อยากถามอะไรเพิ่มถามหลังไมค์ได้นะ
เราไม่กัด 555
ประสบการ์ณไปทำงานกับเที่ยวที่อเมริกาค่ะ
-เราเลือก Six Flags America in Washington DC
-ไปกับ Acadex (ชื่อเอเจนซี่ค่ะ)
-รวมเงินทั้งหมดเสร็จสรรพ "ประมาณ1แสนค่ะ" ไม่เกินแน่ๆ
(ค่าเครื่องบิน,ค่าวีซ่า,ค่าที่พัก3เดือน,ค่ารถมารับที่สนามบิน,
ค่าเอเจนซี่สมัครแรกเข้า,ค่าแปลเอกสาร,ค่ากินอยู่pocket moneyที่ไปที่นั่น)
ตอนนั้น1US Dollar รู้สึกจะประมาน 52-53บาทค่ะ
-ขั้นตอนแรกติดต่อเอเจนซี่คุยปรึกษาทุกเรื่องให้เรียบร้อย
แล้วพอเราเลือกงานเสร็จ เราก็จะมีนัดสัมภาษณ์กับmanager ของ six flags americaค่ะ
-เรื่องเอกสารวีซ่าให้เอเจนซี่จัดการให้เสร็จสรรพ แล้วเราก็รอวันไปทำวีซ่าค่ะ
วีซ่าที่ว่าจะเป็นวีซ่านักเรียนแลกเปลี่ยนค่ะ (ทำง่ายมาก เพราะมีจุดประสงค์ว่าไปแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมค่ะ
และมีวันกลับ มีตั๋วกลับไทย ไม่มีความเสี่ยงจะเป็นโรบินฮู้ด (คนที่แอบอยู่ในต่างประเทศไม่กลับประเทศ)
แต่แค่วีซ่านี้คือเราห้ามออกจากประเทศ หากออกแล้วกลับเข้าอเมริกาไม่ได้อีก ต้องกลับไปทำวีซ่าใหม่ที่ไทยเลยละ
-พอเสร็จก็จองตั๋วเครื่องบินค่ะ จองแต่เนิ่นๆจะถูดค่ะ เช็กราคาหลายๆที่ ของเราที่ซื้อตอนนั้น 32,000 ค่ะ
ไปกลับ เราลง Washington Dulles International Airport มีเปลี่ยนเครื่องที่เกาหลีค่ะ
-บินไปถึงจะมีคนรอรับไปที่บ้านพักค่ะ ปรับตัวเจ็ทแลคกันหนึ่งคืน วันรุ่งขึ้นต้องไปรายงานตัวที่Six Flags ทันทีค่ะ
-หลังจากนั้นก็ต้องทำ social security code คล้ายๆกับทำบัตรประชาชนเนี่ยละค่ะเราก็จะได้เลขมากับเอกสาร
-รายงานตัวที่ที่ทำงานวันแรก เขาจะให้เรานั่งฟังประวัติ,นโยบาย,วิธีการบริการลูกค้า,มีตำแหน่งอะไรบ้าง,
ตำแหน่งแต่ละตำแหน่งทำอะไร ,ให้เรากรอกข้อมูลส่วนตัวลงคอมบริษัท,แล้วก็..
