แชร์ประสบการณ์ตามโทรศัพท์คืนหลังจากโดนขโมย

สวัสดีค่ะ เราจะมาแชร์วิธีการตามโทรศัพท์เคสของเราค่ะ

อยากมาเล่าให้เป็นประสบการณ์เผื่อใครทำมือถือหาย หรือโดนขโมยก็ลองทำตามดูนะคะ

ถ้าใครมีประสบการณ์ตามมือถือก็มาเล่าเพื่อเป็นแนวทางให้คนที่ทำหายบ้างนะคะ

เล่าก่อนเลยว่าโทรศัพท์เราหายเพราะโดนโจรกรีดกระเป๋าค่ะ เมื่อวันที่ 1พฤศจิกา ที่ผ่านมา เราไปเดินงานเบบี้คิดส์อะไรซักอย่างเนี่ยแหละค่ะ ที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์

เดินเข้างานประมาณ 10 นาทีเท่านั้น เราก็รับโทรศัพท์จากลูกค้าเสร็จแล้วก็เอามือถือใส่กระเป๋าไว้ด้านหน้าๆ เผื่อว่าถ้าลูกค้าโทรมาจะได้รับทัน

คิดสั้นมาก ไม่ถึง 1 นาทีเลยค่ะ กระเป๋าเราโดนกรีดไปแล้วมันเร็วมากๆ นาทีนั้นใจเราหายเข่าอ่อนไปแล้ว

ทั้งๆที่เราระมัดระวังมาก เดินกอดกระเป๋าไว้ข้างหน้าตลอด

ในงานก็มียามเดินเตือนตลอดเราก็ระลึกไว้ในใจตลอดว่า เออ ต้องระวังนะยังหันไปเตือนเพื่อนที่มาด้วยกันว่าเอากระเป๋ามาไว้ข้างหน้านะ ระวังโดนล้วง

คงเป็นเพราะเราเองก็ระวังไม่มากพอด้วย กระเป๋าเราใบใหญ่มากกก รูดซิปปิดหมดระวังโดนล้วง กอดตรงปากกระเป๋าไว้แน่น

แต่พอรู้ตัวอีกทีกระเป๋าเราเป็นรอยกรีดคม ยาวมากก


ตอนนั้นไม่มีสติเลย รู้สึกลอยๆ ชั้นจะทำไงดี มันเกิดขึ้นกับเราจริงเหรอ เราไม่เคยทำของหายโดนจี้ โดนปล้น มาก่อนก็เลยทำตัวไม่ถูก ไม่รู้ด้วยว่าต้องรู้สึกยังไง

ขั้นแรกเราบอกเพื่อนให้โทรเข้าทั้งๆที่รู้แหละว่าคงไม่ช่วยอะไร เพื่อนเราก็ไม่มีสติพอๆกับเรา แน่นอนว่าโทรไปก็ปิดเครื่องแล้ว

เราก็ไปที่แผนกของหายภายในศูนย์ประชุม ตอนนั้นก็มีอีกสองคนโดนล้วง โดนกรีดขโมยมือถือเหมือนกัน

เรายิ่งห่อเหี่ยวเลยการโดนขโมยของเป็นเรื่องธรรมดาของงานมาก แบบยังไงก็ต้องเกิดและเยอะมากๆ

ทางศูนย์ประชุมก็ดูช่วยเต็มที่นะคะ
ก็กรอกใบแจ้งไว้ว่าโดนกรีดบริเวณบูทอองฟอง เค้าก็วอต่อๆกันไปว่าที่บูทนี้อีกแล้ว เหมือนรู้แต่ก็คงทำอะไรไม่ได้มาก

เค้าก็บอกว่าจะดูกล้องแล้วถ้าจับโจรได้ก็จะแจ้งเราให้มาดู เราก็รู้ว่าคงยาก

เราขอเตือนแม่ๆ แล้วก็ครอบครัวที่ไปเดินเลยนะคะ เท่าที่เราสังเกตไม่มีใครระวังกระเป๋าเลย ไหนจะอุ้มลูกด้วยแล้วก็เอากระเป๋ามาไว้ข้างหลังกันหมด  แล้วงานแบบนี้คนก็จะพกเงินสดมาเพื่อช้อปกันอยู่แล้ว

หลังจากนั้นเราก็ไปแจ้งความที่ สน.ที่เกิดเหตุ คือสน.ลุมพินี ตำรวจก็ลงบันทึกประจำวันเกี่ยวกับคดี ขอย้ำนะคะถ้าจะตามเรื่องจริงๆต้องเป็นใบแบบนี้นะคะ



ร้อยเวรของเราเค้าทำเป็นอยู่แล้วเค้าก็ทำใบตราครุฑขอความร่วมมือไปยัง 3เครือข่ายให้เลย

3เครือข่ายแต่ต้องเป็น 4บริษัทนะคะเพราะ AIS แยกเป็นสองบริษัท หลังจากนั้นก็แค่นำใบไปยื่นให้บริษัทต่างๆพร้อมสำเนาบัตรประชาชนของเรา


ใครมีเวลาก็เอาไปให้ถึงบริษัทเลยก็ได้
แต่เราขี้เกียจเราก็เลยไปส่งที่ช้อปทั้ง 3เครือข่ายที่เซนทรัลลาดพร้าว

