**ควรใช้วิจารณญาณในการอ่าน**
ครอบครัวเรามีฐานะปานกลาง
ประกอบอาชีพค้าขาย
พ่อ แม่ พี่สาว เรา น้องสาว(3ใบเถา^^)รวม5คน
ตอนนี้เราอายุ 18 ปี (อีก2ปีจึงจะบรรลุนิติภาวะ)
และกำลังศึกษาในระดับอุดมศึกษาชั้นปีที่1
เข้าเรื่องดีกว่า
เริ่มจาก เรากับเพื่อนเล่นเกม
'ความจริงความกล้ากัน'
แล้วเราก็เลือก ให้ถามเรื่องความลับอะไรแบบนั้น
แทนที่จะถูกให้ทำอะไรบ้าๆ(เพื่อนเราแต่ละคนเกรียนมาก )
แล้วก็ถูกซักประวัติมาเรื่อยๆจนถึงเรื่อง
'ครั้งแรก'
เราก็เล่าไปตามเรื่อง ใส่น้ำไป(เยอะ)บ้างเพื่ออรรถรส
และเหมือนจะตๅยตอนจบ เมื่อบอกว่าที่บ้านรู้เรื่อง..
เพื่อนมันก็เห้ย!!กันทั้งวง
ถามกันใหญ่ว่า โดนพ่อแม่ทำอะไรบ้าง
โดนพ่อตบ แม่กระทืบมั้ย
เราก็เอ๊ะ นั่งทำหน้าเอ๋อใส่เพื่อน
บางคนก็ว่าเราโง่
เรื่องแบบนี้ใครเขาบอกพ่อแม่กัน
ตอนนั้นก็แบบ
'
จะให้ไปบอกแมวข้างบ้านรึไงฟร้าา' (เราคิดในใจนะไม่ได้พูดออกไป)
เราที่ยังมึนๆอึนๆอยุ สตั๊นหน้าเอ๋อแล้วก็ถามออกไปว่า
"แล้วทำไมพ่อแม่กุ ต้องทำงั้นด้วย? ตอนกุเล่าให้พวกเขาฟังก็เล่าๆแบบนี้" แบบนี้คือแบบที่เราเล่าให้เพื่อนฟัง
เพื่อนๆก็เริ่มหันไปมองหน้ากันไปมา
ทำอิชั้นงงยิ่งกว่าเดิม
บางคนส่งสายตาเห็นใจมาให้(เพื่อ~)
บางคนก็ซุบซิบๆกัน
แล้วเพื่อนที่เราสนิทที่สุดในกลุ่มก็ถามว่า
"เมิงรอดมาได้ไง?"
คือไร?
ครั้งแรกนี่เจ็บเจียนตายขนาดนั้น<<ตีความไปว่างี้ในตอนนั้น (ฮาตัวเองแปบ)
ก็ตอบไปด้วยความซื่อว่า
"ก็กุเก่งไง" อิชั้นมั่นหน้ามากเคอะ คุณเมิงตอบหลงประเด็นมากกก
เพื่อนๆก็ไม่ได้ถามไร
ก็เล่นเกมกันต่อ
แล้วสรุปวันนั้น เพื่อนๆก็ปล่อยให้เรางง ต่อไปจ้า
กว่าเราจะเข้าใจ(ก็ไม่เชิงว่าเข้าใจหรอก)
เรื่องผ่านมา2เดือนเศษๆ
วันนั้นในตอนที่เพื่อนๆคุ้ยประเด็นนี้มาแอบนินทาเรา
ตอนนั้นเราใส่หูฟัง(แต่ไม่ได้ฟังเพลง
)
นั่งเล่นกับเพื่อนตรงม้านั่ง
เราฟุบหน้าไปกับกระเป๋า
ซักพัก เพื่อนคนหนึ่งก็เปิดประเด็นเรื่องเรา
หูนี่พึ่งนี่ตั้งขึ้นมาเรย
บทสนทนาคร่าวๆ(ถ้าจำไม่ผิดนะ)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
1:พวกเมิงจำเรื่องที่อิเล่าตอนงานเลี้ยงนั่นได้ปะ
2:เออๆเรื่องนั้นกุยังไม่เคลียรเลย
3:อะไรยังไงกันแน่ว่ะ กุเองก็งง
อิชั้นรำพึงรำพันอยุ่ในใจ::เด..เด๋วนะๆๆๆ นี่นินทาระยะเผาขนงี้เลยอ่อ ไม่ถามมาเลยละ
2:ถ้ากุเล่าเรื่องแบบนั้นให้แม่กุฟังนะ บ้านแตก!
