หลังจากเมื่อวานที่ผมนั่งอ่านข่าวผ่านๆแล้วก็เจอว่าดารานักแสดง หรือ คนไทยอย่างเราๆก็ไปสร้างชื่อเสียงในนิวยอร์กเยอะเหมือนกันแฮะ ด้วยความที่ไอ้เราก็เป็นคนขี้สงสัยอยู่แล้ว ก็เลยอยากรู้ว่าที่ผ่านๆมามีคนไทยที่มีชื่อเสียงคนไหนไปทำอะไรบ้างในนิวยอร์ก แล้วไหนๆก็จะหาแล้ว วันนี้เลยขอรวบรวมมาให้ตั้งเป็นกระทู้นี้เลยละกันครับ
1. บี้ สุกฤษฎิ์ วิเศษแก้ว
คนแรกของเรานะครับ คือ คุณบี้ สุกฤษฎิ์ หรือ บี้ เดอะสตาร์ของเรานี้เอง โดยเมื่อช่วงปลายเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาได้ทำการแสดงละครบรอดเวย์ เรื่อง Waterfall the Musical หรือ ข้างหลังภาพนั้นเองครับ โดยจะจัดการแสดงในช่วงต้นปี 2015 ที่โรงละคร บรอดเวย์ แม้บทวิจารณ์ของเว็บไซด์ Hollywood Reporter กับ Variety จะค่อนข้างบอกว่าคุณบี้ สุกฤษฎิ์ ยังแสดงได้ไม่ค่อยเป็นท่าพอใจสักเท่าไร แต่โดยภาพรวมแล้วก็ถือว่าเป็นคำวิจารณ์ที่จะช่วยเป็นแรงผลักดันให้เกิดการพัฒนาในด้านการแสดงของคุณบี้ สุกฤษฎิ์ ในรอบการแสดงถัดไปให้ดีมากกว่าเดิมครับ และสำหรับละคร Waterfall the Musical ถูกดัดแปลงมาจากวรรณกรรมคลาสิกเรื่อง ข้างหลังภาพ หรือ Behind the painting ของศรีบูรพาครับ โดยเขียนบทและเพลงโดย ริชาร์ด เมลท์บี, จูเนียร์ ดนตรีโดย เดวิด ไชร์, ออกแบบท่าเต้นรำโดย แดน เน็คเจส (Knechtges) และกำกับการแสดงโดย แท็ค วีรวรรณ หรือถกลเกียรติ วีรวรรณ โดยในส่วนเนื้อหานั้นเป็น “เรื่องราวความรักระดับมหากาพย์” ซึ่งเกิดขึ้นที่กรุงเทพฯ และโตเกียวในช่วงปี 1933 และ 1939 อันเป็นช่วงที่เกิดเหตุการณ์วุ่นวายขึ้นมากมาย ทั้งการเปลี่ยนแปลงการปกครองในประเทศไทย และความตึงเครียดจนเกือบจะเกิดสงครามระหว่างไทยกับญี่ปุ่นด้วย โดยตัวละครหลักคือ นพพร นักศึกษาไทยที่ตกหลุมรักภรรยาชาวอเมริกันของนักการทูตไทย ซึ่งเรื่องราว “รักต้องห้าม” ของทั้งสองเดินควบคู่ไปกับกระแส “แอนตี้ญี่ปุ่นและอเมริกัน”ที่เกิดขึ้นในประเทศไทยยุคนั้น (ขอบคุณข้อมูลจากhttp://www.thairath.co.th/content/461766 ) และสำหรับโรงละคร บรอดเวย์ นี้นะครับเราคงเคยเห็นในภาพยนตร์บ่อยๆ มีเรื่องราวประวัติมากมาย เป็นสถานที่ที่ปลุกปั้นดาราระดับโลกอย่าง จอห์น อาเธอร์ คาร์ราดีน (เดวิด คาร์ราดีน ที่คนไทยรู้จักในภาพยนตร์ Kill Bill) หรือ ละครเพลงระดับตำนานเรื่อง The Phantom Of Opera และเป็นหนึ่งในที่ที่นักนิยมช๊อปปิ้งไม่น่าพลาด เรียกได้ว่าถ้าเกิดได้มีโอกาสไปเดินเล่นแถวนี้ซึมซับเอาบรรยากาศแบบในหนัง ถ่ายรูป ช๊อปปิ้งกันก็แทบจะลืมวันลืมคืนกันเลยทีเดียว
