พอดีไปเจอบทความนึงน่าสนใจอยากให้เพื่อนๆลองอ่านดูค่ะ
ที่อังกฤษมีภัตตาคารหรูแห่งหนึ่งกลางกรุงลอนดอนทำเก๋โดยการหา “คาเวียร์” จากอิหร่านมาเสิร์ฟ ซึ่งคาเวียร์นั้นเป็นไข่ปลาสเตอร์เจียนที่มีหลายเกรด แบ่งความแพงจากขนาดของมันกล่าวคือยิ่งเม็ดใหญ่ก็ยิ่งแพง ไข่คาเวียร์มีขนาดเล็กกว่าไข่ปลาริวกิวบ้านเรามาก ตกเม็ดเท่าเม็ดพริกไทยเท่านั้นแต่ราคาของมันแพงปวดตับ
นับหมื่นบาทต่อน้ำหนักแค่ร้อยกรัม
การกินก็มีพิธีรีตองมากไม่แพ้กันต้องใช้ “ช้อนทองคำ” ตักแล้วละเลียดเข้าไปในปากโดยไม่ให้ขบกับฟันแล้วรับรู้รสของมันอย่างซาบซึ้ง จะใช้ช้อนพลาสติกแทนก็ได้แต่ไม่แนะนำนัก เหตุที่ไม่ใช้โลหะอื่นนอกจากทองก็ด้วยเกรงรสปร่าจากโลหะจะไปทำให้รสของไข่ที่แพงระยับเสียไป โดยมากมักรับประทานเปล่าๆกับ “ว็อดก้า” เพราะเป็นเหล้าที่รสออกจืด ส่วนของแกล้มก็ต้องไม่มีรสไปรบกวนเช่นแคร็กเกอร์จืดหรือไข่ต้มแค่นั้น
ไข่ปลาราคาแพงจับจิตอย่างนี้ไม่รู้ว่าต่อไปจะสู้ไข่ไก่ไทยที่ราคาแพงจับใจได้หรือเปล่า
เพราะนับวันของกินประเทศสารขัณฑ์แพงขึ้นทุกที แถมยังขาดตลาดอีกอาหารพื้นๆอย่างไข่ไก่นอกจากแพงแล้วบางจังหวะยังหาซื้อไม่ได้ แต่กระนั้นคนรวยจริงก็ยังสามารถจับจ่ายหาซื้อของฟุ่มเฟือยมากินได้อยู่เสมอ เหตุนี้มาจากค่านิยมหนึ่งด้วยว่าของแพงน่าจะดี เลยมีกำลังใจที่ไปขวนขวายหาของราคาไม่ธรรมดามากิน บางอย่างก็สมราคาเพราะว่าหายากจริง แต่ของบางอย่างก็ดูไม่สมราคาเอาเสียเลยอย่างอวัยวะสัตว์ป่าหรือว่าเนื้อสัตว์ป่าเพราะว่ามีทั้งเชื้อโรคและพยาธิเพียงแต่ว่าหายากเท่านั้นเลยดูดี
ค่านิยมกินของแพงแต่ไม่รู้ว่าอันตรายจึงมีอยู่เรื่อยไป
เทศกาลอาหารหรู
นอกจากความเชื่อผิดๆในเรื่องอาหารแพงแล้วการรักษาที่แพงก็มีความเชื่อที่ผิดพอๆกัน กล่าวคือการไปรักษาในโรงพยาบาลแพงๆมีบันไดเลื่อนและพีอาร์หน้าตาสวยๆต้อนรับไม่ใช่จะดีเสมอไป ต่อให้เอาอาจารย์จากโรงเรียนแพทย์มาตรวจรักษาด้วยซ้ำ เพราะระบบธุรกิจที่ทำให้ต้องมีการเชียร์ขายห้องให้คนไข้แอ้ดมิท ขายยาที่มากเกินจำเป็น ขายการเจาะเลือดตรวจแล็บ ลามไปจนถึงขายการผ่าตัดที่ไม่จำเป็น
ไปรักษาคลินิกเวชกรรมใกล้บ้านยังปลอดภัยกว่า
แต่อย่างว่าครับเรื่องค่านิยมนี่มันเป็นเรื่องฝังใจแก้กันยาก คงต้องค่อยเป็นค่อยไปแล้วจะเข้าใจครับ แต่อย่าให้เข้าใจช้าจนสายเกินไปได้ข้อเสียมาเกิดแก่ตัว ดังตัวอย่างของของแพงดังต่อไปนี้ครับ
1)หูฉลาม อาหารโชว์ขั้นมาตรฐานสำหรับเศรษฐี แบ่งแยกได้ด้วยรูปลักษณ์ของหูฉลามด้วยนะครับอย่างหูแบบแผ่นใหญ่เต็มพอทำน้ำแดงออกมาแล้วแผ่สวยเป็นเส้นเรียงราวผมนางอันนี้เป็นอย่างดีสุด หูละหลายหมื่นไปจนถึงหลักแสน กินกันแล้วก็แสนปลื้มว่าได้กินของหายาก ที่จริงแล้วฉลามเป็นสัตว์ที่เก็บสารพิษไว้ในทะเลเป็นอันดับต้นๆแต่คนก็ดันเอามากินเสียจนจะสูญพันธุ์ ส่วนของหูมันมีข้อดีก็ได้แค่คอลลาเจน,โปรตีนกับแคลเซียมอีกนิดหน่อย กินต้มยำซุปเปอร์ปีกขาไก่ก็ไม่ต่างกันเลยครับ
