หนังสั้น 5 เรื่องจากแคมเปญ SINGHA Discovers 500 – Galapagos ภายใต้ Concept "แค่คุณเปิด โลกก็เปลี่ยน" ซึ่งเดินทางไปถ่ายถึงทำสถานที่จริง ณ ดินแดนที่เต็มไปด้วยเหล่าสรรพสัตว์หายากอย่างหมู่เกาะกาลาปากอส ประเทศเอกวาดอร์ โดยเล่าผ่านมุมมองและเรื่องราวการเดินทางของ พี่ติ๊ก เจษฎาภรณ์, ชาคริต แย้มนาม, เรย์ แมคโดนัล, คริส หอวัง แกงส้ม The Star และผู้ผ่านการคัดเลือก 5 คู่ (10 คน) จากแคมเปญมาร่วมเป็นสีสันในการแบ่งปันประสบการณ์การเดินทางในครั้งนี้ด้วย ผลงานการกำกับของ ราจิต แสงชูโต
5 เรื่อง 5 ประสาทสัมผัส รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส และ 5 สไตล์กับการดึงจุดเด่นและตัวตนของคนดังทั้ง 5 คนมานำเสนอผูกเป็นเรื่องราวสั้นๆที่น่าสนใจ แต่ละเรื่องสั้นจะนำเสนอสื่อความหมายตัวแทนความฝัน ความชอบ ความคิดและบุคลิกนิสัยของแต่ละกลุ่มคนในสังคมปัจจุบัน การเปิดใจยอมรับกับประสบการณ์ใหม่ๆที่เข้ามาในชีวิต และปลูกฝังจิตสำนึกพร้อมทั้งรณรงค์ให้คนหันมาใส่ใจธรรมชาติ สัตว์และสิ่งแวดล้อม
เริ่มที่เรื่องแรกซึ่งฉายเปิดตัวไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วในวันที่ 4 ธันวาคม เป็นเรื่องของพี่ติ๊ก เจษฎาภรณ์ ร่วมกับ ดร.นำชัย ชีววิวรรธน์ นักสื่อสารวิทยาศาสตร์และ รศ.ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยจุฬาลงกรณ์ ในหัวข้อเรื่อง “สมบูรณ์ หรือ สมดุล” ตัวแทนประสาทสัมผัสที่ 1 คือ “รูป” การมองเห็นและการรับรู้ด้วยตา เล่าเรื่องราวของการทำรายการเนวิเกเตอร์ของพี่ติ๊ก ความมุ่งมั่นตั้งใจในการทำงาน ความเป็น perfectionist และ professional หนังนำเสนออกมากึ่งๆเป็นสารคดีชีวประวัติซึ่งจะดูจริงจังและเป็นทางการตามบุคลิกของพี่ติ๊กแต่ก็เท่มากและมีพลัง แถมยังมีเล่นมุกตลกในความจริงจังของพี่ติ๊กอีกด้วย (สังเกตได้จากหน้าพี่ติ๊กหลังจากที่ฟังอาจารย์พูดจบ)
