อาจผ่านมาหลายวันแล้วกับการแข่งขัน TOUR DE FARM 4S แต่พึ่งมีเวลาเอามาลง คงไม่ช้าเกินไป
ผมเป็นคนหนึ่งที่เริ่มปั่นจักรยานมาประมาณปีกว่าๆ หรืออาจจะ 2 ปี ละ แต่ก็แค่ปั่นไปคนเดียวไม่เคยมีทีมหรือชมรมอะไรกับเขาเลย แต่ในบริษัทฯ ที่ผมทำงานอยู่ก็มีเพื่อนๆพี่ๆ ปั่นจักรยานอยู่บ้างเหมือนกัน แต่ก็ไม่เคยได้ปั่นด้วยกันสักครั้ง จนในที่สุดเมื่อประมาณต้นปี 57 มีการจัดชมรมในบริษัทฯ ขึ้นและทางผู้บริหารบริษัทท่านนึงท่านชอบปั่นจักรยาน ทำให้เกิดชมรมปั่นจักรยานขึ้น โดยใช้ชื่อว่า " BANGKOK LIFE ASSURANCE CYCLING CLUB" และพอจะมีจัดกิจกรรม และร่วมปั่นจักรยานบ้าง แต่ไม่นึกว่าจะมีโอกาสได้มาร่วมงานแข่งใหญ่ TOUR DE FARM 4S เพราะส่วนใหญ่เป็นมือใหม่ทั้งนั้น มีเพียงไม่กี่คนที่ปั่นบ่อย รู้สึกดีใจมากๆครับ
แค่ทางเข้าก็ตื่นเต้นมากๆ
รถเยอะจริงๆครับ อากาศเย็นกำลังดี
มาถึงก็กินข้าวต้มซะหน่อย ของฟรีนี่น่า
พอเริ่มปั่นไปได้ซักพักพี่ๆในชมรม ก็ออกตัวกันไป มือใหม่อย่างผมก็อยู่หลังๆ ไปกันเรื่อยๆ อ่อ! ลืมไป ชมรมผมลงรุ่น 60KM.เท่านั้น แต่พอเข้ากิโลที่ 20 กว่าๆ ผมก็เริ่มเป็นตะคริว ระหว่างที่นั่งนวดอยู่ข้างทางสิ่งที่ผมได้ยินตลอดคือ "ไหวไหม" "สู้ๆนะ" พอสักพักพวกพี่ๆในชมรมที่ตามมาก็มาช่วย เลยถือโอกาสพักซะเลย
จริงๆแล้วมีรูปตอน ผมนั่งข้างทางทิ้งรถนั่งนวดอยู่แต่อายครับ ไม่ดีๆ อย่าลงเลย
ระหว่างทางที่ปั่นอากาศดีมากๆไปเรื่อยๆขาก็ปวดตลอด ไม่เคยปั่นไกลขนาดนี้จริงๆครับ พอจะครึ่งทางก่อนถึงจุดกลับตัวสุดท้าย ระหว่างทางมีแต่เสียงตะโกนของคนที่กลับตัวแล้วว่า "อีก 1 โล" "สู้ๆหน่อย" ตลอดครับ ฟังแล้วรู้สึกดีไม่เหมือนว่ากำลังแข่งขันกันอย่างเอาเป็นเอาตายเลย พอกลับตัวมาระยะนึงแล้ว เริ่มไม่ไหวละตะคริวมันมาหาอีก คราวนี้มาทั้ง 2 ข้าง ในใจคิดคงไม่ถึง 60 โลแน่ พวกพี่ในชมรม ไปข้างหน้าหมดละจะเรียกก็เกรงใจ แต่ตอนั้นเองมีเสียงมาจากข้างหลังว่า "ไหวไหมครับ ไปๆ เกาะกลุ่มตามกันเลยครับ" นั้นคือมีพี่ท่านนึงขี่ตามกันมา 4 คัน จำได้แค่ว่าแกขี่ ทัวริ่ง มีธงชาติปักอยู่ที่หลังรถ เลยขอเกาะเขาไป พอมาได้ระยะนึงไม่ไหวจริงๆ แต่บังเอิญเห็นพี่ในชมรม 2 คน พักอยู่พอดีเลยเข้าไปพัก จนในที่สุดก็ทำได้ 60 KM เข้าเส้นชัยจนได้ แม้จะใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมงครึ่งแต่ดีใจมาก ไม่นึกจริงไครับว่าทำได้
