“- มาดูผลประกอบการณ์ไตรมาส 3 ของหุ้น BGH กันครับ –“
อาหาร เครื่องนุ่งห่ม ที่อยู่อาศัย ยารักษาโรค เป็นปัจจัย 4 ของมนุษย์อย่างที่เราทราบกันดี
นอกจากนี้ คนไทยยังมีแนวโน้มที่จะมีอายุยืนยาวขึ้น
กลุ่มโรงพยาบาล เป็นกลุ่มที่น่าสนใจ และจะเติบโตในระยะยาว
นอกเหนือจากปัจจัยที่กล่าวมาข้างบนแล้ว กลุ่มโรงพยาบาล และกลุ่มโรงเรียนเป็นสองกลุ่มที่ผู้บริโภคมีอำนาจต่ำที่จะต่อรองราคาได้
วันนี้มาดูผลประกอบการณ์ไตรมาส 3 ของหุ้น BGH กันครับ ซึ่งถือว่าเป็นพี่ใหญ่สุดของกลุ่มนี้
..
ผลการดำเนินงาน ไตรมาส 3 ปีนี้
รายได้เพิ่มขึ้น 7% จากปีที่แล้ว เป็น 13,832 ล้านบาท เนื่องจากคนไข้ใน และ คนไข้นอกที่มากขึ้น รวมถึง จำนวนโรงพยาบาลและค่ารักษาพยาบาลที่มากขึ้น
กำไรก่อนค่าเสื่อม ดอกเบี้ยและภาษี โต 15% จากปีที่แล้ว เป็น 3,209 ล้านบาท
กำไรสุทธิ โต 19% จากปีที่แล้ว เป็น 1,839 ล้านบาท
โดยรายได้ที่เพิ่มขึ้น 7% มาจาก การเติบโตของโรงพยาบาลเดิม 5% และ โรงพยาบาลใหม่ 2%
..
ผลการดำเนินงาน รวม 9 เดือน ปีนี้
รายได้เพิ่มขึ้น 9% จากปีที่แล้ว เป็น 39,910 ล้านบาท เนื่องจากคนไข้ใน และ คนไข้นอกที่มากขึ้น รวมถึง จำนวนโรงพยาบาลและค่ารักษาพยาบาลที่มากขึ้น
กำไรก่อนค่าเสื่อม ดอกเบี้ยและภาษี โต 15% จากปีที่แล้ว เป็น 9,380 ล้านบาท
กำไรสุทธิ โต 15% จากปีที่แล้ว เป็น 5,415 ล้านบาท
โดยรายได้ที่เพิ่มขึ้น 9% มาจาก การเติบโตของโรงพยาบาลเดิม 7% และ โรงพยาบาลใหม่ 2%
สัดส่วนระหว่างคนไข้ชาวไทย 72% และ ต่างชาติ 28% โดยคนไข้ชาวไทยเติบโต 11% และ ต่างชาติ 7% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว คนไข้เฉลี่ยต่อวันคือ 23,685 คน (เยอะมาก!)
คนไข้ชาวต่างชาติส่วนใหญ่คือ ญี่ปุ่น, พม่า, สหราชอาณาจักร, ออสเตรเลีย และ สาธรณรัฐอาหรับอิมิเรตส์ แต่ตอนนี้ คนไข้จาก จีน, พม่า และ โอมาน เติบโตอย่างมาก
..
TRIS เพิ่ม ความน่าเชื่อถือ ของ BGH จาก A+ มา เป็น AA- ซึ่งจะทำให้บริษัทสามารถหาแหล่งเงินกู้ได้ง่ายและมีต้นทุนที่ถูกลงด้วย
(ไว้สำหรับซื้อกิจการใหม่ๆ เห็นไหมครับ ยิ่งรวย ยิ่งใหญ่ ก็ยิ่งหาเงินกู้ได้ง่ายกว่า และ ต้นทุนถูกกว่า รายเล็กๆ ทำให้กิจการยิ่งขยายใหญ่ง่ายขึ้นไปอีก)
..