-มาถึงเวลาเลือกงาน สำหรับสวนสนุกมีงานอยู่4ประเภท
1.ride
2.food
3.game
4.retail
ขอบอกไว้ก่อนว่า อย่าหวังว่าจะได้ทำงานกับเพื่อน แม้จะเลือกลงตำแหน่งเดียวกันก็เถอะ
เพราะมันยากมาก ที่เขาจะมานั่งแคร์ว่าต้องให้คนนี้ทำที่เดียวกับคนนี้นะ ไรงั้น
จากประสบการ์ณที่มีมา และสนิทกับเพื่อนๆในโครงการหมด
รับรู้อย่างถ่องแท้ว่า (แค่ที่นี่รึเปล่าไม่รู้นะ)
Ride เป็นงานที่โครตตตตตสบาย ว่างมากๆ อยู่ท่ามกลางอากาศร้อนๆหนาวๆตามแต่สภาพอากาศอันผันผวนจะพาไป
เวลายุ่งก็ยุ่งจริงๆ คนมาต่อแถวจะเล่นอย่างยาว(แล้วแต่ว่าคุมเครื่องเล่นไรฮอตไหม) ต้องคุมคนเดียวทุกอย่าง
ตั้งแต่เปิดประตู,กำหนดจำนวนคน,เช็กความปลอดภัยของผู้เล่น,ชูมือทำสัญพร้อม(อันนี้เขาจะมีสอน),
บังคับเครื่องเล่น,ล็อกเครื่องเล่น) ต้องการคนที่ friendlyนะค่ะ
Food เป็นงานที่หนักมากๆ และสำหรับความจริงที่เรารับรู้คือ มันไม่ได้ได้ทิปอย่างที่เราคิด
ถึงลูกค้าจะจ่ายเงินเกินคนที่เป็นแคชเชียก็ต้องเก็บเข้า drawer(หมายถึงที่เก็บเงินหน่ะ)
งานก็เปลี่ยนทุกวัน วนทำไปทำมาอยู่ในร้าน เดี้ยวทำหลังร้าน เดี้ยวห่อแฮมเบอเกอ
เดี้ยวเป็นแคชเชียร์ เดี้ยวทอดฟรายทอดไก่ ตามแต่บุญยถากรรมนำท่านไป
เยนๆต้องทำความสะอาดร้าน ทิ้งขยะ อารมร้านอาหารเลย
ปล.งานนี้หนัก และจากที่ดูจากสลิปเงินเดือนทุกเดือนของเพื่อนทุกตำแหน่ง
food ดูจะได้เงินเยอะสุด เพราะมักจะมีOTให้ทำ และงานก็เยอะต้องทำงานหนักหน่อย แต่ถ้าชอบก็โอค่ะ
ต้องการคนสะอาด+เฟรนลี่+รวดเร็ว
Games คิดถึงซุ้มเกมงานวัดบ้านเราสิ มันอารมนั้น แต่ของเขาดูดีกว่านะ มันจะมีซุ้มเกมหลายเกมมาก
ปาบอล ปาลูกโป่ง ฮิตสุดก็โยนบาส(3ลูก1$) โยนห่วง ปาเป้า หน้าที่ของพนักงานคือ ส่งเสียงใส่ไมค์
(ที่มีบ้างไม่มีบ้างแล้วแต่ซุ้ม) แล้วเรียกลูกค้า หลอกล่อทุกวิถีทางให้มาเล่นเกม
ยืนเฉยๆโดนsuperviser ว่านะค่ะบอกก่อน ต้องการคนเฟรนลี่แบบสุดๆค่ะ ภาษาต้องได้จริงๆ ไม่งั้นจะเรียกลูกค้ายังไงละเนอะ
Retail งานสุดท้าย งานหนักไม่หนักขึ้นอยู่กับความฮอตของร้านที่ไปทำ ตำแหน่งนี้มันท้าทายที่ว่า
หน้าที่เราจะเยอะมาก เหมาะกับคนalert อย่างเราที่สุด หน้าที่คือ
- เป็นแคชเชียร์ เอาเงินทุกเช้า นับเงินตอนเย็น รอsuperviserเซ็นรับด้วย ตอนนับเงินเขาต้องอยู่ดู
-คอยเติมของ ของอะไรหมดก็ต้องเดินไปหลังร้าน(อย่างไวที่สุด!) เอาของแล้วออกมา เพราะทั้งร้าน เราต้องคุมคนเดียว
-คอยสอดส่ายสายตาดูลูกค้าเสมอ ขโมยเป็นเรื่องที่เราต้องคอยดูเสมอ ซวยหน่อยได้ร้านใหญ่ ทำคนเดียว ก็ต้องเดินตรวจตราบ่อยๆ
-คอยเดินจัดของที่ไมาเป็นระเบียบเนื่องจากถูกลูกค้ารื้อ ซวยหน่อย ก็ทำร้านเสื้อผ้า
เพราะเวลาพับเสื้อเขาจะมีแผ่นพับแล้วต้องพับตามสเตปเขาให้เสื้อออกมาสวยเหมือนกัน (เราชอบพับมาก มันเพลินดี)
-ท้ายทายหน่อย ทำร้านขายลูกอม เค้ก จะมีลูกค้ามาชิม ต้องคอยถามชิมไหม รสไร รสนี่ไหม
คอยเชียร์ แนะนำ เราต้องเคยชิมนะ ไม่งั้นอธิบายไม่ได้ ส่วนลูกอม เราต้องเอามาชั่งแล้วคิดตามน้ำหนัก ไม่สามารถสแกนตื้ดๆแบบสนุกๆได้
-คอยตอบคำถามลูกค้า เวลาเขาถามทาง ถามเรื่องสวนสนุก ต้องตอบได้
-คอยถามเรื่องส่วนลด บัตรที่สามารถใช้ลดได้ แพคเกจที่สามารถซื้อได้เพื่อลดสินค้านู่นนี่
-บางวันเจอsuperviser อารมแปรปรวน เขาจะตั้งเป้าให้เรา อ่ะ วันนี้youต้องพยายามขายนาฬิกาพวกนี้ให้ได้20เรือนนะ ไรงี้ ปึง! จะยืนยิ้มเฉยๆไม่ได้แล้วสิเรา
-คอยทำความสะอาดกวาดถูพื้น ซวยหน่อย เป็นร้ายที่มีน้ำกดขายด้วย เด็กๆนี่กดกันเพลินลืม ล้นบ้างน้ำกระฉอก ไม่มีนาทีได้พื้นตรงนั้นไม่เปียก =_=
สิ่งที่เราชอบสุดๆอย่างหนึ่งสำหรับการทำงานในสวนสนุกคือ
-งานเราจะเปลี่ยนไปทุกวัน เวลาเราไปเซ็นบัตีเข้าทำงานของพนักงาน ก็จะได้ลุ้นทุกเช้าว่าจะได้อันที่ชอบหรือไม่ชอบ หนักไม่หนัก
-วันนี้ขายของร้านนี้ พรุ่งนี้อาจได้ทำร้านเดิมหรือย้ายร้าน วันนี้คุมเครื่องเล่นนี้ วันต่อไปคุมอีกเครื่องเล่น เกมก็ด้วย ย้ายซุ้มไปเรื่อย
***ยกเว้น food ไม่ได้ย้ายค่ะ ทำงานร้านนั้นทั้งชีวี เบื่อกันไปข้าง
(ส่วนตัวเราไม่ชอบงานfoodหน่ะ 555)
ทุกตำแหน่งที่ต้องถือเงิน (food cashier,game,retail) ต้องไปเอาเงินตามจำนวนเดิมเป๊ะๆทุกเช้า หลังเซ็นบัตรเข้าทำงาน
แล้วต้องเอามาคืนทุกเย็นหลังสวนสนุกปิด พร้อมกับนับเงินมาแล้วด้วยค่ะ แยกเหรียญ แยกแบวค์
ปิดผนึกซองเงิน แล้วเดินด้วยท่าที่ถูกสั่งมาให้เดินเวลาถือถุงเงิน หรือ ถือ drawer
ที่นี่ พนักงานที่ทำงานดี จะได้ red dot ค่ะ เป็นกระดาษสี่เหลี่ยมสีแดงลายน่ารักมีสัญลักษณ์sixflags
มีติ้กให้คะแนน แล้วคอมเม้น แล้วลงชื่อโดยsuperviser(ซึ่งมีหลายคน ควบคุมแต่ละโซนในสวนสนุก)
แต่ละสายงานก็จะมีคนละ5-6superviserได้ บางสายก็น้อยกว่า บางสายก็เยอะกว่า คุมอยู่แต่ละโซนของสวยสนุก