1:ใช่มะ พ่อกุถ้ารุ้นะ แ่-งวิ่งไปยิงแฟนกุไส้ไหลแน่
3:แถวบ้านกุนะจับแต่งงานกันไปแล้ว
4:พวกเมิงนิ ยังเบาๆ ตระกูลกุนี่เรื่องถึงศาลแน่ๆ <<ถ้าตระกูลเมิงรุ้ว่าเมิงเป็นตุ๊ดกุก็ว่าถึงศาลแน่ๆเหมือนกัน-รำพึงรำพันไปเรื่อยเปื่อยค่ะ
3:เรื่องของเมิง! (อยากจะลุกขึ้นไปไฮไฟว์กะอิเพื่อนนี่มากๆเลยนาทีนี้ อดทนไว้~)
4:ชิส์ (นางพ่นคำด่ายาวมาก ยากที่จะจำ รึที่เรียกว่า เข้าหูซ้ายทะลุหูขวา คนถูกด่ามะใช่กุ ไม่เจ็บๆ)
5:ผมก็เล่าให้พ่อฟังนะ โดยล้อเฉยเลย (ผู้ชายแท้คนเดียวในกลุ่ม มั้งน่ะ)(หน้าแดงอยุ่แน่เลยตอนนั้น มือถือในมือถึงกับสั่น เด๋วนะๆๆ)
2:กุรุ้เมิงไม่ได้หลับ! สาส (ตบมาได้เนอะคนเรา)
อิชั้นเจ็บปวด: พวกเมิงนินทากุ กุจะฟ้อง6(เพื่อนซี้ขาโหด ที่ซึ่งหายไปไหนมะรุ้)
1:พูดมาๆ (เสียงเหี้ยม)
5:อยากรู้เหมือนกันอ่ะ <<คนหล่อชอบเผือกเนอะ แต่เราให้อภัยเพราะสายตาอ้อนๆนั้น อุ๊ปส์
2:อย่ามาลีลา เดี้ยะๆๆ(ขอกุถ่ายรุปแปบดิ อรั้ยย)
3:...(มองหน้ามาด้วยสายตาปลงๆสลับกับมองมาที่นิ้วที่รัวบนหน้าจอมือถือ)
อิชั้น:...(ย้ายรุปเข้าอัลบั้มลับ..กริบเบาๆ)
1:!!! (ตบโต๊ะ)
5:
2:เร็วๆ สิเมิง
4:ไลน์มา -ส่งมาให้กุบ้าง- พร้อมกับส่งรุป5มานับสิบ
อิชั้น:ตอบไลน์ -แปบนะ-
เงยหน้ามาเจอสายตาดุๆจาก2
อิชั้น:..เอิ่ม..ไงนะ
※เราก็เล่าท้าวความไปสมัยยังเด็ก (เหนื่อยกับประโยคสนธยา)
ด้วยความที่ว่าพ่อเราไม่ใช่คนหัวโบราณ
แล้วเป็นพวกแหกคอกมาตั้งแต่เมื่อก่อน(ผู้ใหญ่เล่าให้ฟัง)
พ่อเรานี้เฟี้ยวมาตั้งแต่หนุ่มๆ
สาวๆรุมแย่งตรึม(เขาว่างั้น)
จนแก่สาวไม่แล
่
ส่วนทางบ้านแม่ก็มีแต่ผู้ใหญ่หัวใหม่ใจวัยสะรุ่น
คำสอนที่ถูกสอนมาตั้งแต่เด็กนั้น
พอฟังกับของบ้านเพื่อนๆมา แตกต่างกันพอสมควร
(เข้าประเด็นแล้วจ้า
)
เช่น
1.เรื่องเรียน&เล่น
ทางบ้านเพื่อนส่วนมาก จะเข้มงวดมาก
ต้องยังงู้น ยังงี้ มัธยมต้องสายวิทธ์คณิต
ต้องเรียนพิเศษ ต้องอ่านหนังสือทบทวน
กลับบ้านต้องตรงเวลา เรื่องเรียนเป็นเรื่องสำคัญ
เกรด4ๆๆๆ ต้องเก่งกว่าลูกข้างบ้าน บลาบลาบลา
ส่วนเรา ที่บ้านไม่เคยบังคับเรื่องเรียนเลย..
อยากเรียนไร ก็เรียน ไม่ชอบก็ไม่ชอบ
ไม่บังคับให้เรียนพิเศษ เพื่อนเขาเรียนกวดวิชา
อิชั้นนี่ไปเรียนทำขนม เรียนวาดรูป
เรียนภาษา(ด้วยตนเอง) เปิดยูตู้ปอะน่ะ
ติด0เคมี6เทอมรวดมาแล้ว
ด้วยเหตุผลที่ไม่ชอบนี่ละ
เรียนวิทย์คณิตตามเพื่อน
และเพราะไม่ถูกกับรุ่นพี่สายศิลป
์ เวลากลับมาบ้าน
อย่างแรกที่ทำคือนั่งดูอนิเมะกับพ่อ
เวิ่นเว้อแว๊น ทำงานบ้าน ไม่กินข้าวเย็น(ตอนม.ปลายอะน่ะ)
ต้มนมดื่ม ดูละครน้ำเน่าเป็นเพื่อนแม่ นอน
แล้วก็ตื่นตี3มาทำการบ้าน(เพิ่งรุ้ว่าแปลก)
พอตี4จะลุกไปห้องน้ำ(เวลาทิ้งทุ่นประจำวัน(ไม่เคยทิ้งนอกบ้าน ยกเว้นตอนเข้าค่ายรึท้องร่วง))
ถ้าทำการบ้านเสดก็นั่งวาดรูปเล่นแมวไปเรื่อย
ตี5 อาบน้ำ แต่งตัวไปรร.(ไปรร.เองตั้งแต่ป.4 แปลกรึ)
พอขึ้นมหาลัยก็คล้ายๆแบบเดิม
ต่างตรงที่ เราอยู่หอ ทำงานพิเศษ
และพ่อแม่ไม่ได้ส่งเงินให้แล้ว
(ไม่มีเวลาดูอนิเมะเลย ซีซั่นที่แล้วดูไม่จบซักเรื่อง พอบอกพ่อไปก็โดนสปอยมา กรีดร้องเบาๆ)
เพื่อนเราทึ่งกับเวลาทิ้งทุ่นมาก
มีแค่3ที่มองเราหัวจรดเท้า แล้วกลั้นขำ(คันเท้าจุง ณ จุดๆนี้)<<ถ้าตามมาอ่านอยากบอกว่าอิชั้นงอนเธอเพราะเรื่องนี้นี่แระ
