[Rerun]รวมความรู้ที่แทรกอยู่ในละครไทย

คุณรู้สึกอย่างไรบ้างครับเวลามีคนบอกว่าละครไทยไร้สาระ?
คุณรู้สึกอย่างไรบ้างเวลามีคนบอกว่าพวกบ้าละครไทยสมองกลวง ดูแต่ละครตบตีแย่งผัวแย่งเมียกัน?

ส่วนผม ผมอยากบอกว่าผมได้อะไรมากมาย นอกจากความฟิน ความสนุก
สาระทางวิชาการที่สอดแทรกอยู่ในละคร มีละครหลายๆเรื่องที่สอดแทรกสาระพวกนี้อยู่ อาจจะทางตรง ทางอ้อม ที่เราต้องไปศึกษาเพิ่มเติม
ซึ่งอยู่กับว่าเราจะเอาไปต่อยอดได้แค่ไหน

ผมเป็นคนนึงที่ได้ยินอะไรแปลกๆแล้วชอบเอาไปเสิร์ชหา ซึ่งสมัยนี้หาได้ง่ายมากครับ google บอกเราได้ทุกอย่างจริงๆ
พอมานั่งนึกๆ สาระในละครมันก็มีอยู่เยอะนะครับ จึงอยากรวบรวมเอามาแชร์กับเพื่อนๆครับ



เกร็ดความรู้จากละคร ลูกทาส : กลุ่มอั้งยี่




ในสมัยรัชกาลที่ 5 แม้ว่าจะมีการปฏิรูปที่สำคัญหลายอย่างที่ทำให้ประเทศไทยเจริญยิ่งขึ้น แต่คนชั่ว คนโกง ก็ยังคงแอบซ่อนอยู่ในสังคมในอย่างแนบเนียน กลุ่มคนพวกนี้มีหลายกลุ่ม หลายก๊ก และหนึ่งในนั้น คือกลุ่มที่ผมกำลังจะเล่าให้ท่านผู้อ่านได้รับรู้นี่แหล่ะครับ  ซึ่งพวกเขาก็คือ  "กลุ่มอั้งยี่" นั่นเอง

ในละครเรื่อง ลูกทาส อั้งยี่ถือเป็นศัตรูตัวฉกาจของกลุ่มตัวเอกเลยก็ว่าได้ แต่รู้มั้ยครับว่า พวกเขา มีความเป็นมาัยังไง? และกลายเป็นส่วนหนึ่งในสังคมไทยได้ยังไง?

คำว่า "อั้งยี่" นั้น ทุกคนมักเข้าใจว่า เป็นกลุ่มสมาคมลับของจีนที่ทำเรื่องผิดกฏหมายเพียงอย่างเดียว แต่ความเป็นจริงแล้ว ในตอนแรก อั้งยี่ คือ สมาคมที่คนจีนตั้งขึ้นเพื่อช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ทั้งด้านความปลอดภัย และ ด้านธุรกิจ มีมาตั้งแต่สมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น แต่ในภายหลัง วิธีการของสมาคมนี้เริ่มเปลี่ยนไปในทางที่มิชอบด้วยกฏหมาย เริ่มตั้งแต่ เก็บค่าคุ้มครอง ชิงเขต หรือ ยืดพื้นที่ จึงทำให้ สมาคมอั้งยี่ มีภาพลักษณ์ตามที่เราเห็นในสื่อปัจจุบัน