2)ไข่คาเวียร์ อาหารไฮโซโชว์ความเป็นเอกบุรุษที่หาของแพงระดับสากลมากินได้ ดังที่บอกไปว่าการกินก็ต้องมีพิธีการทั้งอุปกรณ์กิน,เครื่องเคียงและเมรัยดื่มคู่ ล้วนแต่มีราคาทั้งสิ้นถึงเป็นของที่คนมีเงินเท่านั้นจึงจะทานกันได้ แต่ขึ้นชื่อว่าไข่แล้วก็ย่อมต้องมีไขมันสูง แม้คาเวียร์จะมีขนาดเล็กจิ๋วแต่ก็มีไขมันไม่แพ้ใครครับ ที่จริงแล้วกินแบบบ้านเราก็มีระดับได้อย่างไข่แมงดาก็มันอร่อยดีมากหากเอามายำ หรือไข่น้ำอย่าง “ผำ” ก็เป็นสาหร่ายอย่างหนึ่งที่มีประโยชน์มากครับ
3)ซุปไก่ จากไก่ธรรมดายกระดับขึ้นมาด้วยหีบห่อสวยกลายเป็นเครื่องดื่มสุขภาพมีระดับพร้อมๆกับราคาที่ซื้อไก่ได้ “หลายตัว” ตัวไก่เองมีทั้งคอลลาเจน,วิตามินบี,แคลเซียมและกรดอะมิโน “ซิสเทอีน” ครบ ทานแล้วช่วยบำรุงร่างกาย ช่วยบำรุงสมองได้ อาหารจากเนื้อไก่ถือว่าเป็นอาหารสุขภาพ ไขมันน้อย โอกาสแพ้น้อย นี่คือไก่สดหนึ่งตัวที่ราคาไม่แพงนัก ที่สำคัญกินอร่อยด้วย ถ้าอยากให้ช่วยขึ้นอีกก็หาไข่ไก่บำรุงเข้าไปก็จะได้ทั้งโปรตีนดีและไบโอตินบำรุงเส้นผมด้วยครับ
4)รังนก มูลค่าของมันมาจากการที่อยู่สูง,หายากและมีอยู่น้อย นี่ยังไม่รวมถึงความลำบากของแม่นกและระบบนิเวศน์ที่เสียไปไม่มีใครพูดถึง นกนางแอ่นเป็นสัตว์รักครอบครัวเหมือนกับพวกเราทุกคนนี่ละครับ เมื่อมันถูกพรากรังของมันไปแล้วมันก็จะบินอย่างหัวใจสลายออกไปเพื่อหาวัสดุทำรังใหม่เลี้ยงลูกน้อย ตัวของมันก็ประกอบด้วยเลือดเนื้อเช่นตัวเรา บางครั้งรังของนกน้อยจึงมีคราบน้ำลายนก,คราบเนื้อเยื่อแห้งกรัง อันเป็นแหล่งโปรตีนของผู้ที่โปรดปรานการบำรุงด้วยของหายาก หากท่านขากเสมหะออกมาแล้วแยกธาตุดูละเอียดนั่นก็คือ “คอลลาเจน” เหมือนกันครับ
5)อาหารปิดทอง แม้แนวคิดจะต่างกับลูกนิมิตแต่ก็พอๆกับการทิ่มเส้นทองเข้าใบหน้าด้วยความสูงค่าของทองคำเลยทำให้คนส่วนใหญ่ถูกปิดตาว่าขึ้นชื่อว่าทองต้องดีทะลุปล้องไป ความจริงทองแม้จะถูกนำมาใช้เป็นยารักษาโรคได้แต่มันก็ไม่ปลอดภัยนักในการเอามาบริโภคตรงๆจากอาหารหรือการเอาทองซึ่งเป็นสิ่งแปลกปลอมเข้ามาแทรกชำแรกในเนื้อหนังร่างกาย ในรายของคลีโอพัตราหรือว่าซูสีไทเฮาก็ไม่เคยฉีดยาหน้าตึงหรือเอาทองมาแทงเข้าใบหน้า ถ้าฟันทองยังอาจเป็นไปได้ ขออย่าหลงใหลว่าเป็นของมีค่าอย่างทองหรืออัญมณีแล้วเอามาทำหน้าจะดีเสมอไปครับ