เรื่องที่ 2 (ฉายวันที่ 8 ธันวาคม) คือเรื่อง “พาสเวิร์ดที่ค้นพบ” คริส หอวัง จับคู่กับ ฟ้ากับปอนด์ ซึ่งเป็นหมอและพยาบาล เป็นเรื่องราวของคริส สาวติดโลกโซเชี่ยวที่พยายามหารหัส Wi-Fi เพื่อทำการ check in และ อัพรูป จนลืมสนุกกับสิ่งที่อยู่รอบตัว เรื่องนี้จึงเป็นตัวแทนของประสาทสัมผัสที่ 5 คือ “สัมผัส” การรับรู้จากการสัมผัสจับต้องกับประสบการณ์ที่กำลังเกิดขึ้น หนังสั้นเรื่องนี้น่าจะเป็นสิ่งที่ใกล้เคียงกับนิสัยของคนในสังคมปัจจุบันมากที่สุด กับจังหวะการนำเสนอที่แมสกว่าทุกเรื่อง พร้อมกับมุกตลกน่ารักตามสไตล์ของคริส ซึ่งในทั้งหมด 5 เรื่องโดยส่วนตัวชอบเรื่องนี้มากที่สุดค่ะ
เรื่องที่ 3 (ฉายวันที่ 11 ธันวาคม) เรื่อง “ชีวิตคู่ หรือ คู่ชีวิต” ชาคริต จับคู่กับ คู่รักป๊อปและน้ำนุ่น ที่เล่าเรื่องราวเป็นธีมความรักทั้งหมด หวานจนมดขึ้นเต็มจอจนสาวๆต้องแอบอิจฉาวุ้นเส้นกันเป็นแถวๆ กับเคมีที่ลงตัวของป๊อปและน้ำนุ่นที่อยู่คู่กันแล้วน่ารักอย่าบอกใคร ทั้งมีภาพมุมกล้องและองค์ประกอบที่สวยงาม เป็นเรื่องราวของการลองชิมอาหารพื้นเมืองอย่างสมองลามะนึ่ง และการตามหานกอัลบาทรอสของชาคริต ซึ่งเป็นนกที่มีแค่รักเดียว แม้ว่าจะต้องจากกันไปถึง 4 ปี แต่มันก็จะบินกลับมาหากันจนเจอและอยู่คู่กันไปตลอดชีวิต หนังสั้นเรื่องนี้จึงเป็นตัวแทนของ ประสาทสัมผัสที่ 2 คือ “รส”การได้รับรู้รสชาติด้วยการชิมอาหาร และรสชาติของชีวิต
เรื่องที่ 4 (ฉายวันที่ 14 ธันวาคม) เรื่อง “กฎของธรรมชาติ” แกงส้ม จับคู่กับฝาแฝดสาว คูและแคน เป็นเรื่องราวของแกงส้มที่มีความสนใจในด้านการได้ยินมากกว่าด้านอื่น เขาจึงเก็บประสบการณ์ต่างๆด้วยการอัดเสียงทุกๆอย่างที่อยู่รอบๆตัว ซึ่งเป็นที่แน่นอนว่าเรื่องสั้นเรื่องนี้จึงเป็นตัวแทนของประสาทสัมผัสที่ 4 ก็คือ“เสียง” อีกทั้งยังพูดถึงเส้นแบ่งระหว่างคนกับธรรมชาติอีกด้วย โดยส่วนตัวคิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่มีการนำเสนอได้น่าสนใจมากที่สุด และมีภาพที่สวยงมากในฉากที่แกงส้มเต้นอยู่บนธารลาวากับสีฟ้าของเสื้อเชิ้ตซึ่งตัดกับสีของธรรมชาติด้านหลังออกมาได้โดดเด่นมาก อีกฉากที่ชอบมากคือฉากที่นกบู้บี้บินกระโจนพุ่งลงสู่น้ำเพื่อหาอาหาร เห็นด้วยตาก็ว่าตื่นเต้นแล้ว แต่คนดูจะได้ยินเสียงการพุ่งตัวลงน้ำของนกบู้บี้อย่างชัดเจนมากจากการอัดเสียงของแกงส้ม นั่นจึงเป็นอะไรที่พีคสุดๆ และน่าตื่นเต้นเข้าไปใหญ่ เสียงนี้ยังก้องอยู่ในหัวตลอดเลยแม้จะผ่านการชมมาหลายวันแล้วก็ตาม
