อ่า ไม่ได้ทำรีวิวมานานหลายสัปดาห์ครับ อันนี้อาจยังไม่เป็น complete review ของร้าน แต่เนื่องจากไปกินแล้วประทับใจ เลยขอรีบมาบอกต่อกันก่อน เผื่อมีโอกาสจะได้ไปลองกันครับ
ร้านนี้ตั้งอยู่ระหว่างซอยหลังสวน 6 กับ 7 ใกล้ ๆ กับ เซ็นทรัลชิดลม มีที่จอดรถหกถึงเจ็ดคัน หรือถ้ารถไฟฟ้าก็สถานีชิดลม ไม่ก็ราชดำริ แล้วต่อรถเข้ามาในซอยครับ
สืบประวัติกันหน่อยก็พบว่า เป็นร้านสไตล์ casual dining ที่เชฟกระทะเหล็กไทยแลนด์เค้าร่วมมือกันตั้งครับ คือ เชฟหนุ่ม กับ เชฟไก่ คุณภาพของอาหารและรสชาติ ก็ไม่น่าต้องกังวลมากนัก หากจะมาลองชิมสักครั้ง ตอนแรกก่อนที่จะรีวิวร้าน ก็แอบกลัวความรุนแรงของราคา แต่ว่าผิดคาดครับ เดี๋ยวลองดู ๆ ตามไปนะครับ
มาดูบรรยากาศภายในร้านก่อนเลย
ร้านภายในตบแต่งสบาย ๆ เน้นโทนสีดำ ขาว และน้ำเงิน ร้านมีสอง (หรือสาม ไม่แน่ใจ) ชั้น รองรับคนได้มากทีเดียว แต่ถ้าหากว่ากินช่วงวันหยุดนี่ แนะนำให้จองครับ อย่างวันที่ไป วันหยุดนักขัตฤกษ์นี่ walk in ไม่ได้ครับ จองเต็มหมด
อันนี้บรรยากาศชั้นสองครับ
เหมาะสำหรับทั้งพาครอบครัวมากิน สังสรรค์ในหมู่เพื่อน รวมถึงพาคนพิเศษมาครับ
เรื่องร้านนี่มีติอยู่นิด
ตรงชั้นล่างครับ กลิ่นมันอับ ๆ อย่างไรไม่รู้ น่าจะลองปรับ ๆ ดู
อาหารที่เสิร์ฟก็จะเป็นแนวฟิวชั่น ตะวันตกทั้งหมดครับ อาหารจะมีหมวด calzone ซึ่งก็คือเหมือน pizza puff อะไรประมาณนั้น เป็นตัวชูโรงของหมวด appetizer โดยไส้นั้นมีให้เลือกมากมายมหาศาลมาก แช่น แกงเขียวหวาน ครีมซอสเห็ด ผักโขมอบชีส แต่ที่เป็น signature คือไส้ปูผัดผงกะหรี่ (180บาท) ซึ่งได้ลองสั่งมาดู ไม่ผิดหวังครับ แป้งข้างนอกหอมกรอบ เสิฟมาร้อน ๆ ไส้ข้างในหอมกลิ่นผงกะหรี่ แบบกำลังดี ชีสเยิ้มๆ และมีปู จริง ๆ ไม่ใช่วิญญาณปู หรือเศษซากปู
ผ่าน ผ่าน ผ่าน สำหรับจานแรกในวันนี้
อย่างไรก็ตามยังมีของทานเล่นอีกหลายประเภท เช่น ปีกไก่ทอด calamari (ปลาหมึกทอด) รวมถึง chef recommend จานต่อไปคือ pork belly หรือหมูสามชั้นเนี่ยแหละครับ 555
เสิฟพร้อมซอสอารมณ์เดียวกะซอสซีฟู้ด แต่ไม่ได้เผ็ดมาก กลมกล่อมดี และมี Sauerkraut หรือกะหล่ำดองอยู่ข้าง ๆ อร่อยดี แต่แพงครับ จานนี้ 200 บาท
จานต่อไปเป็น prawn and white wine spaghetti (220บาท)