6)ไวน์เก่าเก็บ เมรัยมีระดับที่ไม่ได้ถูกจับขึ้นโต๊ะจิบสวยๆอย่างเดียว แต่ถูกเศรษฐีซื้อเก็บไว้เป็นการลงทุนก็เยอะ และ กลายเป็นน้ำส้มสายชูไปก็เยอะเพราะน้ำไวน์ที่เก่ามากหากไม่ได้เก็บไว้ในเซลลาร์เก็บโดยเฉพาะ หรือแม้แต่เอียงผิดองศา ถูกคนไม่รู้จับเขย่าขวดก็กลายเป็นน้ำหมักชีวภาพเหมาะจะเททิ้งมากกว่าดื่มไป แม้ไวน์จะมีรสกลมกล่อมเพียงใดก็ตามแต่สิ่งที่ปฏิเสธไม่ได้คือต้องมี “อัลกอฮอล์” จะไวน์ขั้นเทพอย่างกลุ่มเปรมิแยร์กรูหรือเทเบิ้ลไวน์ที่ซอมเมลิแยร์ไม่อยากแล แต่ถ้าดื่มเข้าไปแล้วก็ได้อัลกอฮอล์ไปทำโทษตับเหมือนกัน มูลค่าของมันเท่ากับการซื้อยาบำรุงหัวใจที่ทำร้ายตับไปในตัวครับ
7)เนื้อไพรม์บีฟ(เนื้อวัวเกรดยอดราคาสูง) เนื้อพรีเมี่ยมราคาสะดุ้งโหยงเพราะกิโลหนึ่งซื้อวัวไทยได้เป็นตัว เนื้อพวกนี้มีจุดขายคือ “นุ่มละลายในปาก” นั่นเป็นเพราะเปลวมันที่แทรกอยู่จนดูเหมือนหินอ่อนอิตาลี แต่ข้อเท็จจริงก็ยังอยู่วันยังค่ำว่าเนื้อพวกนี้เป็น “เนื้อแดง” ที่มีมันมากกว่าเนื้อขาวอย่างไข่ขาวหรืออกไก่ ดังนั้นจึงมีสิทธิ์ไปอุดหัวใจ,กระตุ้นมะเร็งต่อมลูกหมาก,มะเร็งลำไส้ใหญ่ได้
8)โอโทโร่ เนื้อท้องปลาทูน่าราคาแพงหูฉี่เพราะเป็นที่นิยมตามฝรั่งที่เข้าไปอยู่ในประเทศญี่ปุ่นเมื่อ 200 ปีก่อน เดิมทีพี่ยุ่นไม่ได้สนใจเนื้อติดมันแหยะๆชวนเลี่ยนนี้เลยแต่ฝรั่งชาติอเมริกันที่เข้าไปติดกินเนื้อมันที่ว่าเลยโปรดปรานทำให้ราคาของ “โอโทโร่(พื้นเนื้อท้อง)” แพงกว่าราคา “อะกามิ(Akami)” ที่เป็นเนื้อแดงมันน้อยกว่ามาก โอโทโร่เพียงคำเดียวอาจมีราคาเหยียบพันบาทได้ทั้งที่ท่านอาจได้ไขมันดีจากปลาทะเลเป็นตัวในราคาเท่ากัน ซื้อน้ำมันปลามาทานก็ยังอาจถูกกว่าด้วยครับ
9)ปลาปักเป้า,ไข่แมงดา,ไข่หอยเม่น ไม่ใช่แค่อยู่ในเซ็ตอาหารญี่ปุ่นอย่างเดียวเท่านั้นหากแต่คนไทยทางใต้ก็รู้จักรับประทานโดยการเอามายำ ถ้าชาวเกาหลีก็มักรับประทานสดๆจากฝีมือของ “ฮันยอ”หรือสตรีนักดำน้ำ อุดมไปด้วยสารอาหารอย่างวิตามินเอ,อี,สังกะสีและโอเมก้าสามแต่ก็มีสิทธิ์กินแล้วป่วยได้เหมือนกันจากพิษของมันและเชื้อกลุ่มซัลโมเนลล่า
10) อาหารป่า ราคาแพงเพราะหายาก(และเสี่ยงตะราง) มาพร้อมกับเชื้อโรคนานาชนิดจากป่าด้วยเพราะสัตว์เอ็กซอติกเหล่านี้มีเชื้อโรคเยอะมากครับ เขาอาศัยอยู่ในธรรมชาติจึงมีได้ทั้งพยาธิและเชื้อจากเห็บไร การกินอาหารป่าไม่น่าอร่อยเหมือนอาหารบ้านๆหรอกครับแต่ที่ดูโอชากว่าเพราะราคาของมันและความท้าทายในการล่า สัตว์ป่าที่มีเชื้อโรคมากๆอาทิ งู,หนู,จรเข้,เก้ง,กวางและวัวป่าครับ
ทั้งสิบชนิดเป็นอาหารที่ราคาแพงถึง “ชีวิต” ได้ถ้าบริโภคโดยเชื่อแค่ว่าราคาที่แพงย่อมการันตีของดี เช่นเดียวกับของต่อไปนี้ที่เป็นเรื่องของการบริการที่เศรษฐีไฮโซชอบซื้อหา แต่ถ้าไม่ดูตาม้าตาเรือก็อาจกลายเป็นบริการไฮโซ(ซัดโซเซ)ได้เหมือนกันครับ
บริการหรูอาจมาคู่อันตราย
