ตกงาน 2 ปี กับประสบการณ์ผ่าตัด 5 ครั้ง

กระทู้สนทนา
เรื่องที่จะเล่าต่อไปนี้เป็นเรื่องของเราเอง เพิ่งจะผ่านมาได้ 2 ปี เราเคยโพสหลายกระทู้แล้วในเว็บพันทิพย์ วันนี้จะขอเล่าเรื่องราวประสบการณ์การผ่าตัดใหญ่ 5 ครั้งในรอบ 2 ปีของเรา

ขอเรียงลำดับการผ่าตัดตามนี้นะคะ
1. วันที่ 3 เมษายน ปี 2554 ผ่าตัดหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท
2. วันที่ 31 สิงหาคม ปี 2556 ผ่าเจาะหัวข้อต่อสะโพกข้างซ้าย
3. วันที่ 11 กันยายน ปี 2556 ผ่าเจาะหัวข้อต่อสะโพกข้างขวา
4. วันที่ 31 มีนาคม ปี 2557 ผ่าตัดเปลี่ยนข้อต่อสะโพก และเบ้า ข้างซ้าย

5. วันที่ 23 มิถุนายน ปี 2557 ผ่าตัดเปลี่ยนข้อต้อสะโพก และเบ้าข้างขวา

ขอย้อนไปเมื่อวันที่ 3 เมษายน 2554 เราเข้าผ่าตัดโรคหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาทข้อ L5 ณ โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง การผ่าตัดผ่านไปได้ด้วยดี เราเดินได้เป็นปกติ เวลาผ่านไป 4-5 เดือนต่อมา อยู่ๆ ขาซ้ายเราก็ยกไม่ได้ ขยับไม่ได้ ทำให้ต้องกลับไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลเดิม ต้องนอนอยู่ในโรงบาลเป็นเวลา 20 กว่าวัน

คุณหมอที่เคยผ่าตัดให้ ก็ส่งเราไป MRT, X-RAT, อัลต้าซาวน์ ทำทุกอย่างเพื่อหาสาเหตุของการที่ขาซ้ายขยับไม่ได้  ตลอดระยะเวลาที่รักษาตัว คุณหมอฉีดสเตียร์รอยให้วันละ 3 เวลา เพื่อลดอาการอักเสบ (หมอว่างี้นะ)

หลังจากทำทะพกอย่างข้างต้นก็ไม่พบสาเหตุ และเราเองก็ยังไม่สามารถเดินได้ สุดท้ายหมอให้กลับบ้านได้ ทั้งๆ ที่ไม่รู้สาเหตุ และเราก็ยังเดินไม่ได้

กลับมาอยู่บ้าน ได้ 4-5 วัน เรายังโชคดีที่เจอหมอนวดแผนโบราณ แนะนำให้ไปหาคุณหมอท่านหนึ่งที่ปทุมธานี ปาฏิหาริย์เกิดขึ้นกับเรา จากที่เดินไม่ได้มา 1 เดือน หลังจากหาหมอได้แค่ 1 วัน รุ่งเช้าของอีกวันเราเดินได้  (เราเคยโพสชื่อคุณหมอ ชื้อคลินิคท่านไปแล้ว เมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา)

เรากลับมาเดินได้เกือบปกติ และกลับไปทำงาน ทำงานก็นั่งนานไม่ได้ ถ้านั่งนานเกินก็ขยับขาไม่ได้ ต้องรีบไปหาหมอท่านเดิม เป็นแบบนี้เกือบ 1 ปี เราเลยตัดสินใจลาออกจากงาน กลับไปอยู่บ้านแฟนที่อุบล

เวลาผ่านไปเกือบ 2 ปี อยู่ๆ ก็มีอาการเจ็บแปล็บที่สะโพก ยกขาไม่ขึ้น ขนาดถูสบู่ยังยกไม่ขึ้น ใส่กางเกงก็ไม่ได้ แต่ไม่ได้สนใจ และไม่เอ๊ะใจอะไร ก็ปล่อยให้ผ่านไป ก็เจ็บอยู่เรื่อยๆ จนอาการมันหนักขึ้น เราก็นึกว่าเป็นผลจากการผ่าหมอนรองกระดูก

เราก็ไปหาหมอเรื่อยๆ รักษาตามเดิม โดยไม่คิดอะไรมาก จนเมื่อประมานกลางเดือน เมษายน 2556 เราไปบวชชีพรามณ์ อาการเราหนัก แทบเดินไม่ได้ หลวงพ่อท่านเจ้าอาวาส ท่านได้พาเราไปหาหมอที่โรงพยาบาลสุรินทร์ เราก็เล่าอาการเจ็บให้หมอฟัง หมอฟังแล้วก็ให้เราทำท่านั่ง ท่าย่อขา แล้วหมอด้ถามว่าเจ็บตรงนี้ๆ ใช่ไหม? เราก็บอกว่าใช่ค่ะ