ร้านนี้มีพาสต้าเสิฟเน้นเป็นแนวฟิวชั่นครับ ถ้าจำไม่ผิด signature จะเป็น พาสต้าเสิฟคู่กับแซลมอนรมควัน แต่สมาชิกที่ไปวันนี้ไม่กินปลาดิบ เลยลองเมนูนี้แทนครับ
ได้ลองชิมดูรู้สึกว่า รสชาติค่อนข้างชืดไปนิด เส้นลวกมานิ่มเกินไป กุ้งก็ตัวเล็ก ไม่แฮปปี้กับจานนี้
ขึ้นชื่อว่า eat meat sweet ก็จะต้องมีสเต็กเนื้อ แกะ หมู ครบครัน แบบว่าจริงจังมาก มีหลายเกรด หลายส่วนให้เลือกกันตามความชอบและตามกำลังทรัพย์ 555 และที่โดดเด่นคือ ทางร้านจริงจังกับซอสทั้งหลายมาก ลูกค้าสามารถเลือกซอสสองชนิดได้จากเมนู เช่น Peppercorn, tartar, red wine reduction, pesto, truffle, jaew mayo eat meat sweet, อื่น ๆ อีกมากมาย และในเมนูจะมีการบอกกำกับมาเรียบร้อยว่า ซอสไหนกินคู่กับสเต็ก ประเภทใด สำหรับ side dish เช่น sauté spinash, mash potato ต้องจ่ายเพิ่ม dish ละ 50 บาท
ได้ลองสั่งเป็น grilled salmon fillet ที่ราคา 290 บาท
ท็อปด้วยมะเขือเทศหั่น และคาเวียร์ อันนี้คุณพ่อสั่งครับ ได้ลองชิมดู ก็อร่อยดี ข้างนอกกรอบ ข้างในยังฉ่ำดี ได้มาชิ้นใหญ่ ในราคาเท่านี้ผมคิดว่าโอเคเลย
และ main course ของผม เลือกเป็น kurobuta pork chop (350 บาท)
ชิ้นนี้ใหญ่จริง ๆ ครับ grill มากำลังดี เนื้อแน่น แต่เหนียวไปนิด โรยเป็น berry สักอย่าง ไม่แน่ใจ ออกเปรี้ยวๆหวานๆนิดๆ เสิฟคู่กับ cream mushroom และ truffle sauce ส่วนตัวแล้วชอบ cream mushroom มากกว่า ซอสนั้นหอมกำลังดี ไม่เลี่ยน เข้ากับ pork chop ขณะที่ truffle นั้น หอมจริงอะไรจริง ทว่ากลิ่นมันแรงกลบทุกอย่างเวลากิน และรู้สึกว่าน้ำมันเยอะเหลือเกินครับ (จานนี้ผมเลือก side dish เป็น saute spinach อร่อยดีครับ ให้มาเยอะด้วย)
ปิดท้ายด้วยของหวานตามคอนเซ็ปต์ของร้าน ซึ่งสำหรับผมเป็นไฮไลท์ ที่ถ้าจะมากินที่นี่ควร spare ท้องไว้สักหน่อย หรือเยอะ ๆ ก็ดี 55
Signature ของที่นี่จะเป็น souffle ที่มีให้เลือกมากมาย เช่น chocolate truffle, tiramisu, red bean, black sesame, etc แต่ ที่ recommend จะเป็น raspberry souffle เสิร์ฟคู่ raspberry sorbet (180บาท)
ซูเฟล รสชาติหวานนิด ๆ เนื้อเบานุ่ม ให้กลิ่น berry จางๆ เสิร์ฟมาอุ่น ๆ ทานคู่กับราสเบอร์รี่เชอร์เบท รสเปรี้ยว ตัดกันกำลังดี recommend ต่ออีกทีครับ
