สวัสดีปีใหม่ย้อนหลังครับ
ช่วงวันพ่อที่ผ่านมา ผมได้รับชม youtube มีน้องผู้ชายคนนึงที่เค้าเล่นเพลงสรรเสริญพระบารมีด้วยกีตาร์คลาสสิกครับ เป็นมือกีตาร์คนไทยอีกคนที่ผมชอบสไตล์การเล่นของเค้าครับ ถ้าเป็นแนวคลาสสิกผมว่าน้องเค้ามาแนวอารมณ์กับเทคนิค ไม่ได้เน้นแนวใดแนวหนึ่งครับ
ตอนนี้ผมอยากให้ทุกท่านได้ฟังครับ
www.facebook.com/video.php?v=773125292760960
ตั้งแต่วันนั้นผมก็เริ่มหาผลงานของน้องคนนี้ครับ น้องคนนี้ชื่อ Ekachai Jearakul (
https://www.facebook.com/ekachai.jearakul )
เท่าที่ได้หาข้อมูลมาน้องคนนี้เค้าได้รับตำแหน่งชนะเลิศของรายการแข่งขันที่ใหญ่และยากที่สุด GFA ที่หลายสิบปีจะจัดครั้งนึง และรางวัลสำหรับผู้ที่ชนะคือ ทาง GFA เค้าจะจัด World Tour ให้น้องเค้าไปเล่นที่ 50ประเทศเลยครับ (สำหรับคนที่เล่นดนตรี ไม่ว่าจะคลาสสิก ป็อป ร้อค หรือ เฮฟวี่ ผมเชื่อว่านักดนตรีทุกคนต่างเคยมีความฝันที่จะไป World Tour โดยเฉพาะสาย Heavy Metal ที่นอกจากจะมี World Tour ของตัวเองแล้ว ยังต้องมี Stage แบบอลังการ
กล้องหมุนได้ 360องฮา ไม่ก็ มีพลุไฟพ่นออกมาตอนยกกีตาร์ขั้น Solo)
กลับเข้าประเด็นที่ผมมานั่งพิมพ์เรื่องวันนี้ครับ เมื่อวัน พฤหัสที่ผ่านมา ผมและเพื่อนๆ ไปทางอาหารที่ร้านเจ๊ไข่ซีฟู้ด พวกผมตั้งใจไปทานกั้งแก้วทอดกรอบครับ แต่วันนั้นผมโชคร้ายครับ กั้งหมดอดกินครับ เลยสั่งกุ้งทอดกระเทียมมาแทนครับ เสร็จจากร้านเจ๊ไข่พวกผมก็ย้ายไปร้านขนมที่ติดกับร้านเจ๊ไข่ แล้วเจอน้องเค้านั่งอยู่ข้างๆครับ ผมเห็นแล้วพอจำได้เลยเข้าไปทัก น้องเค้าก็บอกว่าใช่ เลยขออนุญาตินั่งคุยกับน้องเค้า น้องเค้ากันเองดีครับ เค้าบอกว่าตอนอยู่กับแฟนไม่ค่อยได้คุยกับใครนอกจากคนที่ต้องทำงานด้วย (ผมฟังแล้ว โอ้ยยยย ปัญหาเรื่องแฟนกับเพื่อนเรานี่ระดับชาติเลยครับ)
ตัดเข้าเรื่องหลักที่ทำให้ผมมาเขียนเรื่องในวันนี้ครับ ผมค่อนข้างสนใจในการใช้ชีวิตของน้องเค้า เพราะน้องเค้าประสบความสำเร็จตั้งแต่เด็กๆ และที่สำคัญน้องเค้าประสบความสำเร็จในทางที่นักดนตรีหลายๆ คนฝันเอาไว้ครับ ผมและเพื่อนๆ ที่เล่นดนตรีกันมาตั้งแต่เด็กๆ ทุกคนล้วนมีความฝันที่จะเป็นนักดนตรี แต่อาชีพนักดนตรีในไทยมันไม่ชัดเจน มันหาเงินไม่ได้ ในสายตาของผู้ใหญ่คือ อาชีพเต้นกินรำกิน ไม่มีรายได้ที่แน่นอน ผู้ใหญ่เลยไม่สนับสนุน