ย่ายังรักหลานคนนี้อยู่ไหม

กระทู้คำถาม
สวัสดีค่ะ กระทู้นี้เป็นกระทู้แรกนะคะ ก่อนอื่นจะขอบอกก่อนเลยว่า ไม่ได้ต่อว่า  ลบลู่ หมิ่นประมาท หรืออื่นๆ ต่อบุพการีแต่อย่างไร  ยังรักและให้ความเคารพเหมือนเดิม เนื่องจากหนูมีความคิดไม่ตกค่ะ  
จะขอเกรินนำก่อนนะคะ  ตั้งแต่เล็กจนโต หนูถูกคุณตายายเลี้ยงมาค่ะ  มีชีวิตอยู่ท่ามกลางธรรมชาติของเด็กชนบทต่างจังหวัดคนนึง มีชีวิตที่อบอุ่น มีทั้งพ่อ แม่ และตายาย เราอยู่กับแบบครอบครัวใหญ่  ขอกินก็หาได้จากริมรั้ว ตำลึง  ผักบุ้ง  ปลาในลำคลอง ตากับยายมีอาชีพ ทำไร่  ทำสวน  ก็พอมีพอกินเป็นแบบนี้เรื่อยมาจนกระทั้ง   ....
ปี 2556  ปลายปี หนูอายุ  18  ปี พ่อแม่ มีปัญหาหย่าร้างกัน  ทำให้หนูต้องไปอยู่บ้านย่ากับพ่อ (ซึ่งแต่ก่อนจะไปหาเสาร์ อาทิตย์ แต่ก็ไม่ค่อยสนิผทมากนัก  ) เป็นการถาวร  ถามว่าใจจริงอยากอยู่กับใคร  หนูอยากอยู่กับทั้งพ่อและแม่  หนูเติบโตมากับตาและยาย หนูมีเพื่อน มีสังคมอยู่ที่นั่น  มาอยู่บ้านย่าแรกๆ เขาแค่ให้ช่วยทำงานบ้านค่ะ (กวาดบ้าน  ถูบ้าน  ล้างจาน  เช็คโต๊ะ ซักผ้า  จัดห้อง ตากผ้า  รีดผ้า )  ยังไหวค่ะ เป็นงานที่ต้องแบ่งเบาภาระอยู่แล้ว  สู้ค่ะ
ปี  2557  หนูสอบติดมหาวิทยาลัยของรัฐบาลแห่งหนึ่ง  ย่าและอาสาว (น้องสาวของพ่อ) บอกว่าจะส่งหนูเรียน  หนูดีใจมากค่ะ ว่าหนูจะได้เรียนหนังสือต่อ ปีนั้นเหตุการณ์ก็เปลี่ยนชีวิตเด็กคนหนึ่งที่เคยร่าเริง  พูดคุยสนุกสนาน กลับกลายเป็นคนเงียบ  พูดน้อย เก็บตัว  นั่งนิ่ง เหม่อลอย
ปิดเทอมหนูก็ยังใช้ชีวิตประจำวันอยู่บ้านย่าค่ะ  ทุกๆวันก็ทำเหมือนเดิม  กวาดบ้าน  ถูบ้าน  ล้างจาน  ซักผ้าตากผ้า (2-3วันครั้ง)  รีดผ้าอาทิตย์ละครั้ง (เขาบอกให้รีดที่เดียวไม่เปลืองไฟ  ประมาณ 2-3ตะกร้าค่ะที่ต้องรีด)  จ-ศ  ทำเสร็จก็ประมาณ  11.00 -12.00 ค่ะ หลังจากนั้นก็ทานข้าวแล้วลงไปดูทีวี ไม่ได้ออกจากบ้านไปไหน เพราะเคยขอออกไปเซเว่น ซึ่งหายจากบ้านไม่เกิน 1 ก.ม. เป็นเรื่องใหญ่มากค่ะ ต้องให้ใครไปส่ง ต้องถามว่าจำเป็นไหมของที่จะซื้อ ราคาเท่าไหร่  ซื้อมาใช้ทำอะไร  ฯลฯ  (ขนมก๊อบแก๊บไม่เคยได้แตะค่ะ  เพราะไม่ได้ออกจากบ้านเลย)  หลังจากนั้น ก็มีเหตุการณ์ที่หนูเถียงกับพ่อ  (เรื่องเล็กน้อยค่ะ แปบเดียวก็หายโกรธแล้ว แต่เนื่องจากพ่อเป็นคนเสียงดัง ) ปู่ก็โมโห  ชี้หน้าด่าหนูว่า  