10 ของแพงที่ไม่ได้ดีเสมอไป

พอดีไปเจอบทความนึงน่าสนใจอยากให้เพื่อนๆลองอ่านดูค่ะ


ที่อังกฤษมีภัตตาคารหรูแห่งหนึ่งกลางกรุงลอนดอนทำเก๋โดยการหา “คาเวียร์” จากอิหร่านมาเสิร์ฟ  ซึ่งคาเวียร์นั้นเป็นไข่ปลาสเตอร์เจียนที่มีหลายเกรด  แบ่งความแพงจากขนาดของมันกล่าวคือยิ่งเม็ดใหญ่ก็ยิ่งแพง  ไข่คาเวียร์มีขนาดเล็กกว่าไข่ปลาริวกิวบ้านเรามาก  ตกเม็ดเท่าเม็ดพริกไทยเท่านั้นแต่ราคาของมันแพงปวดตับ

นับหมื่นบาทต่อน้ำหนักแค่ร้อยกรัม

การกินก็มีพิธีรีตองมากไม่แพ้กันต้องใช้ “ช้อนทองคำ” ตักแล้วละเลียดเข้าไปในปากโดยไม่ให้ขบกับฟันแล้วรับรู้รสของมันอย่างซาบซึ้ง  จะใช้ช้อนพลาสติกแทนก็ได้แต่ไม่แนะนำนัก  เหตุที่ไม่ใช้โลหะอื่นนอกจากทองก็ด้วยเกรงรสปร่าจากโลหะจะไปทำให้รสของไข่ที่แพงระยับเสียไป  โดยมากมักรับประทานเปล่าๆกับ “ว็อดก้า” เพราะเป็นเหล้าที่รสออกจืด  ส่วนของแกล้มก็ต้องไม่มีรสไปรบกวนเช่นแคร็กเกอร์จืดหรือไข่ต้มแค่นั้น

ไข่ปลาราคาแพงจับจิตอย่างนี้ไม่รู้ว่าต่อไปจะสู้ไข่ไก่ไทยที่ราคาแพงจับใจได้หรือเปล่า

เพราะนับวันของกินประเทศสารขัณฑ์แพงขึ้นทุกที  แถมยังขาดตลาดอีกอาหารพื้นๆอย่างไข่ไก่นอกจากแพงแล้วบางจังหวะยังหาซื้อไม่ได้  แต่กระนั้นคนรวยจริงก็ยังสามารถจับจ่ายหาซื้อของฟุ่มเฟือยมากินได้อยู่เสมอ  เหตุนี้มาจากค่านิยมหนึ่งด้วยว่าของแพงน่าจะดี  เลยมีกำลังใจที่ไปขวนขวายหาของราคาไม่ธรรมดามากิน  บางอย่างก็สมราคาเพราะว่าหายากจริง  แต่ของบางอย่างก็ดูไม่สมราคาเอาเสียเลยอย่างอวัยวะสัตว์ป่าหรือว่าเนื้อสัตว์ป่าเพราะว่ามีทั้งเชื้อโรคและพยาธิเพียงแต่ว่าหายากเท่านั้นเลยดูดี

ค่านิยมกินของแพงแต่ไม่รู้ว่าอันตรายจึงมีอยู่เรื่อยไป

เทศกาลอาหารหรู


            นอกจากความเชื่อผิดๆในเรื่องอาหารแพงแล้วการรักษาที่แพงก็มีความเชื่อที่ผิดพอๆกัน  กล่าวคือการไปรักษาในโรงพยาบาลแพงๆมีบันไดเลื่อนและพีอาร์หน้าตาสวยๆต้อนรับไม่ใช่จะดีเสมอไป  ต่อให้เอาอาจารย์จากโรงเรียนแพทย์มาตรวจรักษาด้วยซ้ำ  เพราะระบบธุรกิจที่ทำให้ต้องมีการเชียร์ขายห้องให้คนไข้แอ้ดมิท  ขายยาที่มากเกินจำเป็น ขายการเจาะเลือดตรวจแล็บ  ลามไปจนถึงขายการผ่าตัดที่ไม่จำเป็น