2. บัณฑิต อึ้งรังษี
วาทยกรชาวไทย ที่ได้รับการยอมรับจากนานาชาติว่าเป็นวาทยกรรุ่นใหม่ที่สำคัญคนหนึ่งของโลก จากการที่เขาได้รับรางวัลการแข่งขันวาทยกรระดับนานาชาติหลายครั้ง เช่น ที่ประเทศฝรั่งเศส ( Besancon Competition ) ในปี พ.ศ. 2540, ที่ประเทศโปรตุเกส (รางวัลชนะเลิศ) ในปีพ.ศ. 2542 ,ที่ประเทศฮังการี ในปีพ.ศ. 2545 และล่าสุดที่ Carnegie Hall แห่งมหานครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา ในปีพ.ศ.2545 จากการแข่งขัน Maazel-Vilar International Conducting Competition ซึ่งเป็นการแข่งขันวาทยกรที่สำคัญที่สุดในโลก โดยบัณฑิต อึ้งรังซีเป็นผู้ชนะเลิศจากผู้แข่งขัน 362 คนทั่วโลก จากการตัดสินของคณะกรรมการที่มีชื่อเสียงของโลกเช่น Lorin Maazel, Kyung-Wha Chung, Glenn Dicterow, Krzysztof Penderecki ฯลฯ
3. คุณเบิร์ด-เอกชัย เจียรกุล
และพลาดไม่ได้กับคนนี้ครับ คุณเบิร์ด-เอกชัย เจียรกุลเจ้าของตำแหน่งชนะเลิศ Guitar Foundation of America International Concert Artist Competition ประจำปี 2014 เป็นคนแรกของประเทศไทยและในทวีปเอเชีย ที่ได้รับรางวัลชนะเลิศนี้ โดยผมได้ยกคำพูดบางส่วนจากบทสัมภาษณ์ของคุณเบิร์ดมาฝากด้วยครับ เพราะว่าอ่านแล้วมันจับใจจริงๆ “ผมเชื่อว่าความสำเร็จเกิดขึ้นได้เพราะ 1. มีใจรัก 2. ความตั้งใจกับเป้าหมายที่ชัดเจน 3. ห้ามล้มเลิก สามอย่างนี้ ทำให้เป็นไปได้ มีคำพูดหนึ่งที่ผมชอบและนึกถึงตลอด คือ“ถ้าเราจะยิงหงส์ ให้เล็งไปถึงดวงจันทร์ พลาดพลั้งยังอยู่ในหมู่ดาว” เป็นสุภาษิตจีน ที่บอกว่า ฝันทั้งที ฝันให้ใหญ่ไปเลย อย่าคิดว่าทำไม่ได้ ผมเชื่อในเรื่องความตั้งใจ เราต้องมุ่งมั่นทำให้ดีที่สุดก่อน แล้วความสำเร็จจะตามมา เหมือนที่ผมมีวันนี้ได้ และเคล็ดลับความสำเร็จ ทุกครั้งที่ผมแพ้ ผมซ้อมหนักกว่าเดิม อย่างเวทีการแข่งขันรายการ GFA ที่ผ่านมา ซ้อมหนักที่สุดในชีวิต เท่าที่เคยทำมา รายการอื่นก็หนัก แต่อันนี้ สุดๆ แล้ว ซ้อมจนร่างกายบอกไม่ไหว แต่ก็ไม่พัก ผมซ้อมในหัวจินตนาการโน้ตทุกตัว เช่นเล่นเพลงนี้ต้องจับคอร์ดอะไร จนหลับไปพร้อมกับเสียง ขนาดฝัน ยังได้ยินเพลงบรรเลงในหัว”