อั้งยี่ เริ่มก่อเหตุครั้งแรกช่วงปี พ.ศ. 2390 ด้วยการลับลอบนำฝิ่นเข้ามาขายให้คนไทย จึงทำให้คนไทยติดฝิ่นเป็นจำนวนมาก นับแต่นั้นมา คนไทยเริ่มไม่ไว้ใจ และ เห็นว่า พวกอั้งยี่ เป็นตัวอันตราย จนกระทั่งในปี 2410 ซึ่งตรงกับ รัชกาลที่ 4 แก๊ง อั้งยี่ 2 ก๊ก ได้ก่อสงครามกันขึ้นเพื่อแย่งชิงสายน้ำแร่ดีบุก ทำให้ทางการภูเก็ตต้องขอกำลังเสริมจากกรุงเทพ เพื่อระงับเหตุดังกล่าว อั้งยี่ ทั้ง 2ก๊ฏ รู้ดีกว่า กำลังพลของพวกตนมิอาจต้านทานกำลังเจ้าหน้าที่บ้านเมืองที่มากกว่าได้ จึงได้ยอมจำนนแต่โดยดี นับแต่เหตุการณ์นั้นมา จึงได้มีการปราบปรามพวกอั้งยี่ในไทยอย่างต่อเนื่อง  และ ตรวจตราพวกชาวจีนในไทยอย่างหนัก เรียกได้ว่า สมัยนั้น แทบไม่มีใครไว้ใจคนจีนหน้าไหนเลย

ในสมัยนั้นการปราบปรามอั้งยี่ เข้มงวดมากครับ ใครที่ประพฤติตัวเข้าข่ายว่าเป็นพวกอั้งยี่ จะถูกนำตัวไปสอบสวนทันที โดยไม่มีการซักถามใดๆทั้งสิ้น การสอบสวน ก็มีหลายระดับ ไปตั้งแต่ สอบปากคำ ควบคุมตัว รุมซ้อม หรือ ขังลืมไปเลยก็มี


แก๊ง อั้งยี่ มีด้วยกันอยู่ สองประเภท ดังนี้


พรรคเทียนตี้ หรือ ที่คอหนังจีนรู้จักกันดีในนาม "พรรคฟ้าดิน"  เป็นพรรคที่ก่อตั้งโดยพระสงห์ 5 รูป ซึ่งเรียกว่า "บุรุษทั้ง5" แห่ง วัดเส้าหลิน ในสมัยราชวงศ์ชิง โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อ โค่นล้ม ราชวงศ์ชิงและฟื้นฟู ราชวงศ์หมิงขึ้นมาอีกครั้ง 1 ในพระสงฆ์ 5 รูปนั้น เป็นที่รู้จักกันดีสำหรับคอหนังจีน เขาคือ "ปึงซีเง็ก" นั่นเอง

พรรคซันเหอ เป็นพรรคที่แยกตัวมาจากพรรค เทียนตี้ เพื่อช่วยเหลือเกื้อกูลชาวจีน ที่ไปอยู่ต่างบ้านต่างเมือง แต่ต่อมาไม่นาน สมาชิกพรรคนี้ได้ก่อเหตุการณ์ไม่สงบในพื้นที่ต่างๆที่ตนไปอยู่ จนทำให้ถูกไล่ล่า และ ปราบปรามไปมากมาย

ซึ่งพวกอั้งยี่ ที่ พ่อแก้ว เจอในละครลูกทาส เป็นหนึ่งในสมาชิกของพรรคซันเหอครับ

ปัจจุบันอั้งยี่ไม่เป็นที่พบเห็นอีกแล้วในสังคมไทย แต่ คนบางส่วนลงความเห็นว่า พวกเขาแฝงตัวไปกับธุรกิจต่างๆ ซึ่งทั้งถูกกฏหมายและผิดกฏหมายในแต่ล่ะที่ (คล้ายๆกับ ยากูซ่า ของญี่ปุ่น)

เป็นยังไงกันบ้างครับ ประวัติของอั้งยี่ น่าสนใจกันไหมครับ

พวกเขาอาจจะแทรกซึมอยู่ในสังคมเรามานานแล้วครับ
มีตั้งแต่ สมาคมตระกูล นั้น ตระกูล นี้ อาจจะรวมไปถึง ธุรกิจต่างๆ ที่เข้ามาทำในไทยด้วย

อันที่จริงบางกลุ่มเขาก็อาจจะไม่มีเจตนาร้ายอย่างที่เราคิดก็ได้
แต่เพราะกลุ่มพวกเขาส่วนใหญ่(เยอะมาก) ประพฤติไปในทางที่มิชอบ
คนส่วนใหญ่จึงอาจจะเหมารวมว่า พวก อั้งยี่ เป็นพวก อาชญกร ไปเลยก็มี