อืม..แล้วก็ เรื่องหนังสือนอกเวลา ที่บ้านเราสอนให้อ่านทุกแนว
มีบางแนวที่แม่ไม่สนับสนุน(bl)เพราะทำให้พ่อใจแตก(บาปมั้ยคะเนี่ย)
บ้านเพื่อนบางคนไม่ยอมให้ซื้อหนังสืออ่านเล่นๆแบบนี้เลย
รึเรื่อง เกม เราเป็นคนหนึ่งทีชอบเล่นเกมมาก แต่เป็นพวกเบื่อง่ายสุดๆ
ตอนนี้สถิติอยู่ที่47วันเบื่อนานสุด
น้อยสุดคือ15นาทีปาทิ้ง(ออกแนวเปิดเกมมาก็หงุดหงิด)
เคยเล่นติดต่อนานสุด52ชม.//แต่พ่อแม่อนุญาติให้เล่นแค่ช่วงปิดเทอม
แต่เพื่อนเราส่วนมากที่บ้านไม่ยอมให้เล่นเลย
จะแอบโดดเรียนไปเล่น
ย่องไปเล่นตอนกลางคืนบ้าง
พอขึ้นมหาลัยอยุ่หอก็จัดเต็มกันเลย
บางคนเขาไม่ให้เล่นก็เล่นไม่ฟังใคร(เกรดเขาดีซะ ใครจะกล้าว่า อิจค่ะอิจ)
เพิ่งรู้ว่ามีเพื่อนบางคนไม่เล่นเกมเพลย์เกมคอมเลย เพราะที่บ้านห้าม (เด็กดี
)
เหมือนจะหลงประเด็นอีกแล้ว น้ำเยอะไป...พิมพ์เพลินเลย
2.เรื่องเพื่อน&แฟน
ที่เพื่อนเล่าๆมาประมานว่า ผู้ใหญ่บางคน
เขาให้ความสำคัญเรื่องคบเพื่อนมากๆ
ต้องเป็นคนดี เรียนเก่งๆ
ไม่ให้คบเด็กเกเร
หนักสุดคือ ไม่ให้คบตุ๊ดเป็นเพื่อน<<ตุ๊ดในกลุ่มกรี้ดแสบหูมาเลยค่ะ
"ตุ๊ดแอบๆแบบนี้พ่อกุไม่ว่า ไม่นับ"ใครบางคนกล่าว
5>(笑)//อิชั้นจะละลาย~
อะแฮ่มๆ แต่บ้านเรา สอนให้คบเพื่อนตรงที่
'ใครยิ้มให้เราเขาคือเพื่อน'
(จากคำถามที่ว่าเพื่อนคืออะไร ตอนอนุบาลจ้า)
อิชั้นยิ้มให้ทุกคนที่เจอหน้า ยิ้มทั้งวัน
โดนแย่งขนมโดนแกล้งก็ยิ้มจ้า
โดนครูพี่เลี้ยงชมให้ที่บ้านฟังประจำ
ไม่ดื้อไม่ซน เลี้ยงง่าย(เพื่อนแซวว่าเด็กเอ๋อ เออยอมรับ)(ห้ามขำค่ะ นี่ปม)(ซื่อไป)(แต่ทำให้เราปั้นหน้ายิ้มเก่งมากค่ะ ยิ้มการค้า ยิ้มอ่อย ยิ้มทั้งหน้าได้เลยค่ะ ยิ้มสวยมากค่ะ<<อวยตัวเองแปบ)
แล้วเรื่องที่(เพื่อน)ว่าแปลกสุดคือ
ที่บ้านสอนให้มองคนที่โหง่วเฮ้ง
คนลักษณะนี้ห้ามเข้าใกล
้ ขอความช่วยเหลือจากคนที่มีตาแบบนี
้ ซึ่งก็จริงตามที่เขาสอน
รุ้สึกเรื่องนี้มีประโยชน์กับชีวิตมากค่ะ
จำได้จนเป็นนิสัย มีลูกก็คิดว่าจะสอนเรื่องนี
้ ก่อนออกจากบ้านก็เช็คโหง่วเฮ้งตัวเองประจำ (ถ้าเล่าเยอะกว่านี้ยาวแน่ เสิรจหาอ่านกันเองเถิด)
เรื่องแฟน เรื่องการรักนวลสงวนตัว
บ้านเราสอนตั้งแต่เด็กๆเลยค่ะ
อย่าให้คนอื่น(ทั้งชายและหญิง)จับตรงนั้นตรงนี้ ใครจับตรงนี้ให้ซัดกลับท่านั้นท่านี้(สอนมาแบบนี้จริงๆค่ะ พ่อเราขาประจำห้องปกครอง)
ถ้าเพื่อนแกล้งเปิดกระโปรงให้เตะตรงนั้น(โตมาถึงรุ้ ว่าอาจทำให้ถึงตายได้) (ถ้าพวกนายได้อ่านนะ อโหสิให้เราด้วย)
เพื่อนยี้เรามากค่ะช่วงนั้น พอโตหน่อยก็แค่ด่าๆ
เพื่อนผู้หญิงที่ขโมยจูบแรกเราตอนม.ต้น
เจอหน้ากันทีไรเดินหนีตลอดเลย อิอ
เราออมแรงแล้วนะตอนนั้น
(เพื่อนว่าเราโหดไป'แค่จูบ')(นี่ก็ ปมอีกอัน
)(นึกถึงแล้วยังโมโห อยุ่ๆมาถามว่า เคยจูบกับใครยัง พอเราส่ายหน้า กำลังจะพูด ก็ยื่นหน้ามาเลย อึ่ย คันไม้คันมือค่ะ อิ
ย)
พ่อกับแม่จะเล่าเรื่องเอสอีเอ็กซ
์ ให้เราฟังตั้งแต่เด็ก ไม่ใช่แนวอิโรติคแบบนั้น
ประมานวิชาสุขศึกษาตามหลักสูตรกระทรวงน่ะค่ะ(คะแนนท็อปตลอด
)
เริ่มสอนเข้มข้นตอนหลังจากประจำเดือนมาครั้งแรก
ความรู้เบื้องต้น การดูแลรักษาความสะอาด
การป้องกัน ลักษณะอาการของโรคติดต่อ
มาแบบวิชาการยิ่งกว่าครูที่รร.