ยิ่งในช่วงที่พวกผมยังเด็กวิธีการหาเงินมันไม่ได้ง่ายเหมือนยุคนี่ ที่ขายของออนไลน์สารพัดครับ พวกผมในช่วงนั้น ยอมรับตรงๆ เลยว่ายังขอเงินที่บ้านอยู่ เลยไม่มีปากมีเสียงในการเลือกเส้นทางของตัวเอง ดนตรีเลยเป็นได้เพียงทางสายรองครับ บทสนทนาส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องที่ผมกับเพื่อนสนใจว่าน้องเค้าทำอะไรยังไง มาเริ่มกันเลยครับ
ก้าวแรกของการเรียนดนตรี
พื้นเพน้องเค้าเป็นคน ต่างจังหวัดครับ ไม่ใช่คนกรุงเทพ น้องเบิร์ดเล่าให้ฟังว่า เด็กๆ ไม่ได้ชอบดนตรี น้องเค้าชอบเตะบอลตามประสาเด็กผู้ชายทั่วไป แต่มีวันนึงที่เห็นรุ่นพี่ที่โรงเรียนกำลังซ้อมวงโย แล้วดูน่าสนใจ เลยเข้าไปสมัคร แต่ทางวงขาดคนเป่าทรัปเป้ต เลยเริ่มชีวิตนักดนตรีจากทรัมเป้ดในวงโยครับ พอเล่นได้ซักพัก เริ่มมาคิดได้ว่า เป่าทรัมเป็ดมันไม่เท่ เลยเริ่มหาเครื่องดนตรีอื่นมาเสริมความหล่อ พอดีมีรุ่นพี่วงโยคนนึงนั่งเล่นกีตาร์ น้องเค้าเลยเปลี่ยนสายดนตรีไปเป็นมือกีตาร์แทน ผมถามน้องเค้าว่า ในช่วงเริ่มเล่นกีตาร์ หาเงินซื้อกีตาร์จากที่ไหน น้องเบิร์ดเล่าให้ฟังว่า เนื่องจากที่บ้านของเค้าไม่ได้ร่ำรวย น้องเบิร์ดจึงหารายได้พิเศษมาจากการสอนดนตรีตามบ้านต่างๆ ตั้งแต่หกโมงเช้าถึงหกโมงเย็น เก็บเล็กผสมน้อย จนได้กีตาร์ตัวแรก ราคา10,000บาท จากนั้นก็เก็บเงินจากการสอนดนตรีมาตลอดจนมีกีตาร์ดีๆ ไว้ใช้ประกวด
แรงขับเคลื่อนในการดำเนินชีวิตนักดนตรี
น้องเบิร์ดเล่าให้ฟังว่า หลังจากที่เห็นรุ่นพี่วงโยเล่นกีตาร์ ก็ยึดเค้าเป็นแรงบันดารใจมาตลอด เพราะในตอนนั้นรุ่นพี่คนนั้นชนะเลิศกีตาร์ระดับประเทศ ทำให้น้องเค้ามีไอดอลในด้านนี้ น้องเค้าเล่นให้ฟังเพิ่มว่า อีกแรงบันดาลใจคือ การที่เป็นคนที่ไม่อยากแพ้ ถ้าตั้งใจทำอะไรแล้วต้องได้ที่หนึ่ง ไม่ชอบเป็นที่สอง เลยขยันซ้อมเล่นวันละ ประมาณ 4 ชั่วโมง เป็นอย่างน้อย ถ้าวันนี้ซ้อมแล้วคิดว่าดี แต่ผลออกมาว่าได้ที่สอง พรุ่งนี้ต้องซ้อมให้เยอะขึ้นและให้ได้ดีกว่าเดิม
ช่วงที่ติดว่าตัวเองเป็นมืออาชีพแล้ว
คำถามที่ผมเคยถามนักดนตรีหลายๆ คน หลายๆ คนส่วนใหญ่บอกว่าเป็นวันที่ได้ออกอัลบั้มแรก ไม่ก็วันแรกที่ขึ้นเล่นตามผับ แต่สำหรับน้องเบิร์ดบอกว่าวันแรกที่คิดว่าเป็นนักดนตรีมืออาชีพคือ วันแรกที่ตัดสินใจเล่นกีตาร์คับ ผมถามน้องเค้าว่า ไม่เร็วไปรึเปล่า เพราะเพิ่งเริ่มเล่น แต่น้องเค้าตอบด้วยความมั่นใจว่า