เครดิต[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้




เกร็ดความรู้ที่ 2 สำนวนรักยาวให้บั่น รักสั้นให้ต่อ จากเรื่องทวิภพ

เป็นสำนวนที่เข้าใจยากพอสมควรเลยครับ
สำนวนนี้ตีความได้อย่างนี้ครับ

สำนวน "รักยาวให้บั่น รักสั้นให้ต่อ" เข้าใจว่าจะมีมูลมาจากทีฆีติโกศลชาดก แปลความหมายรวบให้สั้นเข้า "รักยาวให้บั่น" ก็คือ เมื่อเห็นแก่การจองเวร หรือพอใจ หรือรักที่จะจองเวรแล้ว ก็ให้เลิกไม่คิดจองเวร คือ ให้บั่นเสีย จะได้ไม่มีเวรกันต่อไป ส่วน "รักสั้นให้ต่อ" ก็คือรักจะทำอะไรโดยคิดแต่เพียงสั้นๆ แล้วอย่าทำ ให้คิดต่อไปให้ยืดยาว เช่น ทีฆาวุกุมาร ถ้าคิดสั้นฟันพระเจ้าพรหมทัดลงไปทันที ก็จะต้องไม่ได้แคว้นโกศลคืน ฯ


" รักยืนยาวย่อมต้อง ตัดทอน โกรธนอ
ผิดอย่ากวนตะกอน ก่อซ้ำ
หากยังยั่วรานรอน รักบั่น บอกมา
รักยั่งยืนยาวย้ำ ย่อมเว้นบาดหมาง "

- "รักยาว" คือต้องการให้เรื่องเป็นไปโดยราบรื่น ไม่ติดขัด ไม่สะดุดจะเป็นการดำเนินธุรกิจ การคบเพื่อน การปฏิบัติงาน หรือเรื่องอะไรก็ตาม
- "ให้บั่น" คือให้ตัดหรือทอนส่วนที่ขัดข้อง ความกินแหนงแคลงใจเรื่อเล็กน้อยนั้นเสีย ไม่ต้องถือ เป็นอารมณ์
- "รักสั้น" คือต้องการให้เรื่องสิ้นสุดแค่นั้น แตกหักหรือดำเนินต่อไม่ได้
- "ให้ต่อ" คือให้ต่อความยาวสาวความยืดต่อไป ให้นำมาพิจารณาให้ถกเถียง ให้ถือเอา ให้ว่ากันต่อไป

หากรักจะคบกันต่อไป ก็ให้ตัดเรื่องราวนั้นเสีย โดยไม่ถือโทษโกรธเคืองไม่โต้เถียงเป็นต้น ลักษณะนี้คือ รักยาวให้บั่น แต่หากรักทางสั้น ไม่ต้องการคบกันอีก ต้องการให้แตกหักกันเลยก็ให้ต่อเรื่องออกไป ลักษณะนี้คือ รักสั้นให้ต่อ

เครดิต[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

สำหรับใครอยากศึกษาเพิ่มเติมเรื่อง ทีฆีติโกศลชาดก ก็ตามลิ้งนี้ไปเลยครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้




เกล็ดความรู้ที่ 3 มาจากเพลงประกอบละคร แต่ปางก่อน



คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ


จากคำว่าอสงไขยในเพลงประกอบละคร แต่ปางก่อน เวอร์ชัน ศรราม-แอน ทองประสม
คำว่าอสงไขยเป็นคำที่มาจากความเชื่อของศาสนาพุทธเช่นกัน





สรุปได้ว่า อสงไขย คือ 10140
อสงไขยปีคือ 10140 ปี
ถ้ามีคนบอกคุณว่าเขาจะรักคุณตราบอสงไขยเวลา มันคงฟังดูเก๋ไม่เบาเลยนะครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่