คุณหมอก็ส่งตัวเราไป x-ray พอผลออกมาคุณหมอเรียกเรา และนักศึกษาแพทย์ฝึกหัดอีก 7-8 คน เข้ามาดูผล x-ray ของเรา ตอนแรกเราก็คิดแล้วว่าต้องมีอะไรผิดปกติแน่ๆ....ผลออกมาตามที่คาด หมอว่าเรากป็นโรคกระดูกตาย! ขอบอกว่าเราร้องไห้ และตกใจมาก สิ่งแรกที่คิดคือ ทำไมต้องเป็นอะไรอีก?

คุณหมอก็แนะนำการรักษาคือ ต้องผ่าตัดเปลี่ยนข้อต่อสะโพกเท่านั้น เพราะโรคนี้ไม่หาย นอกจากเปลี่ยน เนื่องจากหัวกระดูกเราตายแล้ว....

ตอนแรกกลับจากโรงพยาบาลก็ไม่เชื่อว่าเป็นโรคนี้จริงๆ เราเลยลาศีลกลับบ้าน...เล่าเรื่องนี้ให้ครอบครัวฟัง แต่แรกๆ ก็ไม่มีใครเชื่อว่าเป็นโรคนี้จริง เพราะไม่มีใครเคยได้ยินชื่อโรคนี้มาก่อน

เราปล่อยให้เป็นอยู่ต่ออีก 2-3 เดือนได้ จนเราได้มีโอกาสมากรุงเทพ เราเลยไปหาคุณหมอที่ปทุมธานีท่านเดิม เล่าอาการเจ็บ ลักษณะอาการ และผล x-ray ให้ฟัง คุณหมอรุ่งเรืองท่านก็ยืนยันว่าเราเป็นโรคนี้จริงๆ

เรากลับมาอุบลอีกครั้ง อยู่มาเย็นวันหนึ่งอาการทรุด ขยับขาไม่ได้ แฟนจะอุ้มก็ไม่ได้มันเจ็บมาก เจ็บไปหมด ร้องไห้ลั่นเลย จนต้องโทรเรียก 1669 มาช่วยนำส่งโรงพยาบาล

คุณหมอทราบอาการ และแนะนำการรักษาเบื้องต้นคือ การเจาะรูเข้าไปที่หัวกระดูก เพื่อลดแรงดันภายใน ลดอาการปวด การรักษาเบื้องต้นนี้ จะบรรเทาอาการได้ 4-5 ปีค่อยเปลี่ยนหัวกระดูก เราก็เรารักษาตามลำดับ เจาะข้างซ้ายก่อน และค่อยมาเจาะข้างขวา

หลังเจาะต้องนั่งรถเข็นอยู่เป็นเดือนๆ เป็นอะไรที่ทรมานมาก เข้าห้องน้ำแฟนก็ต้องอุ้ม ทำอะไรเองไม่ได้ แต่เชื่อไหมว่าเรายังไปขายของตามตลาดนัด ขายยำหน้าบ้าน ขายปอเปี๊ยะทอด ขายขนมปังปิ้ง ทั้งๆที่นั่งรถเข็น (ไม่ทำก็ไม่ได้ แฟนทำไม่เป็น ไม่ทำก็ไม่มีเงินนี่น่า) แฟนเป็นคนไปซื้อของ ล้างผัก ที่เหลือเราทำ ขนาดว่าลูกค้ามาซื้อยำ เราก็นั่งรถเข็นทำยำให้ลูกค้านั้นล่ะ

เวลาผ่านไป เราเดินเองได้ แต่อาการไม่ได้ดีขึ้นเลย ขนาดว่านั่งถางขาไม่ได้ เดินขานีบติดกัน จนปีใหม่เรากลับบ้านมาหาแม่ที่อุดร และตัดสินใจย้ายกลับมาอยู่หนองคายกับน้อง เพื่อมาค้าขายเราก็ตระเวนขายของตามตลาดนัดอีกเหมือนเดิม อาการเลยทรุดกว่าเดิม...