และที่สำคัญในช่วงสิ้นปีนี้เองครับ คุณเบิร์ดจะได้มีโอกาสไปเล่นที่ Carnegie Hall ที่เดียวกับคุณบัณฑิตครับ ซึ่งผมเหมือนจะเห็นว่ามีโครงการที่รับสมัครน้องๆที่เล่นดนตรีคลาสสิกได้มีโอกาสไปร่วมชมการแสดงของคุณเบิร์ดด้วยครับ
โดย Carnegie Hall นะครับ ตั้งอยู่ เวสต์ 56 ระหว่างถนน 6 และ 7 ในมิดทาวน์แมนฮัตตัน โดยมีมีจุดสังเกตุคือ อยู่ตรงข้ามตึกสูงระฟ้าอย่าง city spire centerโรงละครแห่งฝันของนักดนตรีดังจากทั่วทุกมุมโลก โดยเมื่อย้อนกลับไปเมื่อเกือบ 13 ปีที่แล้ว เรามีคนไทยระดับโลกได้ขึ้นไปแข่งขันบนเวทีแห่งนี้ และสร้างชื่อเสียงให้คนไทยเป็นที่รู้จัก กับวลีที่ยังใช้กันมาถึงปัจจุบัน “คนไทย...ตั้งใจทำอะไรไม่แพ้ชาติใดในโลก” (ถึงแม้ตอนนี้ก็ยังคงเอามาใช้ประชดประชัดเสียดสีกันเองในหมู่เด็กเกรียน ฮ่าๆๆ ) แล้วก็คำพูดที่ว่าถ้าคุณจะไป คาร์เนกี้ ฮอลล์ คุณก็จะต้อง ซ้อม...ซ้อม ซ้อม และก็ซ้อม ซึ่งก็คือคุณบัณฑิต อึ้งรังษี นั้นเองครับ ซึ่งสำหรับปีนี้ก็เป็นคิวของคุณเบิร์ดที่จะได้มีไปสร้างชื่อเสียงบ้าง น่าภูมิใจจริงๆ
นอกจาก 3 ท่านนี้แล้วยังมีคนอื่นๆที่ไปสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทยที่นิวยอร์ก เช่น คุณเมธาวี สายัมพล Drag Queen และ Cheera Choo หรือ โรลซี่ นางแบบไทยที่โกอินเตอร์ในนิวยอร์ค ซึ่งถ้าผมมีโอกาสจะหาข้อมูลมาให้นะครับ ถ้าเพื่อนๆคนไหนมีคนไทยที่สร้างชื่อเสียงที่นิวยอร์อีกก็บอกได้เลยะนครับ
ตามรอยคนไทยกับสถานที่สำคัญในนิวยอร์ก
1. บี้ สุกฤษฎิ์ วิเศษแก้ว
คนแรกของเรานะครับ คือ คุณบี้ สุกฤษฎิ์ หรือ บี้ เดอะสตาร์ของเรานี้เอง โดยเมื่อช่วงปลายเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาได้ทำการแสดงละครบรอดเวย์ เรื่อง Waterfall the Musical หรือ ข้างหลังภาพนั้นเองครับ โดยจะจัดการแสดงในช่วงต้นปี 2015 ที่โรงละคร บรอดเวย์ แม้บทวิจารณ์ของเว็บไซด์ Hollywood Reporter กับ Variety จะค่อนข้างบอกว่าคุณบี้ สุกฤษฎิ์ ยังแสดงได้ไม่ค่อยเป็นท่าพอใจสักเท่าไร แต่โดยภาพรวมแล้วก็ถือว่าเป็นคำวิจารณ์ที่จะช่วยเป็นแรงผลักดันให้เกิดการพัฒนาในด้านการแสดงของคุณบี้ สุกฤษฎิ์ ในรอบการแสดงถัดไปให้ดีมากกว่าเดิมครับ และสำหรับละคร Waterfall the Musical ถูกดัดแปลงมาจากวรรณกรรมคลาสิกเรื่อง ข้างหลังภาพ หรือ Behind the painting ของศรีบูรพาครับ โดยเขียนบทและเพลงโดย ริชาร์ด เมลท์บี, จูเนียร์ ดนตรีโดย เดวิด ไชร์, ออกแบบท่าเต้นรำโดย แดน เน็คเจส (Knechtges) และกำกับการแสดงโดย