ปัจจุบันมี 37 โรงพยาบาลที่เป็นเจ้าของและบริหาร ภายใต้ 6 ชื่อ คือ โรงพยาบาลกรุงเทพ, โรงพยาบาลพญาไท, โรงพยาบาลสมิติเวช, โรงพยาบาลเปาโลเมโมเรียล, โรงพบาบาลบีเอ็นเอช, โรงพยาบาลโรยัลกรุงเทพ (ที่ประเทศกัมพูชา) และ โรงพยาบาลที่มีชื่อตามพื้นที่ต่างๆ
กำลังจะเปิดเพิ่มอีก 6 แห่ง รวมแล้วเป็น 43 โรงพยาบาล
จำนวนเตียงจะเพิ่มจาก 5,237 เป็น 6,521 สำหรับโรงพยาบาลเดิม และ เพิ่มเป็น 7,674 เมื่อรวมโรงพยาบาลที่เปิดใหม่
..
ขยายธุรกิจ คือซื้อกิจการร้านขายยา “save Drug” เข้ามาตั้งแต่ 30 ตุลาคม ปีนี้ ซึ่งปัจจุบันมีสาขา 107 สาขาทั่วประเทศ นอกจากนี้ ยังมีความร่วมมือกับสถาบันการศึกษาที่ต่างประเทศ โดยเป็น พันธมิตร กับ มหาวิทยาลัย Health และ Science ของเมือง Oregon ประเทศสหรัฐอเมริกา
..
ดูแล้วคงขยายกิจการได้อีกเยอะ บริษัทใหญ่โต พร้อมด้วยกระสุนที่แข็งแกร่ง
- ขอให้โชคดีครับ -
อ้างอิง:
www.facebook.com/SustainW
http://bgh.listedcompany.com/misc/PRESN/20141121-bgh-analystresults-3q2014.pdf
“- มาดูผลประกอบการณ์ไตรมาส 3 ของหุ้น BGH กันครับ –“
อาหาร เครื่องนุ่งห่ม ที่อยู่อาศัย ยารักษาโรค เป็นปัจจัย 4 ของมนุษย์อย่างที่เราทราบกันดี
นอกจากนี้ คนไทยยังมีแนวโน้มที่จะมีอายุยืนยาวขึ้น
กลุ่มโรงพยาบาล เป็นกลุ่มที่น่าสนใจ และจะเติบโตในระยะยาว
นอกเหนือจากปัจจัยที่กล่าวมาข้างบนแล้ว กลุ่มโรงพยาบาล และกลุ่มโรงเรียนเป็นสองกลุ่มที่ผู้บริโภคมีอำนาจต่ำที่จะต่อรองราคาได้
วันนี้มาดูผลประกอบการณ์ไตรมาส 3 ของหุ้น BGH กันครับ ซึ่งถือว่าเป็นพี่ใหญ่สุดของกลุ่มนี้
..
ผลการดำเนินงาน ไตรมาส 3 ปีนี้
รายได้เพิ่มขึ้น 7% จากปีที่แล้ว เป็น 13,832 ล้านบาท เนื่องจากคนไข้ใน และ คนไข้นอกที่มากขึ้น รวมถึง จำนวนโรงพยาบาลและค่ารักษาพยาบาลที่มากขึ้น
กำไรก่อนค่าเสื่อม ดอกเบี้ยและภาษี โต 15% จากปีที่แล้ว เป็น 3,209 ล้านบาท
กำไรสุทธิ โต 19% จากปีที่แล้ว เป็น 1,839 ล้านบาท
โดยรายได้ที่เพิ่มขึ้น 7% มาจาก การเติบโตของโรงพยาบาลเดิม 5% และ โรงพยาบาลใหม่ 2%
..
