เหลือไว้ให้ชาวบ้านเขาทำมาหากินบ้างเห๊อะคุณพี่.. ไลน์ (Line) แอปพลิเคชันสนทนายอดฮิตเปลี่ยนเกมรุกด้วยการหันมาให้บริการเรียกแท็กซี่ในญี่ปุ่น อำนวยความสะดวกสุดขีดด้วยการเปิดให้ใช้บริการบนแอปฯ Line โดยไม่ต้องโหลดแอปฯ ใหม่ แถมยังชำระเงินผ่านบัตรเครดิตได้ครบวงจร
บริการเรียกแท็กซี่ออนไลน์นั้นกำลังกลายเป็นธุรกิจที่มีการแข่งขันสูงในหลายประเทศ เช่นจีนที่มีบริการ Didi Dache แข่งกับ Kuadi Dache หรืออินเดียที่มีบริการ Ola และ TaxiForSure เป็นคู่แข่งกัน ขณะที่ GrabTaxi และ EasyTaxi กำลังไล่กวดกันในตลาดอาเซียน แม้แต่เวียดนามที่มีผู้ให้บริการแอปพลิเคชันเรียกแท็กซี่มากกว่า 5 ราย ล่าสุดเป็นคิวของญี่ปุ่นที่เป็นสมรภูมิของ Uber และบริการของชาวญี่ปุ่นเองอย่าง Hailo โดย Line จะเป็นคู่แข่งคนใหม่ด้วยบริการ Line Taxi
Line Taxi จะไม่ได้ถูกแยกเป็นแอปพลิเคชันแยกต่างหาก แต่จะเป็นบริการที่พ่วงเข้ากับแอปพลิเคชันแชต Line ดั้งเดิม ผู้ใช้ Line จะไม่ต้องดาวน์โหลดใหม่ และสามารถชำระเงินได้ผ่านบัตรเครดิตซึ่งลงทะเบียนไว้กับบริการ Line Pay (ต้องติดตั้งแอปพลิเคชัน Line Pay เพิ่มต่างหาก)
Line Taxi ถูกมองว่ามีคุณสมบัติบริการคล้าย Uber ทั้งการใช้ระบบระบุพิกัด GPS ในการแสดงตำแหน่งที่ผู้ใช้ยืนอยู่ จากนั้นผู้ใช้สามารถกดปุ่มเรียกแท็กซี่ เมื่อขึ้นรถแล้วก็สามารถชำระค่าโดยสารได้โดยไม่ต้องใช้กระเป๋าสตางค์
บริการดังกล่าวเป็นผลจากการร่วมมือระหว่าง Line กับบริษัทผู้ประกอบการแท็กซี่รายใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น Nihon Kotsu เบื้องต้นบริการจะเริ่มชิมลางที่โตเกียวและเมืองข้างเคียงอย่างมิตากะและมูซาชิโนะ ก่อนจะขยายบริการในเมืองอื่นต่อไป
จุดต่างที่สำคัญระหว่างบริการ Line Taxi และ Uber คือการไม่ใช้รถหรูเพื่อให้บริการ โดย Nihon Kotsu ไม่มีบริการรถอย่าง BMW 7 Series หรือ Mercedes C-class อย่าง แต่ให้บริการบนรถที่ผู้ขับจะสวมถุงมือขาว และรถเปิดประตูอัตโนมัติพร้อมเบาะที่หุ้มผ้าซาตินแทน
รายงานระบุว่า รถ 3,340 คันของ Nihon Kotsu จะให้บริการผ่าน Line Taxi แม้จะเป็นเพียงส่วนหนึ่งของรถที่ Nihon Kotsu มีให้บริการมากกว่า 23,000 คันทั่วญี่ปุ่น แต่ต้องยอมรับว่าจำนวนรถแท็กซี่หลายพันคันนี้ทำให้ Line Taxi มีภาษีดีกว่า Uber ในญี่ปุ่น โดยเฉพาะในแง่ของผู้ใช้ที่ไม่ต้องรอรถนานและพื้นที่บริการที่กว้างกว่า
การเปิดศักราชธุรกิจเรียกแท็กซี่ผ่านระบบ GPS ของ Line ถือเป็นการตอบรับแนวโน้มตลาดที่เติบโตต่อเนื่องในญี่ปุ่น เนื่องจากมีการสำรวจพบว่านักท่องเที่ยวต่างชาติจะหลั่งไหลเข้าสู่แดนปลาดิบมากกว่า 20 ล้านคนในปี 2020 จุดนี้ถือเป็นโอกาสทองของธุรกิจบริการเรียกรถผ่านระบบ GPS ที่ผู้ใช้สามารถชำระเงินผ่านบัตรเครดิตได้