วันนั้นเป็นวันที่เค้าได้เลือกอาชีพการเป็นนักดนตรีเพราะฉะนั้นทุกอย่างต้องดำเนินอย่างมืออาชีพครับ ผมฟังแล้วขนลุกเลยครับ น้องเค้าชัดเจนตั้งแต่เด็กเลยครับ ช่วงที่เข้าเรียนดนตรีที่มหิดล ผมถามว่าทำไมถึงเป็นที่มหิดล น้องเค้าบอกว่า คณะดนตรีที่มหิดลเป็นที่ๆ ดีที่สุดในไทย ณ ตอนนั้นครับ และการมีสภาพแวดล้อมที่พร้อมให้เล่นดนตรี ได้ซ้อมดนตรีได้ตลอดเวลา ทำให้โอกาสและหนทางในชีวิตนักดนตรีมันชัดกว่าที่อื่น การที่สามารถได้ซ้อมกีตาร์วันละเกิน 10ชั่วโมงพร้อมมีครูดีๆ คอยให้คำแนะนำเลยทำให้ฝีมือเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
ผมถามน้องเค้าว่าทุกวันนี้ยังต้องซ้อมดนตรีถึงวันละ 10ชั่วโมงรึเปล่า น้องเค้าบอกว่า ทุกวันนี้ซ้อมวันละ 2ชั่วโมง ซ้อมเพื่อรักษาสกิลไม่ให้ตก แต่ช่วงไหนที่มีงานจะซ้อมเพิ่มมากขึ้น
ครั้งแรกที่ต้องแต่งเล็บ
หลายๆ คนสงสัยทำไมต้องแต่งเล็บ แล้วแต่งแบบไหน คือนักดนตรี Classic ต้องมีการตัดแต่งเล็บครับเพราะเสียงแต่ละเสียงของโน้ตแต่ละตัวจะไม่เหมือนกันครับ บางนิ้วน้องเบิร์ดอวดให้ดูว่า ต้องเอาลูกปิงปอง (Nitaku) มาตัดแล้วตะไบทำเป็นเล็บปลอม ส่วนนิ้วบางนิ้วก็ต้องดูแลทาครีมให้นิ่มกว่านิ้วอื่น เพราะเสียงที่ออกมาต่างกัน ผมเลยถ่ายรูปนิ้วน้องเค้ามาให้ดูกันครับ
ผมถามว่าทุกครั้งที่ขึ้นเล่นดนตรีตื่นเต้นรึเปล่า น้องเค้าบอกว่า ก่อนขึ้นเล่นจะตื่นเต้น แต่พอไปนั่งประจำที่แล้วจะตื่นเต้นไม่ได้เพราะเวลาเล่นต้องใส่ใจทุกตัวโน้ต เพราะไม่ใช่แค่เล่นให้ถูกโน้ต แต่โน้ตแต่ละตัวต้องเล่นไม่เหมือนกัน
ในวงการนักดนตรีคลาสสิกในประเทศไทย มีเพื่อนรึเปล่า
ผมถามคำถามนี้เพราะสงสัยจริงๆ เท่าที่เห็นนักกีตาร์คลาสสิกส่วนใหญ่จะเล่นคนเดียว ไม่ก็เล่นกับวง แต่ไม่เคยเห็นเล่นคู่ หรือ อิมโพรไวซ์ น้องเค้าตอบว่า ก็มีบ้างที่เล่นกีตาร์คู่ (Duet) แต่ถ้าเล่นกับคนอื่นที่ไม่ใช่สายคลาสสิก ก็จะเป็น Jack ตรงนี้ผมถามว่า Jack ไหน น้องเค้าตอบว่า Jack ธรรมรัตน์ ผมนี่ลุกเลยครับ ย้อนกลับไปปี 2009 เป็นครั้งแรกที่ผมได้รู้จัก Jack Thammarat จาก clip ประกวดกีตาร์ที่ อเมริกาครับ เค้าเป็นคนไทยคนแรกที่ไปชนะการประกวดกีตาร์ที่อเมริกา
version ตอนประกวด
version นี่ชัดกว่าครับ
