วันนี้ นับจากเป็นครั้งที่ 2 ที่ไปพบแพทย์เองและรับประทานยามานับมาเป็นเวลาเกือบจะสองปีละ
ช่วงที่ห่างหายไป ก็ยังใช้ชีวิตปกติ ทำงาน รับประทานยา หยุดดื่มอัลกอฮอล์ ภาวะภายในใจในช่วงนั้น
บอกได้คำเดียวว่าแย่มากๆ แต่พยายามฝืนทำตัวปกติที่จะออกไปทำงาน เพราะอยู่ในบ้านยิ่งทำให้
อาการหดหู่มากขึ้นสุดบรรยาย (คงไม่สามารถอธิบายเป็นตัวหนังสือให้เข้าใจได้หากคุณไม่เคยมีปสก.)
ช่วงเวลาที่แย่สุดๆ ในสมองไม่สามารถสลัดเรื่องเลวร้ายแย่สุด เช่น เศรษฐกิจ ชีวิต กลัวอดีต กังวลปัจจุบัน
กลัวอนาคต รู้สึกชีวิตไม่มีความหมาย แต่สติมีคือรู้ว่ามันคืออาการและก็ไม่อยากตายทั้งที่สมองมันสั่งว่า
ชีวิตไม่เหลืออะไรละ (จริงๆ แล้วมันไม่ได้เป็นอย่างที่คิด อาการของโรคมันสั่งให้รู้สึกอย่างนั้น โรคบ้าๆ)
คนที่อยากเจอที่สุดคือคุณหมอ เพราะคุณหมอคือคนที่เข้าใจที่สุด (ถึงแม้หมอจะไม่เคยเป็นนะ 555)
มีเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ในนี้ หลังไมค์มาถามเรื่องยา อาการวิธีดำเนินชีวิต บ่อยๆ โดยการเสริชจากกระทู้เก่าของผม
ก็เลยอยากแชร์ประสบการณ์ในคนที่กำลังประสบปัญหาเดียวกันฟัง
1. เมื่อรู้สึกตัวเบื่อชีวิต แบบไร้สาเหตุ ไม่มีสมาธิ มองโรคในแง่ร้าย ชีวิตสิ้นหวัง หดหู่ ไม่อยากแต่งตัว
อยู่บ้านก็เบื่อ ออกไปข้างนอกกระเบื่อ กระวนกระวายในจิตใจ เหงาแบบประหลาด แบบสุดบรรยาย
เป็นนานเกินกว่าจะหาย แนะนำว่าไปปรึกษาจิตแพทย์ (การพบไม่ได้หมายความว่าเราเสียสตินะ เกิดจาก
เคมีในสมองเรามีปัญหา แน่นอนไม่ใช่คุณคนเดียว คนมีชื่อเสียงเป็นเยอะ)
2. เมื่อได้รับประทานยา คุณเป็นผู้รู้ดีเองว่ายาถูกกับเคมีในสมองหรือไม่ หากเกิดเอฟเฟคอะไร เช่น ปวดศรีษะ
รุนแรง คลื่นไส้ กระวนกระวายหรืออะไรก็ตาม รีบติดต่อแพทย์ทันที อาจมีการเปลี่ยนยา เพื่อให้ตรงกับเคมีของคุณ
(อย่าลืมนะเคมีไม่ได้มีตัวเดียวมีหลายตัวมาก)
ผมไปหาแพทย์รอบสองรับประทานยาตัวเดิม คือ Remeron ทานได้4 เดือนอาการไม่ขยับแถมแย่ลงๆ แพทย์จึงเปลี่ยน
ยามาเป็น Valdoxan ออกฤทธิคนละแบบ แน่นอนทานไปเกือบปี จนผมท้อขอเปลี่ยนยาเพราะไม่ดีขึ้น แต่น่าแปลก หมอ
บอกให้ทนอีกอาทิตย์ แล้วมาหาใหม่ น่าแปลกมันดีขึ้นอย่างประหลาด (อยากจะบอกว่ายาไม่ใช่ยาวิเศษ ยาเกี่ยวกับสมอง
ทานยาพวกนี้ต้องใช้เวลาแล้วแต่คนด้วย) หลังจากนั้นก็ดีขึ้นเรื่อยๆ จนหมอบอกให้ทานต่ออีกสองเดือนจะให้หยุด
ตอนนี้เริ่มเกิดความกลัวสิ ว่าถ้าหยุดยาหากมันกลับมาใหม่ จะทำอย่างไร เห็นไหม อาการมันทำให้คนเรากลัวเลย ตอนแรก
ก็ไม่อยากกินยาหมอบอกอย่างน้อย 1 ปี (แอบนึกในใจมันนานจังวะ) แต่ตอนนี้กลัวการหยุดยาละ 555
3.การเป็นโรคซึมเศร้าหากไม่รักษา นานไปพัฒนากลายเปนไบโพล่าจะรักษายากขึ้น
4. วันนี้ขอแชร์แค่นี้ก่อนนะ หากมีอะไรหลังไมค์มาถามได้ จะพยายามมาอัพบ่อยๆ
5. หากคิดอะไรไม่ดีกับตัวเองหรือหดหู่สุดๆๆ คุณตั้งสติดีๆ ไปหาหมอคุณจะมองโลกอีก แบบเลยละ
ผู้สันทัดโรคซึมเศร้า
โรคซึมเศร้าที่ทุกคนอย่าได้เจอกับมัน (สำหรับคนที่เคยอ่านกระทู้เก่าและคนใหม่ที่เสริชหานะครับ)
ช่วงที่ห่างหายไป ก็ยังใช้ชีวิตปกติ ทำงาน รับประทานยา หยุดดื่มอัลกอฮอล์ ภาวะภายในใจในช่วงนั้น
บอกได้คำเดียวว่าแย่มากๆ แต่พยายามฝืนทำตัวปกติที่จะออกไปทำงาน เพราะอยู่ในบ้านยิ่งทำให้
อาการหดหู่มากขึ้นสุดบรรยาย (คงไม่สามารถอธิบายเป็นตัวหนังสือให้เข้าใจได้หากคุณไม่เคยมีปสก.)
