รักเธอจนลมหายใจสุดท้าย

เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เพื่อนคนหนึ่งเล่าให้เราฟัง เราเลยอยากแบ่งปัน


                     (นี่คือ ที่สุดท้ายของป๋าค่ะ)


  สวัสดีค่ะป้าแก้ว วันนี้ หนูไปหลุมฝังศพของพ่อเลี้ยงของหนูมาค่ะ นี่เป็นครั้งแรกที่หนูได้ไปกราบท่านหลังจากที่ท่านได้จากหนูและแม่ไปอย่างไม่มีวันกลับ

  แม่หนูได้แต่งงานกับชาวอังกฤษตั้งแต่หนูยังเล็กมากเลยค่ะ ขอเข้าเรื่องเลยนะคะ หนูเรียกแกว่าป๋าค่ะรักและเคารพเหมือนพ่อแท้ๆของหนูเลย อ้อลืมบอกไปตอนนี้หนูก็ได้แต่งงานกับคนอังกฤษเหมือนกันค่ะ

ป๋าเลี้ยงหนูกับน้องมาตั้งแต่เล็กๆ รักพวกเรามากอยู่ไทยกับพวกเรามาตลอด แต่ตอนเสียชีวิตกลับเลือกมาฝังที่อังกฤษ

และสิ่งหนึ่งที่สามีของหนูไม่เข้าใจว่าทำไมป๋าไม่จดทะเบียนกับแม่ ทั้งที่อยู่กันมา 22 ปี พวกเรามีความสุขกันมากนะคะ

จนวันที่ป๋าป่วยเป็นมะเร็งลำไส้ ตอนนั้นเขาอายุได้ 79 ปี และก็ได้มีเพื่อนฝรั่งชาวสวิสเข้ามาแย่งซีนแม่ไป เพราะตอนป๋าอยู่ รพ. ทุกอย่างเป็นภาษาอังกฤษ แม่อ่านไม่ออก พยาบาล หมอ บอกว่าแม่ไม่มีอำนาจในการตัดสินใจ เพราะไม่ใช่ญาติ ดังนั้น เพื่อนที่เพิ่งรู้จักคนนี้ทำหน้าที่ทันที

เขาอ้างสิทธิ์ความเป็นเพื่อนทันที จัดการเจ้ากี้เจ้าการทุกเรื่อง เขี่ยแม่ตกเตียงเลย แม่อดทนนอนเฝ้าข้างเตียงมาตลอด จากที่เคยถือบัตรเอทีเอ็มก็โดนเพื่อนยึดไป

เงินที่ต้องกินใช้เฝ้าไข้ก็ต้องยืมน้องสาวแม่ แม่ไม่ได้โง่ แต่แม่หนูแกเป็นคนที่ซื่อมากค่ะป้า คิดดีกับคนอื่นตลอด และอีกอย่างใจของแม่ คิดถึงแต่การเฝ้าไข้คนป่วย

เชื่อไหมคะว่า แค่เดือนเดียวค่ารักษาของป๋าหมดไป 2 ล้านค่ะ หนูถามป๋าว่า

"อยากให้หนูติดต่อลูกชายที่อังกฤษไหม"
ป๋าบอก "ไม่ต้อง " เขาเลือกที่จะตายที่เมืองไทยกับแม่

แต่เพื่อนเขามาขออีเมลล์ลูกชายและติดต่อทันที ทุกอย่างกลายเป็นอำนาจของเพื่อนที่เพิ่งรู้จักเพียง 7 ปีทันที เป็นเพื่อนที่เจอในไทยค่ะ บ้านหนูอยู่ลพบุรี

ป๋ามีบริษัทรถแท็กซี่ให้เช่าในลอนดอนค่ะ เขาให้ลูกชายสืบทอดและดูแลกิจการต่อแล้วหารครึ่งส่งให้ป๋าที่ไทย พอลูกชายรู้เรื่อง จากที่ครอบครัวป๋าดีกับแม่มาก กลายเป็นเขามารับตัวพ่อกลับทันที ไม่ใยดีกับแม่เลย

ตอนนั้นหนูท้องพอดี ที่บ้านมีฟาร์มเลี้ยงไก่ไข่ มีคนงานเป็นญาติทำอยู่ด้วย เพื่อนป๋าจัดการบริหารเองเลย ไล่คนงานออกหมดเหลือแต่หนูท้องโตๆ ตักขี้ไก่เก็บไข่ไปขายตลาดนัด เลี้ยงไก่คนเดียว

   ก่อนป๋าจะกลับอังกฤษเขาสั่งลูกชายให้เงินแม่ไว้สองแสน แต่เขาให้แค่สองหมื่น โดยที่ไม่บอกความจริงพ่อเขา

  ธุรกิจไก่ไข่พังด้วยน้ำมือของหนูเอง ไม่มีเงินบริหารต่อ แม่ไปอยู่วัดหลังจากป๋ากลับ

  แม่มีรถสองคัน แต่อีกคันสี่ประตูแม่ยังส่งไม่หมด ตายสิคะ แม่ไม่ยอมให้หลุดมือ ไม่ยอมให้ขาย บอกว่าเป็นสมบัติที่ป๋าทิ้งไว้ให้ ทำให้พวกเรามีภาระหนักเพิ่มขึ้นอีก

