ความในใจของมนุษย์เดินเร็วในประเทศไทย

คือเราสังเกตมานานแล้ว เราไม่รู้ว่าเป็นที่เราเองรึเปล่าที่เดินเร็วเกินไป แต่ก็ลองดูเพื่อนในกลุ่มเราคนอื่น เค้าก็เดินความเร็วเท่าๆเรากัน (คือกำลังประเมินว่าเราผิดปกติเองรึเปล่าค่ะ) ทีนี้ เวลาเราเดินคนเดียวเนี่ย จะชอบเจอคนเดินช้า ยกตัวอย่าง sky walk ตรงสยามไปเซนทรัลเวิลด์ คือเดินเป็นแผงเลยตรงทางเดินฝั่งซ้าย มึนตึ้บ เราก็รีบ ต้องเดินแซงอ้อมไปอีกฝั่งนึง คืออ้อมเสาไปฝั่งขวาของทางเลย นึกออกมั๊ยเหมือนเวลาขับรถแล้วต้องแซงเบี่ยงขึ้นไป คือ ก็อยากจะแทรกแผงนั้นขึ้นไปนะ แต่พอแทรกแผงคนข้างหน้าขึ้นไปก็จะมีแผงหน้าๆๆๆขึ้นไปอีก แล้วเหตุการณ์แบบนี้ไม่ได้เจอแค่ที่ sky walk central world เจอได้ตามฟุตบาท และทางเดินทั่วไป...

คือโอเคก็พยายามเข้าใจนะว่า เออ ถ้าเรามากับเพื่อน เราก็คงลืมตัว ไม่เดินชิดทางเดินไปทางใดทางหนึ่ง แต่เราอยากรณรงค์อะ เอิ่ม ก็ไม่เชิงรณรงค์ คืออยากลองให้ทุกคนลองเลิก...

1. "เดินไปกดมือถือไป" คือ หนึ่งมันทำให้เดินช้าลง โอเค เดินช้ามันอาจจะไม่ผิด เออ มันไม่ผิดหรอก แต่ สอง ถ้าหน้าเราไม่โฟกัสที่จอ สายตาเราก็จะเห็นในแนว 180 องศาว่าใครเดินมาด้านข้างหรือเดินเร็วกว่าเรา เราจะได้เปิดทางให้คนที่เดินเร็วกว่าเดินแซงเราขึ้นไปได้ สาม การเดินไปกดโทรศัพท์ไป โอเค มันดูคู๊ลคูลเท๊เท่ (หรา) แบบดูเป็นนักธุรกิจพันล้านขั้นสุด แต่คุณขา มันไม่เท่ห์เลย ใครจะเดินไปคุยธุรกิจพันล้านไป ใครจะเดินไปคุยเรื่องธุระที่มันสำคัญขนาดนั้นไป เค้าต้องทำในห้องประชุมรึเปล่า เลิกซะเถอะนะ เพราะ ข้อสี่ คือ มันจะทำให้คุณเองเดินสะดุดได้ เราเคยมาแล้ว เมื่อก่อน เราเองเนี่ยแหละเคยเดินกดโทรศัพท์จนตกบันไดบีทีเอส พูดถึงเรื่องความไม่เท่ห์ เราเคยไปเดินไปกดโทรศัพท์ไปที่เมืองนอก คนที่เดินผ่านมาเค้ายังไม่ชนนะคะ แต่เค้ามองหน้าเราตั้งแต่ระยะสิบเมตรเลย (ที่ไทยเป็นเรื่องปกติ ไม่มีใครมอง เหอๆ ต้องเดินหลบเอาเอง) ไม่ได้บอกว่าต้องตามเมืองนอกนะคะ แต่มันก็ไม่ดีจริงๆรึเปล่า ถ้าธุระสำคัญจริงๆ ต้องตอบเดี๋ยวนั้นจริงก็ยืนหลบข้างทางแล้วกดโทรศัพท์ก็ไม่มีใครว่าหรอกค่ะ ดีกว่าเดินช้าๆกดโทรศัพท์ คนที่เดินเร็วๆตามมาข้างหลังก็กะไม่ถูกว่าคุณจะเดินบังทางไปทางซ้ายหรือขวา ไม่รู้จะเดินแซงขึ้นไปทางไหนดี คนที่เดินสวนมาตรงหน้าคุณก็จะเดินชนคุณเอา ถึงคุณไม่ชนใคร คุณเองนั่นแหละจะสะดุดเอาซะเอง