ไปรักษาคลินิกเวชกรรมใกล้บ้านยังปลอดภัยกว่า

แต่อย่างว่าครับเรื่องค่านิยมนี่มันเป็นเรื่องฝังใจแก้กันยาก  คงต้องค่อยเป็นค่อยไปแล้วจะเข้าใจครับ  แต่อย่าให้เข้าใจช้าจนสายเกินไปได้ข้อเสียมาเกิดแก่ตัว  ดังตัวอย่างของของแพงดังต่อไปนี้ครับ

1)หูฉลาม  อาหารโชว์ขั้นมาตรฐานสำหรับเศรษฐี  แบ่งแยกได้ด้วยรูปลักษณ์ของหูฉลามด้วยนะครับอย่างหูแบบแผ่นใหญ่เต็มพอทำน้ำแดงออกมาแล้วแผ่สวยเป็นเส้นเรียงราวผมนางอันนี้เป็นอย่างดีสุด  หูละหลายหมื่นไปจนถึงหลักแสน  กินกันแล้วก็แสนปลื้มว่าได้กินของหายาก  ที่จริงแล้วฉลามเป็นสัตว์ที่เก็บสารพิษไว้ในทะเลเป็นอันดับต้นๆแต่คนก็ดันเอามากินเสียจนจะสูญพันธุ์  ส่วนของหูมันมีข้อดีก็ได้แค่คอลลาเจน,โปรตีนกับแคลเซียมอีกนิดหน่อย  กินต้มยำซุปเปอร์ปีกขาไก่ก็ไม่ต่างกันเลยครับ

2)ไข่คาเวียร์  อาหารไฮโซโชว์ความเป็นเอกบุรุษที่หาของแพงระดับสากลมากินได้  ดังที่บอกไปว่าการกินก็ต้องมีพิธีการทั้งอุปกรณ์กิน,เครื่องเคียงและเมรัยดื่มคู่  ล้วนแต่มีราคาทั้งสิ้นถึงเป็นของที่คนมีเงินเท่านั้นจึงจะทานกันได้  แต่ขึ้นชื่อว่าไข่แล้วก็ย่อมต้องมีไขมันสูง  แม้คาเวียร์จะมีขนาดเล็กจิ๋วแต่ก็มีไขมันไม่แพ้ใครครับ  ที่จริงแล้วกินแบบบ้านเราก็มีระดับได้อย่างไข่แมงดาก็มันอร่อยดีมากหากเอามายำ  หรือไข่น้ำอย่าง “ผำ” ก็เป็นสาหร่ายอย่างหนึ่งที่มีประโยชน์มากครับ

3)ซุปไก่  จากไก่ธรรมดายกระดับขึ้นมาด้วยหีบห่อสวยกลายเป็นเครื่องดื่มสุขภาพมีระดับพร้อมๆกับราคาที่ซื้อไก่ได้ “หลายตัว” ตัวไก่เองมีทั้งคอลลาเจน,วิตามินบี,แคลเซียมและกรดอะมิโน “ซิสเทอีน” ครบ  ทานแล้วช่วยบำรุงร่างกาย ช่วยบำรุงสมองได้  อาหารจากเนื้อไก่ถือว่าเป็นอาหารสุขภาพ ไขมันน้อย โอกาสแพ้น้อย  นี่คือไก่สดหนึ่งตัวที่ราคาไม่แพงนัก  ที่สำคัญกินอร่อยด้วย  ถ้าอยากให้ช่วยขึ้นอีกก็หาไข่ไก่บำรุงเข้าไปก็จะได้ทั้งโปรตีนดีและไบโอตินบำรุงเส้นผมด้วยครับ

4)รังนก  มูลค่าของมันมาจากการที่อยู่สูง,หายากและมีอยู่น้อย  นี่ยังไม่รวมถึงความลำบากของแม่นกและระบบนิเวศน์ที่เสียไปไม่มีใครพูดถึง  นกนางแอ่นเป็นสัตว์รักครอบครัวเหมือนกับพวกเราทุกคนนี่ละครับ  เมื่อมันถูกพรากรังของมันไปแล้วมันก็จะบินอย่างหัวใจสลายออกไปเพื่อหาวัสดุทำรังใหม่เลี้ยงลูกน้อย  ตัวของมันก็ประกอบด้วยเลือดเนื้อเช่นตัวเรา  บางครั้งรังของนกน้อยจึงมีคราบน้ำลายนก,คราบเนื้อเยื่อแห้งกรัง อันเป็นแหล่งโปรตีนของผู้ที่โปรดปรานการบำรุงด้วยของหายาก  หากท่านขากเสมหะออกมาแล้วแยกธาตุดูละเอียดนั่นก็คือ “คอลลาเจน” เหมือนกันครับ