จบด้วยรายการสุดท้าย ที่เวลาเจอที่ไหนต้องสั่งมาลองของครับ DIY tiramisu dessert (170 บาท)
เสิร์ฟมาแบบ ให้คะแนนจินตนาการล้ำเลิศดังภาพครับ โดยตัวของหวานเอง อยู่ในกระถางต้นไม้
เนื้อครีมของที่นี่จะให้สัมผัสกลางๆ ไม่หนักมาก ไม่ richy มาก (รู้สึกมันไม่อ้วนมาก) ผงกาแฟที่โรยมาจัดเต็ม หอมจริง และแป้งที่ใช้เป็นฐานด้านล่าง ปรกติแล้วจะฉ่ำกาแฟ แต่ที่นี่จะให้มาพอชุ่ม และมีน้ำกาแฟเสิฟคู่มาให้บัวรดน้ำ สำหรับลูกค้าที่ prefer คาเฟอีนจัดเต็ม รสชาติออกมา กลมกล่อม นุ่ม หอม นับว่า recommend ต่ออีกที (ที่เคยเจอว่าอร่อยกว่านี้ก็มีแค่ที่ ห้องอาหาร Rossini ที่ grand Sheraton sukhumvit)
ว่าจะถ่ายรูปเนื้อเค้กในกระถาง แต่ก็พลาดไป เพราะสมาชิกร่วมชิมซัดจานนี้หมดอย่างรวดเร็วเหลือเกิน
ทั้งนี้ น้ำเปล่า ขวดละ 30 บาทและยังมี service charge10% นะครับ
สรุปคือ ร้านนี้แนะนำให้มาลองชิมดู โดยเฉพาะเมนูของหวาน อย่าลืม spare ท้องไว้ด้วยครับ
ขอบคุณที่ติดตามอ่านจนจบ
พบกันในรีวิวถัดไป
Reviewed by
TTK
ผมได้รวบรวมงานรีวิวกระทู้ไว้ในเพจนะครับ
https://www.facebook.com/food.fit.for.fat
[CR] CR: อ้วนอย่างมีคุณภาพ @ Eat Meat Sweet อาหารฟิวชั่นอร่อย ๆ ในราคาสบาย ๆ
ร้านนี้ตั้งอยู่ระหว่างซอยหลังสวน 6 กับ 7 ใกล้ ๆ กับ เซ็นทรัลชิดลม มีที่จอดรถหกถึงเจ็ดคัน หรือถ้ารถไฟฟ้าก็สถานีชิดลม ไม่ก็ราชดำริ แล้วต่อรถเข้ามาในซอยครับ
สืบประวัติกันหน่อยก็พบว่า เป็นร้านสไตล์ casual dining ที่เชฟกระทะเหล็กไทยแลนด์เค้าร่วมมือกันตั้งครับ คือ เชฟหนุ่ม กับ เชฟไก่ คุณภาพของอาหารและรสชาติ ก็ไม่น่าต้องกังวลมากนัก หากจะมาลองชิมสักครั้ง ตอนแรกก่อนที่จะรีวิวร้าน ก็แอบกลัวความรุนแรงของราคา แต่ว่าผิดคาดครับ เดี๋ยวลองดู ๆ ตามไปนะครับ
มาดูบรรยากาศภายในร้านก่อนเลย
ร้านภายในตบแต่งสบาย ๆ เน้นโทนสีดำ ขาว และน้ำเงิน ร้านมีสอง (หรือสาม ไม่แน่ใจ) ชั้น รองรับคนได้มากทีเดียว แต่ถ้าหากว่ากินช่วงวันหยุดนี่ แนะนำให้จองครับ อย่างวันที่ไป วันหยุดนักขัตฤกษ์นี่ walk in ไม่ได้ครับ จองเต็มหมด
อันนี้บรรยากาศชั้นสองครับ
เหมาะสำหรับทั้งพาครอบครัวมากิน สังสรรค์ในหมู่เพื่อน รวมถึงพาคนพิเศษมาครับ
เรื่องร้านนี่มีติอยู่นิด
