ลูกมีไข้สูงทุกเดือน หมอแจ้งว่า อาจมีสิทธิเป็นมะเร็ง เครียดจังค่ะ ขอแชร์ประสบการณ์หน่อย

ตั้งแต่เดือน ส.ค. ลูกมีไข้สูงทุกเดือนเลยค่ะ อาการคือมีไข้อย่างเดียว บางเดือนไข้สูง 2 หน ทุกครั้งที่นอน รพ. ตรวจเลือดจะพบว่ามีเม็ดเลือดขาวสูง ประมาณ 16000-18000 พอไข้ลดก็กลับบ้าน แล้วพอเดือนต่อมาก็จะมีไข้สูงอีก  จนครั้งล่าสุด เมื่อวานมีไข้ ให้กินยาลดไข้พอยาหมดฤทธิก็มีไข้อีก วันนี้เลยหาหมอ คุณหมอเลยสั่งแอทมิต เพื่อตรวจเลือดอีก แล้วบอกว่าน้องมีสิทธิ ที่จะเป็นมะเร็งได้ เพราะมีไข้บ่อยกว่าปกติ รู้สึกเครียดมากๆ อาการแบบนี้พอจะเป็นไปได้มั้ยค่ะที่จะเป็นโรคอื่น หรือ อาจเป็นมะเร็งแน่ๆ ใครมีประสบการณ์รบกวนช่วยแชร์ประสบการณ์ทีได้มั้ยค่ะ ตอนนี้ห่วงลูกมากๆเลย คิดไปร้อยแปด
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 12
ขอเอามาตอบข้างหน้าดีกว่านะครับ
ผลเลือดที่ให้มาครั้งนี้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ผลเลือดเม็ดเลือดขาวไม่ได้สูงกว่าค่าในช่วงปกติของเด็กอายุเท่านี้นะครับ
ไม่ได้มีอะไรที่น่าสงสัยมะเร็งเม็ดเลือดขาว
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
อย่างไรก็ตาม มีเรื่องซีดชัดเจน
ซึ่งเรื่องซีดตอบไว้ตั้งแต่ถามไว้คราวที่แล้วๆว่า
ซีดในเด็ก ที่ MCV ตำ่
เกิดจาก 2 ภาวะเป็นหลักคือ
1 ขาดธาตุเหล็ก กับ
2ธาลัสซีเมียที่เป็นโรค (พาหะธาลัสซีเมียไม่ใช่โรค ไม่ซีด ถ้าซีดตอนนี้ยังไม่ต้องสนใจว่าเป็นพาหะหรือไม่)
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ซึ่งบอกว่าได้โฟลิคกับธาตุเหล็กมากิน
ได้บอกแล้วว่าข้อมูลไม่ครบ
อย่างค่า RBC ก็ไม่ได้ให้มา
ผมถึงบอกว่าข้อมูลมันขาด
แต่จขกท.ก็ไม่ได้หาข้อมูลในจุดนี้มาให้เพิ่มในคราวก่อน
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ครั้งนี้จดมาแล้วว่า 3.9 (คาดว่า x1 ยกกำลัง 6 คือ 3 ล้าน 9 แสน)
ฟันธงเลยว่าเป็นโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็ก
ซึ่งเชื่อได้ว่าส่วนใหญ่เกิดจากการกินน้อย ไม่ค่อยกินอาหารที่มีธาตุเหล็ก
ที่เคยบอกว่าได้เหล็กกับโฟลิคมากิน
เคยบอกแล้วว่าหมอที่ตรวจไม่แน่ใจหรือไม่ว่าซีดจากอะไร
แล้วธาตุเหล็กที่ได้มา ได้มากินในรูปแบบไหน ขนาดเท่าไหร่ ได้กินนานเท่าไหร่
ทำไมผลเลือดไม่ได้ดีขึ้น เหมือนไม่ได้รักษาจริงจังเลยครับ
มีการนัดไปตรวจซำ้ว่าค่า Hb,Hct สูงขึ้นเป็นปกติแล้วหรือไม่
เชื่อว่าถ้าไปค้น CBC ของเก่าที่เคยโพสต์ถาม
เชื่อว่าค่า RBC คงค่อนไปทางตำ่ๆ 4 ล้านต้นๆลงมาตั้งแต่คราวก่อนแล้ว
ถ้าซีดจากธาลัสซีเมีย ส่วนใหญ่ค่า RBC จะสูงกว่า 5 ล้าน
น่าจะวินิจฉัยเรื่องซีดจากขาดธาตุเหล็กได้นานแล้วถ้ามีความรู้ความเข้าใจในการแปลผล CBC
การซีดจากขาดธาตุเหล็กมีส่วนทำให้ภูมิคุ้มกันตำ่และติดเชื้อได้ง่ายขึ้น
แต่การเป็นไข้บ่อยๆก็ไม่ได้หมายความว่าสาเหตุเกิดจากซีดจากขาดธาตุเหล็กอย่างเดียว(แต่เป็นตัวเสริมให้ติดเชื้อง่ายอันหนึ่ง)
นอกจากนี้อาจจะเพลียง่ายหงุดหงิดง่าย กล้ามเนื้อมีแรงน้อยกว่าปกติ
ที่สำคัญระดับสติปัญญาจะด้อยกว่าเมื่อไม่ขาดธาตุเหล็กด้วย
ที่คุณเห็นลูกช่วงไม่ป่วยว่าปกติ
ถ้าเขาไม่ซีด ศักยภาพเขาจะดีกว่านี้ด้วยซำ้
(เคยถามเด็กผู้หญิงอายุ 13 ที่ซีดจากขาดธาตุเหล็ก เสียเลือดจากประจำเดือนที่ออกมาก
ค่า Hct 24 ถามว่าเพลียไหมบอกว่าไม่ค่อยรู้สึกว่าเพลียชัดเจนเท่าไหร่
พอรักษาไปได้ 1 เดือน Hct 38
บอกว่าที่เคยรู้สึกว่าไม่ได้เพลีย พอเทียบกับตอนนี้
รู้สึกแข็งแรงขึ้นมากกว่าเดิมชัดเจน สมองปลอดโปร่งขึ้นชัดเจนด้วย)
เด็กที่ซีดจากขาดหลังรักษาแม้ว่าจะดีขึ้นชัดเจน
แต่อาจจะไม่ถึงกับปกติเหมือนไม่เคยขาดเลยด้วย
ดังนั้นหมอเด็กถ้าเห็นเด็กซีด เราจะพยายามมองหาว่ามีโอกาสเป็นจากภาวะนี้หรือไม่
แล้วต้องให้การรักษา ซึ่งรักษาง่ายด้วย เป็นภาวะซีดที่น่ารักษาที่สุดแล้ว
เพื่อไม่ให้มีผลต่อสติปัญญาของเด็กให้มากที่สุด
การรักษาต้องให้ธาตุเหล็กในขนาดที่สูงพอในการรักษา และให้ระยะเวลาที่นานพอ ไม่ใช่แค่หายซีด
และนัดตรวจติดตามว่าอาการซีดดีขึ้นหรือไม่
อย่างช้า 1 เดือนควรตรวจเลือดซำ้แล้ว
แม้ว่าจะหายซีดแล้วยังต้องให้ยาต่อให้มันไปสะสมเป็น reserve ในตับ ม้าม ไขกระดูก
รวมระยะเวลาที่ให้ธาตุเหล็กราว 4-6 เดือน
และต้องแนะนำให้กินอาหารที่มีธาตุเหล็กสูงเพื่อป้องกันการซีดหลังหยุดธาตุเหล็กด้วย