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
*ที่บ้านก็เลยไม่ได้ซีเรื่องนี้เท่าไหร่ค่ะ
แค่เราป้องกันเป็น รักตัวเองมากๆ พวกท่านก็ปล่อยเลยค่ะ แต่สำหรับเรา
ก็ไม่ได้ชอบ รึติดใจขนาดนั้น
ครั้งแรกก็เป็นความทรงจำดีๆค่ะ
เราว่าเรื่องแบบนี้ทำแค่ตอนอยากมีลูกก็พอน่ะ*
(เราสูงค่ะ ความต้องการเลยต่ำ 笑)(นานาจิตตังเนอะ)
แล้วพ่อเรา ฮีจะชอบเล่าเรื่องประสบการณความรักของตัวเองให้ฟังค่ะ
พ่อเคยพลาด แต่พ่อก็ผ่านมาได้ ประมานนี้
ส่วนคุณแม่มาแนวๆการ์ตูนโชวโจแบ๊วๆเลยค่ะ
ค ว า ม รั ก ค รั้ ง แ ร ก ♥
อะเอื้ออ.. เวลาแม่เล่าเรื่องรักแรกตาจะเป็นประกาย แล้วหน้าจะดูเด็กกว่าวัยเป็นสิบปีเลยค่ะ(แซวเบาๆ) เรารู้โดยทันทีทันใดว่าคนๆนั้นไม่ใช่พ่อเรา อิอิ
ส่วนเรื่องรักแรกของเรา
เศร้าไป ไม่ขอเล่าละกัน
เป็นความทรงจำร้ายๆ
ที่เราเสียใจไปตลอดชีวิต
ก็สรุปเถอะ
พ่อแม่เราไม่ใช่คนหัวโบราณ แล้วก็ไม่ได้หัวสมัยใหม่อะไรขนาดนั้นค่ะ
เลี้ยงลูกตามใจนิดหน่อย แต่เรื่องเงินนี่งกมากอะขอบอก
พ่อแม่ไม่เคยซื้อมือถือ
หรือของแพงๆที่ไม่มีความจำเป็นให้เลย
แต่ลูกแต่ละคนนิสัยต่างกันมาก
พี่สาวเราชอบออกแดด นิสัยห้าว ฮาร์ดคอร์มาก และเป็นคนที่มีระเบียบที่สุดที่เคยรุ้จักมา เนี้ยบอะคำเดียว ไปเตะบอลชียังแต่งหน้าไป อยู่หอกะชีนี่เพลียมากอะ /ทาสน้อยในเรือนเบี้ยดีๆนี่เองเรา เป็นรองตลอด
ส่วนเราลูกคนรอง ค่อนข้างแกะดำ รักสงบ ชอบอยุ่คนเดียว เฉื่อยๆ กวนตีน งานอดิเรกหลากหลาย เบื่อง่ายสุดๆ นิสัยเดาใจยาก(เพื่อนบอกมา คำถามคือเมิงคิดว่ากุเป็นคนยังไง=เดาใจยาก/เอิ่ม)
บางคนว่าเราตรรกกะป่วยเงี้ย(ตรรกกะศาสตร์ได้เอนะเคอะ)
เคยเครียดสะสมจนเป็นโรคซึมเศร้า(ปมกุอีก)
เป็นคนเดียวในบ้านที่สามารถทิ้งทุ่นเป็นเวลาได้(ยกระดับเป็นความสามารถพิเศษได้มั้ยอะ)
เลี้ยงง่าย กินง่าย อยู่ง่าย เรียกเมี้ยวๆเด๋วก็มา../ไม่ใช่ละ55
อ้อ อีกอย่างนึง เราฝึกแมวให้ทิ้งทุ่นลงชักโครกได้ด้วยละ(เพื่อนเราเรียกว่าการทารุณกรรมสัตว์..ว่าซะเสียแมว)
น้องสาวคนเล็ก อายุน้อยกว่าเกือบสิบปี แต่นางมาแรงมาก แพ้เด็กค่ะ แก่แดดเกินไปแล้ว ดวลกันทีไรก็แพ้ งืออออ
เพื่อนๆของเราบอกว่าที่บ้านเราสอนเราแปลกๆ รึ'ผิด'ในความคิดเพื่อนบางคน เรารักพ่อแม่เรามาก และไม่เข้าใจว่าที่ถูกสอนมานั้นผิดยังไง ผิดจริงหรือ
