Spoiler Alert
บทความนี้เปิดเผยเนื้อหาสำคัญ
"Big Hero 6" หากจะแปลชื่อเรื่องหนังเรื่องนี้เป็นภาษาไทย มันคือ "ผู้พิทักษ์ทั้งหก"
แต่ผมชอบคำแปลแบบพ้องเสียงอีกแบบหนึ่งมากกว่า “ลูกพี่ฮิโระป่วย” (Big Hero Sick)
ฮิโระ เด็กน้อยอัจฉริยะอายุ 14 ปี ที่เก่งมาก รู้ทฤษฎีทางวิศวะยากๆ ระดับมหาวิทยาลัยได้ทะลุปรุโปร่ง แต่ก็เพราะสูญเสียพ่อไม่ไปแต่แบเบาะ ท้าวเธอจึงไม่ค่อยอยู่ในลู่ทางเท่าไหร่ ไม่ยอมไปเรียน เพราะโรงเรียนสอนแต่ในสิ่งที่ฮิโระรู้อยู่แล้ว ก็มีแต่ทาดาชิพี่ชายแสนดีที่คอยส่งเสริมให้น้องได้ดิบได้ดี กระตุ้นให้เขาอยากเข้ามหาวิทยาลัยเนิร์ดที่ทาดาชิเป็นสมาชิกอยู่
เมื่อได้โอกาสพาน้องไปดูวิธีสอนและสิ่งที่เด็กมหาวิทยาลัยเนิร์ดนี้ค้นคว้ากัน ฮิโระกลับตื่นตาตื่นใจ อยากเข้าเรียนโดยพลัน
เพื่อให้กรรมการหลักสูตรยอมรับฮิโระเข้าเรียน ฮิโระจึงโชว์พาว ประดิษฐ์ไมโครบอต มวลมหาประชาหุ่นยนตร์จิ๋วขึ้นมา สิ่งประดิษบ์ของเขาแปลงสภาพให้กลายเป็นอะไรก็ได้ตามใจนึก อารมณ์คล้ายกับมวลทรายของคุณอิมโฮเทปในหนังเรื่องมัมมี่นั่นแล
ผลงานของฮิโระเข้าตา ผอ.หลักสูตร “คาลลาแกน” เขารับฮิโระเข้าเรียนทันที ในขณะที่ “เครอิ” ประธานบริษัทวิจัยอาวุธ ก็ยื่นเสนอขอซื้อผลงานไมโครบอตไปต่อยอดทำอุปกรณ์ไฮเทค แน่นอนว่าฮิโระเลือกเรียนของโรงเรียนคาลลาแกน ในงานโชว์เคสนั้นเองที่ฮิโระต้องเสียพี่ชายเพราะเหตุการณ์ระเบิด หนังเฉลยภายหลังว่า ผอ.หลักสูตรนั่นเองที่ต้องการขโมยไมโครบอตไปแก้แค้นเครอิ โทษฐานที่ทดลองงานวิจัยผิดพลาด ส่งผลให้อะบิเกล ลูกสาวของ ผอ.ต้องสูญหายไปในมิติพิศวง
ฮิโระได้รับมรดกผลงานประดิษฐ์ของพี่ชาย “เบย์แมกซ์” หุ่นยนตร์พยาบาล ที่คอยรักษาอาการป่วยไม่ว่าจะทั้งทางร่างกายหรือจิตใจ ในที่นี้ฮิโระดูเหมือนจะป่วยใจเพราะเพิ่งผ่านความสูญเสียมาไม่นาน พี่ชายของเขาตายอย่างฉับพลัน เมื่อสืบสาวก็ดูเหมือนจะมีใครจงใจทำให้พี่เขาตายเสียด้วย ฮิโระพบผู้ต้องสงสัย จึงรวมทีมนักศึกษามหาวิทยาลัยเนิร์ดตั้งเป็นกลุ่มซุปเปอร์ฮีโร่ทั้ง 6 เพื่อจับตัวผู้ต้องสงสัยส่งตำรวจ
ผลแห่งการตามล่า และบทสรุปของหนังเรื่องนี้จะเป็นอย่างไรนั้น ผมขอละไว้ แต่ที่อยากเขียนถึงเรื่องนี้ก็เพราะมีประเด็นเรื่องความสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักให้เรียนรู้
ใครบ้างที่เป็นผู้สูญเสีย?