ตรงชั้นล่างครับ กลิ่นมันอับ ๆ อย่างไรไม่รู้ น่าจะลองปรับ ๆ ดู
อาหารที่เสิร์ฟก็จะเป็นแนวฟิวชั่น ตะวันตกทั้งหมดครับ อาหารจะมีหมวด calzone ซึ่งก็คือเหมือน pizza puff อะไรประมาณนั้น เป็นตัวชูโรงของหมวด appetizer โดยไส้นั้นมีให้เลือกมากมายมหาศาลมาก แช่น แกงเขียวหวาน ครีมซอสเห็ด ผักโขมอบชีส แต่ที่เป็น signature คือไส้ปูผัดผงกะหรี่ (180บาท) ซึ่งได้ลองสั่งมาดู ไม่ผิดหวังครับ แป้งข้างนอกหอมกรอบ เสิฟมาร้อน ๆ ไส้ข้างในหอมกลิ่นผงกะหรี่ แบบกำลังดี ชีสเยิ้มๆ และมีปู จริง ๆ ไม่ใช่วิญญาณปู หรือเศษซากปู
ผ่าน ผ่าน ผ่าน สำหรับจานแรกในวันนี้
อย่างไรก็ตามยังมีของทานเล่นอีกหลายประเภท เช่น ปีกไก่ทอด calamari (ปลาหมึกทอด) รวมถึง chef recommend จานต่อไปคือ pork belly หรือหมูสามชั้นเนี่ยแหละครับ 555
เสิฟพร้อมซอสอารมณ์เดียวกะซอสซีฟู้ด แต่ไม่ได้เผ็ดมาก กลมกล่อมดี และมี Sauerkraut หรือกะหล่ำดองอยู่ข้าง ๆ อร่อยดี แต่แพงครับ จานนี้ 200 บาท
จานต่อไปเป็น prawn and white wine spaghetti (220บาท)
ร้านนี้มีพาสต้าเสิฟเน้นเป็นแนวฟิวชั่นครับ ถ้าจำไม่ผิด signature จะเป็น พาสต้าเสิฟคู่กับแซลมอนรมควัน แต่สมาชิกที่ไปวันนี้ไม่กินปลาดิบ เลยลองเมนูนี้แทนครับ
ได้ลองชิมดูรู้สึกว่า รสชาติค่อนข้างชืดไปนิด เส้นลวกมานิ่มเกินไป กุ้งก็ตัวเล็ก ไม่แฮปปี้กับจานนี้
ขึ้นชื่อว่า eat meat sweet ก็จะต้องมีสเต็กเนื้อ แกะ หมู ครบครัน แบบว่าจริงจังมาก มีหลายเกรด หลายส่วนให้เลือกกันตามความชอบและตามกำลังทรัพย์ 555 และที่โดดเด่นคือ ทางร้านจริงจังกับซอสทั้งหลายมาก ลูกค้าสามารถเลือกซอสสองชนิดได้จากเมนู เช่น Peppercorn, tartar, red wine reduction, pesto, truffle, jaew mayo eat meat sweet, อื่น ๆ อีกมากมาย และในเมนูจะมีการบอกกำกับมาเรียบร้อยว่า ซอสไหนกินคู่กับสเต็ก ประเภทใด สำหรับ side dish เช่น sauté spinash, mash potato ต้องจ่ายเพิ่ม dish ละ 50 บาท
ได้ลองสั่งเป็น grilled salmon fillet ที่ราคา 290 บาท
ท็อปด้วยมะเขือเทศหั่น และคาเวียร์ อันนี้คุณพ่อสั่งครับ ได้ลองชิมดู ก็อร่อยดี ข้างนอกกรอบ ข้างในยังฉ่ำดี ได้มาชิ้นใหญ่ ในราคาเท่านี้ผมคิดว่าโอเคเลย
และ main course ของผม เลือกเป็น kurobuta pork chop (350 บาท)
