หลังจากสอบไฟนอล เรามีเวลาประมาณ 3 สัปดาห์ กว่ามหาลัยจะเปิดเทอมอีกครั้ง เรา 3 คน ในที่นี้เราขอเรียกเพื่อนเราอีก 2 คน เป็นเอ กับบี นะคะ เรานัดกันว่า สัปดาห์สุดท้ายก่อนที่มหาลัยจะเปิด จะนั่งรถไฟไปเที่ยวเหนือกัน ซึ่งยังไม่มีแพลนที่แน่นอนหลังจากที่หาข้อมูลและเปลี่ยนแพลนไปมา จึงได้ข้อสรุปที่ตรงกันว่าปีนี้เราจะไปเที่ยว
เมืองปายกัน
เริ่มจาก
วันที่ 6/01/58ทุกคนตีตั๋วจากบ้านกลับมากรุงเทพ เมื่อถึงสนามบินดอนเมืองก็ข้ามสะพานไปสถานีรถไฟดอนเมือง ซื้อตั๋วรถไฟ ดอนเมือง – เชียงใหม่เลย เพื่อเดินทางในวันพรุ่งนี้ บอกก่อนเลยว่าในตอนแรกเรากะจะนั่งรถไฟฟรีแต่เพื่อนเราส่งรีวิวรถไฟฟรีมาให้อ่านแบบหลายๆรูปแบบ หลังจากที่ได้อ่านแล้ว เราคิดว่าพวกเราผู้หญิง 3 คนไม่น่าจะรอด 5555 สุดท้ายได้ตั๋วเป็นรถเร็วชั้น 2 เบาะปรับเอนได้ ราคา 383 บาท
วันที่ 7/01/58
เวลารถออกคือ 13.34 น. วันนั้นเราออกไปกินข้าวกันที่ห้างก่อนจะไปสถานีรถไฟพร้อมทั้งสั่งข้าวกล่องเพื่อไปกินบนรถ แล้วนั่งแท็กซี่ไปสถานีรถไฟดอนเมือง วันนั้นกรุงเทพอากาศร้อนมาก เหงื่อท่วมตัวกันเลยทีเดียว พอมาถึงสถานีรถไฟคนที่สถานีก็มีประปรายไม่เยอะมาก
เราก็ไปนั่งรอที่ชานชาลาค่ะ แต่เราไม่แน่ใจว่าต้องรอฝั่งไหนกันแน่เห็นผู้ชายคนนึงนั่งอยู่ เลยเข้าไปถามค่ะว่าขึ้นทางนี้ถูกยัง นางบอกว่าเราว่าถูกแล้วขบวนเดียวกัน แต่นางนั่งรถไฟฟรีค่ะ พอซักพักนึงเพื่อนนางอีก 3 คนก็เดินมา แล้วขอให้บี ถ่ายรูปให้ เราก็ไม่น้อยหน้าค่ะรบกวนให้นางถ่ายรูปให้พวกเราด้วย
แช๊ะ!!
