โดเรมอนมีตอนจบไหม???
(เนื้อหาต่อจากนี้ไม่เกี่ยวกับในหนัง)
มีอยู่วันหนึ่ง โนบีตะกลับมาบ้านเห็นโดเรมอนแน่นิ่งไป
โดเรมอนเสีย...
โนบีตะทำทุกวิถีทางทำอย่างไรก็ไม่กลับมาเป็นเหมือนเดิม
สุดท้ายโนบิตะต้องพยายามด้วยตัวเอง ตั้งใจร่ำเรียน เพื่อนำความรู้มาใช้ซ่อมโดเรมอนเพื่อให้กลับมาอยู่ด้วยกันอีกครั้ง...
หลายคนคงได้อ่านตอนนี้และคิดว่านี่คือตอนจบของโดเรมอน ซึ่งที่จริงแล้วมันเป็นเพียงโดจินที่คนอื่นวาดขึ้นมาใช้ลายเส้นเหมือนต้นฉบับมากจนทำให้คนทั้งโลกเชื่อได้ว่านี่คือตอนจบของโดเรมอนจริงๆ (ผมอ่านก็น้ำตาไหลเหมือนกัน)
แล้วที่จริงแล้วโดเรมอนมีตอนจบไหม???
คำตอบจริงๆจะอยู่ใน Doraemon The movie ชุดนี้
Stand by me... เพื่อนกันตลอดไป...
ก่อนอื่นขอเกริ่นว่า อนิเมชั่นโดเรมอนฉบับ The movie ทุกๆตอนผมขอยกให้เป็นชุดที่เยี่ยมยอดที่สุดในดวงใจผมเลย แต่ละตอนสร้างสรรค์จินตนาการได้บรรเจิด บางตอนมีการผูกเรื่องได้ซับซ้อน (ถึงบางตอนจะแลยืดเยื้อบ้างก็เถอะ) และสุดท้ายจบด้วยความตราตรึงใจไปกับความผูกพันของตัวละครไม่ว่าจะเป็นระหว่างเพื่อน ระหว่างคู่รัก ระหว่างพ่อลูก หรือระหว่างเจ้าของกับสัตว์เลี้ยง สามารถเรียกรอยยิ้มพร้อมน้ำตาได้ทุกตอน
ล่าสุดนี้กับ The movie ตอนล่าสุดในโอกาสครบรอบ 80 ปี อ.ฟุจิโอะ ผู้รังสรรค์การ์ตูนชุดนี้ขึ้นมา โดยเป็นครั้งแรกที่สร้างในรูปแบบอนิเมชั่นแบบ 3D
เนื้อเรื่องเป็นการนำตอนจากมังงะสั้นๆที่เรียกได้ว่าเป็นตอนที่เป็นไฮไลท์ที่สุด 7 ตอน จาก1300 กว่าตอน มาเรียงร้อยเข้าด้วยกัน สำหรับผู้ที่ได้อ่านมาทุกตอนแล้วคงจะรู้เนื้อเรื่องทั้งหมด เพราะเป็นการยกเนื้อเรื่องมาทำแบบแทบจะไม่มีการดัดแปลงใดๆจากมังงะเลย
อนิเมชั่น CG ระบบ 3D ทำได้ดี ภาพสวยตระการตา ยิ่งถ้าได้ดูระบบ 3D แล้วรู้สึกว่าฉากมีมิติ สมจริง เหมือนได้เข้าใกล้ตัวละครเหล่านี้มากขึ้นกว่าแต่ก่อนที่เป็นเพียงภาพ 2D แบนๆ
ท่าทางตัวละครเคลื่อนที่ในอิริยาบทต่างๆทำได้ดี แต่การแสดงสีหน้ายอมรับว่าสื่ออารมณ์ได้ไม่ดีเท่าที่ควร (ถ้าได้Disney /pixar หรือ Dreamworks มาร่วมทำคงเจ๋งน่าดู 5555) แต่เสียงดนตรีประกอบเพราะๆที่ถูกเพิ่มเติมเข้ามาในแต่ละฉากสามารถดึงอารมณ์ได้อย่างยอดเยี่ยม