supervisorคนนึงดูแล10ร้านก็ว่าไป ไรงี้
เรื่องดีๆที่เจอ(washington dc)
-คนเมกาเขาเฟรนลี่มากเลย ไม่รู้จักกันก็ยิ้ม hey what's up กันได้
-ที่นีส่วนใหญ่มีแต่คนดำนะค่ะ แต่เขาไม่ำด้ร้ายกันเหมือนในหนังเลย ค่อยข้างเฟรนลี่มากด้วยซ้ำ
-เที่ยวแบ๊กแพ็คที่นี่มันฟินมากค่ะ เป้าใบเดียวไปทุกที่ นอนโมเทลแสนถูก
(ชายหญิงนอนรวมกันเป็นเตียง2ชั้นหลายๆเตียงใน1ห้อง)
-เงินเดือนได้มา เที่ยวได้เป็น10รอบ เราตั้งใจจะเอาเงินมาไปใข้ชีวิตครั้งนึงในอเมริกาให้คุ้มอยู่แล้วค่ะ
เน้นเที่ยว เปิดโลกกว้างให้ตัวเอง ไม่เน้นช้อปเน้นเก็บ
-ไปนิวยอก2รอบ (น้ำตกไนแองการ่า,ไทมสแคว์,เกาะแมนฮัตตันดูเทพีเสรีภาพ บลาๆๆ)
-ฟิลาเดเฟีย
-ฟลอริดา(บินไปorlando)เข้าดิสนีย์
-บอสตัน
-นิวเจอซี่ (ไปเล่นsix flagsที่นั่น มี kingda ka ,the tallest and fastest roller coaster in North America อยู่ค่ะ)
ปล.เข้าsix flags ฟรีทุกสาขาค่ะ เป็นสวัสดิการถ้าเป็นพนักงานเขา >_< ฟิน
-ช้อปเพลินลืมเลยละ เมกา ถิ่นกำเนิดแบรนเป็นล้าน
-ของกินอร่อยเยอะมากก
-เคยตกเครื่องที่florida ที่เมกา เขาไม่คิดเงินค่าย้ายไฟล์ทเราเลยเขาน่ารักมาก
เพราะเราดูอับจนหนทางจริงๆ เขาเลยแยกเราไปกันคนละไฟล์ทที่ยังว่าง เพื่อกลับDC
-รถเมล์ที่นั่นตรงเวลามาก ชอบๆ
ข้อเสียที่เจอ
-คนดำเหยียดเอเชีย เจอแค่3คนนะที่เดินมาเป็นกลุ่ม นอกนั้นไม่เจอเลย ที่นี่เหยียดกันน้อย
-เคยไม่มีรถเมล์นั่งกลับบ้านกันทุกคนในโครงการ 30คนเดินกลับบ้านดึกๆ เพราะทำot ไม่มีคนรับ
ไม่มีsupervisor ที่มีชื่อระบุไว้ในสัญญาว่าจะคอยดูแลหากไม่มีรถกลับ
-อาหารญี่ปุ่นอยากกินทีโครตแพงง
-เวลากดคิดเงินอะไรผิด หรือลูกค้าเอาของแล้วบอกไม่เอา ถ้าเราจะแคนเซิล
ต้องโทรเรียนsupervisor มาใส่รหัส กับสแกนบัตรพนักงานเขา โทรเท่าไหร่เขาก็ไม่มา
จนแถวลูกค้าเรายาวออกไปนอกร้าน แล้วทั้งร้านมีเราอยู่คนเดียว ทำอะไรไม่ได้นอกจากโทรๆ
เครื่องมันจะกดไม่ได้เลยถ้าต้องแคนเซิล เราเข้าใจว่าเขายุ่งต้องดูแลหลายร้าน นั่นยิ่งเป็นช่วงสวนสนุกใกล้ปิดด้วย
ตอนนั้นเราโดนลูกค้ารุมด่าจนร้องไห้ superviserมาเห็นก็รีบเคลียร์สถานการ์ณ เขาทำให้หมด จนลูกค้าหมด
เขาก็มาปลอบเรา พอหลังจากนั้น เขาก็ค่อยข้างมาคอยดูแลเรามากขึ้น คงเพราะเราไปดราม่าโชว์มั้ง 555
-เวลาเราไปทำงาน มันจะมีข้อตกลงอยู่ในสัญญาว่าเราจะได้การันตีชั่วโมงในการทำงาน เท่านี้ๆต่อweek