ผมแปลกใจว่า ทำไมสายคลาสสิกถึงไปสนิทกับสาย Rock ได้ น้องเบิร์ดเค้าบอกว่า น้องเค้าเล่นทุกสาย ไม่ใช่แค่ Classic แต่สายอื่นก็เล่นได้ และไม่ได้เล่นแค่กีตาร์ แต่เล่นอย่างอื่นได้ด้วย สำหรับเค้า เพลง Classic เป็นงานหลัก ส่วนเพลงสายอื่นเป็น งานอดิเรก ถ้าคิดจะเล่นดนตรี อย่าจำกัดตัวเองที่สายใดสายหนึ่ง เพราะทุกสายล้วนสามารถนำมาใช้พัฒนาฝีมือตัวเองได้
ตอนนี้ได้เป็นนักดนตรีแชมป์ระดับโลกแล้ว นอกจากรักษาสกิลให้คงที่แล้วมีทางไหนบ้างที่จะเพิ่มสกิลให้ตัวเองได้อีก
น้องเบิร์ดตอบว่า การที่ได้ไปนั่งฟังนักดนตรีท่านอื่นเล่น หรือได้เล่นกับนักดนตรีท่านอื่นถือว่า ได้พัฒนาฝีมือเพราะตอนที่ฟังหรือเล่น เราจะได้เทคนิคใหม่ๆ มาหัดเสมอ เพราะคนแต่ละคนจะมีวิธีแนวทาง และ เทคนิคต่างกัน ยิ่งถ้าได้ร่วมเล่นกับนักดนตรีคนละสายแล้ว ยิ่งได้เทคนิคใหม่ๆ
สิ่งที่ได้จากการพูดคุยกับน้องเบิร์ด
มือกีตาร์คลาสสิกคนไทย ที่ได้จัดให้อยู่ในระดับโลก ไม่ว่าจะทำอะไร หรือตั้งใจจะเป็นอะไรล้วนต้องมีเป้าหมายที่ชัดเจน มีความตั้งใจที่ไม่ย่อท้อ มีระเบียบวินัย มีความขยัน และ ความไม่ลุ่มหลงกับเกียรติยศชื่อเสียงและเงินรายได้ที่เพิ่มมากขึ้น แม้ว่าจะเป็นนักดนตรีระดับโลกและมี World Tour เป็นของตัวเองแล้ว แต่ก็ยังคงทำตัวเหมือนคนปรกติที่นั่งรถเมล์ ทานอาหารร้านข้างทาง พูดคุยกับคนรอบข้างอย่างไม่ถือตัว ผมเชื่อว่าคนไทยถ้าตั้งใจทำอะไรก็ไม่แพ้ชาติใดในโลกครับ
ผมอยากให้เด็กๆ ในยุค Gen ME ได้เรียนรู้จากคนที่ประสบความสำเร็จจากคนไทยด้วยกันครับ เพราะทุกวันนี้เวลารับพนักงานเด็กๆ ที่เพิ่งจบเด็กๆสมัยนี้จะขาดเรื่องเหล่านี้ครับ
คลิป YouTube เพลงเพราะจากน้องเบิร์ด และ คุณ Jack Thammarat
น้องเบิร์ด
ใกล้รุ่ง
Canon in D
Concierto de Aranjuez (1) Live with TPO
เล่นในงานแสดง พระมหาชนก
ถ้าใครสนใจหรืออยากฟังน้องเค้าเล่นสด น้องเค้าจะมีงานแสดงวันที่ 7 กพ
ที่จะถึงนี้ (เดือนหน้า) นะครับ
Jack Thammarat
On The Way live @ Overtone Bangkogr]เพลงที่ชนะการประกวด
Falling In Love Again
Akira Jimbo Jam With Jack Thammarat & Pap Infinity @ Silver Lake Music
Festival Pattaya 2012
คนไทยเก่งๆ ที่ได้ไประดับโลกมีหลายคนแต่สายดนตรีถือว่ายากเพราะความคิดของคนไทยยังคิดว่านักดนตรีเป็นอาชีพเต้นกินรำกิน ผมมีความเห็นว่า คนเราตั้งใจที่จะทำอะไรจริงๆ แล้ว ก็จะประสบความสำเร็จครับ ขอแค่มีความขยัน ตั้งใจ ไม่ย่อท้อ ความไม่ลุ่มหลงกับความสำเร็จ ชื่อเสียง เงินทอง ครับ
