สวัสดีครับ พี่ๆเพื่อนๆชาวพันทิปทุกคน นี่เป็นกระทู้แรกที่ผมได้ตั้งขึ้นมา ผมตั้งกระทู้นี้ขึ้นมาเพื่ออยากให้ทุกคนทราบประสบการณ์ชีวิตของผมและให้คำแนะนำกับผม ว่าสิ่งที่ผมกำลังจะทำ สิ่งที่ผมพบเจอนั้นถูกต้องแล้วหรือไม่ เข้าเรื่องเลยแล้วกันนะครับ
ผมขอใช้นามสมมุติว่า เอแล้วกันนะครับครอบครัวของผมนั้นมีอยู่สามคน คือทวด และลุงของผม พ่อแม่ของผมแยกทางไปตั้งแต่ผมเกิด แล้วนำมาให้ทวดกับลุงผมดูแลตั้งแต่เท้าเท่าเปลือกหอย ลุงก็ไปทำงาน ส่วนทวดก็เป็นแม่บ้าน ทั้งที่อายุ63แล้ว แต่ก็ยังทำไม่เคยบ่น
ผ่านไป 7 เดือน มีเหตุการณ์หนึ่งที่ผมคิดว่าผมทำไปทำไม ทำไมผมไม่เห็นในความรักของท่านเลย คือผมติดเกมส์ กลับบ้าน 4 ทุ่ม ปล่อยให้ทวดอยู่คนเดียว รอเราหน้าประตูบ้าน ท่านห่วงเราเหลือเกิน แต่เราก็ไม่สำนึก จนมันร้ายแรงไปทางลุง คือผมโกหกลุงต่างๆนาๆ ผมสอบแล้วตกแต่ก็ไม่ได้ซ่อมเพราะห่วงเล่นเกมส์ ตอนนั้นลุงทำงานที่อยุธยา ซึ่งไกลมาก ลุงก็โทรมาถามว่าเรียนเป็นยังไง ทวดสบายดีเปล่า ผมก็โกหกให้ทวดท่านตอบว่าสบายดีๆ อยู่ตลอด สอบก็บอกผ่านหมด ผมทำแบบนี้ทุกครั้ง
จนวันนึง ลุงผมจับได้ว่าผมโกหกอะไรสารพัดลุงก็หยิบสายยางมาหวดที่หลังผม นับ40 ครั้ง ทวดท่านก็ร้องไห้บอกให้หยุดๆได้แล้ว ตอนนั้นผมเจ็บมาก ผมคิดว่าทำไมเขาต้องทำกับผมขนาดนี้ด้วย ผมสงสารทวดมากที่ผมทำให้ท่านมีน้ำตา แต่เมื่อผมขึ้น ม.2 ผมก็โดนลุงไล่ออกจากบ้าน เพราะผมไม่ดูแลทวด ไม่ทำอะไรเลย ไม่สนใจใครเลย ก่อนไปผมกอดทวดไว้แล้วพูดว่า ทวด อยู่ให้สบายนะ ผมขอโทษนะที่ไม่ได้ดูแลทวดเลย ท่านก็ตอบกลับมาว่าไม่เป็นไรลูก เป็นเด็กดีตั้งใจเรียนนะ ไม่ต้องห่วง ผมพิมไปน้ำตาก็ไหลไป มันเรียบเรียงไม่ถูกอ่ะครับ มันอดอัดว่าสิ่งที่ทำไปเพราะอะไรทำไมวันนั้นถึงไม่ดูแลท่านเปรียบเหมือนเราเป็นลูกเนรคุณดีดีนี่เอง สักวันผมก็ต้องได้รับผลกรรมนั้นเอง
