คำถามนี้มันน่าจะมีคำตอบในลำดับต้นๆ ของข้อบังคับของหน่วยงานรัฐที่ต้องจัดการกับขยะอิเล็กทรอนิคส์ ที่อาจส่งผลกระทบกับสิ่งแวดล้อมและชุมชนรอบข้าง ซึ่งต้องคัดกรองบริษัทเอาที่คำนึงถึงเรื่องเหล่านี้อย่างจริงๆจังๆ..
ไม่ใช่เพียงเพื่อเห็นแก่ผลประโยชน์ของตนเองหรือพวกพ้อง แล้วทำเป็นหูตาบอด เข็มขัดสั้น ไม่ทันคิด หรือเหตุผลต่างๆนานาสุดแล้วแต่จะสรรหามาอ้างเพื่อกลบเกลื่อนเอาตัวรอด โดยไม่คำนึงถึงเรื่องพวกนี้
ถ้าไม่รู้จริงๆว่ามีผลกระทบยังไงทำไมไม่ไปถามนักวิชาการในมหาลัยต่างๆทั่วประเทศที่มีออกดาษดื่น
พวกเขายินดีช่วยเหลือแน่
เท่าที่ผมทราบมาเคร่าวๆ แผงโซลาร์มันมีส่วนประกอบที่เป็นโลหะหนักอยู่ แน่นอนถ้าถ้าจัดการไม่ดีแล้วมันเล็ดลอดเข้าสู่ห่วงโซ่อาหารผู้ที่ได้รับผลกระทบอันดับแรกคือชุมขนรอบข้าง ( อย่าลืมนะบ้านเราเป็นประเทศเกษตรกรรม ชาวบ้านที่เขาเลี้ยงสัตว์ ปลูกพืช แล้วเอาผลผลิตมาขายให้เราๆ ท่านๆกิน นั่นแหล่ะ คิดดูเองละกันท่านจะรู้ไหม มารู้อีกทีก็นตอนได้รับผลกระทบจากสารตกค้างเรียร้อยแล้ว ) แล้วจะถามเอาความรับผิดชอบจากใครหล่ะ เพราะบริษัทเหล่านี้กินกำไรพุงปลิ้นชิ่งหนีไปแล้ว เพราะไม่มีเงื่อนไขของภาครัฐมาบังคับ
เท่าที่ได้ยินมานะถ้าเป็นโซลาร์ชุมชน สมมติบริษ้ท A ทำสัญญาเช่าที่กับนาย B 25 ปี หลังจากหมดสัญญา บริษ้ท A ยกทรัพย์สินทั้งหมดที่อยู่ในพื่นที่ให้นาย B หมด ทั้งยังได้ส่วนแบ่งรายได้จากการขายไฟอีกด้วย นาย B ดีใจรีบตกลงทำสัญญาเลย ลำพังทำการเกษตรบนที่นี้ปีๆนึงได้ไม่พอใช้ บางปีก็เป็นหนีอีก ใครหล่ะจะไม่เอางานสะบายๆมีเงินใช้ทุกปีไม่ต้องออกแรงมาก ซำ้ยังได้ัของด้วยหลังหมดสัญญา(ทั้งที่ยังไม่รู้ว่าจะเอาไปทำอะไร ถึงตอนนั้นแล้วค่อยคิด)
ตัวอย่างข้างต้นเป็นโครงการโซลาร์ชุมชนที่เกิดขึ้นแล้วบางส่วนและที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอีกเยอะ ทั่วประเทศ สมมติ โครงการ 800MW เสร็จ โซลาร์ฟาร์มที่นึงมีขนาด 1MW จะใช้แผง 100W เท่ากับ 10,000 แผง แต่ละแผงมี 10 เซลล์ แท่ากับ 100 เซลล์ต่อแผง ดังนั้นโซลาร์ฟาร์ม 1 ที่ จะมีเซลล์ 1,000,000 ชิ้น หรือ 800 ล้านชิ้นทั่วประเทศ นี่ยังไม่รวโครงการอื่นๆนะ
ผมขอวิงวอนผู้เกี่ยวข้องกำหนดมาตรการที่ชัดเจนในเรื่องนี้ด้วย เพื่ออนาคตของลูกหลานของเราๆ ท่านๆมีสิ่งแวดล้อมที่ดีๆกัน หรืถ้ามีอยูแล้วขอให้รัดกุมหน่อย อย่าหวังเพียงแต่ทำธุระกิจโซลาร์ฟาร์แล้ว หุ้นพุ่งปริ้ดๆ
เมื่อแผงโซลาร์หมดอายุของกลุ่มธุระกิจโซลาร์ฟาร์มจะเอาไปทิ้งใหน?