เรื่องที่ 5 (ฉายวันที่ 17 ธันวาคม) เรื่อง “ทุกๆวันคือการผจญภัย” เรย์ แมคโดนัลด์ จับคู่กับ มะนาว นายแบบโฆษณากับบอส DJ คลื่น 103 Like FM ธีมคือการบุก ลุย การค้นหา พบเจอสิ่งใหม่ๆทั้งการไปตามหาเต่าถ้ำ ไปเส้นศูนย์สูตรกับอาจารย์ธร ธำรงนาวาสวัสดิ์ (อาจารย์มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ซึ่งเป็นที่ปรึกษาการเดินทางไปกาลาปากอสในครั้งนี้ ) และสัมผัสกับวิถีชีวิตของคนในท้องที่ เช่น การทำน้ำอ้อย ดมกลิ่นเมล็ดกาแฟ และพูดคุยกัน ซึ่งเป็นตัวแทนของประสาทสัมผัสที่ 3 คือ“กลิ่น” ของชีวิตนั่นเอง โดยส่วนตัวในทั้งหมด 5 คนจะชอบเรย์มากที่สุด ชอบมาตั้งแต่หนังเรื่อง O-Negative เรื่องนี้จึงน่าจะเป็นเรื่องที่มีความเป็นธรรมชาติเป็นกันเองมากที่สุดในหนังสั้นทั้งหมด 5 เรื่อง ก็ตามสไตล์เรย์ แมคเขาหละ
หนังสั้นทั้ง 5 เรื่องถ่ายทอดและถ่ายทำออกมาได้ดีมากทั้งหมด ทั้งๆที่มีเวลาการอยู่บนเกาะเพียงไม่กี่วัน และยังเป็นการถ่ายทำที่มีสัตว์ป่าอีกซึ่งไม่สามารถคาดเดาได้ว่าจะพบเจอหรือไม่ หรือคาดเดาได้ว่าพวกเขาจะเคลื่อนไหวไปทางไหน ยิ่งเมื่ออ่านหนังสือของอาจารย์ธร ธำรงนาวาสวัสดิ์ที่เขียนเล่าเรื่องราวของการไปทริปครั้งนี้จนจบแล้วก็ยิ่งทำให้เข้าใจถึงความยากลำบากในการเดินทาง การจัดสรรเวลาทำงาน และได้ความรู้ที่น่าสนใจเต็มไปหมด แถมยังแอบอิจฉาผู้ร่วมเดินทางทั้งหมดที่ได้ไปเจอสัตว์นานาชนิด เพราะส่วนตัวเป็นคนรักสัตว์มาก และรักการเดินทางเป็นชีวิตจิตใจ อ่านไปนึกภาพตามไปและเอามาประติดประต่อกับภาพที่รับชมในหนังสั้น แล้วก็ยิ่งรู้สึกตื่นเต้นเข้าไปใหญ่ อยากไปบ้างค่ะ
สัตว์ทั้งหมดที่พบเจอของการเดินทางครั้งนี้ ส่วนตัวประทับใจกับกิ้งก่าอีกัวน่ามากที่สุด เพราะตอนเด็กๆเคยเลี้ยงแบบนอนคู่กันเลยทีเดียว พอตายนี่ร้องไห้เสียใจเป็นเดือนๆเลยหละ (ไม่ได้นอนทับนะ) ที่กาลาปากอสอีกัวน่ามีการวิวัฒนาการเพื่อปรับตัวให้เข้ากับสิ่งแวดล้อมที่เป็นอยู่แบ่งแยกออกเป็น 2 สายพันธุ์คือ อีกัวน่าบก และอีกัวน่าทะเล อีกัวน่าบกกินตะบองเพชรเป็นอาหาร แต่อีกัวน่าทะเลเท่มาก สามารถว่ายน้ำและดำน้ำลงไปได้ถึง 20 เมตรเพื่อกินอาหารหลักซึ่งเป็นสาหร่าย และกลั้นหายใจได้ถึง 1 ชั่วโมง!!!
กาลาปากอสเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีความงามและมีความอุดมสมบูรณ์ทางธรรมชาติอย่างมาก มนุษย์สามารถอยู่ร่วมกับสัตว์ได้อย่างมีความสุขและแบ่งปันกัน ทั้งยังมีกฎหมายคุ้มครองสัตว์และสิ่งแวดล้อมที่แข็งแรงมาก ขนาดอาหารที่เป็นเนื้อสัตว์ทุกชนิดกาลาปากอสยังต้องนำเข้าเพราะกฎหมายสั่งห้ามทำการประมงหรือจับสัตว์มาเพื่อเป็นอาหาร และสามารถสังเกตได้จากสัตว์ต่างๆไม่มีอาการเกรงกลัวต่อผู้คนที่พบเจอ ไม่มีการวิ่งหนีหรือหลบซ่อนตัว เผลอๆยังเข้ามาใกล้คนเองเลย ก็เพราะพวกเขาไม่เคยโดนการบุกรุกหรือโดนทำร้ายเลยนั่นเอง
ผิดกับเมืองไทยอย่างสิ้นเชิงที่มีคนจำนวนมากไม่สนใจกับสัตว์และสิ่งแวดล้อมเลย เอาแต่ตัวเองเป็นที่ตั้ง ใครจะเดือดร้อนไม่มีที่อยู่อาศัย ไม่มีแหล่งให้หาอาหารก็ไม่สนใจ บางคนเห็นสัตว์เป็น "แค่สัตว์” ไม่เห็นใจ หนำซ้ำบางทีก็ทำร้ายอย่างกับพวกเขาไม่มีชีวิตจิตใจ ในมุมมองส่วนตัวพวกเขาไม่ได้เป็นแค่สัตว์ แต่เป็น "ตั้งสัตว์”ต่างหากหละ มนุษย์ต่างหากที่เป็นแค่สัตว์ที่โหดร้ายที่สุดที่ทำให้สัตว์ต่างๆต้องสูญพันธุ์ไป (อ่านเรื่อง The Lonesome George ที่อาจารย์ธรเขียนถึงแล้วร้องไห้เลย)
หวังว่าหลังจากที่ทุกคนชมหนังสั้นทั้ง 5 เรื่องนี้จบจะทำให้คุณได้รับแรงบันดาลใจกล้าที่เปิดรับสิ่งที่อยู่รอบตัว ออกเดินทาง ค้นหาสิ่งใหม่ๆ พบปะผู้คน ใช้ชีวิต เผชิญโลกกว้าง และเปลี่ยนมุมมองเรื่องสัตว์และสิ่งแวดล้อมใหม่ หันมาช่วยกันอนุรักษ์เพื่อให้อยู่ร่วมกับมนุษย์ไปนานๆ และงดซื้อสัตว์ป่ามาเลี้ยงค่ะ จริงอยู่โดยส่วนตัวตอนเด็กๆจะผ่านการเลี้ยงสัตว์มานานาชนิด แต่เมื่อโตขึ้นเรียนรู้มากขึ้นจึงรู้ว่าสัตว์ควรอยู่คู่กับป่า ไม่ควรนำมาขังกรง และพวกเขาคงจะมีความสุขและสวยงามที่สุดก็ต่อเมื่อเขาได้อยู่ในที่ที่พวกเขาควรอยู่ โดยเฉพาะนกน่าจะเป็นสัตว์ที่ไม่เหมาะจะเลี้ยงมากที่สุดเลย ในธรรมชาตินกต้องโบยบิน ไหนเลยจะมากักขังพวกเขาไม่ให้บินไปสู่อิสระ จริงไหม?