เมื่อผมออกจากบ้านมา ผมก็ได้เป็นเด็กวัดที่เรียนอยู่ที่นั่น ผมก็ตั้งใจเรียน แต่เมื่อเป็นเด็กวัด เวลาก็จะต้องจัดให้เป็น ตื่นมาก็ต้องไปรับของที่โยมทั้งหลายใส่บาตรพระ เกือบ7โมง กลับมาก็ต้องนั่งคัดแกง จัดโต๊ะพระ ชอมช้อนแกงใส่พร้อมประเคน ต้องรอพระฉันให้เสร็จเรียบร้อย ผมถึงจะกินได้ ซึ่งก็ไปสายทุกวัน เรียนก็ไม่ค่อยทันเพื่อน กลับมาก็นอนในห้องที่เหล่าเพื่อนๆเด็กวัดที่อยู่ก่อนที่ขี้ยา แต่ผมก็อยู่เพื่ออนาคตของตัวเอง อยู่ได้ประมาณเดือนตุลาคม ซึ่งผมใกล้จะจบ ม.2 แต่มันก็ไม่ได้เป็นแบบที่หวัง อาของผมติดต่อแม่ ซึ่งทราบภายหลังว่าแม่อยู่อังกฤษ มีครอบครัวใหม่ มีลูก 2 คนอยู่ที่นั่นซ่งตอนนั้นผมดีใจาก ทำอะไรไม่ถูกเลย แถมได้เจอกับยาย (แม่ของแม่อีก) โชคดีมากๆเลย เราก็คุยกับแม่ได้สักพัก แล้วแม่ก็ถามว่าจะไปอยู่กับยายก่อนไหม ซึ่งตอนนั้นบอกตรงๆเลยผมไม่อยากจะเรียน เพราะตามงานไม่ทัน ไม่ค่อยไปเรียนน่ะครับ ผมก็เลยเลือกไปอยู่กับยาย แม่ผมก็ซื้อโทรศัพท์มาให้ผมใช้ คุณคงคิดว่าชีวิตผมก็ไม่น่าจะมีอะไรใช่ไหมล่ะครับ แต่มันไม่ใช่เลย ความคิดทิ้งการเรียนของผมนั้นผิดมาก
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ เพราะยายที่ผมไปอยู่ด้วยนั้น ไม่ค่อยมีเวลาให้ผมเลย ไปขายของกลับมาตีสองตีสามตลอดเวลา และแม่ผมก็ส่งเงินให้ยายเกือบหลักแสนในเดือนเดียวนะครับ ย้ำว่าหลักแสน แต่ผมไม่เคยรู้ ยายเอาแต่ซื้อมาม่า ให้ผมต้มกิน หนังสือก็ไม่ได้เรียน อยู่แต่บ้าน พอผมรอยายผมอยากได้ขอที่ผมอยากได้ เขาก็ไม่ซื้อให้ เขาบอกเปลืองตัง ผมไม่ทราบเลยเขาเอาเงินที่แม่ส่งให้ไปทำอะไรหมด ผมมีคำถามในหัว แถมยังโทรไปบอกแม่ว่าผมไม่อยากเรียน อยากทำงานมากกว่า ซึ่งผมไม่ได้บอกเขาเลย แต่ก็ไม่พูดอะไร ผมอยู่กับยายได้แค่เดือนเดียวผมก็ทนไม่ไหว ย้ายไปอยู่กับป้า (พี่ของแม่) ที่ปรีดี 36 แถว กทม. ป้าผมก็ไม่ค่อยมีเวลาเช่นกัน แต่ค่อนข้างตามใจผมเอามากๆเลย จะทิ้งเงินไว้ให้ผมไปเล่นเกม 100บ้าง150บ้าง แต่ป้าแกก็ไปหาแฟน พามาบ้านบ้าง ผมก็แซวๆตามประสา 555 เหมือนจะไม่มีอะไร แต่ผมก็ขี้น้อยใจ บวกกับความเกรงใจ ผมเลยไปนอนที่ระเบียงบ้านทุกวันเลย อยู่ชั้นบนสุดเลยไม่ค่อยมียุงมากวนเท่าไหร่ แต่ก็เย็นดี จนมาถึงวันนึง ตอนนั้นผมอยู่ห้องคนเดียว ป้าโทรมาหาผม เขาถามผมว่า มาเที่ยวไหม ที่ผับอะไรสักอย่างผมจำไม่ได้เหมือนกัน ผมก็ไปเพราะความเหงาของตัวเอง ไปก็กินแป๊บซี่ ป้าก็ดื่มเหล้า เมาสะ555 แต่เพื่อนของแฟนป้าชอบสูบบุหรี่ ผมไม่สูบผมไม่ดื่มนะครับ ไม่ชอบเลย แต่ก็เกิดเหตุขึ้น คือด้วยความที่ป้านั้นเมา ป้ามมองเพื่อนแฟนเป็นผม หาว่าผมสูบบุหรี่ แกว่าผมเป็นชุดเลยครับ ด้วยความที่ขี้น้อยใจของผม ผมเดินออกมาเลย กลับห้องของตัวเอง เมื่อถึงห้องผมบอกกับตัวเองทันทีว่าไม่เอาแล้วไม่อยู่แล้ว ผมเก็บเสื้อผ้าทุกอย่าง ออกมาหน้าหอแล้ว แต่ป้าก็มาขอโทษสะก่อน ผมก็เลยดีกับเขา แต่ก็ไม่ได้คุยกันเลย เพราะไม่กล้าคุยกัน
ผ่านไปสองเดือน ป้าจะไปต่างประเทศกับแฟนของป้า ป้าจะเอาผมไปทำงานที่โน่นด้วย แต่ป้าขอถามแม่ผมอีกที ว่าจะไปได้รึเปล่า คำตอบของแม่ก็คือ ไม่ แล้วบอกจะให้เราไปบวชด้วย เราก็ อ้าวอะไรเนี่ย ไหงเป็นงี้ เรายังต้องการคำว่าเพื่อนอยู่ ทำไม ทำไมทำแบบนี้ คำตอบจากแม่คือ แม่ไม่มีเงินให้เราเรียน อยากให้ลูกบวชเรียน ชีวิตจะได้ดีๆบ้าง ผมก็อืม เพื่อแม่ ยายผมคนเดิมก็มารับผมไว้ที่วัดแห่งหนึ่ง จ.ราชบุรี ผมเคยอ่านมาว่า บวชต้องบวชทั้งกายและใจ บวชแต่กายใจไม่บวชก็เท่านั้น เลยตัดสินใจยังไม่บวช เพราะใจเราไม่พร้อม เราก็เป็นเด็กวัดเหมือนเดิม ทำแบบนี้มาสองอาทิตย์เท่านั้นแหละ ยายถ่อรถมาหาผม พร้อมกับคำพูดที่ออกมาจากท่านว่า
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ นี่นะ เหลือเกิน เนรคุณแม่ บวชให้แม่ก็ไม่ได้ สงสารแม่ไหม ไอ ตบหน้าและดึงหัวผม พร้อมให้ผมคุกเข่าขอโทษเขา
ผมไม่เข้าใจเลยนะ ว่าทำไม ทำไมต้องบังคับกันขนาดนี้ ใจเด็กอายุ 14 ต้องการอะไรพวกคุณคงรู้ได้นะครับ แต่ทำไมต้องมาทำกับผมขนาดนี้ เมื่อเช้ารุ่งขึ้นผมตัดสินใจบวชเลย เพราะคำพูดของยายว่า แม่ป่วย แค่คำนี้ผมก็ไม่ลังเลเลยครับที่จะบวช แล้วอีกอย่างผมคิดถึงทวดกับลุงด้วย ผบวชเป็นเณรได้สามเดือนละมั้งครับ ก็นานอยู่นะ ทำวัตรอะไรทุกวัน จนเป็นนิสัยไปแล้ว ผมอดคิดถึงทวดไม่ได้เลย พยายามหาทางติดต่อ แต่ก็ไม่ได้เลย แต่วันนึงผมติดต่อกับท่านได้ ผมทราบว่าท่านเดินไม่ได้แล้ว ผมก็ช้อคมาก น้ำตาไหลแบบไม่รู้เรื่องเลย แต่ท่านจำผมได้ ผมถามท่านว่าสบายดีไหม ท่านตอบสบายดีลูกเป็นยังไงบ้าง กินนอนสบายไหม ผมแค่ได้ยินเสียงก็ชื่นใจมากๆแล้วครับ แต่ก็ต้องเดินทางสายกลางต่อไป