1) รักษาพยาบาล แพงมากเลยนะครับสำหรับค่า “หวัด” ยุคนี้ ท่านที่เข้าโรงพยาบาลเอกชนขอให้สังเกตว่ามีทั้งเด็กหน้าประตูที่หน้าตาสวย,กลุ่มคนที่ไม่ใช่หมอและพยาบาลมาอั้พเซลล์ขายคอร์สตรวสุขภาพ(เลี่ยงให้คนอื่นโฆษณาแทนแพทย์) หนำซ้ำโฆษณาที่เกร่อตามหน้าหนังสือพิมพ์อย่างไม่เคยมาก่อน เหล่านี้ล้วนเป็นตัวเพิ่มค่ารักษาท่านจากกระเป๋าทั้งสิ้นครับ
2) เสริมสวย ตั้งกันดกดื่นพอๆกับเซเว่น เป็นเรื่องน่าแปลกใจที่หลายแห่งมีการใช้ยาที่ “กวนเอง” อีกทั้งการรักษาฉีดยาผิวใส,โกร๊ทแฟ็คเตอร์,สเต็มเซลล์และลดน้ำหนักกันให้เกร่อแต่ไม่เห็นหน่วยงานไหนเข้ามาห้าม เพราะกระแสการเปิดติดๆกันทั้งตามซอยและในห้างยังคงมากอยู่ หมอจบใหม่ๆถูกชักชวนให้ไปอยู่เยอะครับโดยข้อแม้ว่าต้อง “ทำยอด” ให้กับสถานประกอบการเหล่านี้
3) ขายยา ถ้าเป็นร้านที่มีจรรยาบรรณก็ว่าไปอย่าง แต่ถ้าเป็นร้านที่แอบขายยานอนหลับ ยาปลุกเซ็กส์ และอาหารเสริมแบบ “หิ้ว” เข้ามาเชียร์ขายเอง อย่างนี้ต้องระวังครับ นอกจากจะเสี่ยงชีวิตแล้วยังอาจตกเป็นทาสยานอนหลับหรือยาเสพติดแบบอื่นๆอีกได้
4) นวด เป็นบริการสุดฮิตทั้งคนไทยคนต่างชาติล้วนชอบ มีร้านนวดรอรับตั้งแต่ที่สนามบิน เป็นภูมิปัญญาไทยที่น่าสนับสนุนอยู่ครับ แต่การนวดที่มากเกินไปหรือนวดแบบไร้ความรู้ด้านกายวิภาคก็อาจทำให้ผู้รับบริการต้องเจ็บป่วยเพิ่มขึ้นได้ หลายรายเกิดอาการเดี้ยง ทางที่ดีคือบอกตัวเองไว้ว่านวดได้แต่อาจไม่ตอบทุกโจทย์และถ้าเจ็บต้องบอกว่า “พอ” ครับ
5) ขายอาหารเสริม ถ้าขายแบบที่มีคุณภาพก็ไม่มีปัญหา แต่เดี๋ยวนี้มีขายกันทาเคเบิ้ลทีวีจนเกร่อไม่รู้ยี่ห้อไหนต่อยี่ห้อไหน ทำให้ผู้บริโภคงงและสรรพคุณก็ยังน่าสงสัยโดยให้คนไข้หรือคุณหมอออกมาพูดจนดูเหมือนกับยาครอบจักรวาลครือๆกับราคาที่ระดับจักรวาลเช่นกัน เป็นการให้ข้อมูลที่ต้องฟังหูไว้หูเหมือนกันครับ
ของที่อยากขายราคามักมีจิตวิทยาคือทำหีบห่อสวยๆให้ดูหรู ถ้าเป็นอาหารก็ดูจะมีขวดสวยงาม ชุดของขวัญ เครื่องสำอางค์ก็ต้องจ้างดาราหน้าตาดีๆและมีกิ๊ฟเซ็ตแจก การรักษาพยาบาลเดี๋ยวนี้โรงพยาบาลเอกชนก็จ้างพนักงานต้อนรับหน้าตาสวยๆแต่ไม่ใช่พยาบาลมาไว้จ๊ะจ๋าตั้งแต่หน้าประตู ส่วนอาหารการกินก็ต้องให้พ่อครัวแต่งตัวแบบเชฟสากลเสื้อกระดุมห้าเม็ดเรียงเป๊ะอกตั้ง มีบริกรมาประชิดราวมหาดเล็กยามท่านนั่งโต๊ะ ทั้งที่อาหารหรือการรักษาพยาบาลนั้นๆก็เป็นเรื่องธรรมดา
แต่ว่า “เปลือก” นั่นเองที่ลวงตาว่าดี
เป็นจิตวิทยาที่ใช้ได้ผลเสมอ ทำให้คนเผลอใจได้ดี มีคนเสียสตางค์เพราะเปลือกอย่างนี้เยอะครับ จนทำให้คนที่คิดว่าจ่ายแพงต้องได้หมอที่เก่งสุด ยาที่ดีที่สุด จะต้องได้ดังนั้นเสมอไป เรื่องบริการเอาใจละอาจดีแน่เพราะท่านเป็นขุมทองให้เขานี่ครับ
แต่สำหรับการรักษาเป็นอีกเรื่องนะครับ
เครดิต
http://www.bangkokvoice.com/2012/04/02/blogs-krisda/