ฮิโระดูจะเป็นผู้สูญเสียมากที่สุดในหนัง เขาสูญเสียซ้ำกันหลายๆ ครั้ง ตั้งแต่พ่อแม่ พี่ชาย รวมถึงเบย์แมกซ์ การสูญเสียแต่ละครั้งส่งผลต่างกัน การสูญเสียพ่อแม่ทำให้ฮิโระซึมเศร้าอยู่ลึกๆ อาจเพราะขาดความอบอุ่น ขาดความผูกพันธ์ที่ลึกซึ้งจากพ่อแม่ ฮิโระถูกเลี้ยงด้วยป้า ที่ก็คงจะรับภาระอยู่คนเดียวอย่างหนักหน่วง ดังนั้นเมื่อฮิโระต้องมาสูญเสียพี่ชายอีกคนไป จึงโศกเศร้ามาก กินเวลาหลายสัปดาห์ ฮิโระเก็บกดอารมณ์เศร้าไว้ มันคงเป็นเช่นนี้ต่อไปและอาจแย่ลงกว่าเดิม หากเบย์แมกซ์และเพื่อนๆ ไม่ได้มาช่วยไว้
อาจารย์คาลลาแกน ก็สูญเสียมากเช่นกัน ลูกสาวคนเดียวต้องมาจากไปด้วยเหตุอันไม่สมควร คือจากไปในระหว่างทดลองผลงานทางวิทยาศาสตร์ของเครอิ ที่น่าเจ็บแค้นคือแม้เครอิจะรู้ว่าการทดลองอาจผิดพลาด แต่ก็ยังคงอยากดันทุรังทดลองต่อ ช่างประมาทเลินเล่อเสียจริง นี่ชีวิตคนนะเอามาทดลองทั้งๆ ที่ไม่ชัวร์ได้อย่างไร ท้ายที่สุดมันก็ผิดพลาดเข้าจริงๆ ลูกสาวของอาจารย์ก็ต้องหายไปในมิติพิสวง เป็นการจากกันที่ไม่ได้เตรียมใจไว้ก่อนเลย ความเคียดแค้นของอาจารย์นั่นแหละทำให้เขากลายเป็นตัวร้ายของเรื่อง
ฮิโระและอาจารย์คาลลาแกนเปลี่ยนความโศกเศร้า-สูญเสียให้กลายเป็นพลังอำนาจ เทคโนโลยีช่วยขยายพลังอำนาจนั้นให้มีปริมาณมากเข้าไปใหญ่ มากพอที่จะฆ่าคนๆ หนึ่ง หรือทำลายล้างเมืองๆ หนึ่ง พลังความโกรธนั้นยังเปลี่ยนเบย์แมกซ์ผู้อ่อนโยน ให้กลายเป็นหุ่นเพชรฆาตรได้ง่ายๆ เลยนะ หากไม่มีคนมาช่วยเตือนสติหรือยับยั้งไว้ ก็คงต้องมีใครตาย ความเสียหายก็คงมากกว่านี้หลายเท่าตัว
หากผู้จากไปกลับมามองเห็นความเสียหายนั้นเขาคงไม่ดีใจ หรือสะใจด้วยเป็นแน่
ความโศกเศร้า กับความโกรธดูจะไปด้วยกันได้ดี ทั้งฮิโระและคาลลาแกนใช้ความโศกเศร้าเป็นข้ออ้างสร้างความชอบธรรมให้กับความโกรธและการใช้ความรุนแรง “แกทำให้คนที่ฉันต้องรักตายในแบบนี้ ดังนั้นฉันก็จะทำให้แกต้องตายในรูปแบบเดียวกัน” นี่คือวิธีคิดในการแก้แค้นแบบอัตโนมัติ ลูกสาวของอาจารย์คาลลาแกนต้องตายเพราะสูญหายไปในมิติระหว่างกาลเวลา เจ้าประธานบริษัทก็ต้องตามไปเหมือนกัน
จุดจบของความสูญเสีย
