สวัสดีค่ะ เมื่อวันพ่อที่ผ่านมาเรามีทริปสั้นๆ 2 วัน 1 คืน ไปปั่นจักรยานเที่ยวอุทยานประวัติศาสตร์ที่จังหวัดสุโขทัยมา ก็เลยเก็บภาพมาฝาก เนื่องจากเราเดินทางช่วงวันหยุดยาว สิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ก็คือรถติด เราออกจากรังสิตประมาณ 10 โมง ไปถึงหน้าอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัยเกือบ 5 โมงเย็น สิ่งแรกที่เราทำก็คือไป Check-in ที่โรงแรมที่เราจองไว้
โรงแรมที่เราพักเป็นบูติก โฮเทลชื่อ Wake Up at Muang Kao ที่อยู่ในเขตอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย เรียกได้ว่าใกล้ทั้งแหล่งชุมชน ตลาด และสถานที่ท่องเที่ยว ที่สำคัญที่นี่ยังเป็นจุดรับ-ส่งของ Shutter Bus ของแอร์เอเชียอีกด้วย ถ้าใครไม่อยากนั่งรถนานๆ ก็สามารถนั่งเครื่องบินมาลงที่พิษณุโลก แล้วต่อ Shutter Bus มาลงที่ ต. เมืองเก่าได้
โรงแรม Wake Up at Muang Kao มีห้องพักทั้งหมด 5 ห้อง ห้องพักของเราเป็นห้อง Standard แบบ Twin Bed สิ่งอำนวยความสะดวกในห้องมีทั้ง Wi-Fi แอร์ ทีวี ตู้เย็น และไดร์เป่าผม ส่วนห้อง Superior ที่เพื่อนเราพักจะอยู่ติดถนนและมีระเบียงสำหรับนั่งเล่นได้
ตอน Check-in เจ้าของโรงแรมจะให้แผนที่สถานที่ท่องเที่ยวและแนะนำเรื่องการเดินทางในเขตอุทยานฯ ให้เราฟังอย่างละเอียด รวมทั้งร้านอาหารและร้านเช่าจักรยานด้วย ที่โรงแรมจะไม่มีอาหารเช้าบริการ แต่จะมีของว่างให้เรารับประทานได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทั้งกาแฟ ไมโล ขนมปัง กล้วยหอม และขนมผิง ซึ่งเป็นขนมขึ้นชื่อของ อ. กงไกรลาศ
เราไปเช่าจักรยานที่ร้านที่ทางโรงแรมแนะนำ เพราะว่าสามารถเช่าค้างคืนได้ โดยที่ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่ม ด้วยความที่เราไปถึงอุทยานประวัติศาตร์สุโขทัยค่อนข้างเย็นแล้ว เราก็เลยได้แค่ปั่นจักรยานในเขตอุทยานฯ ที่ใกล้ๆ กับโรงแรมเท่านั้น ซึ่งในช่วงเย็นจะมีงานจุดเทียนชัยถวายพระพร บรรยากาศด้านในอุทยานฯ ก็เลยคึกคักเป็นพิเศษ
เช้าวันที่ 2 เราตั้งใจจะไปดูพระอาทิตย์ขึ้นที่วัดสะพานหิน ซึ่งอยู่นอกเขตกำแพงเมือง เราออกจากโรงแรมประมาณ 5.45 น. และต้องปั่นจักรยานไปอีก 4 กิโลเมตร เรียกว่าเหนื่อยจนหายง่วงเลยทีเดียว เมื่อไปถึงทางขึ้นวัด เราต้องเดินขึ้นเนินไปอีก 300 เมตร เหนื่อยขึ้นอีกเป็น 2 เท่า ตอนที่เราไปถึงมีนักท่องเที่ยวอยู่ 7-8 คน เป็นกลุ่มคนไทยที่พักโรงแรมเดียวกับเรา 3 คน ที่เหลือเป็นนักท่องเที่ยวจีน
