ผมอ่านพบ บทความนี้
เป็นการแสดงถึงความห่วงใยต่อพระพุทธศาสนาเถรวาท ที่สืบทอดผ่านพระไตรปิฏก
ขอนำมาเผยแพร่ให้อ่าน ดังนี้ ครับ
ความผิดฐาน อาชญากรรม ทางพระพุทธศาสนา ควรจะมีในประเทศไทยได้แล้ว
เพราะเหตุว่า ทุกวันนี้เราพบพระจำนวนมาก
หากินกับพระพุทธศาสนาทุกรูปแบบ ทำให้คนงมงายในสินค้าของเขา
พระทุศีลในสมัยก่อนก็ขายอิทธิปาฏิหาริย์
สมัยนี้เนียนกว่า ขายอนุสาสนีปาฏิหาริย์
จุดขายอยู่ที่ความเป็นพระอริยะ ซึ่งไม่มีเครื่องมือใดทดสอบได้
จึงเอาผิดได้ยาก เพราะผลของการกระทำความผิด ไม่ประจักษ์ในเชิงทดลองทางวิทยาศาสตร์
การเอาโทษแก่ภิกษุผู้ขายอนุสาสนีปาฏิหาริย์
ควรออกกฎหมายเพิ่มเติม เอาโทษหนัก
เพราะผลของการกระทำความผิดไม่สามารถพิสูจน์ได้อย่างประจักษ์
เหมือนหลอกขายอิทธิปาฏิหาริย์นั่นเอง
จึงทำให้การเอาผิดข้อหาฉ้อโกงประชาชนทำได้ยากมาก
ความผิดฐานนี้ จึงควรให้ครอบคลุมถึงผู้ทำลายคัมภีร์พระไตรปิฎก อรรถกถา ฎีกา
โดยกล่าวว่าพระไตรปิฎกบกพร่องหรือผิดอย่างลอยๆ
ดั่งพระลิขิต สมเด็จพระญานสังวรณ์ฯ ว่า
"ความบิดเบือนพระพุทธธรรมคำสอน
โดยกล่าวหาว่าพระไตรปิฎกบกพร่อง
เป็นการทำให้สงฆ์ที่หลงเชื่อคำบิดเบือน แตกแยกออกไปกลายเป็นสอง
มีความเข้าใจความเชื่อถือพระพุทธศาสนาตรงกันข้าม
เป็นการทำลายพระพุทธศาสนา
ทำสงฆ์ให้แตกแยกเป็นอนันตริยกรรม มีโทษทั้งปัจจุบันและอนาคตที่หนัก"
ทั้งนี้ ในกฎหมายควรจะต้องเปิดโอกาสให้ด้วยว่า
ผู้ใดจะกล่าวอ้างลอยๆ
ด้วยความคิดเห็นของตนว่าพระไตรปิฎกผิดหรือบกพร่องไม่ได้
เว้นแต่ ได้กระทำตามที่กฎหมายบัญญัติ
แล้วบัญญัติกฎหมายอนุวัติการณ์ตามว่า
ผู้ใดพบเห็นหรือมีเหตุอันควรสงสัยอย่างแน่นแฟ้น ว่า
พระไตรปิฎกมีข้อบกพร่อง
ให้ทำเป็นหนังสือชี้แจงต่อคณะกรรมการ.....(แล้วแต่จะจัดตั้ง)
เพื่อแต่งตั้งผู้ทรงคุณวุฒิโดยขอพระบรมราชโองการชำระพระไตรปิฎก อรรถกถา ฎีกา นั้นต่อไป
ณัฐนันท์ สุดประเสริฐ
นบ.,นบท.,นม.
https://www.facebook.com/profile.php?id=1604870167&fref=nf
ถ้า พบเห็นว่า พระไตรปิฏกบกพร่อง ควรมีวิธีแก้ไขอย่างไร
เป็นการแสดงถึงความห่วงใยต่อพระพุทธศาสนาเถรวาท ที่สืบทอดผ่านพระไตรปิฏก
ขอนำมาเผยแพร่ให้อ่าน ดังนี้ ครับ
ความผิดฐาน อาชญากรรม ทางพระพุทธศาสนา ควรจะมีในประเทศไทยได้แล้ว
เพราะเหตุว่า ทุกวันนี้เราพบพระจำนวนมาก
หากินกับพระพุทธศาสนาทุกรูปแบบ ทำให้คนงมงายในสินค้าของเขา
พระทุศีลในสมัยก่อนก็ขายอิทธิปาฏิหาริย์
สมัยนี้เนียนกว่า ขายอนุสาสนีปาฏิหาริย์
จุดขายอยู่ที่ความเป็นพระอริยะ ซึ่งไม่มีเครื่องมือใดทดสอบได้
จึงเอาผิดได้ยาก เพราะผลของการกระทำความผิด ไม่ประจักษ์ในเชิงทดลองทางวิทยาศาสตร์
การเอาโทษแก่ภิกษุผู้ขายอนุสาสนีปาฏิหาริย์
ควรออกกฎหมายเพิ่มเติม เอาโทษหนัก
เพราะผลของการกระทำความผิดไม่สามารถพิสูจน์ได้อย่างประจักษ์
เหมือนหลอกขายอิทธิปาฏิหาริย์นั่นเอง
จึงทำให้การเอาผิดข้อหาฉ้อโกงประชาชนทำได้ยากมาก
ความผิดฐานนี้ จึงควรให้ครอบคลุมถึงผู้ทำลายคัมภีร์พระไตรปิฎก อรรถกถา ฎีกา
โดยกล่าวว่าพระไตรปิฎกบกพร่องหรือผิดอย่างลอยๆ
ดั่งพระลิขิต สมเด็จพระญานสังวรณ์ฯ ว่า
"ความบิดเบือนพระพุทธธรรมคำสอน
โดยกล่าวหาว่าพระไตรปิฎกบกพร่อง
เป็นการทำให้สงฆ์ที่หลงเชื่อคำบิดเบือน แตกแยกออกไปกลายเป็นสอง
มีความเข้าใจความเชื่อถือพระพุทธศาสนาตรงกันข้าม
เป็นการทำลายพระพุทธศาสนา
ทำสงฆ์ให้แตกแยกเป็นอนันตริยกรรม มีโทษทั้งปัจจุบันและอนาคตที่หนัก"
ทั้งนี้ ในกฎหมายควรจะต้องเปิดโอกาสให้ด้วยว่า
ผู้ใดจะกล่าวอ้างลอยๆ
ด้วยความคิดเห็นของตนว่าพระไตรปิฎกผิดหรือบกพร่องไม่ได้
เว้นแต่ ได้กระทำตามที่กฎหมายบัญญัติ
แล้วบัญญัติกฎหมายอนุวัติการณ์ตามว่า
ผู้ใดพบเห็นหรือมีเหตุอันควรสงสัยอย่างแน่นแฟ้น ว่า
พระไตรปิฎกมีข้อบกพร่อง
ให้ทำเป็นหนังสือชี้แจงต่อคณะกรรมการ.....(แล้วแต่จะจัดตั้ง)
เพื่อแต่งตั้งผู้ทรงคุณวุฒิโดยขอพระบรมราชโองการชำระพระไตรปิฎก อรรถกถา ฎีกา นั้นต่อไป
ณัฐนันท์ สุดประเสริฐ
นบ.,นบท.,นม.
https://www.facebook.com/profile.php?id=1604870167&fref=nf