ที่มา manager.co.th
Line Taxi พี่แกเอาทุกอย่างจริงๆ
บริการเรียกแท็กซี่ออนไลน์นั้นกำลังกลายเป็นธุรกิจที่มีการแข่งขันสูงในหลายประเทศ เช่นจีนที่มีบริการ Didi Dache แข่งกับ Kuadi Dache หรืออินเดียที่มีบริการ Ola และ TaxiForSure เป็นคู่แข่งกัน ขณะที่ GrabTaxi และ EasyTaxi กำลังไล่กวดกันในตลาดอาเซียน แม้แต่เวียดนามที่มีผู้ให้บริการแอปพลิเคชันเรียกแท็กซี่มากกว่า 5 ราย ล่าสุดเป็นคิวของญี่ปุ่นที่เป็นสมรภูมิของ Uber และบริการของชาวญี่ปุ่นเองอย่าง Hailo โดย Line จะเป็นคู่แข่งคนใหม่ด้วยบริการ Line Taxi
Line Taxi จะไม่ได้ถูกแยกเป็นแอปพลิเคชันแยกต่างหาก แต่จะเป็นบริการที่พ่วงเข้ากับแอปพลิเคชันแชต Line ดั้งเดิม ผู้ใช้ Line จะไม่ต้องดาวน์โหลดใหม่ และสามารถชำระเงินได้ผ่านบัตรเครดิตซึ่งลงทะเบียนไว้กับบริการ Line Pay (ต้องติดตั้งแอปพลิเคชัน Line Pay เพิ่มต่างหาก)
Line Taxi ถูกมองว่ามีคุณสมบัติบริการคล้าย Uber ทั้งการใช้ระบบระบุพิกัด GPS ในการแสดงตำแหน่งที่ผู้ใช้ยืนอยู่ จากนั้นผู้ใช้สามารถกดปุ่มเรียกแท็กซี่ เมื่อขึ้นรถแล้วก็สามารถชำระค่าโดยสารได้โดยไม่ต้องใช้กระเป๋าสตางค์
บริการดังกล่าวเป็นผลจากการร่วมมือระหว่าง Line กับบริษัทผู้ประกอบการแท็กซี่รายใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น Nihon Kotsu เบื้องต้นบริการจะเริ่มชิมลางที่โตเกียวและเมืองข้างเคียงอย่างมิตากะและมูซาชิโนะ ก่อนจะขยายบริการในเมืองอื่นต่อไป
จุดต่างที่สำคัญระหว่างบริการ Line Taxi และ Uber คือการไม่ใช้รถหรูเพื่อให้บริการ โดย Nihon Kotsu ไม่มีบริการรถอย่าง BMW 7 Series หรือ Mercedes C-class อย่าง แต่ให้บริการบนรถที่ผู้ขับจะสวมถุงมือขาว และรถเปิดประตูอัตโนมัติพร้อมเบาะที่หุ้มผ้าซาตินแทน
รายงานระบุว่า รถ 3,340 คันของ Nihon Kotsu จะให้บริการผ่าน Line Taxi แม้จะเป็นเพียงส่วนหนึ่งของรถที่ Nihon Kotsu มีให้บริการมากกว่า 23,000 คันทั่วญี่ปุ่น แต่ต้องยอมรับว่าจำนวนรถแท็กซี่หลายพันคันนี้ทำให้ Line Taxi มีภาษีดีกว่า Uber ในญี่ปุ่น โดยเฉพาะในแง่ของผู้ใช้ที่ไม่ต้องรอรถนานและพื้นที่บริการที่กว้างกว่า
การเปิดศักราชธุรกิจเรียกแท็กซี่ผ่านระบบ GPS ของ Line ถือเป็นการตอบรับแนวโน้มตลาดที่เติบโตต่อเนื่องในญี่ปุ่น เนื่องจากมีการสำรวจพบว่านักท่องเที่ยวต่างชาติจะหลั่งไหลเข้าสู่แดนปลาดิบมากกว่า 20 ล้านคนในปี 2020 จุดนี้ถือเป็นโอกาสทองของธุรกิจบริการเรียกรถผ่านระบบ GPS ที่ผู้ใช้สามารถชำระเงินผ่านบัตรเครดิตได้
ที่มา manager.co.th