ต่อไปนี้ไม่ต้องมีเหยียบบ้านเขาอีก และไล่ออกจากบ้าน (คือไม่ค่อยมีเหตุผลค่ะ  ไม่ถามว่าเรื่องอะไร ใครผิด  บ้านย่าหนูเท่าที่สังเกตุนะคะ จะยึดตามอาวุโสค่ะ  ปู่ ใหญ่สุด  ห้ามเถียง  ห้ามว่า ห้ามทุกอย่าง ปู่ว่าได้คนเดียว รองลงมา ย่า  ตามด้วย  พ่อ  และอาสาว ค่ะ แน่นอนค่ะ หนูสุดท้าย (เช่น  ถ้าหนูเถียงปู่ว่า  ปู่บอกว่า  บึงฉวากอยู่จังหวัดอะไร  ปู่บอก อ่างทอง  หนูบอกสุพรรณ  ปิ๊งบ๊อง  ปู่ถูก  ) อาวุโส  ถูกเสมอ  
หลังจากไม่ได้เจอแม่มาหลายเดือน แต่ก็โทรคุยกันนะ  ลืมบอกไปค่ะ ตอนกลางคืนนอนกับอาสาวค่ะ เคยนอนคุยกับแม่เขาจะเบาทีวีฟังค่ะ  ไม่ค่อยชอบเลยแอบมาคุยในห้องน้ำตลอดค่ะ ก็ขอย่า  ว่าจะไปดูแลแม่ค่ะแม่ป่วย  แม่อยู่คนเดียวไม่มีใครดู  ย่าบอก ไม่ต้องไป คนเราไม่ตายง่ายๆหรอก ทำไรไม่ได้เข้าห้องมาร้องไห้เลยค่ะ  อาสาวถามว่าเป็นอะไร  หนูบอกแม่ป่วย อยากไปดูแม่  อาสาวบอกทำไมไม่บอกย่าล่ะ  หนูบอก  บอกแล้ว เขาไม่ให้ไป  คืนนั้นหนูร้องไห้จนหลับไปค่ะ พอเช้าอาสาวขอย่าให้แล้ว  อาสาวก็ไปส่งบ้านแม่  อยู่กับแม่  5  วัน  ย่าก็โทรตามให้กลับบ้าน  ตอนเย็นเขามารับ  มีย่า  ปู่  อาสาว  พอไหว้แ เสร็จก็ขึ้นรถปิดประตู รถแล่นไปได้ไม่พ้นซอยหน้าบ้าน  หนูเหมือนโดนปืนรั่วใส่  ย่าว่า แม่ไม่เห็นเป็นไรมากมาทำไม บอกแล้วไม่ต้องมา  หน้าระรื่นเลยนะ  มาแล้วทำไมไม่บอกเจ๊ให้โทรมาตามน่ะ (ลืมบอกไปตอนหลังทำงานบ้านเสร็จ  ช่วงบ่ายไปช่วยเจ๊ขายของ ทำฟรีนะ  ไม่ไดค่าแรง  เจ๊ไม่ได้ต้องการคนทำงานเพิ่ม  แต่ปู่ไปขอให้หนูไปทำงานเพราะไม่อยากให้อยู่บ้านเฉยๆ แต่ก็ไม่เฉยนะทำงานบ้านก็เหนื่อยนะ  บ่ายขายของอีก เสา  อาทิต  รีดผ้า  ก็ไม่ได้พักเลย  ทำงานทุกวัน) แล้วก็บลาๆ ว่า เยอะค่ะ  จนน้ำตาไหลเขาก็ไม่หยุด  ซ้ำด้วยปู่ประมาณว่าอาย  เสียหน้าที่หนูไม่ยอมไปขายของ  เจ๊เขาก็ไม่ได้ว่าอะไรนะคะ  เขาแค่โทรมาถามกลัวว่าถ้าออกจากบ้านมาประสบอุบัติเหตุอะไรไหมถึงไม่ถึงร้านค่ะ คือ เจ๊โทรมาหาย่าแล้วย่ารับไม่ทันไม่ได้โทรกลับก็กลัวเขาจะว่าเลยด่าหนูแทน  พอใจเข้าใจนะคะ  ถ้าย่าด่าหนูแล้วสบายใจ  ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ตั้งแต่นั้นหนูก็ดูว่าทุกอย่างเปลี่ยนไป  หรือ เริ่มเข้าสู่โหมดปกติของเขาก็ไม่รู้  เริ่มจากเวลาทานข้างหนูจะไปยกหม้อหุงข้าวแล้วก็ตักข้าวแจก  บริการน้ำ  ตักอาหารเพิ่ม