เมื่อถึงเดือน มีนาคม 2557 ผมได้บอกย่าไว้ว่าอยากเรียนหนังสือเหมือนชาวบ้านเขา เมื่อลุงทราบก็รีบมารับผมไปเรียนทันที ตอนนั้นผมก็เลยสึกแล้วกราบลาพระครูแบบกระทันหันเลยครับ ผมรู้สึกดีที่ได้บวชมาก แต่เมื่อกลับถึงบ้านไปเห็นทวดผู้มีพระคุณของผม ผมตกใจมากเลยครับ คือมีมดมากินที่ดวงตาและริมฝีปาก ผมรับไม่ได้ในสิ่งที่ท่านเป็นเลย แต่ผมก็ดูแลท่านมาตลอดท่านหลับผมก็นอนเล่นเกม ถึงเวลาพลิกตัวก็พลิกให้ ถึงเวลากินลุงก็ซื้อกับข้าวเข้ามา แล้วเราก็จับท่านนั่งแล้วก็กินทำแบบนี้มาร่วม 3 เดือนครับ
แต่เมื่อผมได้ที่เรียน ก็ไม่มีใครดูแลทวดผม ลุงก็เลยเอาไปให้ย่าเลี้ยงดูให้ ผมก็หายห่วง แต่มีเหตุการณ์ที่เกิดกับผมขึ้น คือเป็นเหตุการณ์ที่เรียกว่า อารมณ์พาไปดีกว่านะครับ เดือนนั้นเป็นเดือนมิถุนายน ผมตื่นนอนมาอยู่ดีดีมีผู้หญิงคนนึงมาอยู่หน้าบ้านผม ซึ่งเขาเรียน รร เดียวกับผม เป็นรุ่นน้องน่ะครับ ด้วยความที่เพิ่งตื่น อารมมันก็เกิด ทำไรก็ไม่ได้คิด เขาเข้ามาในบ้านผม แล้วก็มีเพศสัมพันธ์กันครับ นี่เป็นเหตุการณ์ที่ผมรู้สกผิดต่อทวดและลุงของผมมาก
จึงเป็นสาเหตุที่ลุงไม่คุยกับผมอีกเลย
เมื่อถึงวันที่ 10 ก.ค 57 ทวดของผมก็เสียชีวิตลง ผมไม่กล้าไปงานศพท่านเลยครับ เพราะรู้สึกผิดต่อการกระทำของตัวเองที่ทำลงไป ผมไม่พูดกับลุงเลยแม้แต่คำเดียวผมไม่รู้ว่าสิ่งที่ผมทำมันถูกหรือเปล่า เรื่องที่ผมทำไปก็ไปถึงทางโรงเรียน ครูก็พยายามช่วยผมแนะนำผม แต่ผมปิดกั้นทุกคน พูดคำแรงๆใส่ครู จนครูเขาก็ไม่คุยกับผมเหมือนลุงของผม ผมไม่รู้จะทำยังไง ทุกวันนี้ผมอยู่บ้านคนเดียว ลุงกลับบ้านวันเสาร์ อาทิตย์ แต่ไม่ได้คุยกันเลย ตัวผมทำผิดอยู่รอบเดียวแล้วก็ไม่คิดทำ แต่การใช้ชีวตของผมมันอยู่ในความมืดในจิตใจไปแล้ว สิ่งที่ผมทำมันถูกหรือเปล่าครับผมตอบตัวเองไม่ได้สักที
สุดท้ายนี้ ผมอยากจะมาขอคำปรึกษาก็ดี และ ไว้ให้คนอายุเท่าผมหรือมากกว่าผมได้ทราบว่าชีวตของคนต้องดิ้นรนต่อสู้ ไม่ใช่หันไปหายาเสพติด คิดถงครอบครัวของตนเอง ถ้าใครพอจะมีแนวทางที่ดีให้ปฏิบัติก็ช่วยแนะนำผมทีครับ
้
นี่คือกระทู้แรกจริงๆครับ ถ้ายาวไปหรืออะไรก็ขออภัยจริงๆครับ ขอบคุณมากครับ ทุกความเห็น ทุกคำแนะนำ สวัสดีครับ
ประสบการณ์ชีวิตของเด็กอายุ 15 ปี