ข้อคิดและแนวทางชีวิตของชีวิตคนไทยระดับโลก
ช่วงวันพ่อที่ผ่านมา ผมได้รับชม youtube มีน้องผู้ชายคนนึงที่เค้าเล่นเพลงสรรเสริญพระบารมีด้วยกีตาร์คลาสสิกครับ เป็นมือกีตาร์คนไทยอีกคนที่ผมชอบสไตล์การเล่นของเค้าครับ ถ้าเป็นแนวคลาสสิกผมว่าน้องเค้ามาแนวอารมณ์กับเทคนิค ไม่ได้เน้นแนวใดแนวหนึ่งครับ
ตอนนี้ผมอยากให้ทุกท่านได้ฟังครับ
www.facebook.com/video.php?v=773125292760960
ตั้งแต่วันนั้นผมก็เริ่มหาผลงานของน้องคนนี้ครับ น้องคนนี้ชื่อ Ekachai Jearakul ( https://www.facebook.com/ekachai.jearakul )
เท่าที่ได้หาข้อมูลมาน้องคนนี้เค้าได้รับตำแหน่งชนะเลิศของรายการแข่งขันที่ใหญ่และยากที่สุด GFA ที่หลายสิบปีจะจัดครั้งนึง และรางวัลสำหรับผู้ที่ชนะคือ ทาง GFA เค้าจะจัด World Tour ให้น้องเค้าไปเล่นที่ 50ประเทศเลยครับ (สำหรับคนที่เล่นดนตรี ไม่ว่าจะคลาสสิก ป็อป ร้อค หรือ เฮฟวี่ ผมเชื่อว่านักดนตรีทุกคนต่างเคยมีความฝันที่จะไป World Tour โดยเฉพาะสาย Heavy Metal ที่นอกจากจะมี World Tour ของตัวเองแล้ว ยังต้องมี Stage แบบอลังการ
กล้องหมุนได้ 360องฮา ไม่ก็ มีพลุไฟพ่นออกมาตอนยกกีตาร์ขั้น Solo)
กลับเข้าประเด็นที่ผมมานั่งพิมพ์เรื่องวันนี้ครับ เมื่อวัน พฤหัสที่ผ่านมา ผมและเพื่อนๆ ไปทางอาหารที่ร้านเจ๊ไข่ซีฟู้ด พวกผมตั้งใจไปทานกั้งแก้วทอดกรอบครับ แต่วันนั้นผมโชคร้ายครับ กั้งหมดอดกินครับ เลยสั่งกุ้งทอดกระเทียมมาแทนครับ เสร็จจากร้านเจ๊ไข่พวกผมก็ย้ายไปร้านขนมที่ติดกับร้านเจ๊ไข่ แล้วเจอน้องเค้านั่งอยู่ข้างๆครับ ผมเห็นแล้วพอจำได้เลยเข้าไปทัก น้องเค้าก็บอกว่าใช่ เลยขออนุญาตินั่งคุยกับน้องเค้า น้องเค้ากันเองดีครับ เค้าบอกว่าตอนอยู่กับแฟนไม่ค่อยได้คุยกับใครนอกจากคนที่ต้องทำงานด้วย (ผมฟังแล้ว โอ้ยยยย ปัญหาเรื่องแฟนกับเพื่อนเรานี่ระดับชาติเลยครับ)
ตัดเข้าเรื่องหลักที่ทำให้ผมมาเขียนเรื่องในวันนี้ครับ ผมค่อนข้างสนใจในการใช้ชีวิตของน้องเค้า เพราะน้องเค้าประสบความสำเร็จตั้งแต่เด็กๆ และที่สำคัญน้องเค้าประสบความสำเร็จในทางที่นักดนตรีหลายๆ คนฝันเอาไว้ครับ ผมและเพื่อนๆ ที่เล่นดนตรีกันมาตั้งแต่เด็กๆ ทุกคนล้วนมีความฝันที่จะเป็นนักดนตรี แต่อาชีพนักดนตรีในไทยมันไม่ชัดเจน มันหาเงินไม่ได้ ในสายตาของผู้ใหญ่คือ อาชีพเต้นกินรำกิน ไม่มีรายได้ที่แน่นอน ผู้ใหญ่เลยไม่สนับสนุน