เข้ามาปุบหาของกินก่อนเลยครับ เหนื่อยจริง
และนี่คือเหรียญแลกในชีวิตจริงๆครับ กับการปั่นจักรยาน
หลังจากร่วมงานครั้งนี่เสร็จทำให้รู้ว่าการปั่นจักรยาน ไม่ว่าจะลงรายการแข่ง หรือปั่นออกกำลังกาย หรือใช้เดินทางไปไหน สิ่งที่น่าประทับใจคือ คนที่ปั่นจักรยานร่วมทางกัน มักจะมีคำทักทายและน้ำใจเสมอ
"ไหวไหม ครับ-คะ"
"เป็นไร ครับ-คะ"
"ของแซงนะ ครับ-คะ"
"ไปเลยครับ-คะ"
คำพูด และรอยยิ้มที่ทักทายกัน มันเป็นอารมณ์ที่เวลาเราขับรถยนต์ หรือขี่มอร์ไซต์ ไม่ค่อยได้เจอจริงๆ ครับ
ยังไงผมขอฝากชมรมเล็กๆ ที่พึ่งตั้งด้วยครับ BANGKOK LIFE ASSURANCE CYCLING CLUB
ปล.ชมรมผมมีสมาชิกอยู่ประมาณ 40 กว่าท่าน แต่ด้วยบางท่านติดงานและอยู่ต่างจังหวัด เลยลงรายการนี่แค่ 11 ท่าน สรุปลงแข่ง 11 ท่าน เข้าเส้นชัยกันทุกท่านครับ
ขอบคุณครับ หวังว่าท่านใดเจอชมรมผม ทักทายกันได้ครับ
ครั้งแรก กับการลงรายการใหญ่ TOUR DE FARM 4S
ผมเป็นคนหนึ่งที่เริ่มปั่นจักรยานมาประมาณปีกว่าๆ หรืออาจจะ 2 ปี ละ แต่ก็แค่ปั่นไปคนเดียวไม่เคยมีทีมหรือชมรมอะไรกับเขาเลย แต่ในบริษัทฯ ที่ผมทำงานอยู่ก็มีเพื่อนๆพี่ๆ ปั่นจักรยานอยู่บ้างเหมือนกัน แต่ก็ไม่เคยได้ปั่นด้วยกันสักครั้ง จนในที่สุดเมื่อประมาณต้นปี 57 มีการจัดชมรมในบริษัทฯ ขึ้นและทางผู้บริหารบริษัทท่านนึงท่านชอบปั่นจักรยาน ทำให้เกิดชมรมปั่นจักรยานขึ้น โดยใช้ชื่อว่า " BANGKOK LIFE ASSURANCE CYCLING CLUB" และพอจะมีจัดกิจกรรม และร่วมปั่นจักรยานบ้าง แต่ไม่นึกว่าจะมีโอกาสได้มาร่วมงานแข่งใหญ่ TOUR DE FARM 4S เพราะส่วนใหญ่เป็นมือใหม่ทั้งนั้น มีเพียงไม่กี่คนที่ปั่นบ่อย รู้สึกดีใจมากๆครับ
แค่ทางเข้าก็ตื่นเต้นมากๆ
รถเยอะจริงๆครับ อากาศเย็นกำลังดี
มาถึงก็กินข้าวต้มซะหน่อย ของฟรีนี่น่า
