึงไอ้หนุ่ม บิ๊คไบค์ ที่ตอนนี้ คงเปลี่ยน สถานะเป็นศพชายไม่ทราบชื่อไปเรียบร้อยแล้ว
"ไง... บี..."
คุณยายผู้ชอบแถมเอ่ย ทว่าเธอคนนั้นไม่ได้เป็นหญิงชราอีกต่อไป แต่ได้กลายร่างเป็นสาวน้อย ผมดำ ที่ตัวเล็กกว่าพวกเธอ
ไว้ผมแกละสองข้าง มีนัยน์ตาดุเหมือนสัตว์ร้าย แถมยังสวมเฮดโฟนอันใหญ่ กับเสื้อแจ็คเก๊ตเหลืองดำ
"ไง... มิ้นท์..."
บีเอ่ยทักเป็นปกติ กับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า ก่อนที่สาวน้อย เฮดโฟนจะ ยิ้มโชว์เขี้ยวเล็กๆและพุ่งปรี่เข้ามา
สวมกอดบีไว้ พร้อมกับซุกไซ้หน้าไปมากับหน้าอกของบี ที่อยู่ระดับหัวของเธอพอดี
"คิดถึงจังเลย..."
เด็กสาวกล่าว พร้อมกับ หอมไปตามส่วนต่างๆของบี ก่อนจะหยุดและทำตาขวางมองมายังเรา
"ปาล์ม... นี้มิ้นท์ เป็นเพื่อนสมัยเด็กของเรา... เธอเป็น เสือสมิง..."
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
"เหรอ..."
เราตอบแบบลากเสียง พร้อมกับเหล่ตามองไปยังยัยเปี๊ยก ที่เอาแต่ แต๊ะอั้ง บี มาตั้งแต่เมื่อครู่
ถ้าเป็นสองสามวันก่อน เราคงตกใจกลัวตัวสั่น แต่ตอนนี้ เรากล้าจ้องตาท้าทาย ประมาณว่า
หาเรื่องได้เลย
"บี..." เสือสมิงน้อยเอ่ยขึ้น "เราไม่เคยกินคนเลย แต่จะกินยัยเนี้ยเป็นคนแรก"
"หา..! เอาซี้..!" เราสวนทันควัน
"เดี๋ยวก่อน... พวกเธอโกรธอะไรกันเหรอ ?" บี ถามซื่อๆ
"คิดว่าเป็นเพราะใครกันล่ะ !"
เรากับยัยเปี๊ยก ประสานเสียงกัน ขณะที่ บี ยังเหมือนไม่เข้าใจสถานะการณ์ที่เกิดขึ้น ยัยนี่มันประสาทช้า
หรือแกล้งทำกันแน่ ไม่รู้เหรอว่าตัวเอง น่ารัก และ เนื้อหอมขนาดไหน
รถไฟยังคงเดินทางไปยังจุดหมาย โดยที่มีเพื่อนร่วมทางเพิ่มมาอีกหนึ่ง และมีรังสีการปะทะกัน
ที่ บี มองไม่เห็นเกิดขึ้นเป็นระยะๆ ระหว่างการเดินทาง
โปรดติดตาม ตอนต่อไป...