ปล.ใครก็ตามที่ได้อ่านจนจบ ขอขอบคุณมากค่ะ
พิมพ์ตั้งแต่3ทุ่มเลย เพลินมาก
ปลล.น้ำเยอะจริงไรจริง สำนวนออกแนวเขียนไดอารี่ เพราะส่วนนึงเอามาจากไดอารี่นี่ละค่ะ
นี่คงเป็นไดอารี่ที่ยาวที่สุดที่เคยเขียน555
ปลลล.คำถามคือหัวข้อกระทู้นี่ละค่ะ เพื่อนเราตอบไม่เครียร(เรายังไม่เข้าใจ)เลยตัดสินใจตั้งกระทู้นี้ค่ะ อยากทราบความเห็นต่างๆของคนอื่นๆ
โลกในความคิดเราช่างแคบยิ่ง ศิษย์พี่ ท่านโปรดชี้แนะด้วย
ปลลลล.ไม่ใช่ไอดีแรก รึกระทู้แรก เราเคยมีอีกไอดีที่ตั้งกระทู้หาบ้านให้แมวค่ะ เพื่อใครจำได้อะน่ะ แมวเรายังนอนพุงพลุ้ยที่บ้านอยู่เลย ขอตอนนี้ก็ไม่ยกให้หรอกนะ แบร่
ปลลลลล.เราไม่ได้ชอบ5แบบนั้นนะ แต่ฮีเป็นโอเอซิสของเราค่ะ อรั้ย~
ถ้าติดแท็กผิดก็ขอโทษด้วยค่ะ
ครบหมื่นคำพอดี
[18+]เรื่องที่พ่อแม่สอนเรามานั้น'ผิด'งั้นหรือคะ?
ครอบครัวเรามีฐานะปานกลาง
ประกอบอาชีพค้าขาย
พ่อ แม่ พี่สาว เรา น้องสาว(3ใบเถา^^)รวม5คน
ตอนนี้เราอายุ 18 ปี (อีก2ปีจึงจะบรรลุนิติภาวะ)
และกำลังศึกษาในระดับอุดมศึกษาชั้นปีที่1
เข้าเรื่องดีกว่า
เริ่มจาก เรากับเพื่อนเล่นเกม
'ความจริงความกล้ากัน'
แล้วเราก็เลือก ให้ถามเรื่องความลับอะไรแบบนั้น
แทนที่จะถูกให้ทำอะไรบ้าๆ(เพื่อนเราแต่ละคนเกรียนมาก )
แล้วก็ถูกซักประวัติมาเรื่อยๆจนถึงเรื่อง
'ครั้งแรก'
เราก็เล่าไปตามเรื่อง ใส่น้ำไป(เยอะ)บ้างเพื่ออรรถรส
และเหมือนจะตๅยตอนจบ เมื่อบอกว่าที่บ้านรู้เรื่อง..
เพื่อนมันก็เห้ย!!กันทั้งวง
ถามกันใหญ่ว่า โดนพ่อแม่ทำอะไรบ้าง
โดนพ่อตบ แม่กระทืบมั้ย
เราก็เอ๊ะ นั่งทำหน้าเอ๋อใส่เพื่อน
บางคนก็ว่าเราโง่
เรื่องแบบนี้ใครเขาบอกพ่อแม่กัน
ตอนนั้นก็แบบ
'
จะให้ไปบอกแมวข้างบ้านรึไงฟร้าา' (เราคิดในใจนะไม่ได้พูดออกไป)เราที่ยังมึนๆอึนๆอยุ สตั๊นหน้าเอ๋อแล้วก็ถามออกไปว่า
"แล้วทำไมพ่อแม่กุ ต้องทำงั้นด้วย? ตอนกุเล่าให้พวกเขาฟังก็เล่าๆแบบนี้" แบบนี้คือแบบที่เราเล่าให้เพื่อนฟัง
เพื่อนๆก็เริ่มหันไปมองหน้ากันไปมา
ทำอิชั้นงงยิ่งกว่าเดิม
บางคนส่งสายตาเห็นใจมาให้(เพื่อ~)
บางคนก็ซุบซิบๆกัน
แล้วเพื่อนที่เราสนิทที่สุดในกลุ่มก็ถามว่า
"เมิงรอดมาได้ไง?"
คือไร?