แล้วเคยเจอมั๊ย แบบ ทางเดิน sky walk เนี่ยแหละ สองข้างทางมีแผงขายของ ทางเดินก็แคบลงแล้ว ไม่พอ มีเจ้าหน้าที่มาให้บริจาคช่วยเหลือหมาแมว (ทุกวัน) แบบกางมือดักว่าขอเวลาสามวินาทีไม่ตัดบัตรเครดิตนะคะ แล้วยังต้องเดินเบี่ยงพวกแผงมนุษย์กดมือถือข้างหน้าอีก น้ำตาจะไหล ฉันต้องเดินไปทางไหน

2. "ยืนขวางทางฝั่งซ้ายของบันไดเลื่อน" คือโอเคเราว่าเดี๋ยวนี้น้อยแล้วนะคะ แต่บางคนก็ยังยืนขวางไม่สนไม่แคร์สื่ออะไรทั้งนั้น ป้ายสติ๊กเกอร์ตรงบันไดเลื่อนก็ติดอยู่หราเลยว่ายืนชิดขวา เดินชิดซ้าย พ่อคุณแม่คุณก็หาได้แคร์ไม่ ก็กรูจะทำของกรูงี๊ ใครจะรีบก็ไม่สนก็แซงๆเบียดๆขึ้นไปเองก็แล้วกัน

3. "ยืนขวางทางหน้าบันไดเลื่อน" อันนี้วันนี้เพิ่งโดนมาเลยค่ะ เต็มๆ ขอแยกเป็นขวางทางบันไดเลื่อนที่ขึ้นไปแล้ว (ด้านบน) กับ ขวางทางบันไดเลื่อนก่อนขึ้น (ด้านล่าง) คือขวางด้านบนเนี่ยก็ยืนๆออๆอยู่ตรงนั้น แล้วคนที่ขึ้นบันไดเลื่อนต่อมาเค้าจะเดินไปทางไหนล่ะคะ หน้าแทบจะทิ่มเลยบางที เลิกซะเถอะน้าาา อีกกรณีคือยืนขวางบันไดเลื่อนด้านล่าง คือที่เจอมาวันนี้ นางยืนจังก้าตรงกลางทางขึ้นบันไดเลื่อน ส่วนเราก็รู้สึกเกะกะนางมาก คือหมั่นไส้นั่นเองว่าจะมายืนบังคนอื่นทำไม ก็เดินเบียดนางขึ้นไปแล้วรีบชิดขวาตามระเบียบ หลังจากนั้น นางปาดหน้าขึ้นมาค่ะ - -" คือเอาตัวมาแทรกกลางระหว่างขั้นที่เรากับคนหน้ายืนอยู่ก่อน เหมือนปาดหน้ากลับ (คือเราไม่ได้จะปาดหน้านางตอนต้น เราแค่ขึ้นไปแล้วยืนชิดขวา) เอิ่ม เราเลยเดินฝั่งซ้ายขึ้นไปเลย แล้วพอเดินขึ้นไปชั้นสองได้แล้ว นางก็มองหน้าตามเรามา คือ ... ไม่ไหวนะ

เราว่าเรื่องพวกนี้มันหงุมหงิมหยุมหยิมมากเลยค่ะ แต่อยากให้คนในสังคมเห็นใจคนอื่นบ้าง คนที่รีบเค้าก็มี คนที่เดินเร็วเป็นปกติเค้าก็รำคาญ อย่างต่างประเทศ เค้าก็เดินชิดกันเป็นทางนึงเลยในบางประเทศ ไม่ได้บอกว่าต้องเอาอย่างต่างประเทศทุกเรื่อง แต่เรื่องดีๆที่เราควรเอามาปรับแบบนี้ก็ควรทำนะคะ เห้อ ขอโทษด้วยสำหรับคนที่ชอบเดินชิวๆ ถือว่าลองฟังมุมของคนที่ปรกติเป็นคนเดินเร็วบ้างแล้วกันนะคะ บางทีไม่ได้รีบจะไปไหนมากหรอก แต่มันติดเป็นนิสัยจริงๆ ขอบคุณค่ะ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่