ทุกอารมณ์เมื่อเกิดขึ้นมาแล้วก็ต้องดับไปด้วยเหตุผลต่างๆ ความสูญเสียของอาจารย์ดับลงเพราะถูกยับยั้งไว้ด้วยอำนาจของซุปเปอร์ฮีโร่ฝ่ายพระเอก ในขณะที่ความสูญเสียของฮิโระดับลงด้วยวิธีที่น่าสนใจกว่า คือ การช่วยเหลือ ยับยั้ง เตือนสติโดยผองเพื่อน นั่นทำให้เราเห็นว่ากัลยาณมิตรนั้นสำคัญเพียงใด นอกจากนี้ฮิโระยังได้พบกับความกรุณาของทาดาชิ เขาประดิษฐ์เบย์แมกซ์ด้วยความรัก และหวังให้เบย์แมกซ์ช่วยเหลือสุขภาพของชาวเมืองด้วยความรักเช่นกัน เมื่อฮิโระได้ประจักษ์ถึงความรักของพี่ชาย ความโศกเศร้านั้นดับลงเสียสิ้น ใช่หรือไม่ที่ความกรุณาคือพลังเยียวยาอันสูงสุด
หากเราตระหนักว่ารากเหง้าของความสูญเสียนั้นคือความรัก เราสามารถแปรเปลี่ยนความสูญเสียให้กลายเป็นพลังแห่งความรักได้อย่างเหลือเชื่อ ไม่ว่าเราจะใช้พลังนั้นไปกับการแก้แค้น หรือใช้ไปกับการสร้างสรรค์ความดีงามแก่คนอื่นๆ ความสูญเสียนั้นเป็นได้ทั้งเสียนตำใจและแรงบันดาลใจ ผมเชื่อแน่ว่าฮิโระก็คงรู้จักที่จะใช้พลังแห่งความสูญเสียนั้นปกป้องโลกและคนที่เขารักสืบไป รวมถึงอัพเกรดพลังแห่งการเยียวยาแก่เจ้าเบย์แมกซ์จนเต็มเปี่ยม
เมื่อฮิโระออกจากความเจ็บป่วยทางใจเพราะสูญเสียได้ ชื่อหนังเรื่อง “ลูกพี่ฮิโระป่วย” จึงกลายเป็น “ผู้พิทักษ์ทั้งหก” ตามเดิม
เรียนรู้ความสูญเสียจากแอนิเมชันสนุก Big Hero 6 (Spoiler Alert!)
บทความนี้เปิดเผยเนื้อหาสำคัญ
"Big Hero 6" หากจะแปลชื่อเรื่องหนังเรื่องนี้เป็นภาษาไทย มันคือ "ผู้พิทักษ์ทั้งหก"
แต่ผมชอบคำแปลแบบพ้องเสียงอีกแบบหนึ่งมากกว่า “ลูกพี่ฮิโระป่วย” (Big Hero Sick)
ฮิโระ เด็กน้อยอัจฉริยะอายุ 14 ปี ที่เก่งมาก รู้ทฤษฎีทางวิศวะยากๆ ระดับมหาวิทยาลัยได้ทะลุปรุโปร่ง แต่ก็เพราะสูญเสียพ่อไม่ไปแต่แบเบาะ ท้าวเธอจึงไม่ค่อยอยู่ในลู่ทางเท่าไหร่ ไม่ยอมไปเรียน เพราะโรงเรียนสอนแต่ในสิ่งที่ฮิโระรู้อยู่แล้ว ก็มีแต่ทาดาชิพี่ชายแสนดีที่คอยส่งเสริมให้น้องได้ดิบได้ดี กระตุ้นให้เขาอยากเข้ามหาวิทยาลัยเนิร์ดที่ทาดาชิเป็นสมาชิกอยู่
เมื่อได้โอกาสพาน้องไปดูวิธีสอนและสิ่งที่เด็กมหาวิทยาลัยเนิร์ดนี้ค้นคว้ากัน ฮิโระกลับตื่นตาตื่นใจ อยากเข้าเรียนโดยพลัน
เพื่อให้กรรมการหลักสูตรยอมรับฮิโระเข้าเรียน ฮิโระจึงโชว์พาว ประดิษฐ์ไมโครบอต มวลมหาประชาหุ่นยนตร์จิ๋วขึ้นมา สิ่งประดิษบ์ของเขาแปลงสภาพให้กลายเป็นอะไรก็ได้ตามใจนึก อารมณ์คล้ายกับมวลทรายของคุณอิมโฮเทปในหนังเรื่องมัมมี่นั่นแล