ชิ้นนี้ใหญ่จริง ๆ ครับ grill มากำลังดี เนื้อแน่น แต่เหนียวไปนิด โรยเป็น berry สักอย่าง ไม่แน่ใจ ออกเปรี้ยวๆหวานๆนิดๆ เสิฟคู่กับ cream mushroom และ truffle sauce ส่วนตัวแล้วชอบ cream mushroom มากกว่า ซอสนั้นหอมกำลังดี ไม่เลี่ยน เข้ากับ pork chop ขณะที่ truffle นั้น หอมจริงอะไรจริง ทว่ากลิ่นมันแรงกลบทุกอย่างเวลากิน และรู้สึกว่าน้ำมันเยอะเหลือเกินครับ (จานนี้ผมเลือก side dish เป็น saute spinach อร่อยดีครับ ให้มาเยอะด้วย)
ปิดท้ายด้วยของหวานตามคอนเซ็ปต์ของร้าน ซึ่งสำหรับผมเป็นไฮไลท์ ที่ถ้าจะมากินที่นี่ควร spare ท้องไว้สักหน่อย หรือเยอะ ๆ ก็ดี 55
Signature ของที่นี่จะเป็น souffle ที่มีให้เลือกมากมาย เช่น chocolate truffle, tiramisu, red bean, black sesame, etc แต่ ที่ recommend จะเป็น raspberry souffle เสิร์ฟคู่ raspberry sorbet (180บาท)
ซูเฟล รสชาติหวานนิด ๆ เนื้อเบานุ่ม ให้กลิ่น berry จางๆ เสิร์ฟมาอุ่น ๆ ทานคู่กับราสเบอร์รี่เชอร์เบท รสเปรี้ยว ตัดกันกำลังดี recommend ต่ออีกทีครับ
จบด้วยรายการสุดท้าย ที่เวลาเจอที่ไหนต้องสั่งมาลองของครับ DIY tiramisu dessert (170 บาท)
เสิร์ฟมาแบบ ให้คะแนนจินตนาการล้ำเลิศดังภาพครับ โดยตัวของหวานเอง อยู่ในกระถางต้นไม้
เนื้อครีมของที่นี่จะให้สัมผัสกลางๆ ไม่หนักมาก ไม่ richy มาก (รู้สึกมันไม่อ้วนมาก) ผงกาแฟที่โรยมาจัดเต็ม หอมจริง และแป้งที่ใช้เป็นฐานด้านล่าง ปรกติแล้วจะฉ่ำกาแฟ แต่ที่นี่จะให้มาพอชุ่ม และมีน้ำกาแฟเสิฟคู่มาให้บัวรดน้ำ สำหรับลูกค้าที่ prefer คาเฟอีนจัดเต็ม รสชาติออกมา กลมกล่อม นุ่ม หอม นับว่า recommend ต่ออีกที (ที่เคยเจอว่าอร่อยกว่านี้ก็มีแค่ที่ ห้องอาหาร Rossini ที่ grand Sheraton sukhumvit)
ว่าจะถ่ายรูปเนื้อเค้กในกระถาง แต่ก็พลาดไป เพราะสมาชิกร่วมชิมซัดจานนี้หมดอย่างรวดเร็วเหลือเกิน
ทั้งนี้ น้ำเปล่า ขวดละ 30 บาทและยังมี service charge10% นะครับ
สรุปคือ ร้านนี้แนะนำให้มาลองชิมดู โดยเฉพาะเมนูของหวาน อย่าลืม spare ท้องไว้ด้วยครับ
ขอบคุณที่ติดตามอ่านจนจบ
พบกันในรีวิวถัดไป
Reviewed by
TTK
ผมได้รวบรวมงานรีวิวกระทู้ไว้ในเพจนะครับ
https://www.facebook.com/food.fit.for.fat
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น