นับว่าโชคดีที่วันนี้ท้องฟ้าเปิดเราก็เลยได้เห็นพระอาทิตย์ขึ้น คุ้มค่ากับการตื่นเช้าและรีบปั่นจักรยานมาถึง 4 กิโลเมตร หลังจากที่พระอาทิตย์ขึ้นและหายเข้าไปในกลุ่มเมฆแล้ว นักท่องเที่ยวคนอื่นๆ ก็เริ่มทยอยกลับ แต่กลุ่มเราซึ่งมาทีหลังยังอยู่ถ่ายรูปกันต่อ และระหว่างที่เรากำลังเช็ครูปในกล้องอยู่นั้น ก็มีเสียงดัง ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด ตอนแรกเราคิดว่ากล้องมีปัญหาก็เลยปิดแล้วเปิดใหม่ แต่พี่ที่ไปด้วยกันบอกว่าเป็นเสียงโทรศัพท์
เราก็เลยหยิบโทรศัพท์ที่ยัดอยู่ในกระเป๋ากางเกงยีนส์ขึ้นมาดู ปรากฏว่าเรากำลัง Face Time ไปหาน้องอีกคนหนึ่งที่มาด้วยกัน ทั้งที่เราไม่ได้จับโทรศัพท์เลย คราวนี้ทุกคนหันมามองหน้ากันแล้วก็บอกกลับเถอะ จริงๆ แล้วคงเป็นเพราะเราเก็บโทรศัพท์โดยที่ไม่ได้กดล็อคให้เรียบร้อย แต่บรรยากาศตอนนั้นที่ยังไม่สว่างดีก็ชวนให้จินตนาการไปไกลกว่าที่ควรเป็น
ออกจากวัดสะพานหิน เราปั่นจักรยานย้อนกลับมาทางเดิมเพื่อไปวัดศรีชุม โบราณสถานที่เก่าแก่อีกแห่งหนึ่ง วัดนี้จะเปิดให้เข้าชมได้ตั้งแต่เวลา 7.30 น. ข้อดีของการท่องเที่ยวตอนเช้าก็คือเราสามารถใช้เวลาถ่ายรูปได้อย่างเต็มที่ ไม่ต้องคอยหามุมหลบผู้คนที่เดินผ่านไปมา ในบรรดาวัดต่างๆ ในเขตอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย เราประทับใจวัดศรีชุมที่สุด โดยเฉพาะพระอจนะ องค์พระพุทธรูปซึ่งประดิษฐานอยู่ในมณฑปของวัด
เราแวะถ่ายรูปที่วัดมหาธาตุตอนเกือบ 9 โมงเช้า ก่อนที่จะกลับไปพักที่โรงแรมอีกครั้ง ตอนนี้เริ่มมีนักท่องเที่ยวทยอยมาเรื่อยๆ โดยเฉพาะกลุ่มทัวร์และน้องๆ นักเรียนที่มาทัศนศึกษา ถ้าใครอยากจะถ่ายรูปหน้าองค์พระแบบปลอดคนอาจจะต้องมาเช้ากว่านี้ แต่เราว่าการมีคนเป็นองค์ประกอบในรูปก็สวยไปอีกแบบหนึ่ง
หลังจากไปหาอะไรรองท้องที่ตลาดและกลับมาชิมของว่างที่โรงแรมเรียบร้อยแล้ว ประมาณ 10 โมงเราก็ออกมาปั่นจักรยานข้างในอุทยานฯ อีกครั้ง รอบนี้อุปกรณ์ที่ขาดไม่ได้เลยก็คือหมวกและแว่นกันแดด เพราะอากาศร้อนมาก ตอนนี้นักท่องเที่ยวค่อนข้างหนาตาแทบทุกที่ การถ่ายรูปแต่ละจุดต้องอาศัยความตั้งใจและความอดทนเป็นพิเศษ วัดหลักๆ ที่เราแวะก็คือวัดสระศรีและวัดมหาธาตุ