ยิ่งในช่วงที่พวกผมยังเด็กวิธีการหาเงินมันไม่ได้ง่ายเหมือนยุคนี่ ที่ขายของออนไลน์สารพัดครับ พวกผมในช่วงนั้น ยอมรับตรงๆ เลยว่ายังขอเงินที่บ้านอยู่ เลยไม่มีปากมีเสียงในการเลือกเส้นทางของตัวเอง ดนตรีเลยเป็นได้เพียงทางสายรองครับ บทสนทนาส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องที่ผมกับเพื่อนสนใจว่าน้องเค้าทำอะไรยังไง มาเริ่มกันเลยครับ
ก้าวแรกของการเรียนดนตรี
พื้นเพน้องเค้าเป็นคน ต่างจังหวัดครับ ไม่ใช่คนกรุงเทพ น้องเบิร์ดเล่าให้ฟังว่า เด็กๆ ไม่ได้ชอบดนตรี น้องเค้าชอบเตะบอลตามประสาเด็กผู้ชายทั่วไป แต่มีวันนึงที่เห็นรุ่นพี่ที่โรงเรียนกำลังซ้อมวงโย แล้วดูน่าสนใจ เลยเข้าไปสมัคร แต่ทางวงขาดคนเป่าทรัปเป้ต เลยเริ่มชีวิตนักดนตรีจากทรัมเป้ดในวงโยครับ พอเล่นได้ซักพัก เริ่มมาคิดได้ว่า เป่าทรัมเป็ดมันไม่เท่ เลยเริ่มหาเครื่องดนตรีอื่นมาเสริมความหล่อ พอดีมีรุ่นพี่วงโยคนนึงนั่งเล่นกีตาร์ น้องเค้าเลยเปลี่ยนสายดนตรีไปเป็นมือกีตาร์แทน ผมถามน้องเค้าว่า ในช่วงเริ่มเล่นกีตาร์ หาเงินซื้อกีตาร์จากที่ไหน น้องเบิร์ดเล่าให้ฟังว่า เนื่องจากที่บ้านของเค้าไม่ได้ร่ำรวย น้องเบิร์ดจึงหารายได้พิเศษมาจากการสอนดนตรีตามบ้านต่างๆ ตั้งแต่หกโมงเช้าถึงหกโมงเย็น เก็บเล็กผสมน้อย จนได้กีตาร์ตัวแรก ราคา10,000บาท จากนั้นก็เก็บเงินจากการสอนดนตรีมาตลอดจนมีกีตาร์ดีๆ ไว้ใช้ประกวด
แรงขับเคลื่อนในการดำเนินชีวิตนักดนตรี
น้องเบิร์ดเล่าให้ฟังว่า หลังจากที่เห็นรุ่นพี่วงโยเล่นกีตาร์ ก็ยึดเค้าเป็นแรงบันดารใจมาตลอด เพราะในตอนนั้นรุ่นพี่คนนั้นชนะเลิศกีตาร์ระดับประเทศ ทำให้น้องเค้ามีไอดอลในด้านนี้ น้องเค้าเล่นให้ฟังเพิ่มว่า อีกแรงบันดาลใจคือ การที่เป็นคนที่ไม่อยากแพ้ ถ้าตั้งใจทำอะไรแล้วต้องได้ที่หนึ่ง ไม่ชอบเป็นที่สอง เลยขยันซ้อมเล่นวันละ ประมาณ 4 ชั่วโมง เป็นอย่างน้อย ถ้าวันนี้ซ้อมแล้วคิดว่าดี แต่ผลออกมาว่าได้ที่สอง พรุ่งนี้ต้องซ้อมให้เยอะขึ้นและให้ได้ดีกว่าเดิม
ช่วงที่ติดว่าตัวเองเป็นมืออาชีพแล้ว