10 ของแพงที่ไม่ได้ดีเสมอไป
ที่อังกฤษมีภัตตาคารหรูแห่งหนึ่งกลางกรุงลอนดอนทำเก๋โดยการหา “คาเวียร์” จากอิหร่านมาเสิร์ฟ ซึ่งคาเวียร์นั้นเป็นไข่ปลาสเตอร์เจียนที่มีหลายเกรด แบ่งความแพงจากขนาดของมันกล่าวคือยิ่งเม็ดใหญ่ก็ยิ่งแพง ไข่คาเวียร์มีขนาดเล็กกว่าไข่ปลาริวกิวบ้านเรามาก ตกเม็ดเท่าเม็ดพริกไทยเท่านั้นแต่ราคาของมันแพงปวดตับ
นับหมื่นบาทต่อน้ำหนักแค่ร้อยกรัม
การกินก็มีพิธีรีตองมากไม่แพ้กันต้องใช้ “ช้อนทองคำ” ตักแล้วละเลียดเข้าไปในปากโดยไม่ให้ขบกับฟันแล้วรับรู้รสของมันอย่างซาบซึ้ง จะใช้ช้อนพลาสติกแทนก็ได้แต่ไม่แนะนำนัก เหตุที่ไม่ใช้โลหะอื่นนอกจากทองก็ด้วยเกรงรสปร่าจากโลหะจะไปทำให้รสของไข่ที่แพงระยับเสียไป โดยมากมักรับประทานเปล่าๆกับ “ว็อดก้า” เพราะเป็นเหล้าที่รสออกจืด ส่วนของแกล้มก็ต้องไม่มีรสไปรบกวนเช่นแคร็กเกอร์จืดหรือไข่ต้มแค่นั้น
ไข่ปลาราคาแพงจับจิตอย่างนี้ไม่รู้ว่าต่อไปจะสู้ไข่ไก่ไทยที่ราคาแพงจับใจได้หรือเปล่า
เพราะนับวันของกินประเทศสารขัณฑ์แพงขึ้นทุกที แถมยังขาดตลาดอีกอาหารพื้นๆอย่างไข่ไก่นอกจากแพงแล้วบางจังหวะยังหาซื้อไม่ได้ แต่กระนั้นคนรวยจริงก็ยังสามารถจับจ่ายหาซื้อของฟุ่มเฟือยมากินได้อยู่เสมอ เหตุนี้มาจากค่านิยมหนึ่งด้วยว่าของแพงน่าจะดี เลยมีกำลังใจที่ไปขวนขวายหาของราคาไม่ธรรมดามากิน บางอย่างก็สมราคาเพราะว่าหายากจริง แต่ของบางอย่างก็ดูไม่สมราคาเอาเสียเลยอย่างอวัยวะสัตว์ป่าหรือว่าเนื้อสัตว์ป่าเพราะว่ามีทั้งเชื้อโรคและพยาธิเพียงแต่ว่าหายากเท่านั้นเลยดูดี
ค่านิยมกินของแพงแต่ไม่รู้ว่าอันตรายจึงมีอยู่เรื่อยไป
เทศกาลอาหารหรู
นอกจากความเชื่อผิดๆในเรื่องอาหารแพงแล้วการรักษาที่แพงก็มีความเชื่อที่ผิดพอๆกัน กล่าวคือการไปรักษาในโรงพยาบาลแพงๆมีบันไดเลื่อนและพีอาร์หน้าตาสวยๆต้อนรับไม่ใช่จะดีเสมอไป ต่อให้เอาอาจารย์จากโรงเรียนแพทย์มาตรวจรักษาด้วยซ้ำ เพราะระบบธุรกิจที่ทำให้ต้องมีการเชียร์ขายห้องให้คนไข้แอ้ดมิท ขายยาที่มากเกินจำเป็น ขายการเจาะเลือดตรวจแล็บ ลามไปจนถึงขายการผ่าตัดที่ไม่จำเป็น
ไปรักษาคลินิกเวชกรรมใกล้บ้านยังปลอดภัยกว่า
แต่อย่างว่าครับเรื่องค่านิยมนี่มันเป็นเรื่องฝังใจแก้กันยาก คงต้องค่อยเป็นค่อยไปแล้วจะเข้าใจครับ แต่อย่าให้เข้าใจช้าจนสายเกินไปได้ข้อเสียมาเกิดแก่ตัว ดังตัวอย่างของของแพงดังต่อไปนี้ครับ
1)หูฉลาม อาหารโชว์ขั้นมาตรฐานสำหรับเศรษฐี แบ่งแยกได้ด้วยรูปลักษณ์ของหูฉลามด้วยนะครับอย่างหูแบบแผ่นใหญ่เต็มพอทำน้ำแดงออกมาแล้วแผ่สวยเป็นเส้นเรียงราวผมนางอันนี้เป็นอย่างดีสุด หูละหลายหมื่นไปจนถึงหลักแสน กินกันแล้วก็แสนปลื้มว่าได้กินของหายาก ที่จริงแล้วฉลามเป็นสัตว์ที่เก็บสารพิษไว้ในทะเลเป็นอันดับต้นๆแต่คนก็ดันเอามากินเสียจนจะสูญพันธุ์ ส่วนของหูมันมีข้อดีก็ได้แค่คอลลาเจน,โปรตีนกับแคลเซียมอีกนิดหน่อย กินต้มยำซุปเปอร์ปีกขาไก่ก็ไม่ต่างกันเลยครับ