ครั้งแรกนี่เจ็บเจียนตายขนาดนั้น<<ตีความไปว่างี้ในตอนนั้น (ฮาตัวเองแปบ)
ก็ตอบไปด้วยความซื่อว่า
"ก็กุเก่งไง" อิชั้นมั่นหน้ามากเคอะ คุณเมิงตอบหลงประเด็นมากกก
เพื่อนๆก็ไม่ได้ถามไร
ก็เล่นเกมกันต่อ
แล้วสรุปวันนั้น เพื่อนๆก็ปล่อยให้เรางง ต่อไปจ้า
กว่าเราจะเข้าใจ(ก็ไม่เชิงว่าเข้าใจหรอก)
เรื่องผ่านมา2เดือนเศษๆ
วันนั้นในตอนที่เพื่อนๆคุ้ยประเด็นนี้มาแอบนินทาเรา
ตอนนั้นเราใส่หูฟัง(แต่ไม่ได้ฟังเพลง )
นั่งเล่นกับเพื่อนตรงม้านั่ง
เราฟุบหน้าไปกับกระเป๋า
ซักพัก เพื่อนคนหนึ่งก็เปิดประเด็นเรื่องเรา
หูนี่พึ่งนี่ตั้งขึ้นมาเรย
บทสนทนาคร่าวๆ(ถ้าจำไม่ผิดนะ)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
※เราก็เล่าท้าวความไปสมัยยังเด็ก (เหนื่อยกับประโยคสนธยา)
ด้วยความที่ว่าพ่อเราไม่ใช่คนหัวโบราณ
แล้วเป็นพวกแหกคอกมาตั้งแต่เมื่อก่อน(ผู้ใหญ่เล่าให้ฟัง)
พ่อเรานี้เฟี้ยวมาตั้งแต่หนุ่มๆ
สาวๆรุมแย่งตรึม(เขาว่างั้น)
จนแก่สาวไม่แล
่
ส่วนทางบ้านแม่ก็มีแต่ผู้ใหญ่หัวใหม่ใจวัยสะรุ่น
คำสอนที่ถูกสอนมาตั้งแต่เด็กนั้น
พอฟังกับของบ้านเพื่อนๆมา แตกต่างกันพอสมควร
(เข้าประเด็นแล้วจ้า)
เช่น
1.เรื่องเรียน&เล่น
ทางบ้านเพื่อนส่วนมาก จะเข้มงวดมาก
ต้องยังงู้น ยังงี้ มัธยมต้องสายวิทธ์คณิต
ต้องเรียนพิเศษ ต้องอ่านหนังสือทบทวน
กลับบ้านต้องตรงเวลา เรื่องเรียนเป็นเรื่องสำคัญ
เกรด4ๆๆๆ ต้องเก่งกว่าลูกข้างบ้าน บลาบลาบลา
ส่วนเรา ที่บ้านไม่เคยบังคับเรื่องเรียนเลย..
อยากเรียนไร ก็เรียน ไม่ชอบก็ไม่ชอบ
ไม่บังคับให้เรียนพิเศษ เพื่อนเขาเรียนกวดวิชา
อิชั้นนี่ไปเรียนทำขนม เรียนวาดรูป
เรียนภาษา(ด้วยตนเอง) เปิดยูตู้ปอะน่ะ
ติด0เคมี6เทอมรวดมาแล้ว
ด้วยเหตุผลที่ไม่ชอบนี่ละ
เรียนวิทย์คณิตตามเพื่อน
และเพราะไม่ถูกกับรุ่นพี่สายศิลป
์ เวลากลับมาบ้าน
อย่างแรกที่ทำคือนั่งดูอนิเมะกับพ่อ
เวิ่นเว้อแว๊น ทำงานบ้าน ไม่กินข้าวเย็น(ตอนม.ปลายอะน่ะ)
ต้มนมดื่ม ดูละครน้ำเน่าเป็นเพื่อนแม่ นอน
แล้วก็ตื่นตี3มาทำการบ้าน(เพิ่งรุ้ว่าแปลก)
พอตี4จะลุกไปห้องน้ำ(เวลาทิ้งทุ่นประจำวัน(ไม่เคยทิ้งนอกบ้าน ยกเว้นตอนเข้าค่ายรึท้องร่วง))
ถ้าทำการบ้านเสดก็นั่งวาดรูปเล่นแมวไปเรื่อย
ตี5 อาบน้ำ แต่งตัวไปรร.(ไปรร.เองตั้งแต่ป.4 แปลกรึ)
พอขึ้นมหาลัยก็คล้ายๆแบบเดิม
ต่างตรงที่ เราอยู่หอ ทำงานพิเศษ
และพ่อแม่ไม่ได้ส่งเงินให้แล้ว
(ไม่มีเวลาดูอนิเมะเลย ซีซั่นที่แล้วดูไม่จบซักเรื่อง พอบอกพ่อไปก็โดนสปอยมา กรีดร้องเบาๆ)
เพื่อนเราทึ่งกับเวลาทิ้งทุ่นมาก
มีแค่3ที่มองเราหัวจรดเท้า แล้วกลั้นขำ(คันเท้าจุง ณ จุดๆนี้)<<ถ้าตามมาอ่านอยากบอกว่าอิชั้นงอนเธอเพราะเรื่องนี้นี่แระ
อืม..แล้วก็ เรื่องหนังสือนอกเวลา ที่บ้านเราสอนให้อ่านทุกแนว
มีบางแนวที่แม่ไม่สนับสนุน(bl)เพราะทำให้พ่อใจแตก(บาปมั้ยคะเนี่ย)
บ้านเพื่อนบางคนไม่ยอมให้ซื้อหนังสืออ่านเล่นๆแบบนี้เลย