สรุปย่อๆนะ
ลูกคุณน่าจะซีดจากการขาดธาตุเหล็ก และขาดมาได้ระยะหนึ่งแล้ว(ถึงเดาแต่เชื่อว่าเดาถูก 99.97%)
อย่างน้อยคราวก่อนถ้าบอกค่า RBC มาคงบอกได้ตั้งแต่คราวก่อนแล้ว
ถ้าอยากรู้ต้องไปดูอีกว่าจริงๆซีดมาก่อนนี้อีกนานแค่ไหน(ผล CBC ครั้งก่อนๆกว่านั้นน่าจะมีบันทึกไว้)
การขาดธาตุเหล็กนี้เป็นปัจจัยหนึ่งที่รบกวนภูมิคุ้มกัน
และทำให้ติดเชื้อได้ง่ายขึ้นด้วย
จากผลเลือดที่เห็น ไม่มีหลักฐานสงสัยว่าจะเป็นมะเร็งหรือ SLE แต่อย่างใด
ที่สำคัญ อย่าลืมรักษาเรื่องซีดจากการขาดธาตุเหล็กอย่างจริงจังด้วยครับ
แม้จะไม่ถึงกับทำให้แทบจะไม่ป่วย
แต่เชื่อว่าน่าจะป่วยไม่บ่อยเท่าเดิมนะครับ
(อย่าลืมอีกอย่างว่า ถ้าไป nursery เมื่อไหร่ ป่วยบ่อยขึ้นมากจากการติดเชื้อแลกเปลี่ยนกันไปมาระหว่างเด็กๆด้วยกันแน่นอน)
ส่วนเรื่องพาหะธาลัสซีเมีย
ตอนนี้ไม่ต้องสนใจว่ามีหรือไม่เลย ไม่เกี่ยวอะไรตอนนี้สักนิด
พาหะไม่ใช่โรค ไม่ทำให้ซีด ไม่มีผลต่อสุขภาพ ยกเว้นตอนตั้งครรภ์ว่าจะถ่ายทอดไปลูกไหมซึ่งต้องดูสามีของลูกประกอบด้วยครับ


ปล.อย่าเชื่อผมมาก ผมเดา
ปล.2 ถามหน้าไมค์ เถอะครับ ไม่ต้องหลังไมค์ บางทีผมไม่ได้เช็ค
ถามกันหลังไมค์มากหลายคนผมจะตอบไม่ไหวครับ
ถามหน้าไมค์เผื่อมีผู้รู้ท่านอื่นช่วยตอบ ผมเองก็ไม่ได้รู้อะไรมาก เดาไปวันๆ

แก้ไขโดยใส่ spoil ไว้หน่อยครับ รู้สึกภาพมันใหญ่
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่