สภาประชาชน พัฒนาการล่าสุดของ “อั้งยี่”

กระทู้สนทนา
.....ประวัติศาสตร์ไทยบอกไว้ว่า อั้งยี่ คือ สมาคมลับของคนจีนที่มาอาศัยในประเทศไทยตั้งและรวมตัวกันเพื่อช่วยเหลือเกื้อกูลกันประสาผู้พลัดบ้านเมืองมาจากประเทศจีน ครั้นต่อมากระทำการอันละเลยขอบเขตอันชอบด้วยกฎหมายของบ้านเมือง กลายเป็นการพยาบาท แก้แค้นกัน บังคับกันโดยพลการ ทางการจึงต้องออกพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการกระทำในลักษณะอั้งยี่เมื่อ ร.ศ.116 และใช้บังคับแก่คนที่ทำผิดในลักษณะนั้น แม้เรียกเป็นภาษาจีนอยู่แต่คงใช้บังคับชนชาติอื่นรวมทั้งชาติไทยด้วย มิใช่บังคับเฉพาะชาวจีนเท่านั้น

        อั้งยี่ เป็นคำในภาษาจีน หมายถึง สมาคมที่คนจีนตั้งขึ้น เพื่อช่วยเหลือกันและกัน โดยมีวิธีดำเนินการ ทั้งที่ชอบ และ มิชอบด้วยกฎหมาย เช่น เรียกค่าคุ้มครอง จากสมาชิก หรือ ผู้อื่น บางครั้ง เมื่อผลประโยชน์ขัดกัน ก็มีการต่อสู้ ฆ่าฟันกัน ทำให้ประชาชน พลอยเดือดร้อนไปด้วย ประเทศไทยได้มี กฎหมายปราบปรามอั้งยี่ ร.ศ. 116 คำว่าอั้งยี่ จึงใช้ในภาษาไทย มานานแล้ว เป็นคำที่รู้จักกันดี

        คณะบุคคล ดังกล่าวนี้ อาจมีชื่อเรียก แตกต่างกันไป ในแต่ละประเทศ เช่น กลุ่มมาเฟียในประเทศอิตาลี หรือ แก๊งยากูซ่าในประเทศญี่ปุ่น เป็นต้น

        จุลศักราช 1210 ปีวอก สัมฤทธิศกปีที่ 29 รัชกาลพระบาท สมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว เกิดเหตุร้ายที่ฉะเชิงเทรา พวกอั้งยี่ยกไปปล้นโรงหีบหลงจู๊เล่าฮี้ ฆ่าหลงจู๊เล่าฮี้ตาย (หลงจู๊เล่าฮี้คนนี้ มีตำแหน่งเป็นขุนกำจัดจีนทลาย นายอำเภอใหญ่แปดริ้ว) อั้งยี่กำเริบเสิบสานถึงปานนี้ ทางการหรือจะทนอยู่ได้ พระยาวิเศษฤาไทย ผู้ว่าราชการเมือง จึงคุมกำลังออกปราบ เกิดสู้รบกันรุนแรง แต่สู้อั้งยี่ไม่ได้ พระยาวิเศษฤาไทยตายในที่รบ วันจันทร์ เดือน 5 ขึ้น 7 ค่ำ พวกอั้งยี่ก็บุกเข้ายึดเมืองฉะเชิงเทรา จับเอาตัวท่านผู้หญิงหุ่น ภรรยาพระยาศรีราชอากร (ขลิบ) เป็นตัวประกัน ชาวเมืองแตกตื่นหนีอั้งยี่เข้าป่า

        ความทราบถึงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โปรดให้มีท้องตรา ไปถึงเจ้าพระยาพระคลัง (ดิศ) สั่งให้ทิ้งงานชำระสะสางอั้งยี่ที่ราชบุรี ไปแก้ปัญหาอั้งยี่ที่ฉะเชิงเทรา ขณะเจ้าพระยาพระคลัง ยกกำลังออกจากพระนครเดินทางไปทางน้ำ ก็มีคำสั่งให้พระอินทรรักษายกกำลังจากพนัสนิคม เดินทางไปทางบก วางงานให้กระหนาบโอบหลังล้อมอั้งยี่เอาไว้ ประจวบกับเวลาเจ้าพระยาบดินทรเดชา (สิงห์) เดินทัพกลับจากเขมรและญวน ทราบข่าวก็หยุดพักทัพอยู่เหนือเมืองฉะเชิงเทรา คุมเชิงไว้อีกชั้น

        แต่แรกเมื่อทัพเรือเจ้าพระยาพระคลัง ส่งเจ้าหมื่นไวยวรนารถ ยกทัพลำลองเข้าไปโจมตี พวกอั้งยี่ซึ่งคุมพลนอกกำแพงเมืองและตามโรงหีบน้ำตาลหลายแห่ง ทำท่าจะสู้ แต่เมื่อรู้ว่ามีสองกองทัพใหญ่มารุมกระหนาบ ก็ไม่คิดสู้ แตกหนีเอาตัวรอด ทางการก็ไล่ตามจับ เผาโรงหีบไล่ออกมาแล้วฆ่าตายไปเป็นจำนวนมาก หลบหนีไปก็ไม่น้อย คราวนี้ก็ถึงทีพวกอั้งยี่ที่ยึดเมือง สถานการณ์นั้น ข่าวทางการมีว่า จีนเซี่ยงทอง เป็นตั้วเฮีย จีนบู๊ เป็นยี่เฮีย