ดังนั้น superviser เขาต้องไล่พนักงานที่เป็นlocal people กลับบ้าน เวลาเรามาทำงาน คนนั้นที่ถูกไล่
เขาก็จะไม่ชอบเรา แล้วแบบ เราไปแย่งงานเขา แล้วเขาก็ต้องกลับบ้าน ได้ทำแค่ชั่วโมงแค่นั้นก่อนเรามา
นั่นทำให้มีพนักงานหลายคนไม่ชอบเด็กไทยเหมือนกัน
คิดไม่ออกว่าจะเล่าอะไรแล้ว เอาเป็นว่า อยากรู้เรื่องอะไร ถามกันได้น้า เรายินดีเล่า
มันเป็นประสบการ์ณที่ถ้าได้เล่าให้คนที่อยากจะฟัง อาจจะมีประโยชน์อะไรกับใครได้มั้ง :>
ประสบการ์ณไป work and travel america
ประสบการ์ณไปทำงานกับเที่ยวที่อเมริกาค่ะ
-เราเลือก Six Flags America in Washington DC
-ไปกับ Acadex (ชื่อเอเจนซี่ค่ะ)
-รวมเงินทั้งหมดเสร็จสรรพ "ประมาณ1แสนค่ะ" ไม่เกินแน่ๆ
(ค่าเครื่องบิน,ค่าวีซ่า,ค่าที่พัก3เดือน,ค่ารถมารับที่สนามบิน,
ค่าเอเจนซี่สมัครแรกเข้า,ค่าแปลเอกสาร,ค่ากินอยู่pocket moneyที่ไปที่นั่น)
ตอนนั้น1US Dollar รู้สึกจะประมาน 52-53บาทค่ะ
-ขั้นตอนแรกติดต่อเอเจนซี่คุยปรึกษาทุกเรื่องให้เรียบร้อย
แล้วพอเราเลือกงานเสร็จ เราก็จะมีนัดสัมภาษณ์กับmanager ของ six flags americaค่ะ
-เรื่องเอกสารวีซ่าให้เอเจนซี่จัดการให้เสร็จสรรพ แล้วเราก็รอวันไปทำวีซ่าค่ะ
วีซ่าที่ว่าจะเป็นวีซ่านักเรียนแลกเปลี่ยนค่ะ (ทำง่ายมาก เพราะมีจุดประสงค์ว่าไปแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมค่ะ
และมีวันกลับ มีตั๋วกลับไทย ไม่มีความเสี่ยงจะเป็นโรบินฮู้ด (คนที่แอบอยู่ในต่างประเทศไม่กลับประเทศ)
แต่แค่วีซ่านี้คือเราห้ามออกจากประเทศ หากออกแล้วกลับเข้าอเมริกาไม่ได้อีก ต้องกลับไปทำวีซ่าใหม่ที่ไทยเลยละ
-พอเสร็จก็จองตั๋วเครื่องบินค่ะ จองแต่เนิ่นๆจะถูดค่ะ เช็กราคาหลายๆที่ ของเราที่ซื้อตอนนั้น 32,000 ค่ะ
ไปกลับ เราลง Washington Dulles International Airport มีเปลี่ยนเครื่องที่เกาหลีค่ะ
-บินไปถึงจะมีคนรอรับไปที่บ้านพักค่ะ ปรับตัวเจ็ทแลคกันหนึ่งคืน วันรุ่งขึ้นต้องไปรายงานตัวที่Six Flags ทันทีค่ะ
-หลังจากนั้นก็ต้องทำ social security code คล้ายๆกับทำบัตรประชาชนเนี่ยละค่ะเราก็จะได้เลขมากับเอกสาร
-รายงานตัวที่ที่ทำงานวันแรก เขาจะให้เรานั่งฟังประวัติ,นโยบาย,วิธีการบริการลูกค้า,มีตำแหน่งอะไรบ้าง,
ตำแหน่งแต่ละตำแหน่งทำอะไร ,ให้เรากรอกข้อมูลส่วนตัวลงคอมบริษัท,แล้วก็..
