ผมรู้สึกว่าทำงานได้ไม่ดีเท่าคนอื่น

ทำงานบริษัทแห่งหนึ่งรู้สึกว่าทำงานได้ไม่ดีเท่าคนอื่นในทีมซึ่งอายุงานพอๆกัน ทำงานแบบเดียวกัน มีหัวหน้าคนเดียวกัน ได้รับความไว้วางใจต่างกัน รู้สึกอึดอัดมาก เบื่องานที่ทำอยากเปลี่ยนงาน อยากเปลี่ยนบริษัท ใกล้สิ้นเดือนแล้วไม่รู้จะได้โบนัสให้เป็นกำลังใจรึป่าว เฮ้ออ เพื่อนๆคนไหนเคยมีความรู้สึกอย่างนี้ มีวิธีแก้อย่างไร แนะนำหน่อยนะ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 2
เปลี่ยนงาน เปลี่ยนที่ทำงาน  เปลี่ยนบริษัท  เปลี่ยนหัวหน้า  เปลี่ยนเพื่อนร่วมงาน เปลี่ยนทั้งโลก.............
เหล่านี้ ไม่ใช่ทางแก้

เปลี่ยนวิธีทำงาน  เปลี่ยนทัศนะคติ  เปลี่ยนพฤติกรรมการทำงาน
เหล่านี้ต่างหาก คือทางแก้
- ทำงานให้ละเอียดมากขึ้น
- รีเช็ค ตรวจทาน 2-3รอบ
- ความจำไม่ดี  ก็ต้องใช้วิธีจด   ก็ต้องพกปากกา,สมุดเล่มน้อย เป็นอุปกรณ์คู่ชีพ
- มีสมาธิกับงานให้มากขึ้น .. ระหว่างทำงานก็คุยโทรศัพท์,แชทไลน์ ให้น้อยลง ..คุยกับเพื่อนให้น้อยลง  มีสมาธิกับเนื้องาน
- เป็นคนเฉี่ยชา  ทำงานช้า .. เรื่องนี้ ผมแนะนำว่า คุณต้องไปออกกำลังกายเป็นประจำ   แล้วความแอคทีฟ จะเกิดขึ้นในเรื่องต่างๆเองเป็นธรรมชาติ (เป็นผลวิจัยที่ผมเคยอ่าน)
- คิดช้า  ... ให้ฝึกคำนวนเลข

ฯลฯ  ต่างๆ  นอกเหนือจากนี้ ก็ไปหาวิธีเอาเองเด้อ......
แก้ที่ตัวเองก่อน    ถ้าคิดว่าแก้ จนดีแล้ว   ฝีมือเข้าขั้นแล้ว  เจ๋งพอตัว  ก็ค่อยเปลี่ยนงาน
เพราะขืนเปลี่ยนงานตอนนี้   พอไปทำที่ใหม่  คุณก็จะวนเป็นลูปเดิมๆ

แต่ถ้า ชีวิตขาดแรงบันดาลใจ อยู่ไปวันๆไร้ซึ่งเป้าหมาย  จึงทำให้ไม่มีกะจิตกะใจจะสู้งาน เพราะไม่รู้จะทำไปเพื่ออะไร
ช่วงหนึ่งในชีวิต ผมก็เป็นแบบนั้น
ทางแก้ คือ    ให้เลี้ยงแมวซักตัว
5555
ความคิดเห็นที่ 3
เป็นกำลังใจให้น่ะคะ.  ไม่มีใครเก่งมาแต่แรกหลอกค่ะ
ต้องค่อยๆเรียนรู้ประสบการณ์. มองในแง่ดี. ถ้าคุณเจอเจ้านายที่
เป็นคนให้โอกาสคน. เค้าจะไม่ worry เลยค่ะ. หัวหน้าทีมที่ดี เค้าจะรู้
สักยภาพของลูกน้องแต่ละคน. เค้าให้โอกาสคนในการเรียนรู้และฝึกฝนอย่างเต็มที่
ค่อยๆพัฒนาไปค่ะ วิธีที่ คห 2 แนะนำมดีมากเลยค่ะ.  เราเองก็ใช้อยู่
เราก็ขยันจดโน๊ตเอา. เพราะข้อมูลมันเยอะ เราก็ยอมรับว่าเราจำไม่ได้
ถ้าเทียบกับพนักงานคนอื่น.  แต่เราก็ไม่ละทิ้งการงาน มีความรับผิดชอบ
หากทำผิดก็ยอมรับผิดอย่างตรงไปตรงมา  งานก็คืองาน ผิดถูกก็ยอมรับกันไป
เปิดเผยและวิจารณ์กันได้. เพราะมันมีผลต่อทุกคน.  งานมันเกี่ยวเนื่องกันเกือบทุกแผนก
ดังนั้น. ระมัดระวังอย่าให้เกิดความเสียหาย. แต่ก็ไม่ต้องกลัว ถ้าเราทำงานผิดพลาด
ก็ยอมรับความจริง   เรื่องทำงานผิดพลาด มันเกิดขึ้นได้.
ความคิดเห็นที่ 4
เริ่มจากกายภาพก่อนเตรียมความพร้อมต้องทำสม่ำเสมอ
ร่างกายไม่รู้จักวันวันทำงาน วันหยุด ดังนั้นทำเป็นเวลาจะแก้ปัญหา
ในรายละเอียดได้มาก