หลังจากนั้นก็รอเวลาซัก 2 อาทิตย์เราทำตามคำแนะนำในอินเทอร์เน็ตนี่แหละค่ะ

แต่เนื่องจากเราไม่มีเวลาพอกว่าจะได้โทรเช็คก็วันที่ 1 ธันวา

แล้วก็เจอทันทีเลย ทางทรู เจ้าหน้าที่ชื่อ พี่ชาญวิทย์ วิชัยดิษฐ

ขอบพระคุณมากๆนะคะ ดูแลเอาใจใส่ดีมาก แถมเป็นที่ปรึกษาให้กำลังใจด้วย เข้าใจว่าคงมีเคสมือถือหายเป็นร้อยๆแต่พี่ก็พูดดี ให้ความช่วยเหลือเป็นอย่างดี

คนไหนที่หาให้แล้วยังไม่เจอพี่เค้าก็จะบอกว่าให้โทรมาเช็คกับผมได้เรื่อยๆนะครับ  

ทางทรูก็ปริ้นใบตอบกลับให้กับสน.แบบนี้นะคะ


แล้วเค้าก็จะส่งไปที่สน.ให้ แต่เราไปรับจากทรูด้วยตัวเอง ในนั้นก็จะแจ้งเบอร์โทรของคนที่นำเครื่องเราไปใช้ รายละเอียดเบอร์โทรเข้า-โทรออก

จากนี้เราก็ไปตามเรื่องที่ร้อยเวรที่รับเรื่องของเราไว้ต่อ พอไปถึงสน.ก็ให้ร้อยเวรที่รับเรื่องเราไว้ ร้อยเวรก็โทรหาเบอร์นั้นทันที

ปรากฎว่าเค้าซื้อต่อมาอีกที และตอนนี้ก็ขายไปแล้ว

เราได้ยินอย่างนี้ก็ใจแป้วเลย คิดว่าคงจบแค่นี้ล่ะตามไปก็คงยากแล้ว

แต่มันโชคดีตรงที่ว่า คนที่เอาไปใช้เค้าเป็นตำรวจอาสา ทำงานให้กับตำรวจ ไม่อยากมีประวัติไม่ดีเค้าก็เลยยอมมาที่สน.

มาพบเราแล้วเค้าก็ตกลงยอมตามเครื่องให้เราเพราะเค้าขายให้กับคนรู้จักไป

เราก็ตามพี่เค้าไปแจ้งความต่อที่ สน.ห้วยขวางเป็นที่มีการซื้อขายกัน

พอไปถึง สน.ก็ไปแจ้งกับฝ่ายสืบสวน
ไปเจอผู้กองท่านก็พาไปที่ร้านที่โทรศัพท์เราถูกขายไปทันทีเลย

เราแอบตกใจมากที่ท่านทำงานเร็วมาก ใส่ใจเราด้วยทั้งๆที่วันนั้นมีคดีใหญ่อีกคดีรออยู่ ต้องขอบคุณผู้กองคนดีแห่งฝ่ายสืบสวน สน.ห้วยขวางมา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ

ตอนแรกก็ไม่มีใครยอมรับนะ เครื่องเราเองก็ไม่เห็นมีวางที่ร้านเค้าแล้วแต่ตำรวจก็ต้องเอามา สืบสวนที่ สน.

ตอนนั้นวุ่นวายมาก เดี๋ยวเรียกคนนั้น ตามคนนี้ เค้าซื้อ-ขายต่อกันเป็นทอดๆ แล้วก็โยนกันไปมา

เรามาสน.ตั้งแต่ทุ่มตรง 5ทุ่มจึงได้ข้อสรุป มีคนที่มาเกี่ยวข้องซื้อขายมือถือเราเท่าที่เห็นคือ 4 ทอด

ตอนนี้ก็ขายไปที่มาบุญครองแล้วไม่รู้จะไปถึงไหนแล้ว ยังไงเครื่องเราก็ตามคืนไม่ได้ เพราะออกนอกพื้นที่อำนาจของตำรวจที่นี่ไปแล้ว

ในใจเราคิดว่าก็คงไม่ได้คืนแล้วแหละ แต่ยังไงคนที่เอาของคนอื่นไปซื้อ ไปขายก็ไม่ได้อยู่อย่างสงบสุขนะ

ต้องระแวงว่าจะเจอเจ้าของตามเครื่องแล้วพาตำรวจไปเยี่ยมอย่างเรา

ร้านมือถือที่ถูกเรียกมาสอบสวนก็โดนข้อหาที่ประกอบธุรกิจไม่มีใบอนุญาต ถูกยึดโทรศัพท์มาตรวจสอบ ซื้อขายไม่ดูบัตรประชาชน

แล้วสุดท้ายทางร้านขายโทรศัพท์ทั้ง 4คน ก็มาเจรจากับเราว่าจะซื้อโทรศัพท์ รุ่นเดิมคืนให้กับเรา เราก็เลยได้โทรศัพท์คืนมา ถึงจะไม่ใช่เครื่องเดิมแต่ก็ได้รุ่นเดิมคืน
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่