        แต่เมื่อเข้าที่คับขัน จีนเซี่ยงทอง ตั้วเฮีย ก็ส่งท่านผู้หญิงหุ่น ตัวประกัน ออกมาเจรจาสารภาพว่า ตัวจีนเซี่ยงทองนั้น ไม่ใช่ตั้วเฮีย(ลูกพี่ใหญ่)ตัวจริง แต่ถูกจีนบู๊(ผู้ที่เป็นหัวหน้าใหญ่ตัวจริง) บังคับให้เล่นบทตั้วเฮีย เจ้าพระยาพระคลัง จึงส่งทหารกำกับจีนเซี่ยงทองไปจับจีนบู๊ ตั้วเฮีย อั้งยี่ตัวจริงได้ และเมื่อจับตัวหัวหน้าอั้งยี่ได้แล้ว ลูกน้องอั้งยี่ก็หนีกระเจิดกระเจิง ทางการไล่ตามจับตัว พวกอั้งยี่ที่จับได้ ก็คุมตัวเข้าพิจารณาโทษในกรุงเทพฯ ระดับหัวหน้าคดีมีมูลความผิดร้ายแรง ก็ให้ลงโทษถึงประหารชีวิต

        ส่วนระดับลูกน้องที่มีโทษสถานเบา ก็ให้สักเป็นตัวอักษรไทย แก้มหนึ่ง สักเป็นอักษรจีนอีกแก้มหนึ่ง เป็นคำว่าตั้วเฮีย แล้วให้ปล่อยตัวไป

        นาย ประยุทธ์ สิทธิพันธ์ เขียนทิ้งท้ายไว้ในหนังสือ ศาลไทยในอดีตว่า มูลเหตุเดียวที่พวกจีนชุมนุมก่อความวุ่นวาย เพราะโกรธแค้นที่รัฐบาลห้ามไม่ให้สูบฝิ่น  

        อั้งยี่ จริงๆเป็นสมาคมลับที่เกิดขึ้นมาตั้งแต่สมัยรัตนโกสินทร์ ตั้งขึ้นด้วยวัตถุประสงค์จะช่วยเหลืออนุเคราะห์กลุ่มชาวจีนด้วยกันเอง ต่อมาสมาคมเหล่านี้ดำเนินงานอย่างไร้ระเบียบ ก่อปัญหารุนแรงขึ้นหลายครั้งจนทางการต้องใช้อำนาจขั้นเด็ดขาดเข้าจัดการ สมาคมอั้งยี่ลักลอบนำฝิ่นเข้ามาขายในประเทศไทย ซึ่งในเวลานั้นมีคนไทยและจีนติดฝิ่นเป็นจำนวนมาก ในปี พ.ศ. 2390 พวกอั้งยี่ก่อเหตุขึ้นครั้งแรก ซึ่งทำให้ฝ่ายไทยเริ่มไม่ไว้ใจคนจีนตั้งแต่นั้นมา

        แต่อั้งยี่ 2556 มีพัฒนาการที่ก้าวล้ำไปกว่านั้น แต่ยังมีเจตนาคล้ายคลึงของเดิม คือตั้งขึ้นเพื่อช่วยเหลือพรรคพวกตัวเอง ซึ่งอังยี่ยุคใหม่เห็นคนเมืองและคนชั้นกลางเป็นพวกพ้อง แต่วิธีการผิดไปจากเดิม เพราะการจะใช้สิ่งผิดกฎหมายอย่างฝิ่น มาเป็นจุดรวมของมวลชนเหมือนในสมัยก่อนคงไม่ได้รับการยอมรับของสังคม กลุ่มชนชั้นนำของ อังยี่ ในสมัยนี้จึงคิดหาหนทางล่อหลอกเอามวลชนในสังคมส่วนหนึ่งมาเป็นเครื่องมือของตัวเอง กำลังพลของ อังยี่ 2556 จึงไม่ต้องหลอกล่อด้วยฝิ่น แต่หลอกล่อด้วยอุดมการณ์การที่สวยหรู ใช้คำที่โก้เก๋ “คนดี”บ้างล่ะ “ต้านโกง” บ้างล่ะ “รักพ่อ” บ้างล่ะ

        แถมอังยี่ 2556 ยังมีแผนสถาปนาตัวเองขึ้นเป็นองค์กรควบคุมอำนาจอีกด้วย ตั้งชื่อแล้วเสร็จสรรพว่า “สภาประชาชน” ไม่เหมือนสมัยก่อนที่จัดตั้งเป็นสมาคมลับ หลบเร้นจากสายตาเจ้าหน้าที่บ้านเมือง

        ยังไม่รู้ว่าจุดจบของอังยี่รุ่นใหม่จะจบเหมือนในอดีตที่ผ่านมาหรือเปล่า และยังไม่รู้ว่าอังยี่ปัจจุบันจะมีแผนเหมือนในอดีตหรือเปล่า ที่มีการวางบทสลับซับซ้อนกันในตำแหน่งหัวหน้าใหญ่ ปี 2556 ตั้วเมือกที่ตะโกนป่าวๆอยู่นี้ ใช่ ตั้วเฮีย(ลูกพี่ใหญ่)ตัวจริงหรือเปล่า หรือจะเป็นแค่เป้าล่อให้ ตั้วมาร์ค ซึ่งเป็นตั้วเฮียตัวจริง นั่งกระดิกเท้าหลุดรอดความผิดฐานกบฏ

        อยากรู้จริงๆ อั้งยี่ 2556 จะมีจุดจบอย่างไร


แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่