๑ นอนหลับให้พอ ก่อนนอนสงบสติทำสมาธิให้หลับให้สงบ

๒ กินอาหารให้พอดีๆ ไม่ลดน้ำหนักเวลาต้องใช้สมองมากๆเพราะสมอง
ต้องการอาหารเหมือนกันแต่ไม่ต้องกินอาหารบำรุงเฉพาะนอกจากไปหา
หมอแล้ว หมอสั่งมา

๓ ออกำลังกายบ้างเวลาอ่านหนังสือทุก ชม.ให้ลุกขึ้นมายืดเส้นสาย
ให้เลือดลมเดินดี ไม่ปวดหลังจะได้อ่านได้นาน สุขภาพดีสมองจะดีด้วย

๔ ฝึกสมาธิแบบคิดและ จำ คือให้สามารถจดจ่อกับเรื่องที่ทำได้
แรกๆจะได้ไม่นาน ค่อยๆขยายเวลาเอาที่ละหน่อย สมาธิ คล้ายๆกล้ามเนื้อ
คือมีมาก มีอึด ทำให้ทำงานได้มากได้นานขึ้นถ้ามีน้อย ไม่จะไม่พอใช้

เตรียมสภาพแวดล้อมลดการรบกวนให้มากที่สุด

๕ เลือกที่และเวลา อ่านที่มีสิ่งรบกวนน้อย ปรอดภัย

๖ ถ้าเลือกได้ให้เลือกทำสิ่งที่ชอบมันจะง่ายต่อการเรียนรู้ สิ่งไม่ชอบ
ต้องทำงานหนักกว่า แต่ถ้าจำเป็นให้คิดว่ามีประโยชน์

๗ จัดตารางเวลาให้ดีอย่าให้มีงานพอกจนทำไม่ทันไปหมด ทำอะไรพร้อมๆกัน
สมองจะล้า ทำให้คิดจำ ไม่ดี

๘ทำสมองให้โล่งๆไว้ อะไรที่ไม่ใช้ไม่จำเป็นเรื่องเสียใจกวนใจ
อย่าทบทวนทำความเข้าใจแล้ว ลืมมันเสีย เพราะสมองมีที่จำกัด
อะไรวุ่นวายมากๆเวลาจะใช้ต้องคิดนานมันจะไม่ทันเวลาใช้ใช้

ถ้าเราเตรียมตัวมาดี ถึงเวลา ต่อด้วยวิธี

๙ สร้างความประทับใจในสิ่งที่ทำตั้งใจ เวลาที่จะจำอะไรสนใจมาก
จดให้เป็นระบบ ให้รู้สึกว่ามันสำคัญ

๑o ทบทวนรอบแรกเหมือน ผนึกความจำไว้ให้เรียบร้อยเป็นระบบในเวลา
ที่เหมาะสม วัน สองวันหลังจากข้อ ๖ จัดระเบียบและค้นคว้าเพิ่มไว้ด้วย

๑๑ ก่อนนำไปใช้ทบทวนอีกหนให้เวลาทบทวนมากหน่อย

๑๒ อย่าทำอะไรลวกๆ เวลาทำให้จริงจัง เพราะทุกอย่างที่ทำต้องรับผิดชอบ
แล้วสมองจะดึงความสามารถออกมาใช้เต็มที่ให้ผลดีกว่าแน่นอน