-มาถึงเวลาเลือกงาน สำหรับสวนสนุกมีงานอยู่4ประเภท
1.ride
2.food
3.game
4.retail
ขอบอกไว้ก่อนว่า อย่าหวังว่าจะได้ทำงานกับเพื่อน แม้จะเลือกลงตำแหน่งเดียวกันก็เถอะ
เพราะมันยากมาก ที่เขาจะมานั่งแคร์ว่าต้องให้คนนี้ทำที่เดียวกับคนนี้นะ ไรงั้น
จากประสบการ์ณที่มีมา และสนิทกับเพื่อนๆในโครงการหมด
รับรู้อย่างถ่องแท้ว่า (แค่ที่นี่รึเปล่าไม่รู้นะ)
Ride เป็นงานที่โครตตตตตสบาย ว่างมากๆ อยู่ท่ามกลางอากาศร้อนๆหนาวๆตามแต่สภาพอากาศอันผันผวนจะพาไป
เวลายุ่งก็ยุ่งจริงๆ คนมาต่อแถวจะเล่นอย่างยาว(แล้วแต่ว่าคุมเครื่องเล่นไรฮอตไหม) ต้องคุมคนเดียวทุกอย่าง
ตั้งแต่เปิดประตู,กำหนดจำนวนคน,เช็กความปลอดภัยของผู้เล่น,ชูมือทำสัญพร้อม(อันนี้เขาจะมีสอน),
บังคับเครื่องเล่น,ล็อกเครื่องเล่น) ต้องการคนที่ friendlyนะค่ะ
Food เป็นงานที่หนักมากๆ และสำหรับความจริงที่เรารับรู้คือ มันไม่ได้ได้ทิปอย่างที่เราคิด
ถึงลูกค้าจะจ่ายเงินเกินคนที่เป็นแคชเชียก็ต้องเก็บเข้า drawer(หมายถึงที่เก็บเงินหน่ะ)
งานก็เปลี่ยนทุกวัน วนทำไปทำมาอยู่ในร้าน เดี้ยวทำหลังร้าน เดี้ยวห่อแฮมเบอเกอ
เดี้ยวเป็นแคชเชียร์ เดี้ยวทอดฟรายทอดไก่ ตามแต่บุญยถากรรมนำท่านไป
เยนๆต้องทำความสะอาดร้าน ทิ้งขยะ อารมร้านอาหารเลย
ปล.งานนี้หนัก และจากที่ดูจากสลิปเงินเดือนทุกเดือนของเพื่อนทุกตำแหน่ง
food ดูจะได้เงินเยอะสุด เพราะมักจะมีOTให้ทำ และงานก็เยอะต้องทำงานหนักหน่อย แต่ถ้าชอบก็โอค่ะ
ต้องการคนสะอาด+เฟรนลี่+รวดเร็ว
Games คิดถึงซุ้มเกมงานวัดบ้านเราสิ มันอารมนั้น แต่ของเขาดูดีกว่านะ มันจะมีซุ้มเกมหลายเกมมาก
ปาบอล ปาลูกโป่ง ฮิตสุดก็โยนบาส(3ลูก1$) โยนห่วง ปาเป้า หน้าที่ของพนักงานคือ ส่งเสียงใส่ไมค์
(ที่มีบ้างไม่มีบ้างแล้วแต่ซุ้ม) แล้วเรียกลูกค้า หลอกล่อทุกวิถีทางให้มาเล่นเกม
ยืนเฉยๆโดนsuperviser ว่านะค่ะบอกก่อน ต้องการคนเฟรนลี่แบบสุดๆค่ะ ภาษาต้องได้จริงๆ ไม่งั้นจะเรียกลูกค้ายังไงละเนอะ
Retail งานสุดท้าย งานหนักไม่หนักขึ้นอยู่กับความฮอตของร้านที่ไปทำ ตำแหน่งนี้มันท้าทายที่ว่า
หน้าที่เราจะเยอะมาก เหมาะกับคนalert อย่างเราที่สุด หน้าที่คือ
- เป็นแคชเชียร์ เอาเงินทุกเช้า นับเงินตอนเย็น รอsuperviserเซ็นรับด้วย ตอนนับเงินเขาต้องอยู่ดู
-คอยเติมของ ของอะไรหมดก็ต้องเดินไปหลังร้าน(อย่างไวที่สุด!) เอาของแล้วออกมา เพราะทั้งร้าน เราต้องคุมคนเดียว
-คอยสอดส่ายสายตาดูลูกค้าเสมอ ขโมยเป็นเรื่องที่เราต้องคอยดูเสมอ ซวยหน่อยได้ร้านใหญ่ ทำคนเดียว ก็ต้องเดินตรวจตราบ่อยๆ