คำถามที่ผมเคยถามนักดนตรีหลายๆ คน หลายๆ คนส่วนใหญ่บอกว่าเป็นวันที่ได้ออกอัลบั้มแรก ไม่ก็วันแรกที่ขึ้นเล่นตามผับ แต่สำหรับน้องเบิร์ดบอกว่าวันแรกที่คิดว่าเป็นนักดนตรีมืออาชีพคือ วันแรกที่ตัดสินใจเล่นกีตาร์คับ ผมถามน้องเค้าว่า ไม่เร็วไปรึเปล่า เพราะเพิ่งเริ่มเล่น แต่น้องเค้าตอบด้วยความมั่นใจว่า วันนั้นเป็นวันที่เค้าได้เลือกอาชีพการเป็นนักดนตรีเพราะฉะนั้นทุกอย่างต้องดำเนินอย่างมืออาชีพครับ ผมฟังแล้วขนลุกเลยครับ น้องเค้าชัดเจนตั้งแต่เด็กเลยครับ ช่วงที่เข้าเรียนดนตรีที่มหิดล ผมถามว่าทำไมถึงเป็นที่มหิดล น้องเค้าบอกว่า คณะดนตรีที่มหิดลเป็นที่ๆ ดีที่สุดในไทย ณ ตอนนั้นครับ และการมีสภาพแวดล้อมที่พร้อมให้เล่นดนตรี ได้ซ้อมดนตรีได้ตลอดเวลา ทำให้โอกาสและหนทางในชีวิตนักดนตรีมันชัดกว่าที่อื่น การที่สามารถได้ซ้อมกีตาร์วันละเกิน 10ชั่วโมงพร้อมมีครูดีๆ คอยให้คำแนะนำเลยทำให้ฝีมือเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
ผมถามน้องเค้าว่าทุกวันนี้ยังต้องซ้อมดนตรีถึงวันละ 10ชั่วโมงรึเปล่า น้องเค้าบอกว่า ทุกวันนี้ซ้อมวันละ 2ชั่วโมง ซ้อมเพื่อรักษาสกิลไม่ให้ตก แต่ช่วงไหนที่มีงานจะซ้อมเพิ่มมากขึ้น
ครั้งแรกที่ต้องแต่งเล็บ
หลายๆ คนสงสัยทำไมต้องแต่งเล็บ แล้วแต่งแบบไหน คือนักดนตรี Classic ต้องมีการตัดแต่งเล็บครับเพราะเสียงแต่ละเสียงของโน้ตแต่ละตัวจะไม่เหมือนกันครับ บางนิ้วน้องเบิร์ดอวดให้ดูว่า ต้องเอาลูกปิงปอง (Nitaku) มาตัดแล้วตะไบทำเป็นเล็บปลอม ส่วนนิ้วบางนิ้วก็ต้องดูแลทาครีมให้นิ่มกว่านิ้วอื่น เพราะเสียงที่ออกมาต่างกัน ผมเลยถ่ายรูปนิ้วน้องเค้ามาให้ดูกันครับ
ผมถามว่าทุกครั้งที่ขึ้นเล่นดนตรีตื่นเต้นรึเปล่า น้องเค้าบอกว่า ก่อนขึ้นเล่นจะตื่นเต้น แต่พอไปนั่งประจำที่แล้วจะตื่นเต้นไม่ได้เพราะเวลาเล่นต้องใส่ใจทุกตัวโน้ต เพราะไม่ใช่แค่เล่นให้ถูกโน้ต แต่โน้ตแต่ละตัวต้องเล่นไม่เหมือนกัน
ในวงการนักดนตรีคลาสสิกในประเทศไทย มีเพื่อนรึเปล่า
ผมถามคำถามนี้เพราะสงสัยจริงๆ เท่าที่เห็นนักกีตาร์คลาสสิกส่วนใหญ่จะเล่นคนเดียว ไม่ก็เล่นกับวง แต่ไม่เคยเห็นเล่นคู่ หรือ อิมโพรไวซ์ น้องเค้าตอบว่า ก็มีบ้างที่เล่นกีตาร์คู่ (Duet) แต่ถ้าเล่นกับคนอื่นที่ไม่ใช่สายคลาสสิก ก็จะเป็น Jack ตรงนี้ผมถามว่า Jack ไหน น้องเค้าตอบว่า Jack ธรรมรัตน์ ผมนี่ลุกเลยครับ ย้อนกลับไปปี 2009 เป็นครั้งแรกที่ผมได้รู้จัก Jack Thammarat จาก clip ประกวดกีตาร์ที่ อเมริกาครับ เค้าเป็นคนไทยคนแรกที่ไปชนะการประกวดกีตาร์ที่อเมริกา
version ตอนประกวด
version นี่ชัดกว่าครับ