2)ไข่คาเวียร์ อาหารไฮโซโชว์ความเป็นเอกบุรุษที่หาของแพงระดับสากลมากินได้ ดังที่บอกไปว่าการกินก็ต้องมีพิธีการทั้งอุปกรณ์กิน,เครื่องเคียงและเมรัยดื่มคู่ ล้วนแต่มีราคาทั้งสิ้นถึงเป็นของที่คนมีเงินเท่านั้นจึงจะทานกันได้ แต่ขึ้นชื่อว่าไข่แล้วก็ย่อมต้องมีไขมันสูง แม้คาเวียร์จะมีขนาดเล็กจิ๋วแต่ก็มีไขมันไม่แพ้ใครครับ ที่จริงแล้วกินแบบบ้านเราก็มีระดับได้อย่างไข่แมงดาก็มันอร่อยดีมากหากเอามายำ หรือไข่น้ำอย่าง “ผำ” ก็เป็นสาหร่ายอย่างหนึ่งที่มีประโยชน์มากครับ
3)ซุปไก่ จากไก่ธรรมดายกระดับขึ้นมาด้วยหีบห่อสวยกลายเป็นเครื่องดื่มสุขภาพมีระดับพร้อมๆกับราคาที่ซื้อไก่ได้ “หลายตัว” ตัวไก่เองมีทั้งคอลลาเจน,วิตามินบี,แคลเซียมและกรดอะมิโน “ซิสเทอีน” ครบ ทานแล้วช่วยบำรุงร่างกาย ช่วยบำรุงสมองได้ อาหารจากเนื้อไก่ถือว่าเป็นอาหารสุขภาพ ไขมันน้อย โอกาสแพ้น้อย นี่คือไก่สดหนึ่งตัวที่ราคาไม่แพงนัก ที่สำคัญกินอร่อยด้วย ถ้าอยากให้ช่วยขึ้นอีกก็หาไข่ไก่บำรุงเข้าไปก็จะได้ทั้งโปรตีนดีและไบโอตินบำรุงเส้นผมด้วยครับ
4)รังนก มูลค่าของมันมาจากการที่อยู่สูง,หายากและมีอยู่น้อย นี่ยังไม่รวมถึงความลำบากของแม่นกและระบบนิเวศน์ที่เสียไปไม่มีใครพูดถึง นกนางแอ่นเป็นสัตว์รักครอบครัวเหมือนกับพวกเราทุกคนนี่ละครับ เมื่อมันถูกพรากรังของมันไปแล้วมันก็จะบินอย่างหัวใจสลายออกไปเพื่อหาวัสดุทำรังใหม่เลี้ยงลูกน้อย ตัวของมันก็ประกอบด้วยเลือดเนื้อเช่นตัวเรา บางครั้งรังของนกน้อยจึงมีคราบน้ำลายนก,คราบเนื้อเยื่อแห้งกรัง อันเป็นแหล่งโปรตีนของผู้ที่โปรดปรานการบำรุงด้วยของหายาก หากท่านขากเสมหะออกมาแล้วแยกธาตุดูละเอียดนั่นก็คือ “คอลลาเจน” เหมือนกันครับ
5)อาหารปิดทอง แม้แนวคิดจะต่างกับลูกนิมิตแต่ก็พอๆกับการทิ่มเส้นทองเข้าใบหน้าด้วยความสูงค่าของทองคำเลยทำให้คนส่วนใหญ่ถูกปิดตาว่าขึ้นชื่อว่าทองต้องดีทะลุปล้องไป ความจริงทองแม้จะถูกนำมาใช้เป็นยารักษาโรคได้แต่มันก็ไม่ปลอดภัยนักในการเอามาบริโภคตรงๆจากอาหารหรือการเอาทองซึ่งเป็นสิ่งแปลกปลอมเข้ามาแทรกชำแรกในเนื้อหนังร่างกาย ในรายของคลีโอพัตราหรือว่าซูสีไทเฮาก็ไม่เคยฉีดยาหน้าตึงหรือเอาทองมาแทงเข้าใบหน้า ถ้าฟันทองยังอาจเป็นไปได้ ขออย่าหลงใหลว่าเป็นของมีค่าอย่างทองหรืออัญมณีแล้วเอามาทำหน้าจะดีเสมอไปครับ