5)อาหารปิดทอง  แม้แนวคิดจะต่างกับลูกนิมิตแต่ก็พอๆกับการทิ่มเส้นทองเข้าใบหน้าด้วยความสูงค่าของทองคำเลยทำให้คนส่วนใหญ่ถูกปิดตาว่าขึ้นชื่อว่าทองต้องดีทะลุปล้องไป  ความจริงทองแม้จะถูกนำมาใช้เป็นยารักษาโรคได้แต่มันก็ไม่ปลอดภัยนักในการเอามาบริโภคตรงๆจากอาหารหรือการเอาทองซึ่งเป็นสิ่งแปลกปลอมเข้ามาแทรกชำแรกในเนื้อหนังร่างกาย  ในรายของคลีโอพัตราหรือว่าซูสีไทเฮาก็ไม่เคยฉีดยาหน้าตึงหรือเอาทองมาแทงเข้าใบหน้า  ถ้าฟันทองยังอาจเป็นไปได้  ขออย่าหลงใหลว่าเป็นของมีค่าอย่างทองหรืออัญมณีแล้วเอามาทำหน้าจะดีเสมอไปครับ

6)ไวน์เก่าเก็บ  เมรัยมีระดับที่ไม่ได้ถูกจับขึ้นโต๊ะจิบสวยๆอย่างเดียว  แต่ถูกเศรษฐีซื้อเก็บไว้เป็นการลงทุนก็เยอะ และ กลายเป็นน้ำส้มสายชูไปก็เยอะเพราะน้ำไวน์ที่เก่ามากหากไม่ได้เก็บไว้ในเซลลาร์เก็บโดยเฉพาะ  หรือแม้แต่เอียงผิดองศา  ถูกคนไม่รู้จับเขย่าขวดก็กลายเป็นน้ำหมักชีวภาพเหมาะจะเททิ้งมากกว่าดื่มไป  แม้ไวน์จะมีรสกลมกล่อมเพียงใดก็ตามแต่สิ่งที่ปฏิเสธไม่ได้คือต้องมี “อัลกอฮอล์” จะไวน์ขั้นเทพอย่างกลุ่มเปรมิแยร์กรูหรือเทเบิ้ลไวน์ที่ซอมเมลิแยร์ไม่อยากแล  แต่ถ้าดื่มเข้าไปแล้วก็ได้อัลกอฮอล์ไปทำโทษตับเหมือนกัน  มูลค่าของมันเท่ากับการซื้อยาบำรุงหัวใจที่ทำร้ายตับไปในตัวครับ

7)เนื้อไพรม์บีฟ(เนื้อวัวเกรดยอดราคาสูง)  เนื้อพรีเมี่ยมราคาสะดุ้งโหยงเพราะกิโลหนึ่งซื้อวัวไทยได้เป็นตัว  เนื้อพวกนี้มีจุดขายคือ “นุ่มละลายในปาก” นั่นเป็นเพราะเปลวมันที่แทรกอยู่จนดูเหมือนหินอ่อนอิตาลี  แต่ข้อเท็จจริงก็ยังอยู่วันยังค่ำว่าเนื้อพวกนี้เป็น “เนื้อแดง” ที่มีมันมากกว่าเนื้อขาวอย่างไข่ขาวหรืออกไก่  ดังนั้นจึงมีสิทธิ์ไปอุดหัวใจ,กระตุ้นมะเร็งต่อมลูกหมาก,มะเร็งลำไส้ใหญ่ได้