ก่อนกลับพวกเราได้ขับรถชมวัดต่างๆ ที่อยู่นอกกำแพงเมืองอีกครั้ง โดยขับเป็นวงกลมเริ่มตั้งแต่วัดเชตุพน วัดสะพานหิน ก่อนจะไปสิ้นสุดที่วัดพระพายหลวง ระยะทางที่เราไปค่อนข้างไกล แต่นักท่องเที่ยวต่างชาติก็ยังเดินไปถึง ต้องยกนิ้วให้พวกเขาจริงๆ
จากที่เราเคยไปเที่ยวชมสถานที่ที่เป็นโบราณสถาน (เก่าแก่) ของโลกมาแค่ 2 แห่งเท่านั้น ที่แรกคือนครวัด ส่วนที่ที่สองก็คืออุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย เราคิดว่านครวัดมีความสมบูรณ์ของโบราณสถานมากกว่าอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัยค่อนข้างมาก เพราะลวดลายแกะสลักต่างๆ ยังชัดเจนอยู่ ขณะที่อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัยส่วนใหญ่จะเห็นเพียงซากปรักหักพังเท่านั้น (เปรียบเทียบในมุมมองของคนที่ไม่ได้ศึกษาประวัติศาตร์)
ระหว่างทางก่อนกลับเข้ากรุงเทพฯ เราแวะทานอาหารกลางวันกันที่ร้านเจ๊แฮ ก๋วยเตี๋ยวสุโขทัย ตอนนั้นประมาณบ่ายสองโมง คนก็ยังแน่นร้านอยู่ ถ้าใครหิวมากๆ อาจจะต้องทำใจหรือจะสั่งหมูสะเต๊ะหรือผัดไทมารองท้องก่อนก็ได้ ส่วนรสชาติอาหารขึ้นอยู่กับความชอบของแต่ละคน ยังไงถ้าไปเที่ยวสุโขทัยก็อย่าลืมแวะไปลองชิมด้วยตัวเองดูนะคะ
ทริปสุโขทัยถือเป็นทริปที่เราประทับใจอีกทริปหนึ่ง เมืองเล็กๆ เงียบ สงบ เรียบง่าย แต่ก็มีเสน่ห์และงดงามด้วยโบราณสถานเก่าแก่หลายร้อยปี ถ้ามีโอกาสเราคงกลับไปเที่ยวที่นี่อีกครั้งอย่างแน่นอน
[CR] สุขขะ + อรุโณทัย คือ สุโขทัย รอยอดีตแห่งความรุ่งเรือง รีวิวทริปปั่นจักรยานเที่ยวเมืองเก่า 2 วัน 1 คืน
โรงแรมที่เราพักเป็นบูติก โฮเทลชื่อ Wake Up at Muang Kao ที่อยู่ในเขตอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย เรียกได้ว่าใกล้ทั้งแหล่งชุมชน ตลาด และสถานที่ท่องเที่ยว ที่สำคัญที่นี่ยังเป็นจุดรับ-ส่งของ Shutter Bus ของแอร์เอเชียอีกด้วย ถ้าใครไม่อยากนั่งรถนานๆ ก็สามารถนั่งเครื่องบินมาลงที่พิษณุโลก แล้วต่อ Shutter Bus มาลงที่ ต. เมืองเก่าได้
โรงแรม Wake Up at Muang Kao มีห้องพักทั้งหมด 5 ห้อง ห้องพักของเราเป็นห้อง Standard แบบ Twin Bed สิ่งอำนวยความสะดวกในห้องมีทั้ง Wi-Fi แอร์ ทีวี ตู้เย็น และไดร์เป่าผม ส่วนห้อง Superior ที่เพื่อนเราพักจะอยู่ติดถนนและมีระเบียงสำหรับนั่งเล่นได้