ผลงานของฮิโระเข้าตา ผอ.หลักสูตร “คาลลาแกน” เขารับฮิโระเข้าเรียนทันที ในขณะที่ “เครอิ” ประธานบริษัทวิจัยอาวุธ ก็ยื่นเสนอขอซื้อผลงานไมโครบอตไปต่อยอดทำอุปกรณ์ไฮเทค แน่นอนว่าฮิโระเลือกเรียนของโรงเรียนคาลลาแกน ในงานโชว์เคสนั้นเองที่ฮิโระต้องเสียพี่ชายเพราะเหตุการณ์ระเบิด หนังเฉลยภายหลังว่า ผอ.หลักสูตรนั่นเองที่ต้องการขโมยไมโครบอตไปแก้แค้นเครอิ โทษฐานที่ทดลองงานวิจัยผิดพลาด ส่งผลให้อะบิเกล ลูกสาวของ ผอ.ต้องสูญหายไปในมิติพิศวง
ฮิโระได้รับมรดกผลงานประดิษฐ์ของพี่ชาย “เบย์แมกซ์” หุ่นยนตร์พยาบาล ที่คอยรักษาอาการป่วยไม่ว่าจะทั้งทางร่างกายหรือจิตใจ ในที่นี้ฮิโระดูเหมือนจะป่วยใจเพราะเพิ่งผ่านความสูญเสียมาไม่นาน พี่ชายของเขาตายอย่างฉับพลัน เมื่อสืบสาวก็ดูเหมือนจะมีใครจงใจทำให้พี่เขาตายเสียด้วย ฮิโระพบผู้ต้องสงสัย จึงรวมทีมนักศึกษามหาวิทยาลัยเนิร์ดตั้งเป็นกลุ่มซุปเปอร์ฮีโร่ทั้ง 6 เพื่อจับตัวผู้ต้องสงสัยส่งตำรวจ
ผลแห่งการตามล่า และบทสรุปของหนังเรื่องนี้จะเป็นอย่างไรนั้น ผมขอละไว้ แต่ที่อยากเขียนถึงเรื่องนี้ก็เพราะมีประเด็นเรื่องความสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักให้เรียนรู้
ใครบ้างที่เป็นผู้สูญเสีย?
ฮิโระดูจะเป็นผู้สูญเสียมากที่สุดในหนัง เขาสูญเสียซ้ำกันหลายๆ ครั้ง ตั้งแต่พ่อแม่ พี่ชาย รวมถึงเบย์แมกซ์ การสูญเสียแต่ละครั้งส่งผลต่างกัน การสูญเสียพ่อแม่ทำให้ฮิโระซึมเศร้าอยู่ลึกๆ อาจเพราะขาดความอบอุ่น ขาดความผูกพันธ์ที่ลึกซึ้งจากพ่อแม่ ฮิโระถูกเลี้ยงด้วยป้า ที่ก็คงจะรับภาระอยู่คนเดียวอย่างหนักหน่วง ดังนั้นเมื่อฮิโระต้องมาสูญเสียพี่ชายอีกคนไป จึงโศกเศร้ามาก กินเวลาหลายสัปดาห์ ฮิโระเก็บกดอารมณ์เศร้าไว้ มันคงเป็นเช่นนี้ต่อไปและอาจแย่ลงกว่าเดิม หากเบย์แมกซ์และเพื่อนๆ ไม่ได้มาช่วยไว้
อาจารย์คาลลาแกน ก็สูญเสียมากเช่นกัน ลูกสาวคนเดียวต้องมาจากไปด้วยเหตุอันไม่สมควร คือจากไปในระหว่างทดลองผลงานทางวิทยาศาสตร์ของเครอิ ที่น่าเจ็บแค้นคือแม้เครอิจะรู้ว่าการทดลองอาจผิดพลาด แต่ก็ยังคงอยากดันทุรังทดลองต่อ ช่างประมาทเลินเล่อเสียจริง นี่ชีวิตคนนะเอามาทดลองทั้งๆ ที่ไม่ชัวร์ได้อย่างไร ท้ายที่สุดมันก็ผิดพลาดเข้าจริงๆ ลูกสาวของอาจารย์ก็ต้องหายไปในมิติพิสวง เป็นการจากกันที่ไม่ได้เตรียมใจไว้ก่อนเลย ความเคียดแค้นของอาจารย์นั่นแหละทำให้เขากลายเป็นตัวร้ายของเรื่อง
