ณ งานคืนสู่เหย้า

นานเท่าไหร่แล้วนะที่ห่างหายไปจากที่แห่งนี้
วันนี้งานโรงเรียนฉลองครบรอบ เป็นโอกาสอันดีให้ศิษย์เก่าได้กลับมาเจอกัน
พระจันทร์เต็มดวง สถานที่ประดับไฟและตกแต่งสวยงาม พลุเปิดงานได้อลังการมาก
โรงเรียนเปลี่ยนไปมาก มีตึกใหม่ และตึกเก่าก็ทาสีสะดุดตา
เพื่อนๆ ที่ไม่ได้เจอกันนานกำลังคุยกันสนุกสนาน
แต่ก็อดไม่ได้ที่จะมองไปรอบๆ แล้วคิดอะไรเพลินๆ
สนามหญ้า ตอนนี้มีหญ้าจริงๆแล้ว
สนามบาสมีหลังคา รุ่นน้องคงไม่มีโอกาสได้เล่นบาสกลางสายฝนสินะ
สนามบาสสนามกลาง ที่ที่เคยมีแป้นไม้ผุๆ ห่วงที่ไม่มีตาข่าย พื้นขัดมันลื่น และน้ำขังเมื่อฝนตก ซึ่งเป็นที่ประจำของเด็ก ม.ต้น ได้หายไปแล้ว

บรรยากาศเปลี่ยนไปมากจนจำแทบไม่ได้
แต่เมื่อได้เห็นรุ่นน้องๆ ในชุดพละ คอยบริการ แขกรุ่นพี่ๆ ที่กลับมาเยี่ยมโรงเรียน
ภาพในอดีตกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้งหนึ่ง
ยังคงมองต่อไปรอบๆ คิดถึงบรรยากาศเก่า นึกถึงใครบางคน และหวังในใจเล็กๆ ว่าอาจจะเจอเธอในคืนนี้
เพื่อนๆ คุยกันสนุกสนาน โดยเฉพาะเพื่อนผู้หญิง ที่คุยกันไม่ห่วงสวย คำพูดคำจานั้นบ่งบอกถึงความสนิทสนมได้เป็นอย่างดี
สักพักทุกคนก็ชวนกันไปถ่ายรูป ถ่ายเป็นพันรูป ไม่รู้ว่ามือถือใครบ้าง ตลกดี
แล้วก็หิวกันอีก เลยชวนกันไปกินข้าวต้มในตลาด เสร็จแล้วก็แยกย้าย
กลุ่มเล็กๆ มากินกันต่อที่บ้านเพื่อน
เที่ยงคืนกว่าก็แยกย้ายกลับบ้าน