8)โอโทโร่ เนื้อท้องปลาทูน่าราคาแพงหูฉี่เพราะเป็นที่นิยมตามฝรั่งที่เข้าไปอยู่ในประเทศญี่ปุ่นเมื่อ 200 ปีก่อน  เดิมทีพี่ยุ่นไม่ได้สนใจเนื้อติดมันแหยะๆชวนเลี่ยนนี้เลยแต่ฝรั่งชาติอเมริกันที่เข้าไปติดกินเนื้อมันที่ว่าเลยโปรดปรานทำให้ราคาของ “โอโทโร่(พื้นเนื้อท้อง)” แพงกว่าราคา “อะกามิ(Akami)” ที่เป็นเนื้อแดงมันน้อยกว่ามาก  โอโทโร่เพียงคำเดียวอาจมีราคาเหยียบพันบาทได้ทั้งที่ท่านอาจได้ไขมันดีจากปลาทะเลเป็นตัวในราคาเท่ากัน  ซื้อน้ำมันปลามาทานก็ยังอาจถูกกว่าด้วยครับ

9)ปลาปักเป้า,ไข่แมงดา,ไข่หอยเม่น  ไม่ใช่แค่อยู่ในเซ็ตอาหารญี่ปุ่นอย่างเดียวเท่านั้นหากแต่คนไทยทางใต้ก็รู้จักรับประทานโดยการเอามายำ  ถ้าชาวเกาหลีก็มักรับประทานสดๆจากฝีมือของ “ฮันยอ”หรือสตรีนักดำน้ำ  อุดมไปด้วยสารอาหารอย่างวิตามินเอ,อี,สังกะสีและโอเมก้าสามแต่ก็มีสิทธิ์กินแล้วป่วยได้เหมือนกันจากพิษของมันและเชื้อกลุ่มซัลโมเนลล่า

10) อาหารป่า  ราคาแพงเพราะหายาก(และเสี่ยงตะราง) มาพร้อมกับเชื้อโรคนานาชนิดจากป่าด้วยเพราะสัตว์เอ็กซอติกเหล่านี้มีเชื้อโรคเยอะมากครับ  เขาอาศัยอยู่ในธรรมชาติจึงมีได้ทั้งพยาธิและเชื้อจากเห็บไร  การกินอาหารป่าไม่น่าอร่อยเหมือนอาหารบ้านๆหรอกครับแต่ที่ดูโอชากว่าเพราะราคาของมันและความท้าทายในการล่า  สัตว์ป่าที่มีเชื้อโรคมากๆอาทิ งู,หนู,จรเข้,เก้ง,กวางและวัวป่าครับ

ทั้งสิบชนิดเป็นอาหารที่ราคาแพงถึง “ชีวิต” ได้ถ้าบริโภคโดยเชื่อแค่ว่าราคาที่แพงย่อมการันตีของดี  เช่นเดียวกับของต่อไปนี้ที่เป็นเรื่องของการบริการที่เศรษฐีไฮโซชอบซื้อหา  แต่ถ้าไม่ดูตาม้าตาเรือก็อาจกลายเป็นบริการไฮโซ(ซัดโซเซ)ได้เหมือนกันครับ



บริการหรูอาจมาคู่อันตราย

1)              รักษาพยาบาล  แพงมากเลยนะครับสำหรับค่า “หวัด” ยุคนี้  ท่านที่เข้าโรงพยาบาลเอกชนขอให้สังเกตว่ามีทั้งเด็กหน้าประตูที่หน้าตาสวย,กลุ่มคนที่ไม่ใช่หมอและพยาบาลมาอั้พเซลล์ขายคอร์สตรวสุขภาพ(เลี่ยงให้คนอื่นโฆษณาแทนแพทย์) หนำซ้ำโฆษณาที่เกร่อตามหน้าหนังสือพิมพ์อย่างไม่เคยมาก่อน  เหล่านี้ล้วนเป็นตัวเพิ่มค่ารักษาท่านจากกระเป๋าทั้งสิ้นครับ

2)              เสริมสวย  ตั้งกันดกดื่นพอๆกับเซเว่น  เป็นเรื่องน่าแปลกใจที่หลายแห่งมีการใช้ยาที่ “กวนเอง” อีกทั้งการรักษาฉีดยาผิวใส,โกร๊ทแฟ็คเตอร์,สเต็มเซลล์และลดน้ำหนักกันให้เกร่อแต่ไม่เห็นหน่วยงานไหนเข้ามาห้าม  เพราะกระแสการเปิดติดๆกันทั้งตามซอยและในห้างยังคงมากอยู่  หมอจบใหม่ๆถูกชักชวนให้ไปอยู่เยอะครับโดยข้อแม้ว่าต้อง “ทำยอด” ให้กับสถานประกอบการเหล่านี้