มันไม่ยากมากทำเพิ่มไปเรื่อยๆ  คุณทำได้แน่นอน

ขอพระอวยพรในการกระทำที่ดีนับจากนี้ของ คุณ ครับ
ความคิดเห็นที่ 19
อาชีพอย่างผมมันโชคดีก็ตรงที่ได้พบแต่คนเก่งๆ
และคนเก่งที่ผมเจอนั้น
เกือบร้อยทั้งร้อยเป็นเศรษฐีประเภท "รวยด้วยตัวเอง"
ทุกครั้งที่ได้ฟังเรื่องราวชีวิตของเขาเหล่านี้ทีไร
มันทำให้ผมคิดได้ว่า
ไม่มีอะไรจะมาหยุดยั้งความสำเร็จของคนเราได้เลย
ยกเว้นเพียงอย่างเดียวคือ "ข้ออ้าง"
คนเหล่านี้เจ็บมาเยอะ เจอมาแยะ
แต่ไม่เคยเอาอุปสรรคปัญหานั้นมาเป็นข้ออ้าง
เหมือนอย่างที่คนส่วนใหญ่ทำ
เมื่อวานผมมีโอกาสได้นั่งฟังคุณแบงค์ "ศตพล จันทร์ณรงค์"
เล่าถึงเรื่องราวชีวิตอันแสนจะมหัศจรรย์ของเขาแล้วอดทึ่งไม่ได้
ผมเก็บมาเล่าให้ฟังบางส่วน รายละเอียดอาจผิดเพี้ยน
เพราะชีวิตเขามากมายประสบการณ์
ชนิดที่ผมเรียกว่า ตกกะไดพลอยโจน" (ในแง่ดีนะครับ)
มันใช่อ่ะ!
อดีตเด็กหนุ่มชุมพร มาทำบ่อกุ้งที่ปราจีน
บ่อแรกๆ ก็ได้เงินเป็นล้าน อะไรก็ดูดีไปหมด
ทำไปทำมา กุ้งเป็นโรค ส่วนเขาเป็นหนี้
จากนั้นจับพลัดจับผลูมาขายพ่อพันธ์ุแม่พันธ์ุจิ้งหรีด
ทำไปทำมากลายเป็นขายจิ้งหรีดทอด แมลงทอด
จนมีคนมาขอซื้อแฟรนไชส์
ทั้งๆ ที่ตอนนั้นเขายังไม่รู้เลยว่าอะไรคือแฟรนไชส์
เขาล้างหนี้กุ้ง เพราะรุ่งจากแมลง
ในเวลาต่อมา เขาก้าวกระโดดไปยังธุรกิจอีเวนต์
จัดงานให้รัฐวิสาหกิจ ทั้งที่ทำไม่เป็นเลย
เมื่อพบว่าคู่แข่งในอาชีพนี้เยอะมาก
เขาพลิกเกมด้วยการเป็นคนให้เช่าอุปกรณ์ทำอีเวนต์
เวที แสง สี เสียง เขามีทุกอย่างให้เช่า
วันนี้เขาเป็นเบอร์ต้นๆ ของประเทศในการให้เช่าอุปกรณ์จัดงาน
ผมนั่งฟังด้วยความเมามัน(ส์) แต่เขาบอกยังไม่จบ
เพราะธุรกิจของเขายังลามไปถึงโกดังให้เช่าเก็บของ
ขนส่งสินค้าทั่วประเทศ ขายสินค้าออนไลน์ ทำอิฐมวลเบา
และอื่นๆ ที่ผมเองก็จำไม่หมด
แต่ทั้งหมดเกิดมาจากความที่ตอนแรกทำไม่เป็น
แต่ในเห็นโอกาส และสนุกไปกับมัน
แววตาที่เขาเล่าให้ผมฟัง เหมือนเรื่องมันเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน
วันนี้คุณแบงค์เป็นเจ้าของธุรกิจนับสิบอย่าง มูลค่าหลายร้อยล้าน
และเป็นวิทยากรแบ่งปันความรู้ให้กับผู้คนมากมาย
ผมแซวเขาว่าถ้ากุ้งไม่เป็นโรค
ป่านนี้โลกของเขา ก็อาจจะอยู่แค่นั้น
ครับ! เล่ามายืดยาวเพราะผมประทับใจชีวิตเขาจริงๆ
นี่ล่ะครับแนวคิดคนสำเร็จ
สู้ชีวิตตั้งแต่อายุยังน้อย
เจอหนี้ ไม่หนี แต่สู้จนปลดได้ และรวยกว่าเดิม
ทำไม่เป็น แต่เมื่อโอกาสมา ก็คว้าไว้ แล้วศึกษาจนทำให้เป็น
ทั้งหมดนี้คุณแบงค์เล่าให้ผมฟังเป็นชั่วโมง
ผมไม่ได้ยิน "ข้ออ้าง" สักคำว่าทำไมถึงทำนั่นทำนี่ไม่ได้
เลิกหา "ข้ออ้าง" เลิกจมอยู่กับความล้มเหลวในอดีต
ชีวิตเราไม่ยืนยาวขนาดนั้น
ลงมือทำ ทำไม่เป็นก็เรียนรู้ ล้มก็ลุกขึ้นสู้ใหม่
เมื่อโอกาสมา ไม่พร้อมก็ต้องพร้อม
สร้างความแตกต่างไม่เหมือนใคร แล้วต่อยอดธุรกิจ
นี่ล่ะครับ เคล็ดลับความสำเร็จของเศรษฐีที่ "รวยด้วยตัวเอง"
ที่ผมเก็บมาฝากทุกคน

เครดิตและที่มา เฟสบุ๊คแฟนเพจ Boy's Thought (คุณวิสูตร  แสงอรุณเลิศ)
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่