หลุดอีก! เอกสารลับมติ ปปช.สารภาพสิ้นไส้ “ไร้หลักฐานทุจริตจำนำข้าว”


https://www.hereandthere.today/?p=1582

หลุดอีก! เอกสาร "ลับ มติ ป.ป.ช.” สารภาพสิ้นไส้ “ไร้หลักฐานทุจริตจำนำข้าว”

สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) องค์กรที่แต่งตั้งจากคณะรัฐประหาร คสช.(คณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ) กำหนดเรียบร้อยแล้วว่า ในวันที่ 9 มกราคม 2558 จะมีการประชุม สนช.เพื่อพิจารณาวาระถอดถอน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี
เบื้องต้นสรุปคร่าวๆ เอาไว้ว่า หลังจากแถลงเปิดคดีแล้ว สนช.ก็พร้อมจะยกมือโหวตถอดถอน อดีตนายกรัฐมนตรีหญิง ได้ทันที ตามที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชงเรื่องมาให้ ตามมติ ป.ป.ช. เมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2557 ชี้มูลความผิดคดี ปล่อยปละละเลยให้เกิดการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าว
ทั้งๆที่ เรื่องนี้ ป.ป.ช.เองยังไม่สามารถชี้ให้เห็นอย่างชัดเจนว่า “ใคร” คือ คนที่ทุจริต ?
โดยพบว่า เอกสาร “ลับ”  มติการประชุมคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ครั้งที่ 566-34/2557 วันที่ 8 พฤษภาคม 2557 วาระที่ 6.4 สังกัด สำนักไต่สวนการทุจริตภาคการเมือง 1 เรื่อง “สำนวนการไต่สวนข้อเท็จจริง ตามคำร้องขอให้ถอดถอน นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ออกจากตำแหน่ง เนื่องจากมีพฤติการณ์ส่อว่าจงใจใช้อำนาจหน้าที่ขัดต่อบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญหรือกฎหมาย กรณีละเลยไม่ระงับยับยั้งความเสียหายที่เกิดขึ้นจากการดำเนินโครงการรับจำนำข้าวและการระบายข้าวของรัฐบาล (เรื่องกล่าวหา เลขที่ดำ 5730030605)

ซึ่ง บันทึก “มติ ป.ป.ช.” ดังกล่าว ฉบับเต็ม กลับบันทึกเอาไว้อย่างชัดเจนว่า “..ในชั้นนี้พยานหลักฐานยังไม่ปรากฎชัดเจนว่า ผู้ถูกกล่าวหามีส่วนร่วมในการทุจริตหรือสมยอมให้เกิดการทุจริต..”

เนื้อหาโดยละเอียด ดังนี้ “..สรุปได้ว่า การดำเนินโครงการมีจุดอ่อนหรือความเสี่ยงในทุกขั้นตอนตั้งแต่การขึ้นทะเบียนเกษตรกรจนถึงการระบายข้าว ซึ่งเป็นช่องทางนำไปสู่การสวมสิทธิ์การจำนำและการทุจริตในโครงการ รวมทั้งการดำเนินโครงการเกิดผลกระทบสร้างความเสียหายต่อเงินงบประมาณแผ่นดินและเกษตรกร ความเสี่ยงต่อระบบการคลังของประเทศ และไม่เกิดการพัฒนาการผลิตข้าวอย่างยั่งยืน จึงได้เสนอแนะให้พิจารณาทบทวนและยุติการดำเนินโครงการรับจำนำข้าวเปลือกในฤดูกาลต่อไป และกรณีการจ่ายเงินจำนำตามโครงการล่าช้า ควรมีมาตรการเยียวยาเพื่อบรรเทาผลกระทบและความเสียหายให้แก่เกษตรกรดังกล่าวด้วย ยิ่งกว่านั้นปรากฏข้อเท็จจริงว่า มีชาวนาที่เข้าร่วมโครงการรับจำนำข้าวตามนโยบายของคณะรัฐมนตรีที่ผู้ถูกกล่าวหาได้แถลงไว้ต่อรัฐสภายังไม่ได้รับเงินอีกเป็นจำนวนมากทำให้ได้รับความเดือดร้อนเสียหาย จึงเป็นกรณีจำเป็นที่ผู้ถูกกล่าวหาในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ จะต้องเสนอนโยบายและกรอบยุทธศาสตร์เพื่อแก้ไขปัญหาเรื่องข้าวอย่างเป็นระบบ และในฐานะนายกรัฐมนตรีที่จะต้องพิจารณายับยั้งโครงการตั้งแต่เริ่มรับทราบว่ามีการทุจริตในการดำเนินโครงการ และความเสียหายต่างๆ จากการดำเนินโครงการ แต่ผู้ถูกกล่าวหากลับยืนยันที่จะดำเนินโครงการต่อไป ทำให้เกิดความเสียหายแก่ทางราชการมากขึ้นไปเรื่อยๆ แม้ในชั้นนี้พยานหลักฐานยังไม่ปรากฎชัดเจนว่า ผู้ถูกกล่าวหามีส่วนร่วมในการทุจริตหรือสมยอมให้เกิดการทุจริตด้วยก็ตาม แต่การที่ผู้ถูกกล่าวหาไม่บริหารราชการแผ่นดินให้เป็นไปตามนโยบายที่แถลงไว้ต่อรัฐสภา ว่าจะป้องกันและปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบในภาครัฐอย่างจริงจัง โดยยึดหลักความโปร่งใสและมีธรรมาภิบาลของการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี โดยพิจารณายุติหรือยกเลิกโครงการรับจำนำข้าวและการระบายข้าวของรัฐบาล เพื่อระงับยับยั้งมิให้เกิดการทุจริตและระงับยับยั้งมิให้เกิดความเสียหายจากการดำเนินโครงการมากยิ่งขึ้น ซึ่งถือได้ว่า เป็นสภาพความเสียหายที่เกิดขึ้นจากโครงการรับจำนำข้าวที่ร้ายแรงที่สุดของประเทศ ทั้งที่ผู้ถูกกล่าวหามีอำนาจหน้าที่ตามพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ.2534 มาตรา 11(1) ที่จะสั่งยับยั้งโครงการรับจำนำข้าวและการระบายข้าวนั้นได้ ..”  

จาก “เอกสารลับ” มติ ป.ป.ช.ข้างต้น ระบุว่า “..ในชั้นนี้พยานหลักฐานยังไม่ปรากฎชัดเจนว่า ผู้ถูกกล่าวหามีส่วนร่วมในการทุจริตหรือสมยอมให้เกิดการทุจริต..”

นั่นหมายความว่า “ป.ป.ช.” รับ “สารภาพ” อย่างชัดแจ้งว่า จากข้อมูล “พยาน-หลักฐาน” นั้นไม่ปรากฏว่า “นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร”  มีส่วนร่วมในการ “ทุจริต” หรือ “สมยอมให้เกิดการทุจริต”

ซึ่งยิ่งตอกย้ำให้ชัดเจนยิ่งขึ้นว่า “ป.ป.ช.” ดำเนินการชี้มูลความผิดและถอดถอน “อดีตนายกรัฐมนตรีหญิง” กรณีปล่อยปละละเลยให้เกิดการทุจริตโครงการรับจำนำข้าว ได้อย่างไร ทั้งๆที่ “ป.ป.ช.” ก็ระบุเองว่า “พยานหลักฐานยังไม่ปรากฎชัดเจน..” ?
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่