ช่วงเวลาที่แย่สุดๆ ในสมองไม่สามารถสลัดเรื่องเลวร้ายแย่สุด เช่น เศรษฐกิจ ชีวิต กลัวอดีต กังวลปัจจุบัน
กลัวอนาคต รู้สึกชีวิตไม่มีความหมาย แต่สติมีคือรู้ว่ามันคืออาการและก็ไม่อยากตายทั้งที่สมองมันสั่งว่า
ชีวิตไม่เหลืออะไรละ (จริงๆ แล้วมันไม่ได้เป็นอย่างที่คิด อาการของโรคมันสั่งให้รู้สึกอย่างนั้น โรคบ้าๆ)
คนที่อยากเจอที่สุดคือคุณหมอ เพราะคุณหมอคือคนที่เข้าใจที่สุด (ถึงแม้หมอจะไม่เคยเป็นนะ 555)
มีเพื่อนๆ พี่ๆ น้องๆ ในนี้ หลังไมค์มาถามเรื่องยา อาการวิธีดำเนินชีวิต บ่อยๆ โดยการเสริชจากกระทู้เก่าของผม
ก็เลยอยากแชร์ประสบการณ์ในคนที่กำลังประสบปัญหาเดียวกันฟัง
1. เมื่อรู้สึกตัวเบื่อชีวิต แบบไร้สาเหตุ ไม่มีสมาธิ มองโรคในแง่ร้าย ชีวิตสิ้นหวัง หดหู่ ไม่อยากแต่งตัว
อยู่บ้านก็เบื่อ ออกไปข้างนอกกระเบื่อ กระวนกระวายในจิตใจ เหงาแบบประหลาด แบบสุดบรรยาย
เป็นนานเกินกว่าจะหาย แนะนำว่าไปปรึกษาจิตแพทย์ (การพบไม่ได้หมายความว่าเราเสียสตินะ เกิดจาก
เคมีในสมองเรามีปัญหา แน่นอนไม่ใช่คุณคนเดียว คนมีชื่อเสียงเป็นเยอะ)
2. เมื่อได้รับประทานยา คุณเป็นผู้รู้ดีเองว่ายาถูกกับเคมีในสมองหรือไม่ หากเกิดเอฟเฟคอะไร เช่น ปวดศรีษะ
รุนแรง คลื่นไส้ กระวนกระวายหรืออะไรก็ตาม รีบติดต่อแพทย์ทันที อาจมีการเปลี่ยนยา เพื่อให้ตรงกับเคมีของคุณ
(อย่าลืมนะเคมีไม่ได้มีตัวเดียวมีหลายตัวมาก)
ผมไปหาแพทย์รอบสองรับประทานยาตัวเดิม คือ Remeron ทานได้4 เดือนอาการไม่ขยับแถมแย่ลงๆ แพทย์จึงเปลี่ยน
ยามาเป็น Valdoxan ออกฤทธิคนละแบบ แน่นอนทานไปเกือบปี จนผมท้อขอเปลี่ยนยาเพราะไม่ดีขึ้น แต่น่าแปลก หมอ
บอกให้ทนอีกอาทิตย์ แล้วมาหาใหม่ น่าแปลกมันดีขึ้นอย่างประหลาด (อยากจะบอกว่ายาไม่ใช่ยาวิเศษ ยาเกี่ยวกับสมอง
ทานยาพวกนี้ต้องใช้เวลาแล้วแต่คนด้วย) หลังจากนั้นก็ดีขึ้นเรื่อยๆ จนหมอบอกให้ทานต่ออีกสองเดือนจะให้หยุด
ตอนนี้เริ่มเกิดความกลัวสิ ว่าถ้าหยุดยาหากมันกลับมาใหม่ จะทำอย่างไร เห็นไหม อาการมันทำให้คนเรากลัวเลย ตอนแรก
ก็ไม่อยากกินยาหมอบอกอย่างน้อย 1 ปี (แอบนึกในใจมันนานจังวะ) แต่ตอนนี้กลัวการหยุดยาละ 555
3.การเป็นโรคซึมเศร้าหากไม่รักษา นานไปพัฒนากลายเปนไบโพล่าจะรักษายากขึ้น
4. วันนี้ขอแชร์แค่นี้ก่อนนะ หากมีอะไรหลังไมค์มาถามได้ จะพยายามมาอัพบ่อยๆ
5. หากคิดอะไรไม่ดีกับตัวเองหรือหดหู่สุดๆๆ คุณตั้งสติดีๆ ไปหาหมอคุณจะมองโลกอีก แบบเลยละ
ผู้สันทัดโรคซึมเศร้า