พอเริ่มปั่นไปได้ซักพักพี่ๆในชมรม ก็ออกตัวกันไป มือใหม่อย่างผมก็อยู่หลังๆ ไปกันเรื่อยๆ อ่อ! ลืมไป ชมรมผมลงรุ่น 60KM.เท่านั้น แต่พอเข้ากิโลที่ 20 กว่าๆ ผมก็เริ่มเป็นตะคริว ระหว่างที่นั่งนวดอยู่ข้างทางสิ่งที่ผมได้ยินตลอดคือ "ไหวไหม" "สู้ๆนะ" พอสักพักพวกพี่ๆในชมรมที่ตามมาก็มาช่วย เลยถือโอกาสพักซะเลย
จริงๆแล้วมีรูปตอน ผมนั่งข้างทางทิ้งรถนั่งนวดอยู่แต่อายครับ ไม่ดีๆ อย่าลงเลย
ระหว่างทางที่ปั่นอากาศดีมากๆไปเรื่อยๆขาก็ปวดตลอด ไม่เคยปั่นไกลขนาดนี้จริงๆครับ พอจะครึ่งทางก่อนถึงจุดกลับตัวสุดท้าย ระหว่างทางมีแต่เสียงตะโกนของคนที่กลับตัวแล้วว่า "อีก 1 โล" "สู้ๆหน่อย" ตลอดครับ ฟังแล้วรู้สึกดีไม่เหมือนว่ากำลังแข่งขันกันอย่างเอาเป็นเอาตายเลย พอกลับตัวมาระยะนึงแล้ว เริ่มไม่ไหวละตะคริวมันมาหาอีก คราวนี้มาทั้ง 2 ข้าง ในใจคิดคงไม่ถึง 60 โลแน่ พวกพี่ในชมรม ไปข้างหน้าหมดละจะเรียกก็เกรงใจ แต่ตอนั้นเองมีเสียงมาจากข้างหลังว่า "ไหวไหมครับ ไปๆ เกาะกลุ่มตามกันเลยครับ" นั้นคือมีพี่ท่านนึงขี่ตามกันมา 4 คัน จำได้แค่ว่าแกขี่ ทัวริ่ง มีธงชาติปักอยู่ที่หลังรถ เลยขอเกาะเขาไป พอมาได้ระยะนึงไม่ไหวจริงๆ แต่บังเอิญเห็นพี่ในชมรม 2 คน พักอยู่พอดีเลยเข้าไปพัก จนในที่สุดก็ทำได้ 60 KM เข้าเส้นชัยจนได้ แม้จะใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมงครึ่งแต่ดีใจมาก ไม่นึกจริงไครับว่าทำได้
เข้ามาปุบหาของกินก่อนเลยครับ เหนื่อยจริง
และนี่คือเหรียญแลกในชีวิตจริงๆครับ กับการปั่นจักรยาน
หลังจากร่วมงานครั้งนี่เสร็จทำให้รู้ว่าการปั่นจักรยาน ไม่ว่าจะลงรายการแข่ง หรือปั่นออกกำลังกาย หรือใช้เดินทางไปไหน สิ่งที่น่าประทับใจคือ คนที่ปั่นจักรยานร่วมทางกัน มักจะมีคำทักทายและน้ำใจเสมอ
"ไหวไหม ครับ-คะ"
"เป็นไร ครับ-คะ"
"ของแซงนะ ครับ-คะ"
"ไปเลยครับ-คะ"
คำพูด และรอยยิ้มที่ทักทายกัน มันเป็นอารมณ์ที่เวลาเราขับรถยนต์ หรือขี่มอร์ไซต์ ไม่ค่อยได้เจอจริงๆ ครับ
ยังไงผมขอฝากชมรมเล็กๆ ที่พึ่งตั้งด้วยครับ BANGKOK LIFE ASSURANCE CYCLING CLUB
ปล.ชมรมผมมีสมาชิกอยู่ประมาณ 40 กว่าท่าน แต่ด้วยบางท่านติดงานและอยู่ต่างจังหวัด เลยลงรายการนี่แค่ 11 ท่าน สรุปลงแข่ง 11 ท่าน เข้าเส้นชัยกันทุกท่านครับ
ขอบคุณครับ หวังว่าท่านใดเจอชมรมผม ทักทายกันได้ครับ