ผ่านหน้าโรงเรียนอีกครั้งหนึ่ง ชะลอรถดูบรรยากาศหลังงานเลิกก่อนกลับบ้าน
และแล้วเรื่องไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น
ผมได้เจอเธอจริงๆ
เป็นเวลากี่ปีแล้วนะที่เราไม่ได้คุยกัน ไม่สิ ใช้คำว่าพูด น่าจะเหมาะกว่า
อารมณ์ ณ ตอนนั้น ผมจำรายละเอียด ลำดับเหตุการณ์อะไรไม่ได้เลย
รู้อย่างเดียวว่า ดีใจและมีความสุข
ผมชวนคุยถึงเรื่องตลกๆ บ้าๆบอๆ ที่เคยทำในอดีต
นึกถึงไดอารี่เล่มเล็กๆ เล่มหนึ่งที่เต็มไปด้วย รูปภาพ และ ข้อความต่างๆ ความทรงจำทุกอย่างที่เกี่ยวกับเธอ
ที่ผมตั้งใจมอบเป็นของขวัญเมื่อเจ็ดปีที่แล้ว หลังจากที่ผมรู้จักเธอมาได้ห้าปี
เธอชวนคุยถึงเหตุการณ์ต่างๆ ที่ผมเองก็จำได้บ้าง ไม่ได้บ้าง นี่เป็นครั้งแรกที่เธอยอมเผยว่าเธอคิดอะไร
เธอโชว์สิ่งของต่างๆ ที่เธอเก็บไว้
และเธอก็มีบันทึกเหมือนกัน ถึงเหตุการณ์ต่างๆ ที่ผมไม่เคยรู้เลย
มันทำให้ผมนึกถึงหนังไทยเรื่องหนึ่งที่เกี่ยวกับความรักของเด็กมัธยม
เป็นเวลาเกือบสิบปีแล้วสินะ แม้เราจะไม่ได้ติดต่อกันมานานมากแล้ว แต่ผมก็ดีใจที่วันนี้ได้คุยกันและได้รู้อะไรที่ไม่เคยรู้
เราคุยกันนานมากเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่ชวนให้นึกขำ ตอนนั้นมันกล้าทำไปได้ยังไง ซึ่งแปลกที่ตอนนั้นเราไม่เคยคุยกันเลย แม้ว่าเราจะเรียนห้องเดียวกันตั้งแต่ ม.1 จนผมย้ายโรงเรียนตอนจบ ม.4
ผมจำได้เลือนลางมากว่าเราคุยอะไรกันไปบ้าง แต่สิ่งที่ผมจำได้ชัดเจน คือความรู้สึกดีๆ เสียงหัวเราะ และความรู้สึกที่หัวใจพองโต
สักพักเสียงโทรศัพท์ของเธอก็ดังขึ้น เธอใช้ริงโทนเดียวกับเดียวกับผม
เธอไม่ยอมรับโทรศัพท์ เสียงนั้นยังคงดังต่อไปเรื่อยๆ
และสักพักเธอก็เดินหายไป

ผมยิ้มและลืมตาขึ้น
เสียงนกร้องบอกเวลาว่าเช้าแล้ว
ผมลุกขึ้นนั่ง และพยายามเรียบเรียงความคิด และนึกถึงเรื่องราวที่พึ่งเกิดขึ้น ซึ่งจางลงเรื่อยๆ
ผมอดขำตัวเองไม่ได้ว่า บรรยากาศที่โรงเรียนเพียงไม่กี่ชั่วโมง จะส่งผลขนาดนี้
หลายปีที่ผ่านมาเราทักทายกันปีละไม่เกินสองครั้ง อาจจะเป็นวันเกิด หรือไม่ก็วันขึ้นปีใหม่
เรื่องราวต่างๆผ่านมานานแล้ว
ตอนนี้ผมมีทางของผม เธอมีทางของเธอและดูมีความสุขดีจากภาพที่ผ่านตาบนเฟสบุค

ผมอาจจะไม่เคยได้สมหวังอย่างที่เคยวาดเอาไว้
แต่ผมรู้สึกขอบคุณเธอเสมอมา
ขอบคุณเธอที่เธอเป็นแรงบันดาลใจในอดีตให้ผมได้ทำอะไรหลายๆอย่าง
ใครหลายคนรวมทั้งตัวผมเองอาจจะคิดว่าตอนนั้นมันเป็นการแอบชอบหรือความรักใสๆ ของเด็กมัธยม
แต่คืนนี้ผมกลับคิดถึงเธออีกครั้ง
ทั้งๆที่เรื่องราวครั้งนั้นมันผ่านมานานแล้ว ทั้งๆ ทุกคนได้เติบโตขึ้นจนเป็นคนวัยทำงาน ทั้งๆที่ความรักครั้งใหม่ๆ ได้ผ่านมาและผ่านไป
มันทำให้ผมต้องนั่งคิดทบทวนอีกครั้ง และผมยังยืนยันดังเดิม

ความรักทำให้ผู้ที่รักมีความสุขตั้งแต่ที่ได้รัก

ความรักเป็นสิ่งที่สวยงามและคงอยู่ถึงจะผ่านไปแล้ว

ความรักที่เกิดขึ้นแล้วอาจจะผ่านไปแต่ไม่เคยจากไป
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่