เก็บจานหนูถึงจะได้กินข้าวนะคะ  พอทานข้าวเสด ก็ล้างจาน กวาดบ้าน  ถูบ้าน ก็จะโดนปู่ว่า  บ้านสึกหมดถูบ่อยเกิน  กวาดไปถึงไหน ดาวอังคารหรอ  น้ำล้างจานเหม็น  ไม่เห็นหรอเทมา  พ่อไม่เอาขยะกับเศษอาหารไปทิ้ง ปู่จะพูดว่า พ่อไม่ทำก็ทำ เร็วๆเข้า จะ8โมงแล้ว  ไปช่วยเจ๊ขายของไม่ทัน (ตอนหลังเร่งให้ทำงานบ้านให้เสร็จก่อนแปด โมงค่ะ เจ๊ลูกจ้างลาออกไป1 คนค่ะ  เลยให้หนูไปแทน แต่ก็ทำฟรีเหมือนเดิม) เหนื่อยค่ะ  ท้อมาก โทรคุยกับแม่ทุกวันว่า  ที่หนูทำไม่ดีหรอค่ะ  เขาจะว่าถึงด่าหนูทุกเรื่อง  ไม่เคยชม จำได้ค่ะ  ไปทำบุญกระดูกที่วัด  งานเริ่ม  7 โมงกว่าๆ ปู่ปลุกตั้งแต่ตี5  ให้ออกจากบ้านก่อน 6 โมงไปวัด  ไปรอหน้ากุฏิพระ เพราะอัฐิอยู่บริเวณนั้น พระตกใจ โยมมาทำไมแต่เช้า  หนูก็ไม่รู้ค่ะ  ปู่ให้มารอ  แหะๆ  หนูก็ไม่เข้าใจย่ากับปู่เท่าไหร่  พอมหาลัยเปิดหนูไปอยู่หอ  การบ้านเยอะ  รายงานเยอะ  พรีเซ้น  แน่นอนว่าทำเป็นกลุ่มมีการซ้อม ทำให้บางครั้งเสาอาทิตไม่ได้กลับบ้าน ย่าก็โทรมาตามแล้วบอกว่า ต้องรอให้ท้องแล้วคลอดลูกก่อนแล้วค่อยกลับใช่ไหม  โอเคกลับค่ะ  ก็หอบงาน  คอมกับบ้าน อาสาวทำงานอยู่ใกล้ๆประมาณ20โลได้  เขาก็ขับรถมารับค่ะ พอถึงบ้านก็โดนย่าเทศอย่างหนักค่ะเรื่อง ให้อาสาวมารับ เขาบอกให้หนูขึ้นรถตู้ค่ะ  คือ  หนูต้องนั่งรถ  2  ต่อไปรอรถ  และอีก2 ต่อเพื่อนที่จะเข้าบ้าน 70 กว่า ก.ม. และหอบของพะรุงพะรัง จนแม่กลัวว่าจะอันตรายจึงขับรถมารับทุกอาทิตแต่ไม่ได้บอกบ้านย่าให้รู้  แม่บอกว่ามีลูกสาวคนเดียว ถ้าเป็นอะไรไปจะทำยังไง  แม่รักหนูมากนะ  เป็นแบบนี้จนหมดเทอม  ปิดเทอมหนูกลับไปอยู่บ้านย่าและทุกอย่างก็เหมือนเดิม  ไปช่วยเจ๊ขายของ  ทำงานบ้าน เพิ่ม ทำสวนถางหญ้า ตอนเที่ยง ร้อนมากค่ะ  จะให้หนูปืนต้นมะม่วงเลื่อยกิ่งมะม่วง  กิ่งเท่าแขนอ่ะค่ะ  หนูก็บอกปู่ว่าทำไม่ไหวหรอก  เลื่อยมือนะคะ  ไม่ใช่ไฟฟ้า  เขาก็จะให้หนูทำให้ได้  พอดีอาสาวมาเขาเลยไม่ให้ทำค่ะ  หลังจากนั้นก็ให้ตัดหญ้าที่สนาม เป็นเครื่องตัดหญ้าแบบสะพายไหล่  หนักมากค่ะ เขาก็ให้ทำ  แล้วก็ด่าไปด้วย  ไหล่แดงไปรอยสะพายเลยค่ะ  แม่ก็โทรมาถามว่าเหนื่อยไหมลูก  หนึตอบเลยค่ะเหนื่อยมาก  พูดคุยเรื่องตลก เรื่องละคร ก็โดนว่าเข้าตัวเองหมดเสมือนว่าหนูทำ  ไปเจอใครมาที่ทำไม่ดีก็มาว่าหนูเสมือนหนูทำ  หลังจากนั้นก็ไม่ค่อยคุยค่ะ  