<<< ตอนก่อนหน้า :
http://ppantip.com/topic/32978252
บทที่ 7 (1/3)
หลังจากที่ศศิธรปล่อยให้พี่ชายและแขกผู้อ้างว่าเดินทางข้ามเวลาจากกลาพิมพ์มาบ้านของเธอ ได้ทำความรู้จักกันทั้งคืน โดยที่เธอไม่ได้เฉียดกายเข้าไปวุ่นวายขณะที่คนทั้งสองคุยกันเลยสักนิด
วันรุ่งขึ้นชายหนุ่มทั้งสองก็พากันเดินชักแถวออกจากบ้านไปตั้งแต่เช้าจรดค่ำ แล้วพี่ชายก็พาแขกหนุ่มตัวโตกลับเข้าบ้านมาตอนเกือบๆ สามทุ่ม หลังจากที่พากันออกไปตระเวณนอกบ้านมาทั้งวันพร้อมกับคำพูดที่ว่า...
‘พี่เชื่อเขา’
‘
‘พี่ภูว่าอะไรนะคะ’
‘พี่เชื่อว่าเขาข้ามเวลามาจริงๆ’
‘พี่ภูเชื่อ! ทำไมถึงเชื่อง่ายจัง’
‘พี่คุยกับเขาแล้ว’
‘แล้วพี่ภูก็เชื่อเขาง่ายๆ’ ศศิธรย้อนคำถามที่พี่ชายเคยพูดกับเธอด้วยความน้อยใจและไม่เข้าใจ
‘อืม’
‘ศศิพูด อธิบายแทบตายพี่ภูกลับไม่เชื่อ แต่พอได้คุยกับเขาแค่ไม่กี่ประโยค พี่ภูก็เชื่อเขาง่ายๆ’
‘ศศิพูดกับเขาพูดมันต่างกัน’
‘แล้วต่างกันตรงไหนคะ’
‘เอาเป็นว่าพี่เห็นด้วยตัวเอง แบบที่ศศิบอกแล้ว ก็เลยเชื่อแล้วกัน พี่ขี้เกียจจะเถียงกับศศิแล้ว’
‘พี่ภูก็แบบนี้ทุกที’
ผู้ชายก็เป็นแบบนี้ เชื่อคำพูดของผู้ชายด้วยกันเองมากกว่าผู้หญิงพูด ทั้งที่เธอเป็นน้องสาวของภูผาแท้ๆ ถึงแม้จะน้องสาวคนละพ่อคนละแม่ก็เถอะ
‘ภูผา’ เป็นลูกพี่ลูกน้องกับศศิธร เขาเป็นลูกชายของป้าเธอ ซึ่งศศิธรกับภูผาสนิทกันมาก เพราะถูกเลี้ยงดูมาด้วยกันเหมือนเป็นพี่น้องแท้ๆ ที่คลานตามกันมา ซึ่งตอนนั้นเด็กหญิงศศิธรที่มีอายุเพียงสี่ปี ติดพี่ชายคนใหม่เป็นอย่างมาก
ซึ่งตอนที่เกิดเหตุนั้น ภูผามีอายุครบสิบสี่ปีพอดีในวันที่แม่ของเขาเสียชีวิตก่อนวัยอันควรด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์พร้อมกับพ่อของศศิธร
เนื่องจากพ่อของภูผามีภรรยาน้อย ทำให้แม่ของเขาทุกข์ใจมาก จึงหอบผ้าหอบผ่อนเดินทางหนีมาหาแม่ของศศิธรที่บ้าน พอลงรถในตัวเมือง ศมนก็ให้สามีเอารถออกไปรับแม่ของภูผา ทว่าระหว่างทางก็เกิดอุบัติเหตุขึ้นกับทั้งสองคน
โดยที่คู่กรณีเมามายไม่รู้เรื่องรู้ราว ว่าได้ขับรถข้ามเลนมาอีกฝั่งทำให้รถอีกคันต้องหักหลบจนรถไปชนเข้ากับเสาไฟฟ้าข้างทางจนหน้ารถพังยับ ทำให้คนสองคนในรถ...พ่อของศศิธรและแม่ของภูผา...บาดเจ็บสาหัส และในเวลาต่อมาก็เสียชีวิตที่โรงพยาบาลเพราะเสียเลือดไปเยอะ