แท็ค วีรวรรณ หรือถกลเกียรติ วีรวรรณ โดยในส่วนเนื้อหานั้นเป็น “เรื่องราวความรักระดับมหากาพย์” ซึ่งเกิดขึ้นที่กรุงเทพฯ และโตเกียวในช่วงปี 1933 และ 1939 อันเป็นช่วงที่เกิดเหตุการณ์วุ่นวายขึ้นมากมาย ทั้งการเปลี่ยนแปลงการปกครองในประเทศไทย และความตึงเครียดจนเกือบจะเกิดสงครามระหว่างไทยกับญี่ปุ่นด้วย โดยตัวละครหลักคือ นพพร นักศึกษาไทยที่ตกหลุมรักภรรยาชาวอเมริกันของนักการทูตไทย ซึ่งเรื่องราว “รักต้องห้าม” ของทั้งสองเดินควบคู่ไปกับกระแส “แอนตี้ญี่ปุ่นและอเมริกัน”ที่เกิดขึ้นในประเทศไทยยุคนั้น (ขอบคุณข้อมูลจากhttp://www.thairath.co.th/content/461766 ) และสำหรับโรงละคร บรอดเวย์ นี้นะครับเราคงเคยเห็นในภาพยนตร์บ่อยๆ มีเรื่องราวประวัติมากมาย เป็นสถานที่ที่ปลุกปั้นดาราระดับโลกอย่าง จอห์น อาเธอร์ คาร์ราดีน (เดวิด คาร์ราดีน ที่คนไทยรู้จักในภาพยนตร์ Kill Bill) หรือ ละครเพลงระดับตำนานเรื่อง The Phantom Of Opera และเป็นหนึ่งในที่ที่นักนิยมช๊อปปิ้งไม่น่าพลาด เรียกได้ว่าถ้าเกิดได้มีโอกาสไปเดินเล่นแถวนี้ซึมซับเอาบรรยากาศแบบในหนัง ถ่ายรูป ช๊อปปิ้งกันก็แทบจะลืมวันลืมคืนกันเลยทีเดียว
2. บัณฑิต อึ้งรังษี
วาทยกรชาวไทย ที่ได้รับการยอมรับจากนานาชาติว่าเป็นวาทยกรรุ่นใหม่ที่สำคัญคนหนึ่งของโลก จากการที่เขาได้รับรางวัลการแข่งขันวาทยกรระดับนานาชาติหลายครั้ง เช่น ที่ประเทศฝรั่งเศส ( Besancon Competition ) ในปี พ.ศ. 2540, ที่ประเทศโปรตุเกส (รางวัลชนะเลิศ) ในปีพ.ศ. 2542 ,ที่ประเทศฮังการี ในปีพ.ศ. 2545 และล่าสุดที่ Carnegie Hall แห่งมหานครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา ในปีพ.ศ.2545 จากการแข่งขัน Maazel-Vilar International Conducting Competition ซึ่งเป็นการแข่งขันวาทยกรที่สำคัญที่สุดในโลก โดยบัณฑิต อึ้งรังซีเป็นผู้ชนะเลิศจากผู้แข่งขัน 362 คนทั่วโลก จากการตัดสินของคณะกรรมการที่มีชื่อเสียงของโลกเช่น Lorin Maazel, Kyung-Wha Chung, Glenn Dicterow, Krzysztof Penderecki ฯลฯ
3. คุณเบิร์ด-เอกชัย เจียรกุล