6)ไวน์เก่าเก็บ เมรัยมีระดับที่ไม่ได้ถูกจับขึ้นโต๊ะจิบสวยๆอย่างเดียว แต่ถูกเศรษฐีซื้อเก็บไว้เป็นการลงทุนก็เยอะ และ กลายเป็นน้ำส้มสายชูไปก็เยอะเพราะน้ำไวน์ที่เก่ามากหากไม่ได้เก็บไว้ในเซลลาร์เก็บโดยเฉพาะ หรือแม้แต่เอียงผิดองศา ถูกคนไม่รู้จับเขย่าขวดก็กลายเป็นน้ำหมักชีวภาพเหมาะจะเททิ้งมากกว่าดื่มไป แม้ไวน์จะมีรสกลมกล่อมเพียงใดก็ตามแต่สิ่งที่ปฏิเสธไม่ได้คือต้องมี “อัลกอฮอล์” จะไวน์ขั้นเทพอย่างกลุ่มเปรมิแยร์กรูหรือเทเบิ้ลไวน์ที่ซอมเมลิแยร์ไม่อยากแล แต่ถ้าดื่มเข้าไปแล้วก็ได้อัลกอฮอล์ไปทำโทษตับเหมือนกัน มูลค่าของมันเท่ากับการซื้อยาบำรุงหัวใจที่ทำร้ายตับไปในตัวครับ
7)เนื้อไพรม์บีฟ(เนื้อวัวเกรดยอดราคาสูง) เนื้อพรีเมี่ยมราคาสะดุ้งโหยงเพราะกิโลหนึ่งซื้อวัวไทยได้เป็นตัว เนื้อพวกนี้มีจุดขายคือ “นุ่มละลายในปาก” นั่นเป็นเพราะเปลวมันที่แทรกอยู่จนดูเหมือนหินอ่อนอิตาลี แต่ข้อเท็จจริงก็ยังอยู่วันยังค่ำว่าเนื้อพวกนี้เป็น “เนื้อแดง” ที่มีมันมากกว่าเนื้อขาวอย่างไข่ขาวหรืออกไก่ ดังนั้นจึงมีสิทธิ์ไปอุดหัวใจ,กระตุ้นมะเร็งต่อมลูกหมาก,มะเร็งลำไส้ใหญ่ได้
8)โอโทโร่ เนื้อท้องปลาทูน่าราคาแพงหูฉี่เพราะเป็นที่นิยมตามฝรั่งที่เข้าไปอยู่ในประเทศญี่ปุ่นเมื่อ 200 ปีก่อน เดิมทีพี่ยุ่นไม่ได้สนใจเนื้อติดมันแหยะๆชวนเลี่ยนนี้เลยแต่ฝรั่งชาติอเมริกันที่เข้าไปติดกินเนื้อมันที่ว่าเลยโปรดปรานทำให้ราคาของ “โอโทโร่(พื้นเนื้อท้อง)” แพงกว่าราคา “อะกามิ(Akami)” ที่เป็นเนื้อแดงมันน้อยกว่ามาก โอโทโร่เพียงคำเดียวอาจมีราคาเหยียบพันบาทได้ทั้งที่ท่านอาจได้ไขมันดีจากปลาทะเลเป็นตัวในราคาเท่ากัน ซื้อน้ำมันปลามาทานก็ยังอาจถูกกว่าด้วยครับ
9)ปลาปักเป้า,ไข่แมงดา,ไข่หอยเม่น ไม่ใช่แค่อยู่ในเซ็ตอาหารญี่ปุ่นอย่างเดียวเท่านั้นหากแต่คนไทยทางใต้ก็รู้จักรับประทานโดยการเอามายำ ถ้าชาวเกาหลีก็มักรับประทานสดๆจากฝีมือของ “ฮันยอ”หรือสตรีนักดำน้ำ อุดมไปด้วยสารอาหารอย่างวิตามินเอ,อี,สังกะสีและโอเมก้าสามแต่ก็มีสิทธิ์กินแล้วป่วยได้เหมือนกันจากพิษของมันและเชื้อกลุ่มซัลโมเนลล่า
10) อาหารป่า ราคาแพงเพราะหายาก(และเสี่ยงตะราง) มาพร้อมกับเชื้อโรคนานาชนิดจากป่าด้วยเพราะสัตว์เอ็กซอติกเหล่านี้มีเชื้อโรคเยอะมากครับ เขาอาศัยอยู่ในธรรมชาติจึงมีได้ทั้งพยาธิและเชื้อจากเห็บไร การกินอาหารป่าไม่น่าอร่อยเหมือนอาหารบ้านๆหรอกครับแต่ที่ดูโอชากว่าเพราะราคาของมันและความท้าทายในการล่า สัตว์ป่าที่มีเชื้อโรคมากๆอาทิ งู,หนู,จรเข้,เก้ง,กวางและวัวป่าครับ
ทั้งสิบชนิดเป็นอาหารที่ราคาแพงถึง “ชีวิต” ได้ถ้าบริโภคโดยเชื่อแค่ว่าราคาที่แพงย่อมการันตีของดี เช่นเดียวกับของต่อไปนี้ที่เป็นเรื่องของการบริการที่เศรษฐีไฮโซชอบซื้อหา แต่ถ้าไม่ดูตาม้าตาเรือก็อาจกลายเป็นบริการไฮโซ(ซัดโซเซ)ได้เหมือนกันครับ
บริการหรูอาจมาคู่อันตราย