ซึ่งตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา แม่ของศศิธรก็รับเลี้ยงดูภูผามาโดยตลอด ด้วยเงินสนับสนุนจากพ่อของภูผา
เพราะหลังจากเกิดอุบัติเหตุ ภูผาก็บอกพ่อของเขาว่า เขาจะมาอยู่กับน้าสาวนั่นก็คือศมน เพราะเขาไม่สามารถทนอยู่ที่บ้านที่มองไปทางไหนก็ทำให้คิดถึงแต่แม่ได้
ศศิธรไม่รู้ว่า ตอนนั้นภูผารู้เรื่องราวของพ่อกับแม่มากน้อยแค่ไหน แต่พ่อของภูผาก็คงจะรู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เขาถึงยอมปล่อยให้ลูกชายคนเดียวมาอยู่กับแม่ของเธอ แต่มีข้อแม้เพียงหนึ่งข้อ นั่นก็คือเมื่อภูผาเรียนจบ ภูผาต้องเข้ามาดูแลกิจการทั้งหมดของที่บ้าน
ตอนนี้นอกจากภูผาจะดูแลรีสอร์ทเล็กๆ ที่เกิดจากน้ำพักน้ำแรงของเขาเองแล้ว เขายังต้องเข้าไปคุมกิจการมากมายเกี่ยวกับรีสอร์ทของพ่อ แล้วยังต้องไปมาหาสู่กับบ้านใหญ่อยู่เรื่อยๆ เพราะเขาเป็นลูกชายคนโตและคนเดียวของบ้าน เพราะน้องๆ ที่เกิดจากแม่เลี้ยงของเขานั้น เป็นผู้หญิงทั้งหมด
ซึ่งที่ดินที่ใช้สร้างรีสอร์ทและบ้านหลังนี้ก็เป็นมรดกที่ภูผาได้รับมาจากพ่อบังเกิดเกล้า ตอนแรกภูผาไม่ยอมรับ แต่เพราะศมนไม่สบาย ภูผาจึงอยากให้แม่ของศศิธรได้มาอยู่ในที่ๆ อากาศดีๆ เขาจึงยอมรับมรดกชิ้นนี้เพื่อเป็นของขวัญวันเกิดให้กับศศิธร แล้วก็พาศศิธรกับศมนย้ายเข้ามาอยู่ด้วยกันที่นี่
======================
มีต่อนะคะ (2/3)
ลิขิตแห่งจันทร์ [บทที่ 7]
(โรมานแมนติค-แฟนตาซี)
พลอยลภัสร์ : เขียน
Fanpage : www.facebook.com/ploylapas
<<< ตอนก่อนหน้า : http://ppantip.com/topic/32978252
บทที่ 7 (1/3)
หลังจากที่ศศิธรปล่อยให้พี่ชายและแขกผู้อ้างว่าเดินทางข้ามเวลาจากกลาพิมพ์มาบ้านของเธอ ได้ทำความรู้จักกันทั้งคืน โดยที่เธอไม่ได้เฉียดกายเข้าไปวุ่นวายขณะที่คนทั้งสองคุยกันเลยสักนิด
วันรุ่งขึ้นชายหนุ่มทั้งสองก็พากันเดินชักแถวออกจากบ้านไปตั้งแต่เช้าจรดค่ำ แล้วพี่ชายก็พาแขกหนุ่มตัวโตกลับเข้าบ้านมาตอนเกือบๆ สามทุ่ม หลังจากที่พากันออกไปตระเวณนอกบ้านมาทั้งวันพร้อมกับคำพูดที่ว่า...
