จากการที่ทาง คสช. ได้เข้ามาจัดระเบียบรถตู้ที่วิ่งระหว่างจังหวัดต่าง ๆ ให้เข้าสู่ระบบ เพื่อความเป็นระเบียบและปลอดภัยของผู้โดยสาร โดยได้ประสานงานกับทางขนส่งให้รถตู้ไปตรวจสภาพติดสติ๊กเกอร์อนุญาติให้วิ่งได้ จนกระทั่งถึงเวลาประกาศให้รถไปทำสัญญากับ บขส. และนำสัญญาไปยืมเล่มทะเบียนจากไฟแนนซ์มาเปลี่ยนป้าย  ทางเจ้าของรถก็ไปจ่ายเงินค่าสัญญาตามที่ บขส.กำหนด ซึ่งเป๋นมาตรฐานเดียวกัน แต่เมื่อไปยืมเล่มจากไฟแนนซ์ ทางไฟแนนซ์จากเดิมที่คิดค่ามัดจำยืมเล่ม 5,000-7,000 บาท(ได้คืนเมื่อเอาเล่มไปคืน) ค่าเอกสาร 1,000 บาท แต่คราวนี้ไฟแนนซ์คิดค่าธรรมเนียมกินเปล่าขึ้นมาทันที โดยไม่มีการแจ้งล่วงหน้า เช่น ICBC ลิสซิ่งไทย ,ธนชาติ,ไทยพาณิชย์ คิด 3% จากยอดค่างวดที่คงค้างอยู่ บางคนเพิ่งซื้อผ่อนได้ 2-3งวด ทำผ่อนไว้ 72 งวด ยอดค้างล้านกว่า คิดค่ากินเปล่ป 300,000 กว่า , ลิสซิ่งกสิกรไทย,กรุงไทยให้ปิดบัญชีเลย, กรุงศรีลิสซิ่ง คิด 2% ขั้นต่ำ 20,000 บาท แล้วพวกเค้าจะเอาจากที่ไหน รถถึงเปลี่ยนป้ายก็เอาไปวิ่งแบบเดิม เส้นทางเดิม แต่ไฟแนนซ์คิดแบบนี่ก็ไม่รู้จะทำอย่างไร ร้องเรียนไปทาง สคบ.เค้าก็บอกว่าเราไม่ใช่ผู้บริโภค เป็นผู้ประกอบการไม่ช่วย ร้องเรียนไปทางสำนักนายกฯ ก็ส่งเรื่องไปทางแบงคทชาติ และในที่สุดทางแบงค์ชาติก็บอกมาว่าเป็นเสรีทางการค้า .. เสรีในการเอาเปรียบคนไม่มีทางสู้นี่นะ  โครงการนี้ทำเช่นเดียวกับโครงการจัดระเบียบรถตู้ ปี2553 ซึ่งตอนนั้นไม่มีเสียค่ากินเปล่าแบบนี้เลย  ตอนนี้กลุ่มรถตู้รายย่อยจำนวนมากไม่มีทางไป ถ้าจดป้ายเหลืองไม่ได้ ก็ทำมาหากินไม่ได้ รถคงต้องถูกยึด ครอบครัวจะทำยังไง ปีที่ผ่านมาเศรษฐกิจก็แย่มีประท้วงทำมาหากินไม่ค่อยได้ ขอความช่วยเหลือจากท่านผู้รู้ด้วยเถอะ
ค่าค่าใช้จ่ายปี 2553 ทำสัญญากับ บขส. ประมาณ  45,000 บาท + ค่ามัดจำเล่ม 5,000-7,000 (ได้คืน) +ค่าเอกสาร 500-1,000บาท
ใช้จ่ายปี 2557 ทำสัญญากับ บขส. ประมาณ  45,000 บาท + ค่ามัดจำเล่ม 5,000-7,000บาท (ได้คืน) +ค่าเอกสาร 500-1,000บาท + ค่าธรรมเนียมกินเปล่า ตั้งแต่ 10,000-320,000 บาท