เรื่องมีอยู่ว่า ก่อนวันปีใหม่ ไอ้เพื่อนคนนี้ได้โทรมา ทั้งๆที่ไม่ได้ติดต่อกันมานานมาก ชวนไปสวดมนต์ข้ามปีแล้วอยากคุยเรื่องงานด้วย ไอ้เราก็ตอบตกลงไป
พอถึงวัน เราก็ไปร้านข้าว มันนั่งกิน ผมไม่ได้กิน ขณะนั้นมันก็สาธยายระบบขายประกันอย่างนั้นอย่างนี้ ไอ้ผมก็นั่งฟังไปเรื่อยๆ ประเด็นคือ มันอยากให้ผมไปร่วมทีมขายประกันกับมัน มันจะเอาชื่อนามสกุลของผม แต่ไม่ได้นัดว่าจะเอาเมื่อไร และ "ผมยังไม่ได้ตอบตกลงใดๆทั้งสิ้น" เน้นนะครับว่ายังไม่ได้ตกลง แล้วก็แยกย้ายกันกลับตามปกติ
วันรุ่งขึ้นผมก็ไปเที่ยวกับครอบครัวที่ต่างจังหวัด ขึ้นเขา สัญญาณมีบ้างไม่มีบ้าง ผมเลยหงุดหงิดไม่ใส่ใจโทรศัพท์ปล่อยทิ้งไว้อย่างนั้น มาเห็นว่ามีมิสคอลอีกทีก็ดึกมาก จะโทรไปก็เกรงใจเพื่อน ก็เลยไม่ได้โทรกลับ จนมาเมื่อวาน #3 มกรา ก็เดินทางกลับ แล้วได้รับไลน์ต่อไปนี้
*พูดเหมือนผมจะง้องั้นแหละ มีไล่ให้ไปทำที่อื่นด้วย คิคิ
*ผมกับมันอายุห่างกันไม่ถึงปีด้วยซ้ำ
ผมปรี๊ดเลย ทำไมรึ คนเราจะเที่ยวบ้างพักผ่อนบ้างไม่ได้รึไง ใครจะทำงานงกๆอยู่ได้ทั้งๆที่เป็นเทศกาลท่องเที่ยว
มันบอกว่ามันประสบความสำเร็จอย่างนั้นอย่างนี้ ได้เดือนเท่านั้นเท่านี้ (ซึ่งก็ไม่มีข้อมูลยืนยันว่าได้จริงรึเปล่า) ผมก็เห็นว่ามันยังต้องหาลูกค้าใหม่ในทุกๆวัน ยังต้องตั้งบูทตามซุปเปอร์ต่างๆ เห็นบางทีบอกเดินน็อกตามบ้านอยู่เลย นี่หรือคือสำเร็จแล้ว ?
ตัวเงินผมไม่ใส่ใจหรอกครับ มันไม่ใช่ทุกอย่างของชีวิต ผมมีธุรกิจส่วนตัว พออยู่พอกิน มีเวลาให้ครอบครัว แค่นี้ผมก็พอใจในสิ่งที่มีละ
#เงินตายไปก็เอาไปด้วยไม่ได้นะจ๊ะ
ตัวผมเองยังมีรุ่นพี่ที่ผมเคารพอยู่ในวงการประกัน ผมว่าเค้าก็ไม่ใช้ทักษะการพูดที่เค้ามีในทางแบบนี้นะ
สุดท้ายอยากฝากว่า อย่าเอาเงินมาเป็นตัวชี้วัดชีวิตใคร เพราะสำหรับบางคนเงินก็ไม่ใช่ทุกสิ่งทุกอย่าง เข้าใจนะ ..
ปล. ถ้าไอ้เพื่อนผมคนนี้เข้ามาอ่านอยากฝากบอกมันว่า
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้นี่กรูพูดแบบเกรงใจนะ เห็นว่าเคยเป็นเพื่อน อย่าให้กูลงรายละเอียด กลัวคุณจะอายคนอื่นเค้า
นี่หรือ "ปาก" ของคนขายประกัน(บางคน) ?
พอถึงวัน เราก็ไปร้านข้าว มันนั่งกิน ผมไม่ได้กิน ขณะนั้นมันก็สาธยายระบบขายประกันอย่างนั้นอย่างนี้ ไอ้ผมก็นั่งฟังไปเรื่อยๆ ประเด็นคือ มันอยากให้ผมไปร่วมทีมขายประกันกับมัน มันจะเอาชื่อนามสกุลของผม แต่ไม่ได้นัดว่าจะเอาเมื่อไร และ "ผมยังไม่ได้ตอบตกลงใดๆทั้งสิ้น" เน้นนะครับว่ายังไม่ได้ตกลง แล้วก็แยกย้ายกันกลับตามปกติ
วันรุ่งขึ้นผมก็ไปเที่ยวกับครอบครัวที่ต่างจังหวัด ขึ้นเขา สัญญาณมีบ้างไม่มีบ้าง ผมเลยหงุดหงิดไม่ใส่ใจโทรศัพท์ปล่อยทิ้งไว้อย่างนั้น มาเห็นว่ามีมิสคอลอีกทีก็ดึกมาก จะโทรไปก็เกรงใจเพื่อน ก็เลยไม่ได้โทรกลับ จนมาเมื่อวาน #3 มกรา ก็เดินทางกลับ แล้วได้รับไลน์ต่อไปนี้
*พูดเหมือนผมจะง้องั้นแหละ มีไล่ให้ไปทำที่อื่นด้วย คิคิ
*ผมกับมันอายุห่างกันไม่ถึงปีด้วยซ้ำ
ผมปรี๊ดเลย ทำไมรึ คนเราจะเที่ยวบ้างพักผ่อนบ้างไม่ได้รึไง ใครจะทำงานงกๆอยู่ได้ทั้งๆที่เป็นเทศกาลท่องเที่ยว
มันบอกว่ามันประสบความสำเร็จอย่างนั้นอย่างนี้ ได้เดือนเท่านั้นเท่านี้ (ซึ่งก็ไม่มีข้อมูลยืนยันว่าได้จริงรึเปล่า) ผมก็เห็นว่ามันยังต้องหาลูกค้าใหม่ในทุกๆวัน ยังต้องตั้งบูทตามซุปเปอร์ต่างๆ เห็นบางทีบอกเดินน็อกตามบ้านอยู่เลย นี่หรือคือสำเร็จแล้ว ?
ตัวเงินผมไม่ใส่ใจหรอกครับ มันไม่ใช่ทุกอย่างของชีวิต ผมมีธุรกิจส่วนตัว พออยู่พอกิน มีเวลาให้ครอบครัว แค่นี้ผมก็พอใจในสิ่งที่มีละ
#เงินตายไปก็เอาไปด้วยไม่ได้นะจ๊ะ
ตัวผมเองยังมีรุ่นพี่ที่ผมเคารพอยู่ในวงการประกัน ผมว่าเค้าก็ไม่ใช้ทักษะการพูดที่เค้ามีในทางแบบนี้นะ
สุดท้ายอยากฝากว่า อย่าเอาเงินมาเป็นตัวชี้วัดชีวิตใคร เพราะสำหรับบางคนเงินก็ไม่ใช่ทุกสิ่งทุกอย่าง เข้าใจนะ ..
ปล. ถ้าไอ้เพื่อนผมคนนี้เข้ามาอ่านอยากฝากบอกมันว่า [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้