ป๋าไม่อยู่ ตังค์ไม่มี แม่หนีไปอยู่วัด พ่อของลูกออกรับจ้างทำงานโรงงาน ทิ้งหนูอยู่บ้านท้องโตกับปืน11 ม.ม ตอนนั้นหนูคิดอยากฆ่าตัวตายมาก แต่ก็ยังยั้งใจไว้ได้

หนูตัดสินใจประกาศขายไก่เกลี้ยงฟาร์ม แม่รู้เข้าโกรธหนูมาก ทะเลาะกับหนู  หนูถึงกับ ช็อคเลย ตอนนั้นท้องด้วย ลุงรีบขับรถมาส่ง รพ.ตอนท้อง 7 เดือน ก็เลยไปนอน รพ.

  หลังจากเงินไม่มี หนี้ก็ท่วมหัว งานก็ไม่มีทำ หนูคิดฆ่าตัวตายมาหลากหลายวิธีแล้วค่ะ กินยาเป็นกำๆ ตัวเหลือง จนแม่ต้องส่งล้างท้อง ผูกคอตายก็ไม่ตาย วิ่งให้รถชนหลายรอบแล้วก็มีแต่คนมาช่วย

  จนวันหนึ่งเขียนใส่กระจกไว้ส่องครั้งใดก็เห็น วันหนึ่งต้องตายอยู่แล้วจะฆ่าตัวเองทำไม คิดได้จึงเลิกทำร้ายตัวเอง

  หลังจากป๋าไปแล้วไม่เคยติดต่อกลับมาเลย จนวันที่หนูคลอดลูก ที่บ้านมีแต่บ้านกับรถสี่ประตูแต่ไม่มีน้ำมัน  เราไม่มีตังค์ติดบ้านเลย แม่เที่ยวหายืม จนได้ค่าน้ำมัน

  ตอนมีป๋า มีแต่คนมายืม แต่ไม่เคยคืนสักคน แต่เวลาจนๆ หาคนช่วยก็แทบไม่มี

  บทเรียนนี้หนูจำจากแม่ ตอนนี้หนูมีสามีฝรั่งอย่าหวังว่าใครจะได้จากหนู โชคดีของลูกชายค่ะ วันที่คลอดเขา  เป็นวันที่ป๋าส่งเงินมาเป็นครั้งแรกจากที่หายไปหลายเดือน

  หลังจากนั้นป๋ายังคงส่งมาต่อเนื่องทุกเดือนทั้งๆที่ตนเองป่วย  จนในที่สุด 2 ปีต่อมาก็ได้รับข่าวว่า ป๋าจะกลับมา  สวรรค์เมตตาจริงๆ ป๋ากลับมาไทยสองครั้ง

  เมื่อเดือนกันยายน 2012 ก่อนป๋าเสียชีวิตหนึ่งเดือน  ป๋ากลับอังกฤษครั้งสุดท้ายเดือนกุมภาพันธ์  และเดือนกันยายนป๋าส่งเงินมาให้แม่ 1 แสนให้แม่ดำเนินการเรื่องวีซ่ามาอังกฤษ

แม่เคยมาอังกฤษกับป๋า 3 ครั้งค่ะตอนที่อยู่กับป๋า  ดังนั้นพวกเรามั่นใจมากว่าวีซ่าต้องผ่านแน่นอน

แต่เมื่อก่อนหน้าหนึ่งวันที่จะนัดยื่นเอกสารวีซ่า น้องสาวป๋าคนที่เคยสนิทกับแม่มากๆ โทรมาบอกให้ยกเลิกการมา เขาห้ามทุกคนเข้าเยี่ยม บอกแม่ว่าไม่ต้องมาก ทั้งลูกป๋า ทั้งญาติพี่น้องป๋า พากันรังเกียจแม่หมด เพราะคำยุของเพื่อนป๋าคนนั้น

  เดือนตุลาคมป๋าสิ้นลมอย่างสงบ ลูกสะใภ้ป๋า ส่งข่าวมาบอกหนูว่า ป๋าเสียแล้ว

   แม่ร้องไห้ทุกวัน แม้กระทั่งทุกวันนี้สองปีแล้ว ถ้าแม่นึกถึงก็จะร้องตลอด

พอหนูแต่งงานกับชาวอังกฤษหนูก็ให้เขาพามาอังกฤษค่ะ วันที่หนูได้วีซ่าแม่ดีใจมาก แม่ส่งข้อความมาถามหนูทุกวันตั้งแต่เท้าเหยียบพื้นดินอังกฤษว่า หนูไปหาป๋าหรือยัง หนูไปกราบป๋าที่หลุมฝังศพแล้วหรือยัง

  วันนี้...สามีขับรถพาไป หนูตื้นตันใจ พอเท้าเหยียบที่สุสาน น้ำตาหนูไม่รู้มาจากไหน ดีใจอย่างบอกไม่ถูก หนูบอกแม่ว่า แม่จ๋า หนู มากราบป๋า มาบอกป๋าให้แม่แล้วนะ ว่าแม่ยังรักป๋าอยู่ทุกลมหายใจเข้าออก

ขอบคุณมากค่ะป้าที่รับฟังเรื่องราวของหนู
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่