ข้อเสียอีกอย่างหนึ่งคือเสียงพากย์ไทยที่ทำให้อรรถรสหายไปพอสมควรโดยเฉพาะเสียงไจแอนท์ที่ต้องเสริมแทรกนอกบทมาตลอด (เป็นแบบนี้ทุกเรื่อง) ยิ่งช่วงท้ายเรื่องควรจะซึ้งน้ำตาจะไหลอยู่แล้ว แต่กลับพากย์แทรกขึ้นมาได้ให้ตลกทั้งโรง ...ขอบคุณครับ - -"
คนที่ไม่อยากให้พลาดเรื่องนี้เลยก็คือคนที่รู้จักโดเรมอน โตมาด้วยกัน แต่ไม่ค่อยได้อ่านมังงะ ไม่รู้เนื้อหาในตอนเหล่านี้เลย คุณจะเสียน้ำตาได้มากมายแน่นอน เพราะตอนนี้จะเต็มไปด้วยความซาบซึ้ง อิ่มเอมใจไปกับความสัมพันธ์ของทั้งสอง สำหรับคนที่เคยอ่านมาแล้ว อรรถรสของหนังอาจจะหายไปพอสมควร แต่สิ่งที่รู้สึกได้อย่างหนึ่งคือ องค์ประกอบเช่นความโรแมนติก ความผูกพัน และความรู้สึกหลายๆอย่างที่ถูกปรับให้มีความเป็นผู้ใหญ่ขึ้น
จนรู้สึกได้ว่าเราโตมากับพวกเขาจริงๆ ...
ปล.1 The Movie ชุดนี้เกือบถูกตั้งเป็นชื่อไทยว่า "โนบีตะกับตัวทานุกิสีฟ้าที่หายไป" แต่โดนกระแสต่อต้านจนต้องยกเลิกไป (
http://ppantip.com/topic/32488724 )
ปล.2 ซวยที่ต้องนั่งข้างๆกลุ่มเด็กวัยรุ่นที่ทั้งคุยลั่นโรงทั้งสปอยอีก ขอบคุณพวกท่านจริงๆ อย่าได้เจอะเจออีกเลย
ปล.3 รีวิวครั้งแรกที่ลงใน Pantip พูดคุย/แนะนำได้ที่
https://www.facebook.com/knot.sriboonngam ขอบคุณครับ
ภาพประกอบจาก Google
[CR] เพื่อนกันตลอดไป ... Stand By me Doraemon
(เนื้อหาต่อจากนี้ไม่เกี่ยวกับในหนัง)
มีอยู่วันหนึ่ง โนบีตะกลับมาบ้านเห็นโดเรมอนแน่นิ่งไป
โดเรมอนเสีย...
โนบีตะทำทุกวิถีทางทำอย่างไรก็ไม่กลับมาเป็นเหมือนเดิม
สุดท้ายโนบิตะต้องพยายามด้วยตัวเอง ตั้งใจร่ำเรียน เพื่อนำความรู้มาใช้ซ่อมโดเรมอนเพื่อให้กลับมาอยู่ด้วยกันอีกครั้ง...
หลายคนคงได้อ่านตอนนี้และคิดว่านี่คือตอนจบของโดเรมอน ซึ่งที่จริงแล้วมันเป็นเพียงโดจินที่คนอื่นวาดขึ้นมาใช้ลายเส้นเหมือนต้นฉบับมากจนทำให้คนทั้งโลกเชื่อได้ว่านี่คือตอนจบของโดเรมอนจริงๆ (ผมอ่านก็น้ำตาไหลเหมือนกัน)
แล้วที่จริงแล้วโดเรมอนมีตอนจบไหม???
คำตอบจริงๆจะอยู่ใน Doraemon The movie ชุดนี้
Stand by me... เพื่อนกันตลอดไป...