ผลการดำเนินงาน รวม 9 เดือน ปีนี้
รายได้เพิ่มขึ้น 9% จากปีที่แล้ว เป็น 39,910 ล้านบาท เนื่องจากคนไข้ใน และ คนไข้นอกที่มากขึ้น รวมถึง จำนวนโรงพยาบาลและค่ารักษาพยาบาลที่มากขึ้น
กำไรก่อนค่าเสื่อม ดอกเบี้ยและภาษี โต 15% จากปีที่แล้ว เป็น 9,380 ล้านบาท
กำไรสุทธิ โต 15% จากปีที่แล้ว เป็น 5,415 ล้านบาท
โดยรายได้ที่เพิ่มขึ้น 9% มาจาก การเติบโตของโรงพยาบาลเดิม 7% และ โรงพยาบาลใหม่ 2%
สัดส่วนระหว่างคนไข้ชาวไทย 72% และ ต่างชาติ 28% โดยคนไข้ชาวไทยเติบโต 11% และ ต่างชาติ 7% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว คนไข้เฉลี่ยต่อวันคือ 23,685 คน (เยอะมาก!)
คนไข้ชาวต่างชาติส่วนใหญ่คือ ญี่ปุ่น, พม่า, สหราชอาณาจักร, ออสเตรเลีย และ สาธรณรัฐอาหรับอิมิเรตส์ แต่ตอนนี้ คนไข้จาก จีน, พม่า และ โอมาน เติบโตอย่างมาก
..
TRIS เพิ่ม ความน่าเชื่อถือ ของ BGH จาก A+ มา เป็น AA- ซึ่งจะทำให้บริษัทสามารถหาแหล่งเงินกู้ได้ง่ายและมีต้นทุนที่ถูกลงด้วย
(ไว้สำหรับซื้อกิจการใหม่ๆ เห็นไหมครับ ยิ่งรวย ยิ่งใหญ่ ก็ยิ่งหาเงินกู้ได้ง่ายกว่า และ ต้นทุนถูกกว่า รายเล็กๆ ทำให้กิจการยิ่งขยายใหญ่ง่ายขึ้นไปอีก)
..
ปัจจุบันมี 37 โรงพยาบาลที่เป็นเจ้าของและบริหาร ภายใต้ 6 ชื่อ คือ โรงพยาบาลกรุงเทพ, โรงพยาบาลพญาไท, โรงพยาบาลสมิติเวช, โรงพยาบาลเปาโลเมโมเรียล, โรงพบาบาลบีเอ็นเอช, โรงพยาบาลโรยัลกรุงเทพ (ที่ประเทศกัมพูชา) และ โรงพยาบาลที่มีชื่อตามพื้นที่ต่างๆ
กำลังจะเปิดเพิ่มอีก 6 แห่ง รวมแล้วเป็น 43 โรงพยาบาล
จำนวนเตียงจะเพิ่มจาก 5,237 เป็น 6,521 สำหรับโรงพยาบาลเดิม และ เพิ่มเป็น 7,674 เมื่อรวมโรงพยาบาลที่เปิดใหม่
..
ขยายธุรกิจ คือซื้อกิจการร้านขายยา “save Drug” เข้ามาตั้งแต่ 30 ตุลาคม ปีนี้ ซึ่งปัจจุบันมีสาขา 107 สาขาทั่วประเทศ นอกจากนี้ ยังมีความร่วมมือกับสถาบันการศึกษาที่ต่างประเทศ โดยเป็น พันธมิตร กับ มหาวิทยาลัย Health และ Science ของเมือง Oregon ประเทศสหรัฐอเมริกา
..
ดูแล้วคงขยายกิจการได้อีกเยอะ บริษัทใหญ่โต พร้อมด้วยกระสุนที่แข็งแกร่ง
- ขอให้โชคดีครับ -
อ้างอิง:
www.facebook.com/SustainW
http://bgh.listedcompany.com/misc/PRESN/20141121-bgh-analystresults-3q2014.pdf