3)              ขายยา  ถ้าเป็นร้านที่มีจรรยาบรรณก็ว่าไปอย่าง  แต่ถ้าเป็นร้านที่แอบขายยานอนหลับ ยาปลุกเซ็กส์ และอาหารเสริมแบบ “หิ้ว” เข้ามาเชียร์ขายเอง  อย่างนี้ต้องระวังครับ  นอกจากจะเสี่ยงชีวิตแล้วยังอาจตกเป็นทาสยานอนหลับหรือยาเสพติดแบบอื่นๆอีกได้

4)              นวด  เป็นบริการสุดฮิตทั้งคนไทยคนต่างชาติล้วนชอบ  มีร้านนวดรอรับตั้งแต่ที่สนามบิน  เป็นภูมิปัญญาไทยที่น่าสนับสนุนอยู่ครับ  แต่การนวดที่มากเกินไปหรือนวดแบบไร้ความรู้ด้านกายวิภาคก็อาจทำให้ผู้รับบริการต้องเจ็บป่วยเพิ่มขึ้นได้  หลายรายเกิดอาการเดี้ยง  ทางที่ดีคือบอกตัวเองไว้ว่านวดได้แต่อาจไม่ตอบทุกโจทย์และถ้าเจ็บต้องบอกว่า “พอ” ครับ

5)                ขายอาหารเสริม  ถ้าขายแบบที่มีคุณภาพก็ไม่มีปัญหา  แต่เดี๋ยวนี้มีขายกันทาเคเบิ้ลทีวีจนเกร่อไม่รู้ยี่ห้อไหนต่อยี่ห้อไหน  ทำให้ผู้บริโภคงงและสรรพคุณก็ยังน่าสงสัยโดยให้คนไข้หรือคุณหมอออกมาพูดจนดูเหมือนกับยาครอบจักรวาลครือๆกับราคาที่ระดับจักรวาลเช่นกัน เป็นการให้ข้อมูลที่ต้องฟังหูไว้หูเหมือนกันครับ

ของที่อยากขายราคามักมีจิตวิทยาคือทำหีบห่อสวยๆให้ดูหรู  ถ้าเป็นอาหารก็ดูจะมีขวดสวยงาม ชุดของขวัญ  เครื่องสำอางค์ก็ต้องจ้างดาราหน้าตาดีๆและมีกิ๊ฟเซ็ตแจก  การรักษาพยาบาลเดี๋ยวนี้โรงพยาบาลเอกชนก็จ้างพนักงานต้อนรับหน้าตาสวยๆแต่ไม่ใช่พยาบาลมาไว้จ๊ะจ๋าตั้งแต่หน้าประตู  ส่วนอาหารการกินก็ต้องให้พ่อครัวแต่งตัวแบบเชฟสากลเสื้อกระดุมห้าเม็ดเรียงเป๊ะอกตั้ง  มีบริกรมาประชิดราวมหาดเล็กยามท่านนั่งโต๊ะ  ทั้งที่อาหารหรือการรักษาพยาบาลนั้นๆก็เป็นเรื่องธรรมดา

แต่ว่า “เปลือก” นั่นเองที่ลวงตาว่าดี

เป็นจิตวิทยาที่ใช้ได้ผลเสมอ  ทำให้คนเผลอใจได้ดี  มีคนเสียสตางค์เพราะเปลือกอย่างนี้เยอะครับ  จนทำให้คนที่คิดว่าจ่ายแพงต้องได้หมอที่เก่งสุด ยาที่ดีที่สุด  จะต้องได้ดังนั้นเสมอไป  เรื่องบริการเอาใจละอาจดีแน่เพราะท่านเป็นขุมทองให้เขานี่ครับ

แต่สำหรับการรักษาเป็นอีกเรื่องนะครับ

เครดิต http://www.bangkokvoice.com/2012/04/02/blogs-krisda/
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่