ก่อนอื่นขอเกริ่นว่า อนิเมชั่นโดเรมอนฉบับ The movie ทุกๆตอนผมขอยกให้เป็นชุดที่เยี่ยมยอดที่สุดในดวงใจผมเลย แต่ละตอนสร้างสรรค์จินตนาการได้บรรเจิด บางตอนมีการผูกเรื่องได้ซับซ้อน (ถึงบางตอนจะแลยืดเยื้อบ้างก็เถอะ) และสุดท้ายจบด้วยความตราตรึงใจไปกับความผูกพันของตัวละครไม่ว่าจะเป็นระหว่างเพื่อน ระหว่างคู่รัก ระหว่างพ่อลูก หรือระหว่างเจ้าของกับสัตว์เลี้ยง สามารถเรียกรอยยิ้มพร้อมน้ำตาได้ทุกตอน
ล่าสุดนี้กับ The movie ตอนล่าสุดในโอกาสครบรอบ 80 ปี อ.ฟุจิโอะ ผู้รังสรรค์การ์ตูนชุดนี้ขึ้นมา โดยเป็นครั้งแรกที่สร้างในรูปแบบอนิเมชั่นแบบ 3D
เนื้อเรื่องเป็นการนำตอนจากมังงะสั้นๆที่เรียกได้ว่าเป็นตอนที่เป็นไฮไลท์ที่สุด 7 ตอน จาก1300 กว่าตอน มาเรียงร้อยเข้าด้วยกัน สำหรับผู้ที่ได้อ่านมาทุกตอนแล้วคงจะรู้เนื้อเรื่องทั้งหมด เพราะเป็นการยกเนื้อเรื่องมาทำแบบแทบจะไม่มีการดัดแปลงใดๆจากมังงะเลย
อนิเมชั่น CG ระบบ 3D ทำได้ดี ภาพสวยตระการตา ยิ่งถ้าได้ดูระบบ 3D แล้วรู้สึกว่าฉากมีมิติ สมจริง เหมือนได้เข้าใกล้ตัวละครเหล่านี้มากขึ้นกว่าแต่ก่อนที่เป็นเพียงภาพ 2D แบนๆ
ท่าทางตัวละครเคลื่อนที่ในอิริยาบทต่างๆทำได้ดี แต่การแสดงสีหน้ายอมรับว่าสื่ออารมณ์ได้ไม่ดีเท่าที่ควร (ถ้าได้Disney /pixar หรือ Dreamworks มาร่วมทำคงเจ๋งน่าดู 5555) แต่เสียงดนตรีประกอบเพราะๆที่ถูกเพิ่มเติมเข้ามาในแต่ละฉากสามารถดึงอารมณ์ได้อย่างยอดเยี่ยม
ข้อเสียอีกอย่างหนึ่งคือเสียงพากย์ไทยที่ทำให้อรรถรสหายไปพอสมควรโดยเฉพาะเสียงไจแอนท์ที่ต้องเสริมแทรกนอกบทมาตลอด (เป็นแบบนี้ทุกเรื่อง) ยิ่งช่วงท้ายเรื่องควรจะซึ้งน้ำตาจะไหลอยู่แล้ว แต่กลับพากย์แทรกขึ้นมาได้ให้ตลกทั้งโรง ...ขอบคุณครับ - -"
คนที่ไม่อยากให้พลาดเรื่องนี้เลยก็คือคนที่รู้จักโดเรมอน โตมาด้วยกัน แต่ไม่ค่อยได้อ่านมังงะ ไม่รู้เนื้อหาในตอนเหล่านี้เลย คุณจะเสียน้ำตาได้มากมายแน่นอน เพราะตอนนี้จะเต็มไปด้วยความซาบซึ้ง อิ่มเอมใจไปกับความสัมพันธ์ของทั้งสอง สำหรับคนที่เคยอ่านมาแล้ว อรรถรสของหนังอาจจะหายไปพอสมควร แต่สิ่งที่รู้สึกได้อย่างหนึ่งคือ องค์ประกอบเช่นความโรแมนติก ความผูกพัน และความรู้สึกหลายๆอย่างที่ถูกปรับให้มีความเป็นผู้ใหญ่ขึ้น
จนรู้สึกได้ว่าเราโตมากับพวกเขาจริงๆ ...
ปล.1 The Movie ชุดนี้เกือบถูกตั้งเป็นชื่อไทยว่า "โนบีตะกับตัวทานุกิสีฟ้าที่หายไป" แต่โดนกระแสต่อต้านจนต้องยกเลิกไป ( http://ppantip.com/topic/32488724 )
ปล.2 ซวยที่ต้องนั่งข้างๆกลุ่มเด็กวัยรุ่นที่ทั้งคุยลั่นโรงทั้งสปอยอีก ขอบคุณพวกท่านจริงๆ อย่าได้เจอะเจออีกเลย
ปล.3 รีวิวครั้งแรกที่ลงใน Pantip พูดคุย/แนะนำได้ที่ https://www.facebook.com/knot.sriboonngam ขอบคุณครับ
ภาพประกอบจาก Google