ผมขอใช้นามสมมุติว่า เอแล้วกันนะครับครอบครัวของผมนั้นมีอยู่สามคน คือทวด และลุงของผม พ่อแม่ของผมแยกทางไปตั้งแต่ผมเกิด แล้วนำมาให้ทวดกับลุงผมดูแลตั้งแต่เท้าเท่าเปลือกหอย ลุงก็ไปทำงาน ส่วนทวดก็เป็นแม่บ้าน ทั้งที่อายุ63แล้ว แต่ก็ยังทำไม่เคยบ่น
ผ่านไป 7 เดือน มีเหตุการณ์หนึ่งที่ผมคิดว่าผมทำไปทำไม ทำไมผมไม่เห็นในความรักของท่านเลย คือผมติดเกมส์ กลับบ้าน 4 ทุ่ม ปล่อยให้ทวดอยู่คนเดียว รอเราหน้าประตูบ้าน ท่านห่วงเราเหลือเกิน แต่เราก็ไม่สำนึก จนมันร้ายแรงไปทางลุง คือผมโกหกลุงต่างๆนาๆ ผมสอบแล้วตกแต่ก็ไม่ได้ซ่อมเพราะห่วงเล่นเกมส์ ตอนนั้นลุงทำงานที่อยุธยา ซึ่งไกลมาก ลุงก็โทรมาถามว่าเรียนเป็นยังไง ทวดสบายดีเปล่า ผมก็โกหกให้ทวดท่านตอบว่าสบายดีๆ อยู่ตลอด สอบก็บอกผ่านหมด ผมทำแบบนี้ทุกครั้ง
จนวันนึง ลุงผมจับได้ว่าผมโกหกอะไรสารพัดลุงก็หยิบสายยางมาหวดที่หลังผม นับ40 ครั้ง ทวดท่านก็ร้องไห้บอกให้หยุดๆได้แล้ว ตอนนั้นผมเจ็บมาก ผมคิดว่าทำไมเขาต้องทำกับผมขนาดนี้ด้วย ผมสงสารทวดมากที่ผมทำให้ท่านมีน้ำตา แต่เมื่อผมขึ้น ม.2 ผมก็โดนลุงไล่ออกจากบ้าน เพราะผมไม่ดูแลทวด ไม่ทำอะไรเลย ไม่สนใจใครเลย ก่อนไปผมกอดทวดไว้แล้วพูดว่า ทวด อยู่ให้สบายนะ ผมขอโทษนะที่ไม่ได้ดูแลทวดเลย ท่านก็ตอบกลับมาว่าไม่เป็นไรลูก เป็นเด็กดีตั้งใจเรียนนะ ไม่ต้องห่วง ผมพิมไปน้ำตาก็ไหลไป มันเรียบเรียงไม่ถูกอ่ะครับ มันอดอัดว่าสิ่งที่ทำไปเพราะอะไรทำไมวันนั้นถึงไม่ดูแลท่านเปรียบเหมือนเราเป็นลูกเนรคุณดีดีนี่เอง สักวันผมก็ต้องได้รับผลกรรมนั้นเอง
เมื่อผมออกจากบ้านมา ผมก็ได้เป็นเด็กวัดที่เรียนอยู่ที่นั่น ผมก็ตั้งใจเรียน แต่เมื่อเป็นเด็กวัด เวลาก็จะต้องจัดให้เป็น ตื่นมาก็ต้องไปรับของที่โยมทั้งหลายใส่บาตรพระ เกือบ7โมง กลับมาก็ต้องนั่งคัดแกง จัดโต๊ะพระ ชอมช้อนแกงใส่พร้อมประเคน ต้องรอพระฉันให้เสร็จเรียบร้อย ผมถึงจะกินได้ ซึ่งก็ไปสายทุกวัน เรียนก็ไม่ค่อยทันเพื่อน กลับมาก็นอนในห้องที่เหล่าเพื่อนๆเด็กวัดที่อยู่ก่อนที่ขี้ยา แต่ผมก็อยู่เพื่ออนาคตของตัวเอง อยู่ได้ประมาณเดือนตุลาคม ซึ่งผมใกล้จะจบ ม.2 แต่มันก็ไม่ได้เป็นแบบที่หวัง อาของผมติดต่อแม่ ซึ่งทราบภายหลังว่าแม่อยู่อังกฤษ มีครอบครัวใหม่ มีลูก 2 คนอยู่ที่นั่นซ่งตอนนั้นผมดีใจาก ทำอะไรไม่ถูกเลย แถมได้เจอกับยาย (แม่ของแม่อีก) โชคดีมากๆเลย เราก็คุยกับแม่ได้สักพัก แล้วแม่ก็ถามว่าจะไปอยู่กับยายก่อนไหม ซึ่งตอนนั้นบอกตรงๆเลยผมไม่อยากจะเรียน เพราะตามงานไม่ทัน ไม่ค่อยไปเรียนน่ะครับ ผมก็เลยเลือกไปอยู่กับยาย แม่ผมก็ซื้อโทรศัพท์มาให้ผมใช้ คุณคงคิดว่าชีวิตผมก็ไม่น่าจะมีอะไรใช่ไหมล่ะครับ แต่มันไม่ใช่เลย ความคิดทิ้งการเรียนของผมนั้นผิดมาก
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ผ่านไปสองเดือน ป้าจะไปต่างประเทศกับแฟนของป้า ป้าจะเอาผมไปทำงานที่โน่นด้วย แต่ป้าขอถามแม่ผมอีกที ว่าจะไปได้รึเปล่า คำตอบของแม่ก็คือ ไม่ แล้วบอกจะให้เราไปบวชด้วย เราก็ อ้าวอะไรเนี่ย ไหงเป็นงี้ เรายังต้องการคำว่าเพื่อนอยู่ ทำไม ทำไมทำแบบนี้ คำตอบจากแม่คือ แม่ไม่มีเงินให้เราเรียน อยากให้ลูกบวชเรียน ชีวิตจะได้ดีๆบ้าง ผมก็อืม เพื่อแม่ ยายผมคนเดิมก็มารับผมไว้ที่วัดแห่งหนึ่ง จ.ราชบุรี ผมเคยอ่านมาว่า บวชต้องบวชทั้งกายและใจ บวชแต่กายใจไม่บวชก็เท่านั้น เลยตัดสินใจยังไม่บวช เพราะใจเราไม่พร้อม เราก็เป็นเด็กวัดเหมือนเดิม ทำแบบนี้มาสองอาทิตย์เท่านั้นแหละ ยายถ่อรถมาหาผม พร้อมกับคำพูดที่ออกมาจากท่านว่า
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ผมไม่เข้าใจเลยนะ ว่าทำไม ทำไมต้องบังคับกันขนาดนี้ ใจเด็กอายุ 14 ต้องการอะไรพวกคุณคงรู้ได้นะครับ แต่ทำไมต้องมาทำกับผมขนาดนี้ เมื่อเช้ารุ่งขึ้นผมตัดสินใจบวชเลย เพราะคำพูดของยายว่า แม่ป่วย แค่คำนี้ผมก็ไม่ลังเลเลยครับที่จะบวช แล้วอีกอย่างผมคิดถึงทวดกับลุงด้วย ผบวชเป็นเณรได้สามเดือนละมั้งครับ ก็นานอยู่นะ ทำวัตรอะไรทุกวัน จนเป็นนิสัยไปแล้ว ผมอดคิดถึงทวดไม่ได้เลย พยายามหาทางติดต่อ แต่ก็ไม่ได้เลย แต่วันนึงผมติดต่อกับท่านได้ ผมทราบว่าท่านเดินไม่ได้แล้ว ผมก็ช้อคมาก น้ำตาไหลแบบไม่รู้เรื่องเลย แต่ท่านจำผมได้ ผมถามท่านว่าสบายดีไหม ท่านตอบสบายดีลูกเป็นยังไงบ้าง กินนอนสบายไหม ผมแค่ได้ยินเสียงก็ชื่นใจมากๆแล้วครับ แต่ก็ต้องเดินทางสายกลางต่อไป