เพราะโดนว่าทุกวัน  ทุกเวลา  ขอเขามาหาแม่ก็ไม่ได้ค่ะ  เขาไม่ให้มา  เขาอ้างเสมอ  อ้างทุกอย่างว่าเขาส่งเรียน  ต้องอยู่กับเขา  ทำทุกอย่างที่เขาสั่ง  ห้ามไปหาแม่หาทางโน่น  หนูขอเขามาหาแม่ 2 วัน  เขาโทรตามให้รีบกลับเหมือนเดิมแต่คราวนี้แม่บอกให้ช่วยขายขนมหน่อย ปีใหม่ขายดี หนูก็อยากจะช่วยค่ะ แต่ย่าโทรมาให้ไปช่วยเจ๊  แต่เจ๊มีคนช่วยเยอะนะคะ 5คนได้ ทุกคนได้ค่าแรง ยกเว้นหนู  เพราะเจ๊ไม่ได้จ้างค่ะ  ปู่หนูเสนอตัวหนูไปช่วยขายค่ะ เจ๊เลยไม่ได้ให้เงิน  ย่าบอกว่าย่าโมโหแล้วนะ  ถ้าไม่กลับมาก็ไม่ส่งเรียนแล้วอยู่กับแม่ไปเลย  อย่ากลับมาให้เห็นหน้าอีก  วันอาทิตเจอกัน  จะไปรับ  ถ้าไม่กลับจะไม่ส่งเรียน  คือ  การส่งหนูเรียน  หนูอยากทำอะไรก็ไม่ได้ทำ  หนูอยากอยู่กับแม่  จนหนูคิดว่าหนูจะไม่เรียนดี  หนูก็เสียดายนะ  หนูอยากเรียนแต่ก็ไม่รู้จะทำยังไง วันเกิดหนูปีใหม่พอดี  ถ้าหนูกลับก็ไม่ได้กินวันเกิด  กับแม่ ตายาย  ถ้าหนูกลับ วันเกิดหนูก็แค่วันนึงไม่มีอะไรสำคัญ  ไม่มีงาน  ไม่มีเค้ก ไม่มีแม่  ไม่มีของกิน  ย่ายังรักหนูไหม ?  ....  บอกหนูที...
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 1
เหมือนที่บ้านปู่ย่าพี่เลยค่ะ แต่ตอนนี้พี่มีครอบครัวเป็นของตัวเอง ไปเยี่ยมเค้าบ้าง ตากับยายพี่ใจดี ส่วนทางฝั่งปู่ย่าก็ชอบดุ ชอบว่าพี่กับน้องๆตลอด ทุกเรื่ิอง ซื้อต้มแซบมากินปล่าวๆกับน้องสาวสองคน ปู่ดุค่ะ บอกเค้าไว้กินกับข้าว สิ้นเปลือง  หลายเรื่องค่ะ บ่นเวลาทำงานบ้าน แล้วเราทำทุกอย่าง ถามว่าเค้ารักเรามั้ย ตอนแรกพี่ก็คิดแบบหนูนะ ว่าทำไมทำกับหลานแบบนี้ แต่พอโตมา คิดว่าถ้าเค้าไม่รักเค้าคงไม่เลี้ยงดู ส่งให้เรียนหรอกค่ะ เค้าคงอยากฝึกน้องให้เป็นเด็กดี เด็กขยัน ช่วยเหลือตัวเองได้ เวลาไปไหนจะได้ไม่ลำบาก อีกอย่างน้องเด็กที่สุดในบ้าน มีเรี่ยงแรงที่สุด เค้าเลยให้ทำงานเยอะ(พี่คิดว่านะ) แต่เค้าแสดงออกแบบอ่อนโยนไม่เป็น ปากร้าย ขี้บ่น เรื่องผู้ใหญ่ระหว่างพ่อแม่ปู่ย่าตายายเนี่ย อย่าเก็บมาคิดมากนะคะ เป็นเรื่องของเค้า  เราอดทนให้มากๆ  ตั้งใจเรียน เดี๋ยวเรียนจบ มีงานทำน้องจะรู้สึกว่าสิ่งที่น้องได้ทำไปทั้งหมดมันคุ้มค่า ทำให้น้องอดทน เป็นคนสู้งาน เป็นกำลังใจให้ค่ะ ขอให้น้องผ่านไปได้ ดอกไม้ดอกไม้ดอกไม้
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่