ผมแปลกใจว่า ทำไมสายคลาสสิกถึงไปสนิทกับสาย Rock ได้ น้องเบิร์ดเค้าบอกว่า น้องเค้าเล่นทุกสาย ไม่ใช่แค่ Classic แต่สายอื่นก็เล่นได้ และไม่ได้เล่นแค่กีตาร์ แต่เล่นอย่างอื่นได้ด้วย สำหรับเค้า เพลง Classic เป็นงานหลัก ส่วนเพลงสายอื่นเป็น งานอดิเรก ถ้าคิดจะเล่นดนตรี อย่าจำกัดตัวเองที่สายใดสายหนึ่ง เพราะทุกสายล้วนสามารถนำมาใช้พัฒนาฝีมือตัวเองได้
ตอนนี้ได้เป็นนักดนตรีแชมป์ระดับโลกแล้ว นอกจากรักษาสกิลให้คงที่แล้วมีทางไหนบ้างที่จะเพิ่มสกิลให้ตัวเองได้อีก
น้องเบิร์ดตอบว่า การที่ได้ไปนั่งฟังนักดนตรีท่านอื่นเล่น หรือได้เล่นกับนักดนตรีท่านอื่นถือว่า ได้พัฒนาฝีมือเพราะตอนที่ฟังหรือเล่น เราจะได้เทคนิคใหม่ๆ มาหัดเสมอ เพราะคนแต่ละคนจะมีวิธีแนวทาง และ เทคนิคต่างกัน ยิ่งถ้าได้ร่วมเล่นกับนักดนตรีคนละสายแล้ว ยิ่งได้เทคนิคใหม่ๆ
สิ่งที่ได้จากการพูดคุยกับน้องเบิร์ด
มือกีตาร์คลาสสิกคนไทย ที่ได้จัดให้อยู่ในระดับโลก ไม่ว่าจะทำอะไร หรือตั้งใจจะเป็นอะไรล้วนต้องมีเป้าหมายที่ชัดเจน มีความตั้งใจที่ไม่ย่อท้อ มีระเบียบวินัย มีความขยัน และ ความไม่ลุ่มหลงกับเกียรติยศชื่อเสียงและเงินรายได้ที่เพิ่มมากขึ้น แม้ว่าจะเป็นนักดนตรีระดับโลกและมี World Tour เป็นของตัวเองแล้ว แต่ก็ยังคงทำตัวเหมือนคนปรกติที่นั่งรถเมล์ ทานอาหารร้านข้างทาง พูดคุยกับคนรอบข้างอย่างไม่ถือตัว ผมเชื่อว่าคนไทยถ้าตั้งใจทำอะไรก็ไม่แพ้ชาติใดในโลกครับ
ผมอยากให้เด็กๆ ในยุค Gen ME ได้เรียนรู้จากคนที่ประสบความสำเร็จจากคนไทยด้วยกันครับ เพราะทุกวันนี้เวลารับพนักงานเด็กๆ ที่เพิ่งจบเด็กๆสมัยนี้จะขาดเรื่องเหล่านี้ครับ
คลิป YouTube เพลงเพราะจากน้องเบิร์ด และ คุณ Jack Thammarat
น้องเบิร์ด
ใกล้รุ่ง
Canon in D
Concierto de Aranjuez (1) Live with TPO
เล่นในงานแสดง พระมหาชนก
ถ้าใครสนใจหรืออยากฟังน้องเค้าเล่นสด น้องเค้าจะมีงานแสดงวันที่ 7 กพ
ที่จะถึงนี้ (เดือนหน้า) นะครับ
Jack Thammarat
On The Way live @ Overtone Bangkogr]เพลงที่ชนะการประกวด
Falling In Love Again
Akira Jimbo Jam With Jack Thammarat & Pap Infinity @ Silver Lake Music
Festival Pattaya 2012
คนไทยเก่งๆ ที่ได้ไประดับโลกมีหลายคนแต่สายดนตรีถือว่ายากเพราะความคิดของคนไทยยังคิดว่านักดนตรีเป็นอาชีพเต้นกินรำกิน ผมมีความเห็นว่า คนเราตั้งใจที่จะทำอะไรจริงๆ แล้ว ก็จะประสบความสำเร็จครับ ขอแค่มีความขยัน ตั้งใจ ไม่ย่อท้อ ความไม่ลุ่มหลงกับความสำเร็จ ชื่อเสียง เงินทอง ครับ