เมื่อถึงเดือน มีนาคม 2557 ผมได้บอกย่าไว้ว่าอยากเรียนหนังสือเหมือนชาวบ้านเขา เมื่อลุงทราบก็รีบมารับผมไปเรียนทันที ตอนนั้นผมก็เลยสึกแล้วกราบลาพระครูแบบกระทันหันเลยครับ ผมรู้สึกดีที่ได้บวชมาก แต่เมื่อกลับถึงบ้านไปเห็นทวดผู้มีพระคุณของผม ผมตกใจมากเลยครับ คือมีมดมากินที่ดวงตาและริมฝีปาก ผมรับไม่ได้ในสิ่งที่ท่านเป็นเลย แต่ผมก็ดูแลท่านมาตลอดท่านหลับผมก็นอนเล่นเกม ถึงเวลาพลิกตัวก็พลิกให้ ถึงเวลากินลุงก็ซื้อกับข้าวเข้ามา แล้วเราก็จับท่านนั่งแล้วก็กินทำแบบนี้มาร่วม 3 เดือนครับ
แต่เมื่อผมได้ที่เรียน ก็ไม่มีใครดูแลทวดผม ลุงก็เลยเอาไปให้ย่าเลี้ยงดูให้ ผมก็หายห่วง แต่มีเหตุการณ์ที่เกิดกับผมขึ้น คือเป็นเหตุการณ์ที่เรียกว่า อารมณ์พาไปดีกว่านะครับ เดือนนั้นเป็นเดือนมิถุนายน ผมตื่นนอนมาอยู่ดีดีมีผู้หญิงคนนึงมาอยู่หน้าบ้านผม ซึ่งเขาเรียน รร เดียวกับผม เป็นรุ่นน้องน่ะครับ ด้วยความที่เพิ่งตื่น อารมมันก็เกิด ทำไรก็ไม่ได้คิด เขาเข้ามาในบ้านผม แล้วก็มีเพศสัมพันธ์กันครับ นี่เป็นเหตุการณ์ที่ผมรู้สกผิดต่อทวดและลุงของผมมาก
จึงเป็นสาเหตุที่ลุงไม่คุยกับผมอีกเลย
เมื่อถึงวันที่ 10 ก.ค 57 ทวดของผมก็เสียชีวิตลง ผมไม่กล้าไปงานศพท่านเลยครับ เพราะรู้สึกผิดต่อการกระทำของตัวเองที่ทำลงไป ผมไม่พูดกับลุงเลยแม้แต่คำเดียวผมไม่รู้ว่าสิ่งที่ผมทำมันถูกหรือเปล่า เรื่องที่ผมทำไปก็ไปถึงทางโรงเรียน ครูก็พยายามช่วยผมแนะนำผม แต่ผมปิดกั้นทุกคน พูดคำแรงๆใส่ครู จนครูเขาก็ไม่คุยกับผมเหมือนลุงของผม ผมไม่รู้จะทำยังไง ทุกวันนี้ผมอยู่บ้านคนเดียว ลุงกลับบ้านวันเสาร์ อาทิตย์ แต่ไม่ได้คุยกันเลย ตัวผมทำผิดอยู่รอบเดียวแล้วก็ไม่คิดทำ แต่การใช้ชีวตของผมมันอยู่ในความมืดในจิตใจไปแล้ว สิ่งที่ผมทำมันถูกหรือเปล่าครับผมตอบตัวเองไม่ได้สักที
สุดท้ายนี้ ผมอยากจะมาขอคำปรึกษาก็ดี และ ไว้ให้คนอายุเท่าผมหรือมากกว่าผมได้ทราบว่าชีวตของคนต้องดิ้นรนต่อสู้ ไม่ใช่หันไปหายาเสพติด คิดถงครอบครัวของตนเอง ถ้าใครพอจะมีแนวทางที่ดีให้ปฏิบัติก็ช่วยแนะนำผมทีครับ
้
นี่คือกระทู้แรกจริงๆครับ ถ้ายาวไปหรืออะไรก็ขออภัยจริงๆครับ ขอบคุณมากครับ ทุกความเห็น ทุกคำแนะนำ สวัสดีครับ