สิทธิส่วนบุคคล กับ มารยาททางสังคม มันเดินสวนทางกันหรือเปล่า

กระทู้คำถาม
จากหัวข้างบน ขอถามเกี่ยวกับ เทคโนโลยีอย่างมือถือ กับ ipad ละกัน

โดยส่วนตัวใช้บริการขนส่งสาธารณะเป็นประจำ ทำให้เห็นคนรอบ ๆ ใช้โทรศัพท์มือถือกันอย่างจริงจัง ลองสังเกตดูหากคุณอ่านเจอกระทู้นี้ในที่สาธารณะ
เคยได้ยินประโยคที่ว่า " มันคือชิ้นส่วนร่างกายชิ้นที่ 33 " (32 หรือ 33 เนี่ยแหละช่างมันเหอะ ช่างมันเตอะ)

เช่น
     บนรถตู้สาธารณะ ไม่ว่าจะเป็นตอนยืนรอรถ เดินขึ้นรถ นั่งอยู่บนรถ (หมายถือผู้ใช้บริการนะ) จะต้องหยิบมือถือขึ้นมาเล่น หรือหยิบมาคุยโทรศัพท์ คือถ้าหยิบเพื่อใช้งานที่จำเป็นจริง ๆ อันนี้ก็อีกเรื่องนะ แต่แบบว่า บนรถตู้สาธารณะเราก็ต้องนั่งโดยสารกับคนอื่น ๆ ปะ ทำไมต้องคุยเสียงดัง หรือคุยโทรศัพท์ตลอดทาง (แบบว่ากลัวคนคุยคอแห้งอา คุยนานเกิ๊น) อย่างเล่นเกมปกติก็ไม่เท่าไรหรอก แต่ตอนเย็น ๆ มืด ๆ ที่รถตู้ปิดไฟตอนขับระหว่างทาง ก็เล่น แล้วคนที่นั่งข้าง ๆ กันก็โดนแสงส่องตาปะ (จริง ๆ เป็นห่วงคนใช้กลัวตาบอดเล่นโทรศัพท์ในที่มืดนาน ๆ)

หรือ
     บนรถไฟฟ้าตอนที่คนเยอะ ๆ ก็เหมือนกันคือคุณคุยกับคนในโทรศัพท์ปะ คนอื่นเค้าไม่อยากรู้นักหรอก คือต้องคุยเสียงดังให้น้ำลายกระเด็นโดนหัวคนข้างหน้าด้วยหรอ (กลัวหัวคนข้างหน้าเป็นสิวแค่นั้นเอง)  

อยากรู้จริง ๆ ว่า
1.      สิทธิส่วนบุคคลการมือถือ (ขอให้มองให้ทางสิทธิส่วนบุคคลในการใช้งาน) ที่นับวันมันก็มากขึ้นอะไร ๆ ก็สิทธิส่วนบุคคล กับ มารยาทในการอยู่ร่วมกับผู้อื่นในสังคม ที่ทุกวันนี้มันน้อยลงไปทุกที มันเดินสวนทางกันเกินไปหรือไหม
2.      หากบอกบุคคลที่ใช้มือถือ ให้พูดเสียงเบาลงหน่อย หรือรบกวนลดแสงไฟจากมือถือ ไรงี้ มันจะเกินไปไหม

ปล. การใช้เทคโนโลยีอย่างมือถือเนี่ยก็เป็นสิทธิส่วนบุคคลอ่ะนะ ส่วนมารยาททางสังคมก็แล้วแต่ละมุมมอง
ปล. เชื่อเถอะว่าการคุยกับคนที่เล่นโทรศัพท์อยู่ มันจะทำให้คุณเสียเซลฟ์ จริง ๆ นะเออ
ปล. แค่อยากรู้ทัศนคติคนอื่น ๆ อย่าอ่านแล้วจริงจังไปล่ะ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่