-คอยเดินจัดของที่ไมาเป็นระเบียบเนื่องจากถูกลูกค้ารื้อ ซวยหน่อย ก็ทำร้านเสื้อผ้า
เพราะเวลาพับเสื้อเขาจะมีแผ่นพับแล้วต้องพับตามสเตปเขาให้เสื้อออกมาสวยเหมือนกัน (เราชอบพับมาก มันเพลินดี)
-ท้ายทายหน่อย ทำร้านขายลูกอม เค้ก จะมีลูกค้ามาชิม ต้องคอยถามชิมไหม รสไร รสนี่ไหม
คอยเชียร์ แนะนำ เราต้องเคยชิมนะ ไม่งั้นอธิบายไม่ได้ ส่วนลูกอม เราต้องเอามาชั่งแล้วคิดตามน้ำหนัก ไม่สามารถสแกนตื้ดๆแบบสนุกๆได้
-คอยตอบคำถามลูกค้า เวลาเขาถามทาง ถามเรื่องสวนสนุก ต้องตอบได้
-คอยถามเรื่องส่วนลด บัตรที่สามารถใช้ลดได้ แพคเกจที่สามารถซื้อได้เพื่อลดสินค้านู่นนี่
-บางวันเจอsuperviser อารมแปรปรวน เขาจะตั้งเป้าให้เรา อ่ะ วันนี้youต้องพยายามขายนาฬิกาพวกนี้ให้ได้20เรือนนะ ไรงี้ ปึง! จะยืนยิ้มเฉยๆไม่ได้แล้วสิเรา
-คอยทำความสะอาดกวาดถูพื้น ซวยหน่อย เป็นร้ายที่มีน้ำกดขายด้วย เด็กๆนี่กดกันเพลินลืม ล้นบ้างน้ำกระฉอก ไม่มีนาทีได้พื้นตรงนั้นไม่เปียก =_=
สิ่งที่เราชอบสุดๆอย่างหนึ่งสำหรับการทำงานในสวนสนุกคือ
-งานเราจะเปลี่ยนไปทุกวัน เวลาเราไปเซ็นบัตีเข้าทำงานของพนักงาน ก็จะได้ลุ้นทุกเช้าว่าจะได้อันที่ชอบหรือไม่ชอบ หนักไม่หนัก
-วันนี้ขายของร้านนี้ พรุ่งนี้อาจได้ทำร้านเดิมหรือย้ายร้าน วันนี้คุมเครื่องเล่นนี้ วันต่อไปคุมอีกเครื่องเล่น เกมก็ด้วย ย้ายซุ้มไปเรื่อย
***ยกเว้น food ไม่ได้ย้ายค่ะ ทำงานร้านนั้นทั้งชีวี เบื่อกันไปข้าง
(ส่วนตัวเราไม่ชอบงานfoodหน่ะ 555)
ทุกตำแหน่งที่ต้องถือเงิน (food cashier,game,retail) ต้องไปเอาเงินตามจำนวนเดิมเป๊ะๆทุกเช้า หลังเซ็นบัตรเข้าทำงาน
แล้วต้องเอามาคืนทุกเย็นหลังสวนสนุกปิด พร้อมกับนับเงินมาแล้วด้วยค่ะ แยกเหรียญ แยกแบวค์
ปิดผนึกซองเงิน แล้วเดินด้วยท่าที่ถูกสั่งมาให้เดินเวลาถือถุงเงิน หรือ ถือ drawer
ที่นี่ พนักงานที่ทำงานดี จะได้ red dot ค่ะ เป็นกระดาษสี่เหลี่ยมสีแดงลายน่ารักมีสัญลักษณ์sixflags
มีติ้กให้คะแนน แล้วคอมเม้น แล้วลงชื่อโดยsuperviser(ซึ่งมีหลายคน ควบคุมแต่ละโซนในสวนสนุก)
แต่ละสายงานก็จะมีคนละ5-6superviserได้ บางสายก็น้อยกว่า บางสายก็เยอะกว่า คุมอยู่แต่ละโซนของสวยสนุก
supervisorคนนึงดูแล10ร้านก็ว่าไป ไรงี้
เรื่องดีๆที่เจอ(washington dc)
-คนเมกาเขาเฟรนลี่มากเลย ไม่รู้จักกันก็ยิ้ม hey what's up กันได้
-ที่นีส่วนใหญ่มีแต่คนดำนะค่ะ แต่เขาไม่ำด้ร้ายกันเหมือนในหนังเลย ค่อยข้างเฟรนลี่มากด้วยซ้ำ
-เที่ยวแบ๊กแพ็คที่นี่มันฟินมากค่ะ เป้าใบเดียวไปทุกที่ นอนโมเทลแสนถูก