รึเรื่อง เกม เราเป็นคนหนึ่งทีชอบเล่นเกมมาก แต่เป็นพวกเบื่อง่ายสุดๆ
ตอนนี้สถิติอยู่ที่47วันเบื่อนานสุด
น้อยสุดคือ15นาทีปาทิ้ง(ออกแนวเปิดเกมมาก็หงุดหงิด)
เคยเล่นติดต่อนานสุด52ชม.//แต่พ่อแม่อนุญาติให้เล่นแค่ช่วงปิดเทอม
แต่เพื่อนเราส่วนมากที่บ้านไม่ยอมให้เล่นเลย
จะแอบโดดเรียนไปเล่น
ย่องไปเล่นตอนกลางคืนบ้าง
พอขึ้นมหาลัยอยุ่หอก็จัดเต็มกันเลย
บางคนเขาไม่ให้เล่นก็เล่นไม่ฟังใคร(เกรดเขาดีซะ ใครจะกล้าว่า อิจค่ะอิจ)
เพิ่งรู้ว่ามีเพื่อนบางคนไม่เล่นเกมเพลย์เกมคอมเลย เพราะที่บ้านห้าม (เด็กดี)
เหมือนจะหลงประเด็นอีกแล้ว น้ำเยอะไป...พิมพ์เพลินเลย
2.เรื่องเพื่อน&แฟน
ที่เพื่อนเล่าๆมาประมานว่า ผู้ใหญ่บางคน
เขาให้ความสำคัญเรื่องคบเพื่อนมากๆ
ต้องเป็นคนดี เรียนเก่งๆ
ไม่ให้คบเด็กเกเร
หนักสุดคือ ไม่ให้คบตุ๊ดเป็นเพื่อน<<ตุ๊ดในกลุ่มกรี้ดแสบหูมาเลยค่ะ
"ตุ๊ดแอบๆแบบนี้พ่อกุไม่ว่า ไม่นับ"ใครบางคนกล่าว
5>(笑)//อิชั้นจะละลาย~
อะแฮ่มๆ แต่บ้านเรา สอนให้คบเพื่อนตรงที่
'ใครยิ้มให้เราเขาคือเพื่อน'
(จากคำถามที่ว่าเพื่อนคืออะไร ตอนอนุบาลจ้า)
อิชั้นยิ้มให้ทุกคนที่เจอหน้า ยิ้มทั้งวัน
โดนแย่งขนมโดนแกล้งก็ยิ้มจ้า
โดนครูพี่เลี้ยงชมให้ที่บ้านฟังประจำ
ไม่ดื้อไม่ซน เลี้ยงง่าย(เพื่อนแซวว่าเด็กเอ๋อ เออยอมรับ)(ห้ามขำค่ะ นี่ปม)(ซื่อไป)(แต่ทำให้เราปั้นหน้ายิ้มเก่งมากค่ะ ยิ้มการค้า ยิ้มอ่อย ยิ้มทั้งหน้าได้เลยค่ะ ยิ้มสวยมากค่ะ<<อวยตัวเองแปบ)
แล้วเรื่องที่(เพื่อน)ว่าแปลกสุดคือ
ที่บ้านสอนให้มองคนที่โหง่วเฮ้ง
คนลักษณะนี้ห้ามเข้าใกล
้ ขอความช่วยเหลือจากคนที่มีตาแบบนี
้ ซึ่งก็จริงตามที่เขาสอน
รุ้สึกเรื่องนี้มีประโยชน์กับชีวิตมากค่ะ
จำได้จนเป็นนิสัย มีลูกก็คิดว่าจะสอนเรื่องนี
้ ก่อนออกจากบ้านก็เช็คโหง่วเฮ้งตัวเองประจำ (ถ้าเล่าเยอะกว่านี้ยาวแน่ เสิรจหาอ่านกันเองเถิด)
เรื่องแฟน เรื่องการรักนวลสงวนตัว
บ้านเราสอนตั้งแต่เด็กๆเลยค่ะ
อย่าให้คนอื่น(ทั้งชายและหญิง)จับตรงนั้นตรงนี้ ใครจับตรงนี้ให้ซัดกลับท่านั้นท่านี้(สอนมาแบบนี้จริงๆค่ะ พ่อเราขาประจำห้องปกครอง)
ถ้าเพื่อนแกล้งเปิดกระโปรงให้เตะตรงนั้น(โตมาถึงรุ้ ว่าอาจทำให้ถึงตายได้) (ถ้าพวกนายได้อ่านนะ อโหสิให้เราด้วย)
เพื่อนยี้เรามากค่ะช่วงนั้น พอโตหน่อยก็แค่ด่าๆ
เพื่อนผู้หญิงที่ขโมยจูบแรกเราตอนม.ต้น
เจอหน้ากันทีไรเดินหนีตลอดเลย อิอ
เราออมแรงแล้วนะตอนนั้น
(เพื่อนว่าเราโหดไป'แค่จูบ')(นี่ก็ ปมอีกอัน)(นึกถึงแล้วยังโมโห อยุ่ๆมาถามว่า เคยจูบกับใครยัง พอเราส่ายหน้า กำลังจะพูด ก็ยื่นหน้ามาเลย อึ่ย คันไม้คันมือค่ะ อิย)
พ่อกับแม่จะเล่าเรื่องเอสอีเอ็กซ
์ ให้เราฟังตั้งแต่เด็ก ไม่ใช่แนวอิโรติคแบบนั้น
ประมานวิชาสุขศึกษาตามหลักสูตรกระทรวงน่ะค่ะ(คะแนนท็อปตลอด)
เริ่มสอนเข้มข้นตอนหลังจากประจำเดือนมาครั้งแรก
ความรู้เบื้องต้น การดูแลรักษาความสะอาด
การป้องกัน ลักษณะอาการของโรคติดต่อ
มาแบบวิชาการยิ่งกว่าครูที่รร.
