กระทู้รีวิวอาหารครั้งแรกของผมครับ สิงอ่านมานานมาก เพิ่งจะตั้งเป็นของตัวเอง
ดีแย่ยังไงติชมกันได้ (ไม่ได้ค่าโฆษณาแน่นอนครับ)
ผมไม่แน่ใจว่าร้านนี้มีมาตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ผมเพิ่งจะเคยทานมาไม่ถึงครึ่งปีครับ
ร้านนี้อยู่แถววงเวียนสนามจันทร์เลย ถ้ามาจากองค์พระ ออกถนนต้นสนเจอวงเวียนแล้วเลี้ยวขวา
อชิซังเป็นร้านอาหารญี่ปุ่นครับ มีทั้งเป็นเบ็นโตะ เป็นข้าว เป็นซูชิ
แล้วก็มีส่วนของบุฟเฟ่ต์ 179 สำหรับชาบู และ 350 บาท สำหรับชาบู+บุฟเฟ่ต์เซ็ตแซลมอน
เป็นราคาแสตนดาร์ดสำหรับอาหารญี่ปุ่นทั่วไปของต่างจังหวัด
แต่สิ่งที่ต่างออกไปคือเจ้าของร้านมีวิญญาณความเป็นเชฟสูงจริงๆจนสัมผัสได้ครับ
มาสเตอร์อชิ เจ้าของร้าน เริ่มอาชีพทำซูชิจากภัตตาคารอาหารญี่ปุ่นในอเมริกาครับ
(ผมขออนุญาติเรียกเองว่ามาสเตอร์ หลังจากไปทานได้สามครั้งและได้เริ่มพูดคุยกับแก)
ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าอาหารญี่ปุ่นที่อเมริกาเป็นยังไง เหมือนอาหารญี่ปุ่นที่ญี่ปุ่น หรือเหมือนอาหารญี่ปุ่นในไทยมั้ย
จะมีดั้งแบบเชฟญี่ปุ่นหรือเปล่า แต่มาสเตอร์ก็ยืนยันว่าได้เรียนรู้กับเฮ้ดเชฟซึ่งเป็นญี่ปุ่นจริงๆ
ทำตั้งแต่ล้างแผ่นกันลื่น ลับมีด และหุงข้าวทำข้าวปั้นเลย ซึ่งรวมถึงตอนนี้แล้วก็น่าจะทำอาหารญี่ปุ่นมาเกือบๆสิบปี
มาสเตอร์จะแขวนมีดประจำตัวไว้ด้านหลัง แล้วก็จะหยิบมาใช้ต่อเมื่อมีคนสั่งซูชิหรือซาชิมิ
ผมสนใจตั้งแต่มานั่งวันแรกกับเรื่องนี้ครับ มาสเตอร์อชิให้ความสำคัญกับซูชิทำใหม่มาก
แกจะให้ลูกค้าสั่งได้ทีละไม่เกินสิบชิ้น ทานให้หมดแล้วค่อยสั่งใหม่
ซึ่งสำหรับราคานี้ ผมว่าดีกว่าไปกินซูชิที่ทำตั้งแต่เมื่อวานแล้ววางในตู้เยอะเลยครับ
วิญญาณเชฟอีกอย่างที่ผมสัมผัสได้ก็คือ แกมีความเป็นศิลปินพอๆกับความเป็นพ่อค้าได้อย่างประหลาด
แกจะมีให้เลือกว่าซูชิ อยากกินข้าวไทยหรือข้าวญี่ปุ่น แกไม่ย้อมแมว ถ้าอยากได้ข้าวญี่ปุ่นก็ต้อง
เพิ่มราคาอีกนิดหน่อย หากใครถวิลหารสชาติซูชิข้าวญี่ปุ่นแท้ๆก็สามารถทำได้
ส่วนใครอยากได้ราคาประหยัดเน้นอิ่ม สั่งข้าวไทยก็ทำได้เช่นกัน
คราวล่าสุดผมถามถึงโชยุของแกว่าใช้ยี่ห้ออะไร แกบอกว่าก็ซื้อตามที่มีขายนี่แหละ ไม่ได้อิมพอร์ตอะไร
แต่มันก็ไม่โอเค เลยต้องมาปรุงเพิ่มอะไรอีกนิดหน่อย...