ไม่ใช่เพียงเพื่อเห็นแก่ผลประโยชน์ของตนเองหรือพวกพ้อง แล้วทำเป็นหูตาบอด เข็มขัดสั้น ไม่ทันคิด หรือเหตุผลต่างๆนานาสุดแล้วแต่จะสรรหามาอ้างเพื่อกลบเกลื่อนเอาตัวรอด โดยไม่คำนึงถึงเรื่องพวกนี้
ถ้าไม่รู้จริงๆว่ามีผลกระทบยังไงทำไมไม่ไปถามนักวิชาการในมหาลัยต่างๆทั่วประเทศที่มีออกดาษดื่น
พวกเขายินดีช่วยเหลือแน่
เท่าที่ผมทราบมาเคร่าวๆ แผงโซลาร์มันมีส่วนประกอบที่เป็นโลหะหนักอยู่ แน่นอนถ้าถ้าจัดการไม่ดีแล้วมันเล็ดลอดเข้าสู่ห่วงโซ่อาหารผู้ที่ได้รับผลกระทบอันดับแรกคือชุมขนรอบข้าง ( อย่าลืมนะบ้านเราเป็นประเทศเกษตรกรรม ชาวบ้านที่เขาเลี้ยงสัตว์ ปลูกพืช แล้วเอาผลผลิตมาขายให้เราๆ ท่านๆกิน นั่นแหล่ะ คิดดูเองละกันท่านจะรู้ไหม มารู้อีกทีก็นตอนได้รับผลกระทบจากสารตกค้างเรียร้อยแล้ว ) แล้วจะถามเอาความรับผิดชอบจากใครหล่ะ เพราะบริษัทเหล่านี้กินกำไรพุงปลิ้นชิ่งหนีไปแล้ว เพราะไม่มีเงื่อนไขของภาครัฐมาบังคับ
เท่าที่ได้ยินมานะถ้าเป็นโซลาร์ชุมชน สมมติบริษ้ท A ทำสัญญาเช่าที่กับนาย B 25 ปี หลังจากหมดสัญญา บริษ้ท A ยกทรัพย์สินทั้งหมดที่อยู่ในพื่นที่ให้นาย B หมด ทั้งยังได้ส่วนแบ่งรายได้จากการขายไฟอีกด้วย นาย B ดีใจรีบตกลงทำสัญญาเลย ลำพังทำการเกษตรบนที่นี้ปีๆนึงได้ไม่พอใช้ บางปีก็เป็นหนีอีก ใครหล่ะจะไม่เอางานสะบายๆมีเงินใช้ทุกปีไม่ต้องออกแรงมาก ซำ้ยังได้ัของด้วยหลังหมดสัญญา(ทั้งที่ยังไม่รู้ว่าจะเอาไปทำอะไร ถึงตอนนั้นแล้วค่อยคิด)
ตัวอย่างข้างต้นเป็นโครงการโซลาร์ชุมชนที่เกิดขึ้นแล้วบางส่วนและที่จะเกิดขึ้นในอนาคตอีกเยอะ ทั่วประเทศ สมมติ โครงการ 800MW เสร็จ โซลาร์ฟาร์มที่นึงมีขนาด 1MW จะใช้แผง 100W เท่ากับ 10,000 แผง แต่ละแผงมี 10 เซลล์ แท่ากับ 100 เซลล์ต่อแผง ดังนั้นโซลาร์ฟาร์ม 1 ที่ จะมีเซลล์ 1,000,000 ชิ้น หรือ 800 ล้านชิ้นทั่วประเทศ นี่ยังไม่รวโครงการอื่นๆนะ
ผมขอวิงวอนผู้เกี่ยวข้องกำหนดมาตรการที่ชัดเจนในเรื่องนี้ด้วย เพื่ออนาคตของลูกหลานของเราๆ ท่านๆมีสิ่งแวดล้อมที่ดีๆกัน หรืถ้ามีอยูแล้วขอให้รัดกุมหน่อย อย่าหวังเพียงแต่ทำธุระกิจโซลาร์ฟาร์แล้ว หุ้นพุ่งปริ้ดๆ