จนต้องหาหมอ และครั้งนี้เราถือว่าเราโชคดีอีกครั้ง เราหาหมอท่านชื่อคุณหมอชัยวัฒน์ ท่านเป็นรองผอ.โรงพยายาลศูนย์อุดรธานี ท่านเคยรักษาแม่เราเมื้อ 4 ปีที่ผ่านมา ท่านเป็นหมอกระดูก ท่านเปิดคลินิคที่หนองคาย

ท่านก็ x-ray นัดวันผ่าตัด เราก็ไปตามนัด และเข้าห้องผ่าตัด ผ่าครั้งที่ 4 ผ่าเปลี่ยนกระดูกสะโพกซ้าย หลังผ่าตัด ขายาวไม่เท่ากัน ต้องใช้วอกเกอร์ช่วยเดิน เป็นสิ่งที่ทรมานมาก เราอายมาก เพราะข่ไม่เท่ากัน ขาซ้ายยาวกว่าขาขวา ทนอยู่แบบนี้ 3 เดือน ระหว่างนี้แม่เราคอยดูแลเราตลอด (เพราะแฟนได้งานทำที่กรุงเทพ และส่งเงินมาให้เรา)

3 เดือนผ่านไป หมอก็นัดไปผ่าอีกข้าง ขาก็ยังยาวไม่เท่ากันอยู่ดี แต่ดีหน่อยที ขาต่างกันแค่ ครึ่งเซ็นเท่านั้น แต่การผ่าครึ้งนี้ทำให้เราหายเป็นปกต

ณ วันนี้ ขาซ้ายเราผ่ามาครบ 9 เดือน ขาขวา 6 เดือน เราเองยังทำงานหนักไม่ได้ ก้มเก็บของไม่ได้ นั่งย่องๆ ไม่ได้ นั่งพับเพียบ ขัดตมาตไม่ได้ เดินได้ปกติ เพียงแต่ต้องระวัง ทุกย่างก้าว หมอสั่งว่า ห้ามล้มเด็ดขาด

บอกจากใจจริงว่าช่วงเวลาที่อยู่ในโรงบาล รอผ่าตัด หลังผ่าตัดแม่เราอยู่กับเราตลอด คอยเช็ดตัว ป้อนข้าว ทำทุกอย่าง เหมือนเราย้อนไปเป็นเด็ก 2 ขวบอีกครั้ง เราร้องไห้ตลอด สงสารแม่ แทนที่เราจะได้ดูแลท่าน ท่านกลับต้องมาดูแลเรา แทนที่เราจะทำให้ท่านสุข สบาย พาท่านไปเที่ยว กินอาหารดีๆ กลับต้องมาอยู่โรงบาล ดูแลเรา

บางครั้งได้ยินแม่ร้องไห้ เพราะสงสารเรา เราเองก็รู้สึกแย่มาก เฝ้าถามตัวเองตลอดเวลาว่าทำไมเราต้องเป็นแบบนี้ ทำไมเราต้องเจอเหตุการณ์แบบนี้

เราสมัครงานไป 2 ที่ ไปสัมภาษณ์งาน มาแล้วก็ไม่ได้งานทำ เราไม่รู้ว่าเกี่ยวกับอาการป่วยของเรารึเปล่านะ เพราะในการสัมภาษณ์งานต้องถามอยู่แล้วว่าทำไมลาออกจากที่เก่า เราก็บอกความจคิงไปว่าเป็นเพราะสุขภาพ

ณ เวลานี้ เราเองสับสน เครียด หลายเรื่อง ทั้งเรื่องงาน เรื่องแม่ สงสารท่าน เมื่อก่อนเราทำงานส่งเงินให้ท่านตลอด

ปล.1 ที่เรามาโพสก็เพื่อออกระบายออกมา เพราะเราไม่รู้จะไประบายที่ไหน ระบายกับใครก็ไม่ได้ ครั้นจะระบายกับแม่ก็ยิ่งจะพากันเครียด ระบายกับแฟน ก็บอกเราว่าอย่าคิดมาก  ใครจะไม่คิดได้ล่ะ

ปล.2 โพสเพราะอยากแชร์ อยากเล่าประสบการณ์ให้ฟัง อยากจะบอกว่า ถ้ารู้สึกว่าร่างกายมีสิ่งผิดปกติ อย่าทิ้งไว้นาน อย่าใจเย็นเหมือนเรา

ปล.3 โพสให้ห้องแป้ง เพราะโรคนี้สาวๆออฟฟิตเป็นกันเยอะ

เพื่อนๆ เราหลายคนรู้ข่าวการผ่าตัดของเรา บางคนบอกว่าเราเก่ง เราเข้มแข็งมาก เราอยากจะบอกว่า เราต้องเข้มแข็ม ถ้าเราอ่อนแอ แม่เรายิ่งทุกข์  บางคนบอกให้ส่งเรื่องไปรายการตีสิบ เราไม่กล้าพอหรอก

ขอบคุณที่อ่านนะคะ ขอโทษที่ยาวไปหน่อย
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่