(ชายหญิงนอนรวมกันเป็นเตียง2ชั้นหลายๆเตียงใน1ห้อง)
-เงินเดือนได้มา เที่ยวได้เป็น10รอบ เราตั้งใจจะเอาเงินมาไปใข้ชีวิตครั้งนึงในอเมริกาให้คุ้มอยู่แล้วค่ะ
เน้นเที่ยว เปิดโลกกว้างให้ตัวเอง ไม่เน้นช้อปเน้นเก็บ
-ไปนิวยอก2รอบ (น้ำตกไนแองการ่า,ไทมสแคว์,เกาะแมนฮัตตันดูเทพีเสรีภาพ บลาๆๆ)
-ฟิลาเดเฟีย
-ฟลอริดา(บินไปorlando)เข้าดิสนีย์
-บอสตัน
-นิวเจอซี่ (ไปเล่นsix flagsที่นั่น มี kingda ka ,the tallest and fastest roller coaster in North America อยู่ค่ะ)
ปล.เข้าsix flags ฟรีทุกสาขาค่ะ เป็นสวัสดิการถ้าเป็นพนักงานเขา >_< ฟิน
-ช้อปเพลินลืมเลยละ เมกา ถิ่นกำเนิดแบรนเป็นล้าน
-ของกินอร่อยเยอะมากก
-เคยตกเครื่องที่florida ที่เมกา เขาไม่คิดเงินค่าย้ายไฟล์ทเราเลยเขาน่ารักมาก
เพราะเราดูอับจนหนทางจริงๆ เขาเลยแยกเราไปกันคนละไฟล์ทที่ยังว่าง เพื่อกลับDC
-รถเมล์ที่นั่นตรงเวลามาก ชอบๆ
ข้อเสียที่เจอ
-คนดำเหยียดเอเชีย เจอแค่3คนนะที่เดินมาเป็นกลุ่ม นอกนั้นไม่เจอเลย ที่นี่เหยียดกันน้อย
-เคยไม่มีรถเมล์นั่งกลับบ้านกันทุกคนในโครงการ 30คนเดินกลับบ้านดึกๆ เพราะทำot ไม่มีคนรับ
ไม่มีsupervisor ที่มีชื่อระบุไว้ในสัญญาว่าจะคอยดูแลหากไม่มีรถกลับ
-อาหารญี่ปุ่นอยากกินทีโครตแพงง
-เวลากดคิดเงินอะไรผิด หรือลูกค้าเอาของแล้วบอกไม่เอา ถ้าเราจะแคนเซิล
ต้องโทรเรียนsupervisor มาใส่รหัส กับสแกนบัตรพนักงานเขา โทรเท่าไหร่เขาก็ไม่มา
จนแถวลูกค้าเรายาวออกไปนอกร้าน แล้วทั้งร้านมีเราอยู่คนเดียว ทำอะไรไม่ได้นอกจากโทรๆ
เครื่องมันจะกดไม่ได้เลยถ้าต้องแคนเซิล เราเข้าใจว่าเขายุ่งต้องดูแลหลายร้าน นั่นยิ่งเป็นช่วงสวนสนุกใกล้ปิดด้วย
ตอนนั้นเราโดนลูกค้ารุมด่าจนร้องไห้ superviserมาเห็นก็รีบเคลียร์สถานการ์ณ เขาทำให้หมด จนลูกค้าหมด
เขาก็มาปลอบเรา พอหลังจากนั้น เขาก็ค่อยข้างมาคอยดูแลเรามากขึ้น คงเพราะเราไปดราม่าโชว์มั้ง 555
-เวลาเราไปทำงาน มันจะมีข้อตกลงอยู่ในสัญญาว่าเราจะได้การันตีชั่วโมงในการทำงาน เท่านี้ๆต่อweek
ดังนั้น superviser เขาต้องไล่พนักงานที่เป็นlocal people กลับบ้าน เวลาเรามาทำงาน คนนั้นที่ถูกไล่
เขาก็จะไม่ชอบเรา แล้วแบบ เราไปแย่งงานเขา แล้วเขาก็ต้องกลับบ้าน ได้ทำแค่ชั่วโมงแค่นั้นก่อนเรามา
นั่นทำให้มีพนักงานหลายคนไม่ชอบเด็กไทยเหมือนกัน
คิดไม่ออกว่าจะเล่าอะไรแล้ว เอาเป็นว่า อยากรู้เรื่องอะไร ถามกันได้น้า เรายินดีเล่า
มันเป็นประสบการ์ณที่ถ้าได้เล่าให้คนที่อยากจะฟัง อาจจะมีประโยชน์อะไรกับใครได้มั้ง :>