ตอน Check-in เจ้าของโรงแรมจะให้แผนที่สถานที่ท่องเที่ยวและแนะนำเรื่องการเดินทางในเขตอุทยานฯ ให้เราฟังอย่างละเอียด รวมทั้งร้านอาหารและร้านเช่าจักรยานด้วย ที่โรงแรมจะไม่มีอาหารเช้าบริการ แต่จะมีของว่างให้เรารับประทานได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทั้งกาแฟ ไมโล ขนมปัง กล้วยหอม และขนมผิง ซึ่งเป็นขนมขึ้นชื่อของ อ. กงไกรลาศ
เราไปเช่าจักรยานที่ร้านที่ทางโรงแรมแนะนำ เพราะว่าสามารถเช่าค้างคืนได้ โดยที่ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่ม ด้วยความที่เราไปถึงอุทยานประวัติศาตร์สุโขทัยค่อนข้างเย็นแล้ว เราก็เลยได้แค่ปั่นจักรยานในเขตอุทยานฯ ที่ใกล้ๆ กับโรงแรมเท่านั้น ซึ่งในช่วงเย็นจะมีงานจุดเทียนชัยถวายพระพร บรรยากาศด้านในอุทยานฯ ก็เลยคึกคักเป็นพิเศษ
เช้าวันที่ 2 เราตั้งใจจะไปดูพระอาทิตย์ขึ้นที่วัดสะพานหิน ซึ่งอยู่นอกเขตกำแพงเมือง เราออกจากโรงแรมประมาณ 5.45 น. และต้องปั่นจักรยานไปอีก 4 กิโลเมตร เรียกว่าเหนื่อยจนหายง่วงเลยทีเดียว เมื่อไปถึงทางขึ้นวัด เราต้องเดินขึ้นเนินไปอีก 300 เมตร เหนื่อยขึ้นอีกเป็น 2 เท่า ตอนที่เราไปถึงมีนักท่องเที่ยวอยู่ 7-8 คน เป็นกลุ่มคนไทยที่พักโรงแรมเดียวกับเรา 3 คน ที่เหลือเป็นนักท่องเที่ยวจีน
นับว่าโชคดีที่วันนี้ท้องฟ้าเปิดเราก็เลยได้เห็นพระอาทิตย์ขึ้น คุ้มค่ากับการตื่นเช้าและรีบปั่นจักรยานมาถึง 4 กิโลเมตร หลังจากที่พระอาทิตย์ขึ้นและหายเข้าไปในกลุ่มเมฆแล้ว นักท่องเที่ยวคนอื่นๆ ก็เริ่มทยอยกลับ แต่กลุ่มเราซึ่งมาทีหลังยังอยู่ถ่ายรูปกันต่อ และระหว่างที่เรากำลังเช็ครูปในกล้องอยู่นั้น ก็มีเสียงดัง ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด ตอนแรกเราคิดว่ากล้องมีปัญหาก็เลยปิดแล้วเปิดใหม่ แต่พี่ที่ไปด้วยกันบอกว่าเป็นเสียงโทรศัพท์
เราก็เลยหยิบโทรศัพท์ที่ยัดอยู่ในกระเป๋ากางเกงยีนส์ขึ้นมาดู ปรากฏว่าเรากำลัง Face Time ไปหาน้องอีกคนหนึ่งที่มาด้วยกัน ทั้งที่เราไม่ได้จับโทรศัพท์เลย คราวนี้ทุกคนหันมามองหน้ากันแล้วก็บอกกลับเถอะ จริงๆ แล้วคงเป็นเพราะเราเก็บโทรศัพท์โดยที่ไม่ได้กดล็อคให้เรียบร้อย แต่บรรยากาศตอนนั้นที่ยังไม่สว่างดีก็ชวนให้จินตนาการไปไกลกว่าที่ควรเป็น
ออกจากวัดสะพานหิน เราปั่นจักรยานย้อนกลับมาทางเดิมเพื่อไปวัดศรีชุม โบราณสถานที่เก่าแก่อีกแห่งหนึ่ง วัดนี้จะเปิดให้เข้าชมได้ตั้งแต่เวลา 7.30 น. ข้อดีของการท่องเที่ยวตอนเช้าก็คือเราสามารถใช้เวลาถ่ายรูปได้อย่างเต็มที่ ไม่ต้องคอยหามุมหลบผู้คนที่เดินผ่านไปมา ในบรรดาวัดต่างๆ ในเขตอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย เราประทับใจวัดศรีชุมที่สุด โดยเฉพาะพระอจนะ องค์พระพุทธรูปซึ่งประดิษฐานอยู่ในมณฑปของวัด