ขอบคุณพวกนาง 4 คนมา ณ โอกาสนี้ด้วยนะคะ
ลืมบอกค่ะว่า
นี่เป็นครั้งแรกกับการนั่งรถไฟของเรา เราจึงตื่นเต้นและเห่อมาก555555
ในที่สุดรถไฟของเราก็มา เวลาไม่เลทนะคะ ^^
พอรถไฟจอดเรานี่รีบใหญ่เลยค่ะ นายสถานีบอกว่า
ไม่ต้องรีบๆ โธ.. ก็เอบอกว่าต้องรีบขึ้นเพราะรถไฟจอดแค่ไม่กี่นาทีอ่า นาทีที่ขึ้นมาบนรถไฟตกใจนิดหน่อยเจอแต่ฝรั่งเกือบทั้งโบกี้โบกี้เราเป็นรถนั่งชั้น 2 ค่ะแล้วขนาบด้วยโบกี้ของรถไฟฟรี ทั้งหน้าและหลัง
รถนั่งชั้น 2 ก็เป็นประมาณนี้ค่ะ
เบาะนั่งสบายนะคะแต่อาจจะยืดขาไม่สะดวกเท่าไหร่ แนะนำว่าควรซื้อหมอนรองคอนะนอนหนุนทั้งคืนไม่ปวดคอเลยค่ะ 555555 ส่วนเพื่อนร่วมทางของเราฝั่งรถไฟฟรียังไม่มีที่นั่งค่ะ เพราะคนเยอะมากก กว่าจะได้นั่งก็ดึกแล้วค่ะ
ซักพักนึงก็มีตำรวจรถไฟเดินมาตรวจตั๋วค่ะ เราว่ามาตรการความปลอดภัยโอเคเลยนะเพราะตำรวจเค้าเดินตรวจทั้งคืนเลย
รถไฟชั้น 2 ที่เรานั่งมาเป็นรถพัดลมค่ะ เปิดหน้าต่างดูวิวได้ รู้สึกสบายมากๆ แต่กลางคืนนี่อย่างหนาวเลย
เมื่อเริ่มเข้าอยุธยาสองข้างทางรถไฟก็จะเป็นทุ่งนา ไร้อ้อยธรรมชาติล้วนๆค่ะ ไม่ผิดหวังเลย
เข้านครสรรค์แล้วค่า
ประมาณ 5 โมงเย็น เราก็รับประทานข้าวเย็นกันค่ะ (จริงๆบนรถไฟก็ข้าวขายนะคะ เราเพิ่งรู้ค่ะ ว่าบนรถไฟมีข้าวขายด้วย 55555)
รถไฟจะจอดที่สถานีต่างๆ ก็จะมีคนขึ้นมาขายอาหารค่ะ ขายน้ำ ขายข้าวโรตีสายไหม ข้าวเหนียวหมูปิ้ง ผลไม้ถุง ดึกๆ ก็จะมีโจ๊ก มีก๋วยจั๊บด้วยค่ะ เริศมากกกก มีทุกรูปแบบจริงๆ นี่คงเป็นข้อดีของการได้นั่งรถไฟค่ะ ได้เจอการใช้ชีวิตในหลายๆรูปแบบ
แสงสุดท้ายของวันแล้วค่ะ
เราใช้เวลานั่งรถไฟประมาณ 15 ชม.ค่ะ นั่งจนก้นแฉะกันเลยทีเดียว 555555 สำหรับเราสนุกค่ะตื่นเต้นมากกว่า เลยไม่ค่อยรู้สึกเหนื่อย เราอาจจะเป็นผู้หญิงถึกก็ว่าได้ค่ะ
[CR] ผู้หญิง 3 คน + กระเป๋า 3 ใบ นั่งรถไฟ ตะลุยเมืองปาย
เริ่มจากวันที่ 6/01/58ทุกคนตีตั๋วจากบ้านกลับมากรุงเทพ เมื่อถึงสนามบินดอนเมืองก็ข้ามสะพานไปสถานีรถไฟดอนเมือง ซื้อตั๋วรถไฟ ดอนเมือง – เชียงใหม่เลย เพื่อเดินทางในวันพรุ่งนี้ บอกก่อนเลยว่าในตอนแรกเรากะจะนั่งรถไฟฟรีแต่เพื่อนเราส่งรีวิวรถไฟฟรีมาให้อ่านแบบหลายๆรูปแบบ หลังจากที่ได้อ่านแล้ว เราคิดว่าพวกเราผู้หญิง 3 คนไม่น่าจะรอด 5555 สุดท้ายได้ตั๋วเป็นรถเร็วชั้น 2 เบาะปรับเอนได้ ราคา 383 บาท
วันที่ 7/01/58
เวลารถออกคือ 13.34 น. วันนั้นเราออกไปกินข้าวกันที่ห้างก่อนจะไปสถานีรถไฟพร้อมทั้งสั่งข้าวกล่องเพื่อไปกินบนรถ แล้วนั่งแท็กซี่ไปสถานีรถไฟดอนเมือง วันนั้นกรุงเทพอากาศร้อนมาก เหงื่อท่วมตัวกันเลยทีเดียว พอมาถึงสถานีรถไฟคนที่สถานีก็มีประปรายไม่เยอะมาก
เราก็ไปนั่งรอที่ชานชาลาค่ะ แต่เราไม่แน่ใจว่าต้องรอฝั่งไหนกันแน่เห็นผู้ชายคนนึงนั่งอยู่ เลยเข้าไปถามค่ะว่าขึ้นทางนี้ถูกยัง นางบอกว่าเราว่าถูกแล้วขบวนเดียวกัน แต่นางนั่งรถไฟฟรีค่ะ พอซักพักนึงเพื่อนนางอีก 3 คนก็เดินมา แล้วขอให้บี ถ่ายรูปให้ เราก็ไม่น้อยหน้าค่ะรบกวนให้นางถ่ายรูปให้พวกเราด้วย แช๊ะ!!