‘พี่เชื่อเขา’
‘
‘พี่ภูว่าอะไรนะคะ’
‘พี่เชื่อว่าเขาข้ามเวลามาจริงๆ’
‘พี่ภูเชื่อ! ทำไมถึงเชื่อง่ายจัง’
‘พี่คุยกับเขาแล้ว’
‘แล้วพี่ภูก็เชื่อเขาง่ายๆ’ ศศิธรย้อนคำถามที่พี่ชายเคยพูดกับเธอด้วยความน้อยใจและไม่เข้าใจ
‘อืม’
‘ศศิพูด อธิบายแทบตายพี่ภูกลับไม่เชื่อ แต่พอได้คุยกับเขาแค่ไม่กี่ประโยค พี่ภูก็เชื่อเขาง่ายๆ’
‘ศศิพูดกับเขาพูดมันต่างกัน’
‘แล้วต่างกันตรงไหนคะ’
‘เอาเป็นว่าพี่เห็นด้วยตัวเอง แบบที่ศศิบอกแล้ว ก็เลยเชื่อแล้วกัน พี่ขี้เกียจจะเถียงกับศศิแล้ว’
‘พี่ภูก็แบบนี้ทุกที’
ผู้ชายก็เป็นแบบนี้ เชื่อคำพูดของผู้ชายด้วยกันเองมากกว่าผู้หญิงพูด ทั้งที่เธอเป็นน้องสาวของภูผาแท้ๆ ถึงแม้จะน้องสาวคนละพ่อคนละแม่ก็เถอะ
‘ภูผา’ เป็นลูกพี่ลูกน้องกับศศิธร เขาเป็นลูกชายของป้าเธอ ซึ่งศศิธรกับภูผาสนิทกันมาก เพราะถูกเลี้ยงดูมาด้วยกันเหมือนเป็นพี่น้องแท้ๆ ที่คลานตามกันมา ซึ่งตอนนั้นเด็กหญิงศศิธรที่มีอายุเพียงสี่ปี ติดพี่ชายคนใหม่เป็นอย่างมาก
ซึ่งตอนที่เกิดเหตุนั้น ภูผามีอายุครบสิบสี่ปีพอดีในวันที่แม่ของเขาเสียชีวิตก่อนวัยอันควรด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์พร้อมกับพ่อของศศิธร
เนื่องจากพ่อของภูผามีภรรยาน้อย ทำให้แม่ของเขาทุกข์ใจมาก จึงหอบผ้าหอบผ่อนเดินทางหนีมาหาแม่ของศศิธรที่บ้าน พอลงรถในตัวเมือง ศมนก็ให้สามีเอารถออกไปรับแม่ของภูผา ทว่าระหว่างทางก็เกิดอุบัติเหตุขึ้นกับทั้งสองคน
โดยที่คู่กรณีเมามายไม่รู้เรื่องรู้ราว ว่าได้ขับรถข้ามเลนมาอีกฝั่งทำให้รถอีกคันต้องหักหลบจนรถไปชนเข้ากับเสาไฟฟ้าข้างทางจนหน้ารถพังยับ ทำให้คนสองคนในรถ...พ่อของศศิธรและแม่ของภูผา...บาดเจ็บสาหัส และในเวลาต่อมาก็เสียชีวิตที่โรงพยาบาลเพราะเสียเลือดไปเยอะ
ซึ่งตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา แม่ของศศิธรก็รับเลี้ยงดูภูผามาโดยตลอด ด้วยเงินสนับสนุนจากพ่อของภูผา
เพราะหลังจากเกิดอุบัติเหตุ ภูผาก็บอกพ่อของเขาว่า เขาจะมาอยู่กับน้าสาวนั่นก็คือศมน เพราะเขาไม่สามารถทนอยู่ที่บ้านที่มองไปทางไหนก็ทำให้คิดถึงแต่แม่ได้
ศศิธรไม่รู้ว่า ตอนนั้นภูผารู้เรื่องราวของพ่อกับแม่มากน้อยแค่ไหน แต่พ่อของภูผาก็คงจะรู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เขาถึงยอมปล่อยให้ลูกชายคนเดียวมาอยู่กับแม่ของเธอ แต่มีข้อแม้เพียงหนึ่งข้อ นั่นก็คือเมื่อภูผาเรียนจบ ภูผาต้องเข้ามาดูแลกิจการทั้งหมดของที่บ้าน
ตอนนี้นอกจากภูผาจะดูแลรีสอร์ทเล็กๆ ที่เกิดจากน้ำพักน้ำแรงของเขาเองแล้ว เขายังต้องเข้าไปคุมกิจการมากมายเกี่ยวกับรีสอร์ทของพ่อ แล้วยังต้องไปมาหาสู่กับบ้านใหญ่อยู่เรื่อยๆ เพราะเขาเป็นลูกชายคนโตและคนเดียวของบ้าน เพราะน้องๆ ที่เกิดจากแม่เลี้ยงของเขานั้น เป็นผู้หญิงทั้งหมด
ซึ่งที่ดินที่ใช้สร้างรีสอร์ทและบ้านหลังนี้ก็เป็นมรดกที่ภูผาได้รับมาจากพ่อบังเกิดเกล้า ตอนแรกภูผาไม่ยอมรับ แต่เพราะศมนไม่สบาย ภูผาจึงอยากให้แม่ของศศิธรได้มาอยู่ในที่ๆ อากาศดีๆ เขาจึงยอมรับมรดกชิ้นนี้เพื่อเป็นของขวัญวันเกิดให้กับศศิธร แล้วก็พาศศิธรกับศมนย้ายเข้ามาอยู่ด้วยกันที่นี่
======================
มีต่อนะคะ (2/3)