เราแวะถ่ายรูปที่วัดมหาธาตุตอนเกือบ 9 โมงเช้า ก่อนที่จะกลับไปพักที่โรงแรมอีกครั้ง ตอนนี้เริ่มมีนักท่องเที่ยวทยอยมาเรื่อยๆ โดยเฉพาะกลุ่มทัวร์และน้องๆ นักเรียนที่มาทัศนศึกษา ถ้าใครอยากจะถ่ายรูปหน้าองค์พระแบบปลอดคนอาจจะต้องมาเช้ากว่านี้ แต่เราว่าการมีคนเป็นองค์ประกอบในรูปก็สวยไปอีกแบบหนึ่ง
หลังจากไปหาอะไรรองท้องที่ตลาดและกลับมาชิมของว่างที่โรงแรมเรียบร้อยแล้ว ประมาณ 10 โมงเราก็ออกมาปั่นจักรยานข้างในอุทยานฯ อีกครั้ง รอบนี้อุปกรณ์ที่ขาดไม่ได้เลยก็คือหมวกและแว่นกันแดด เพราะอากาศร้อนมาก ตอนนี้นักท่องเที่ยวค่อนข้างหนาตาแทบทุกที่ การถ่ายรูปแต่ละจุดต้องอาศัยความตั้งใจและความอดทนเป็นพิเศษ วัดหลักๆ ที่เราแวะก็คือวัดสระศรีและวัดมหาธาตุ
ก่อนกลับพวกเราได้ขับรถชมวัดต่างๆ ที่อยู่นอกกำแพงเมืองอีกครั้ง โดยขับเป็นวงกลมเริ่มตั้งแต่วัดเชตุพน วัดสะพานหิน ก่อนจะไปสิ้นสุดที่วัดพระพายหลวง ระยะทางที่เราไปค่อนข้างไกล แต่นักท่องเที่ยวต่างชาติก็ยังเดินไปถึง ต้องยกนิ้วให้พวกเขาจริงๆ
จากที่เราเคยไปเที่ยวชมสถานที่ที่เป็นโบราณสถาน (เก่าแก่) ของโลกมาแค่ 2 แห่งเท่านั้น ที่แรกคือนครวัด ส่วนที่ที่สองก็คืออุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย เราคิดว่านครวัดมีความสมบูรณ์ของโบราณสถานมากกว่าอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัยค่อนข้างมาก เพราะลวดลายแกะสลักต่างๆ ยังชัดเจนอยู่ ขณะที่อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัยส่วนใหญ่จะเห็นเพียงซากปรักหักพังเท่านั้น (เปรียบเทียบในมุมมองของคนที่ไม่ได้ศึกษาประวัติศาตร์)
ระหว่างทางก่อนกลับเข้ากรุงเทพฯ เราแวะทานอาหารกลางวันกันที่ร้านเจ๊แฮ ก๋วยเตี๋ยวสุโขทัย ตอนนั้นประมาณบ่ายสองโมง คนก็ยังแน่นร้านอยู่ ถ้าใครหิวมากๆ อาจจะต้องทำใจหรือจะสั่งหมูสะเต๊ะหรือผัดไทมารองท้องก่อนก็ได้ ส่วนรสชาติอาหารขึ้นอยู่กับความชอบของแต่ละคน ยังไงถ้าไปเที่ยวสุโขทัยก็อย่าลืมแวะไปลองชิมด้วยตัวเองดูนะคะ
ทริปสุโขทัยถือเป็นทริปที่เราประทับใจอีกทริปหนึ่ง เมืองเล็กๆ เงียบ สงบ เรียบง่าย แต่ก็มีเสน่ห์และงดงามด้วยโบราณสถานเก่าแก่หลายร้อยปี ถ้ามีโอกาสเราคงกลับไปเที่ยวที่นี่อีกครั้งอย่างแน่นอน