ขอบคุณพวกนาง 4 คนมา ณ โอกาสนี้ด้วยนะคะ
ลืมบอกค่ะว่า นี่เป็นครั้งแรกกับการนั่งรถไฟของเรา เราจึงตื่นเต้นและเห่อมาก555555
ในที่สุดรถไฟของเราก็มา เวลาไม่เลทนะคะ ^^
พอรถไฟจอดเรานี่รีบใหญ่เลยค่ะ นายสถานีบอกว่าไม่ต้องรีบๆ โธ.. ก็เอบอกว่าต้องรีบขึ้นเพราะรถไฟจอดแค่ไม่กี่นาทีอ่า นาทีที่ขึ้นมาบนรถไฟตกใจนิดหน่อยเจอแต่ฝรั่งเกือบทั้งโบกี้โบกี้เราเป็นรถนั่งชั้น 2 ค่ะแล้วขนาบด้วยโบกี้ของรถไฟฟรี ทั้งหน้าและหลัง
รถนั่งชั้น 2 ก็เป็นประมาณนี้ค่ะ
เบาะนั่งสบายนะคะแต่อาจจะยืดขาไม่สะดวกเท่าไหร่ แนะนำว่าควรซื้อหมอนรองคอนะนอนหนุนทั้งคืนไม่ปวดคอเลยค่ะ 555555 ส่วนเพื่อนร่วมทางของเราฝั่งรถไฟฟรียังไม่มีที่นั่งค่ะ เพราะคนเยอะมากก กว่าจะได้นั่งก็ดึกแล้วค่ะ
ซักพักนึงก็มีตำรวจรถไฟเดินมาตรวจตั๋วค่ะ เราว่ามาตรการความปลอดภัยโอเคเลยนะเพราะตำรวจเค้าเดินตรวจทั้งคืนเลย
รถไฟชั้น 2 ที่เรานั่งมาเป็นรถพัดลมค่ะ เปิดหน้าต่างดูวิวได้ รู้สึกสบายมากๆ แต่กลางคืนนี่อย่างหนาวเลย
เมื่อเริ่มเข้าอยุธยาสองข้างทางรถไฟก็จะเป็นทุ่งนา ไร้อ้อยธรรมชาติล้วนๆค่ะ ไม่ผิดหวังเลย
เข้านครสรรค์แล้วค่า
ประมาณ 5 โมงเย็น เราก็รับประทานข้าวเย็นกันค่ะ (จริงๆบนรถไฟก็ข้าวขายนะคะ เราเพิ่งรู้ค่ะ ว่าบนรถไฟมีข้าวขายด้วย 55555)
รถไฟจะจอดที่สถานีต่างๆ ก็จะมีคนขึ้นมาขายอาหารค่ะ ขายน้ำ ขายข้าวโรตีสายไหม ข้าวเหนียวหมูปิ้ง ผลไม้ถุง ดึกๆ ก็จะมีโจ๊ก มีก๋วยจั๊บด้วยค่ะ เริศมากกกก มีทุกรูปแบบจริงๆ นี่คงเป็นข้อดีของการได้นั่งรถไฟค่ะ ได้เจอการใช้ชีวิตในหลายๆรูปแบบ
แสงสุดท้ายของวันแล้วค่ะ
เราใช้เวลานั่งรถไฟประมาณ 15 ชม.ค่ะ นั่งจนก้นแฉะกันเลยทีเดียว 555555 สำหรับเราสนุกค่ะตื่นเต้นมากกว่า เลยไม่ค่อยรู้สึกเหนื่อย เราอาจจะเป็นผู้หญิงถึกก็ว่าได้ค่ะ