1) รักษาพยาบาล แพงมากเลยนะครับสำหรับค่า “หวัด” ยุคนี้ ท่านที่เข้าโรงพยาบาลเอกชนขอให้สังเกตว่ามีทั้งเด็กหน้าประตูที่หน้าตาสวย,กลุ่มคนที่ไม่ใช่หมอและพยาบาลมาอั้พเซลล์ขายคอร์สตรวสุขภาพ(เลี่ยงให้คนอื่นโฆษณาแทนแพทย์) หนำซ้ำโฆษณาที่เกร่อตามหน้าหนังสือพิมพ์อย่างไม่เคยมาก่อน เหล่านี้ล้วนเป็นตัวเพิ่มค่ารักษาท่านจากกระเป๋าทั้งสิ้นครับ
2) เสริมสวย ตั้งกันดกดื่นพอๆกับเซเว่น เป็นเรื่องน่าแปลกใจที่หลายแห่งมีการใช้ยาที่ “กวนเอง” อีกทั้งการรักษาฉีดยาผิวใส,โกร๊ทแฟ็คเตอร์,สเต็มเซลล์และลดน้ำหนักกันให้เกร่อแต่ไม่เห็นหน่วยงานไหนเข้ามาห้าม เพราะกระแสการเปิดติดๆกันทั้งตามซอยและในห้างยังคงมากอยู่ หมอจบใหม่ๆถูกชักชวนให้ไปอยู่เยอะครับโดยข้อแม้ว่าต้อง “ทำยอด” ให้กับสถานประกอบการเหล่านี้
3) ขายยา ถ้าเป็นร้านที่มีจรรยาบรรณก็ว่าไปอย่าง แต่ถ้าเป็นร้านที่แอบขายยานอนหลับ ยาปลุกเซ็กส์ และอาหารเสริมแบบ “หิ้ว” เข้ามาเชียร์ขายเอง อย่างนี้ต้องระวังครับ นอกจากจะเสี่ยงชีวิตแล้วยังอาจตกเป็นทาสยานอนหลับหรือยาเสพติดแบบอื่นๆอีกได้
4) นวด เป็นบริการสุดฮิตทั้งคนไทยคนต่างชาติล้วนชอบ มีร้านนวดรอรับตั้งแต่ที่สนามบิน เป็นภูมิปัญญาไทยที่น่าสนับสนุนอยู่ครับ แต่การนวดที่มากเกินไปหรือนวดแบบไร้ความรู้ด้านกายวิภาคก็อาจทำให้ผู้รับบริการต้องเจ็บป่วยเพิ่มขึ้นได้ หลายรายเกิดอาการเดี้ยง ทางที่ดีคือบอกตัวเองไว้ว่านวดได้แต่อาจไม่ตอบทุกโจทย์และถ้าเจ็บต้องบอกว่า “พอ” ครับ
5) ขายอาหารเสริม ถ้าขายแบบที่มีคุณภาพก็ไม่มีปัญหา แต่เดี๋ยวนี้มีขายกันทาเคเบิ้ลทีวีจนเกร่อไม่รู้ยี่ห้อไหนต่อยี่ห้อไหน ทำให้ผู้บริโภคงงและสรรพคุณก็ยังน่าสงสัยโดยให้คนไข้หรือคุณหมอออกมาพูดจนดูเหมือนกับยาครอบจักรวาลครือๆกับราคาที่ระดับจักรวาลเช่นกัน เป็นการให้ข้อมูลที่ต้องฟังหูไว้หูเหมือนกันครับ
ของที่อยากขายราคามักมีจิตวิทยาคือทำหีบห่อสวยๆให้ดูหรู ถ้าเป็นอาหารก็ดูจะมีขวดสวยงาม ชุดของขวัญ เครื่องสำอางค์ก็ต้องจ้างดาราหน้าตาดีๆและมีกิ๊ฟเซ็ตแจก การรักษาพยาบาลเดี๋ยวนี้โรงพยาบาลเอกชนก็จ้างพนักงานต้อนรับหน้าตาสวยๆแต่ไม่ใช่พยาบาลมาไว้จ๊ะจ๋าตั้งแต่หน้าประตู ส่วนอาหารการกินก็ต้องให้พ่อครัวแต่งตัวแบบเชฟสากลเสื้อกระดุมห้าเม็ดเรียงเป๊ะอกตั้ง มีบริกรมาประชิดราวมหาดเล็กยามท่านนั่งโต๊ะ ทั้งที่อาหารหรือการรักษาพยาบาลนั้นๆก็เป็นเรื่องธรรมดา
แต่ว่า “เปลือก” นั่นเองที่ลวงตาว่าดี
เป็นจิตวิทยาที่ใช้ได้ผลเสมอ ทำให้คนเผลอใจได้ดี มีคนเสียสตางค์เพราะเปลือกอย่างนี้เยอะครับ จนทำให้คนที่คิดว่าจ่ายแพงต้องได้หมอที่เก่งสุด ยาที่ดีที่สุด จะต้องได้ดังนั้นเสมอไป เรื่องบริการเอาใจละอาจดีแน่เพราะท่านเป็นขุมทองให้เขานี่ครับ
แต่สำหรับการรักษาเป็นอีกเรื่องนะครับ
เครดิต http://www.bangkokvoice.com/2012/04/02/blogs-krisda/