ฮิโระและอาจารย์คาลลาแกนเปลี่ยนความโศกเศร้า-สูญเสียให้กลายเป็นพลังอำนาจ เทคโนโลยีช่วยขยายพลังอำนาจนั้นให้มีปริมาณมากเข้าไปใหญ่ มากพอที่จะฆ่าคนๆ หนึ่ง หรือทำลายล้างเมืองๆ หนึ่ง พลังความโกรธนั้นยังเปลี่ยนเบย์แมกซ์ผู้อ่อนโยน ให้กลายเป็นหุ่นเพชรฆาตรได้ง่ายๆ เลยนะ หากไม่มีคนมาช่วยเตือนสติหรือยับยั้งไว้ ก็คงต้องมีใครตาย ความเสียหายก็คงมากกว่านี้หลายเท่าตัว
หากผู้จากไปกลับมามองเห็นความเสียหายนั้นเขาคงไม่ดีใจ หรือสะใจด้วยเป็นแน่
ความโศกเศร้า กับความโกรธดูจะไปด้วยกันได้ดี ทั้งฮิโระและคาลลาแกนใช้ความโศกเศร้าเป็นข้ออ้างสร้างความชอบธรรมให้กับความโกรธและการใช้ความรุนแรง “แกทำให้คนที่ฉันต้องรักตายในแบบนี้ ดังนั้นฉันก็จะทำให้แกต้องตายในรูปแบบเดียวกัน” นี่คือวิธีคิดในการแก้แค้นแบบอัตโนมัติ ลูกสาวของอาจารย์คาลลาแกนต้องตายเพราะสูญหายไปในมิติระหว่างกาลเวลา เจ้าประธานบริษัทก็ต้องตามไปเหมือนกัน
จุดจบของความสูญเสีย
ทุกอารมณ์เมื่อเกิดขึ้นมาแล้วก็ต้องดับไปด้วยเหตุผลต่างๆ ความสูญเสียของอาจารย์ดับลงเพราะถูกยับยั้งไว้ด้วยอำนาจของซุปเปอร์ฮีโร่ฝ่ายพระเอก ในขณะที่ความสูญเสียของฮิโระดับลงด้วยวิธีที่น่าสนใจกว่า คือ การช่วยเหลือ ยับยั้ง เตือนสติโดยผองเพื่อน นั่นทำให้เราเห็นว่ากัลยาณมิตรนั้นสำคัญเพียงใด นอกจากนี้ฮิโระยังได้พบกับความกรุณาของทาดาชิ เขาประดิษฐ์เบย์แมกซ์ด้วยความรัก และหวังให้เบย์แมกซ์ช่วยเหลือสุขภาพของชาวเมืองด้วยความรักเช่นกัน เมื่อฮิโระได้ประจักษ์ถึงความรักของพี่ชาย ความโศกเศร้านั้นดับลงเสียสิ้น ใช่หรือไม่ที่ความกรุณาคือพลังเยียวยาอันสูงสุด
หากเราตระหนักว่ารากเหง้าของความสูญเสียนั้นคือความรัก เราสามารถแปรเปลี่ยนความสูญเสียให้กลายเป็นพลังแห่งความรักได้อย่างเหลือเชื่อ ไม่ว่าเราจะใช้พลังนั้นไปกับการแก้แค้น หรือใช้ไปกับการสร้างสรรค์ความดีงามแก่คนอื่นๆ ความสูญเสียนั้นเป็นได้ทั้งเสียนตำใจและแรงบันดาลใจ ผมเชื่อแน่ว่าฮิโระก็คงรู้จักที่จะใช้พลังแห่งความสูญเสียนั้นปกป้องโลกและคนที่เขารักสืบไป รวมถึงอัพเกรดพลังแห่งการเยียวยาแก่เจ้าเบย์แมกซ์จนเต็มเปี่ยม
เมื่อฮิโระออกจากความเจ็บป่วยทางใจเพราะสูญเสียได้ ชื่อหนังเรื่อง “ลูกพี่ฮิโระป่วย” จึงกลายเป็น “ผู้พิทักษ์ทั้งหก” ตามเดิม