และพลาดไม่ได้กับคนนี้ครับ คุณเบิร์ด-เอกชัย เจียรกุลเจ้าของตำแหน่งชนะเลิศ Guitar Foundation of America International Concert Artist Competition ประจำปี 2014 เป็นคนแรกของประเทศไทยและในทวีปเอเชีย ที่ได้รับรางวัลชนะเลิศนี้ โดยผมได้ยกคำพูดบางส่วนจากบทสัมภาษณ์ของคุณเบิร์ดมาฝากด้วยครับ เพราะว่าอ่านแล้วมันจับใจจริงๆ “ผมเชื่อว่าความสำเร็จเกิดขึ้นได้เพราะ 1. มีใจรัก 2. ความตั้งใจกับเป้าหมายที่ชัดเจน 3. ห้ามล้มเลิก สามอย่างนี้ ทำให้เป็นไปได้ มีคำพูดหนึ่งที่ผมชอบและนึกถึงตลอด คือ“ถ้าเราจะยิงหงส์ ให้เล็งไปถึงดวงจันทร์ พลาดพลั้งยังอยู่ในหมู่ดาว” เป็นสุภาษิตจีน ที่บอกว่า ฝันทั้งที ฝันให้ใหญ่ไปเลย อย่าคิดว่าทำไม่ได้ ผมเชื่อในเรื่องความตั้งใจ เราต้องมุ่งมั่นทำให้ดีที่สุดก่อน แล้วความสำเร็จจะตามมา เหมือนที่ผมมีวันนี้ได้ และเคล็ดลับความสำเร็จ ทุกครั้งที่ผมแพ้ ผมซ้อมหนักกว่าเดิม อย่างเวทีการแข่งขันรายการ GFA ที่ผ่านมา ซ้อมหนักที่สุดในชีวิต เท่าที่เคยทำมา รายการอื่นก็หนัก แต่อันนี้ สุดๆ แล้ว ซ้อมจนร่างกายบอกไม่ไหว แต่ก็ไม่พัก ผมซ้อมในหัวจินตนาการโน้ตทุกตัว เช่นเล่นเพลงนี้ต้องจับคอร์ดอะไร จนหลับไปพร้อมกับเสียง ขนาดฝัน ยังได้ยินเพลงบรรเลงในหัว”
และที่สำคัญในช่วงสิ้นปีนี้เองครับ คุณเบิร์ดจะได้มีโอกาสไปเล่นที่ Carnegie Hall ที่เดียวกับคุณบัณฑิตครับ ซึ่งผมเหมือนจะเห็นว่ามีโครงการที่รับสมัครน้องๆที่เล่นดนตรีคลาสสิกได้มีโอกาสไปร่วมชมการแสดงของคุณเบิร์ดด้วยครับ
โดย Carnegie Hall นะครับ ตั้งอยู่ เวสต์ 56 ระหว่างถนน 6 และ 7 ในมิดทาวน์แมนฮัตตัน โดยมีมีจุดสังเกตุคือ อยู่ตรงข้ามตึกสูงระฟ้าอย่าง city spire centerโรงละครแห่งฝันของนักดนตรีดังจากทั่วทุกมุมโลก โดยเมื่อย้อนกลับไปเมื่อเกือบ 13 ปีที่แล้ว เรามีคนไทยระดับโลกได้ขึ้นไปแข่งขันบนเวทีแห่งนี้ และสร้างชื่อเสียงให้คนไทยเป็นที่รู้จัก กับวลีที่ยังใช้กันมาถึงปัจจุบัน “คนไทย...ตั้งใจทำอะไรไม่แพ้ชาติใดในโลก” (ถึงแม้ตอนนี้ก็ยังคงเอามาใช้ประชดประชัดเสียดสีกันเองในหมู่เด็กเกรียน ฮ่าๆๆ ) แล้วก็คำพูดที่ว่าถ้าคุณจะไป คาร์เนกี้ ฮอลล์ คุณก็จะต้อง ซ้อม...ซ้อม ซ้อม และก็ซ้อม ซึ่งก็คือคุณบัณฑิต อึ้งรังษี นั้นเองครับ ซึ่งสำหรับปีนี้ก็เป็นคิวของคุณเบิร์ดที่จะได้มีไปสร้างชื่อเสียงบ้าง น่าภูมิใจจริงๆ
นอกจาก 3 ท่านนี้แล้วยังมีคนอื่นๆที่ไปสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทยที่นิวยอร์ก เช่น คุณเมธาวี สายัมพล Drag Queen และ Cheera Choo หรือ โรลซี่ นางแบบไทยที่โกอินเตอร์ในนิวยอร์ค ซึ่งถ้าผมมีโอกาสจะหาข้อมูลมาให้นะครับ ถ้าเพื่อนๆคนไหนมีคนไทยที่สร้างชื่อเสียงที่นิวยอร์อีกก็บอกได้เลยะนครับ