จริงๆแกไม่ต้องมาเสียเวลาทำอะไรแบบนี้ก็ได้ เป็นดีเทลที่โชคดีที่ผมได้รู้เพราะถามแก
ร้านของมาสเตอร์จะหยุดเตรียมของทุกวันพฤหัสครับ เพราะงั้นใครมาทานวันพฤหัสก็จะอด
ความบ้าของแกอีกอย่างหนึ่งก็คือ แกจะจับฉลากทุกวันพฤหัสสุดท้ายของเดือน
ใครที่มากินร้านแกก็จะได้เขียนชื่อลงในกล่อง ถ้าสุ่มจับได้ แกจะแบกปลาแซลม่อนไปหนึ่งตัว
และไปขอยืมครัว และเอาปลาแซลม่อนไปคิดเมนูทำให้ทานถึงที่บ้าน!!
(ผมยังไม่เคยมีประสบการณ์ตรงนี้ครับ รอลุ้นอยู่เหมือนกัน)
เห็นว่าล่าสุดนี้มีให้เลือกเปลี่ยนเป็นปูอลาสก้าตัวใหญ่กว่าหัวผมด้วย
ด้านบนนี้เป็นแซลม่อนนิกิริ เนื้อปลามีรสหวาน ลายสวย แต่ไม่ค่อยมีติดมัน
ส่วนที่มีไข่กุ้งคือ แซลม่อนยากิซูชิ หนังลนไฟเกรียมบางๆ เผาบนเขียงก่อนเสิร์ฟ
อันนี้ผมให้สามดาวเลย มีกลิ่นหอม หวานซอสยากิโทริหน่อยๆ
ส่วนอีกจานคือ แซลม่อนเมโยครับ อันนี้ก็สุดยอดเช่นกัน กินสนุก แซลม่อนดิบๆกับมายองเนสปรุงรส
มีรสปลาออกชัดเจน สัดส่วนดีมาก หวานไม่เลี่ยน
เดี๋ยวมาต่อครับ!
[CR] Review ร้านอาหารญี่ปุ่น 'อชิซัง' นครปฐม (รีวิวครั้งแรกครับผม!)
ดีแย่ยังไงติชมกันได้ (ไม่ได้ค่าโฆษณาแน่นอนครับ)
ผมไม่แน่ใจว่าร้านนี้มีมาตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ผมเพิ่งจะเคยทานมาไม่ถึงครึ่งปีครับ
ร้านนี้อยู่แถววงเวียนสนามจันทร์เลย ถ้ามาจากองค์พระ ออกถนนต้นสนเจอวงเวียนแล้วเลี้ยวขวา
อชิซังเป็นร้านอาหารญี่ปุ่นครับ มีทั้งเป็นเบ็นโตะ เป็นข้าว เป็นซูชิ
แล้วก็มีส่วนของบุฟเฟ่ต์ 179 สำหรับชาบู และ 350 บาท สำหรับชาบู+บุฟเฟ่ต์เซ็ตแซลมอน
เป็นราคาแสตนดาร์ดสำหรับอาหารญี่ปุ่นทั่วไปของต่างจังหวัด
แต่สิ่งที่ต่างออกไปคือเจ้าของร้านมีวิญญาณความเป็นเชฟสูงจริงๆจนสัมผัสได้ครับ
มาสเตอร์อชิ เจ้าของร้าน เริ่มอาชีพทำซูชิจากภัตตาคารอาหารญี่ปุ่นในอเมริกาครับ
(ผมขออนุญาติเรียกเองว่ามาสเตอร์ หลังจากไปทานได้สามครั้งและได้เริ่มพูดคุยกับแก)
ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าอาหารญี่ปุ่นที่อเมริกาเป็นยังไง เหมือนอาหารญี่ปุ่นที่ญี่ปุ่น หรือเหมือนอาหารญี่ปุ่นในไทยมั้ย