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ (นานาจิตตังเนอะ)
แล้วพ่อเรา ฮีจะชอบเล่าเรื่องประสบการณความรักของตัวเองให้ฟังค่ะ
พ่อเคยพลาด แต่พ่อก็ผ่านมาได้ ประมานนี้
ส่วนคุณแม่มาแนวๆการ์ตูนโชวโจแบ๊วๆเลยค่ะ
ค ว า ม รั ก ค รั้ ง แ ร ก ♥
อะเอื้ออ.. เวลาแม่เล่าเรื่องรักแรกตาจะเป็นประกาย แล้วหน้าจะดูเด็กกว่าวัยเป็นสิบปีเลยค่ะ(แซวเบาๆ) เรารู้โดยทันทีทันใดว่าคนๆนั้นไม่ใช่พ่อเรา อิอิ
ส่วนเรื่องรักแรกของเรา
เศร้าไป ไม่ขอเล่าละกัน
เป็นความทรงจำร้ายๆ
ที่เราเสียใจไปตลอดชีวิต
ก็สรุปเถอะ
พ่อแม่เราไม่ใช่คนหัวโบราณ แล้วก็ไม่ได้หัวสมัยใหม่อะไรขนาดนั้นค่ะ
เลี้ยงลูกตามใจนิดหน่อย แต่เรื่องเงินนี่งกมากอะขอบอก
พ่อแม่ไม่เคยซื้อมือถือ
หรือของแพงๆที่ไม่มีความจำเป็นให้เลย
แต่ลูกแต่ละคนนิสัยต่างกันมาก
พี่สาวเราชอบออกแดด นิสัยห้าว ฮาร์ดคอร์มาก และเป็นคนที่มีระเบียบที่สุดที่เคยรุ้จักมา เนี้ยบอะคำเดียว ไปเตะบอลชียังแต่งหน้าไป อยู่หอกะชีนี่เพลียมากอะ /ทาสน้อยในเรือนเบี้ยดีๆนี่เองเรา เป็นรองตลอด
ส่วนเราลูกคนรอง ค่อนข้างแกะดำ รักสงบ ชอบอยุ่คนเดียว เฉื่อยๆ กวนตีน งานอดิเรกหลากหลาย เบื่อง่ายสุดๆ นิสัยเดาใจยาก(เพื่อนบอกมา คำถามคือเมิงคิดว่ากุเป็นคนยังไง=เดาใจยาก/เอิ่ม)
บางคนว่าเราตรรกกะป่วยเงี้ย(ตรรกกะศาสตร์ได้เอนะเคอะ)
เคยเครียดสะสมจนเป็นโรคซึมเศร้า(ปมกุอีก)
เป็นคนเดียวในบ้านที่สามารถทิ้งทุ่นเป็นเวลาได้(ยกระดับเป็นความสามารถพิเศษได้มั้ยอะ)
เลี้ยงง่าย กินง่าย อยู่ง่าย เรียกเมี้ยวๆเด๋วก็มา../ไม่ใช่ละ55
อ้อ อีกอย่างนึง เราฝึกแมวให้ทิ้งทุ่นลงชักโครกได้ด้วยละ(เพื่อนเราเรียกว่าการทารุณกรรมสัตว์..ว่าซะเสียแมว)
น้องสาวคนเล็ก อายุน้อยกว่าเกือบสิบปี แต่นางมาแรงมาก แพ้เด็กค่ะ แก่แดดเกินไปแล้ว ดวลกันทีไรก็แพ้ งืออออ
เพื่อนๆของเราบอกว่าที่บ้านเราสอนเราแปลกๆ รึ'ผิด'ในความคิดเพื่อนบางคน เรารักพ่อแม่เรามาก และไม่เข้าใจว่าที่ถูกสอนมานั้นผิดยังไง ผิดจริงหรือ
ปล.ใครก็ตามที่ได้อ่านจนจบ ขอขอบคุณมากค่ะ
พิมพ์ตั้งแต่3ทุ่มเลย เพลินมาก
ปลล.น้ำเยอะจริงไรจริง สำนวนออกแนวเขียนไดอารี่ เพราะส่วนนึงเอามาจากไดอารี่นี่ละค่ะ
นี่คงเป็นไดอารี่ที่ยาวที่สุดที่เคยเขียน555
ปลลล.คำถามคือหัวข้อกระทู้นี่ละค่ะ เพื่อนเราตอบไม่เครียร(เรายังไม่เข้าใจ)เลยตัดสินใจตั้งกระทู้นี้ค่ะ อยากทราบความเห็นต่างๆของคนอื่นๆ
โลกในความคิดเราช่างแคบยิ่ง ศิษย์พี่ ท่านโปรดชี้แนะด้วย
ปลลลล.ไม่ใช่ไอดีแรก รึกระทู้แรก เราเคยมีอีกไอดีที่ตั้งกระทู้หาบ้านให้แมวค่ะ เพื่อใครจำได้อะน่ะ แมวเรายังนอนพุงพลุ้ยที่บ้านอยู่เลย ขอตอนนี้ก็ไม่ยกให้หรอกนะ แบร่
ปลลลลล.เราไม่ได้ชอบ5แบบนั้นนะ แต่ฮีเป็นโอเอซิสของเราค่ะ อรั้ย~
ถ้าติดแท็กผิดก็ขอโทษด้วยค่ะ
ครบหมื่นคำพอดี