จะมีดั้งแบบเชฟญี่ปุ่นหรือเปล่า แต่มาสเตอร์ก็ยืนยันว่าได้เรียนรู้กับเฮ้ดเชฟซึ่งเป็นญี่ปุ่นจริงๆ
ทำตั้งแต่ล้างแผ่นกันลื่น ลับมีด และหุงข้าวทำข้าวปั้นเลย ซึ่งรวมถึงตอนนี้แล้วก็น่าจะทำอาหารญี่ปุ่นมาเกือบๆสิบปี
มาสเตอร์จะแขวนมีดประจำตัวไว้ด้านหลัง แล้วก็จะหยิบมาใช้ต่อเมื่อมีคนสั่งซูชิหรือซาชิมิ
ผมสนใจตั้งแต่มานั่งวันแรกกับเรื่องนี้ครับ มาสเตอร์อชิให้ความสำคัญกับซูชิทำใหม่มาก
แกจะให้ลูกค้าสั่งได้ทีละไม่เกินสิบชิ้น ทานให้หมดแล้วค่อยสั่งใหม่
ซึ่งสำหรับราคานี้ ผมว่าดีกว่าไปกินซูชิที่ทำตั้งแต่เมื่อวานแล้ววางในตู้เยอะเลยครับ
วิญญาณเชฟอีกอย่างที่ผมสัมผัสได้ก็คือ แกมีความเป็นศิลปินพอๆกับความเป็นพ่อค้าได้อย่างประหลาด
แกจะมีให้เลือกว่าซูชิ อยากกินข้าวไทยหรือข้าวญี่ปุ่น แกไม่ย้อมแมว ถ้าอยากได้ข้าวญี่ปุ่นก็ต้อง
เพิ่มราคาอีกนิดหน่อย หากใครถวิลหารสชาติซูชิข้าวญี่ปุ่นแท้ๆก็สามารถทำได้
ส่วนใครอยากได้ราคาประหยัดเน้นอิ่ม สั่งข้าวไทยก็ทำได้เช่นกัน
คราวล่าสุดผมถามถึงโชยุของแกว่าใช้ยี่ห้ออะไร แกบอกว่าก็ซื้อตามที่มีขายนี่แหละ ไม่ได้อิมพอร์ตอะไร
แต่มันก็ไม่โอเค เลยต้องมาปรุงเพิ่มอะไรอีกนิดหน่อย...
จริงๆแกไม่ต้องมาเสียเวลาทำอะไรแบบนี้ก็ได้ เป็นดีเทลที่โชคดีที่ผมได้รู้เพราะถามแก
ร้านของมาสเตอร์จะหยุดเตรียมของทุกวันพฤหัสครับ เพราะงั้นใครมาทานวันพฤหัสก็จะอด
ความบ้าของแกอีกอย่างหนึ่งก็คือ แกจะจับฉลากทุกวันพฤหัสสุดท้ายของเดือน
ใครที่มากินร้านแกก็จะได้เขียนชื่อลงในกล่อง ถ้าสุ่มจับได้ แกจะแบกปลาแซลม่อนไปหนึ่งตัว
และไปขอยืมครัว และเอาปลาแซลม่อนไปคิดเมนูทำให้ทานถึงที่บ้าน!!
(ผมยังไม่เคยมีประสบการณ์ตรงนี้ครับ รอลุ้นอยู่เหมือนกัน)
เห็นว่าล่าสุดนี้มีให้เลือกเปลี่ยนเป็นปูอลาสก้าตัวใหญ่กว่าหัวผมด้วย
ด้านบนนี้เป็นแซลม่อนนิกิริ เนื้อปลามีรสหวาน ลายสวย แต่ไม่ค่อยมีติดมัน
ส่วนที่มีไข่กุ้งคือ แซลม่อนยากิซูชิ หนังลนไฟเกรียมบางๆ เผาบนเขียงก่อนเสิร์ฟ
อันนี้ผมให้สามดาวเลย มีกลิ่นหอม หวานซอสยากิโทริหน่อยๆ
ส่วนอีกจานคือ แซลม่อนเมโยครับ อันนี้ก็สุดยอดเช่นกัน กินสนุก แซลม่อนดิบๆกับมายองเนสปรุงรส
มีรสปลาออกชัดเจน สัดส่วนดีมาก หวานไม่เลี่ยน
เดี๋ยวมาต่อครับ!