สุดท้ายนี้ต้องขอขอบคุณ Singha และ ทีมงาน pantip มากค่ะ ที่ชวนไปชมหนังสั้นทั้ง 5 เรื่อง ชอบทุกเรื่องเลยค่ะ แค่คุณเปิด...โลกก็เปลี่ยนจริงๆค่ะ
ปล. นี่เป็นความคิดเห็นส่วนตัวเท่านั้น ซึ่งแต่ละคนมีมุมมอง ความชอบ ความคิดต่างกัน และ สามารถอ่าน Review หนังเรื่องอื่นๆได้ที่เพจ Movies Stalker ค่ะ
https://www.facebook.com/MoviesStalker
[SR] แค่คุณเปิด...โลกก็เปลี่ยน The Short Film (SINGHA Discovers 500 – Galapagos)
หนังสั้น 5 เรื่องจากแคมเปญ SINGHA Discovers 500 – Galapagos ภายใต้ Concept "แค่คุณเปิด โลกก็เปลี่ยน" ซึ่งเดินทางไปถ่ายถึงทำสถานที่จริง ณ ดินแดนที่เต็มไปด้วยเหล่าสรรพสัตว์หายากอย่างหมู่เกาะกาลาปากอส ประเทศเอกวาดอร์ โดยเล่าผ่านมุมมองและเรื่องราวการเดินทางของ พี่ติ๊ก เจษฎาภรณ์, ชาคริต แย้มนาม, เรย์ แมคโดนัล, คริส หอวัง แกงส้ม The Star และผู้ผ่านการคัดเลือก 5 คู่ (10 คน) จากแคมเปญมาร่วมเป็นสีสันในการแบ่งปันประสบการณ์การเดินทางในครั้งนี้ด้วย ผลงานการกำกับของ ราจิต แสงชูโต
5 เรื่อง 5 ประสาทสัมผัส รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส และ 5 สไตล์กับการดึงจุดเด่นและตัวตนของคนดังทั้ง 5 คนมานำเสนอผูกเป็นเรื่องราวสั้นๆที่น่าสนใจ แต่ละเรื่องสั้นจะนำเสนอสื่อความหมายตัวแทนความฝัน ความชอบ ความคิดและบุคลิกนิสัยของแต่ละกลุ่มคนในสังคมปัจจุบัน การเปิดใจยอมรับกับประสบการณ์ใหม่ๆที่เข้ามาในชีวิต และปลูกฝังจิตสำนึกพร้อมทั้งรณรงค์ให้คนหันมาใส่ใจธรรมชาติ สัตว์และสิ่งแวดล้อม
เริ่มที่เรื่องแรกซึ่งฉายเปิดตัวไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วในวันที่ 4 ธันวาคม เป็นเรื่องของพี่ติ๊ก เจษฎาภรณ์ ร่วมกับ ดร.นำชัย ชีววิวรรธน์ นักสื่อสารวิทยาศาสตร์และ รศ.ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ อาจารย์คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยจุฬาลงกรณ์ ในหัวข้อเรื่อง “สมบูรณ์ หรือ สมดุล” ตัวแทนประสาทสัมผัสที่ 1 คือ “รูป” การมองเห็นและการรับรู้ด้วยตา เล่าเรื่องราวของการทำรายการเนวิเกเตอร์ของพี่ติ๊ก ความมุ่งมั่นตั้งใจในการทำงาน ความเป็น perfectionist และ professional หนังนำเสนออกมากึ่งๆเป็นสารคดีชีวประวัติซึ่งจะดูจริงจังและเป็นทางการตามบุคลิกของพี่ติ๊กแต่ก็เท่มากและมีพลัง แถมยังมีเล่นมุกตลกในความจริงจังของพี่ติ๊กอีกด้วย (สังเกตได้จากหน้าพี่ติ๊กหลังจากที่ฟังอาจารย์พูดจบ)
เรื่องที่ 2 (ฉายวันที่ 8 ธันวาคม) คือเรื่อง “พาสเวิร์ดที่ค้นพบ” คริส หอวัง จับคู่กับ ฟ้ากับปอนด์ ซึ่งเป็นหมอและพยาบาล เป็นเรื่องราวของคริส สาวติดโลกโซเชี่ยวที่พยายามหารหัส Wi-Fi เพื่อทำการ check in และ อัพรูป จนลืมสนุกกับสิ่งที่อยู่รอบตัว เรื่องนี้จึงเป็นตัวแทนของประสาทสัมผัสที่ 5 คือ “สัมผัส” การรับรู้จากการสัมผัสจับต้องกับประสบการณ์ที่กำลังเกิดขึ้น หนังสั้นเรื่องนี้น่าจะเป็นสิ่งที่ใกล้เคียงกับนิสัยของคนในสังคมปัจจุบันมากที่สุด กับจังหวะการนำเสนอที่แมสกว่าทุกเรื่อง พร้อมกับมุกตลกน่ารักตามสไตล์ของคริส ซึ่งในทั้งหมด 5 เรื่องโดยส่วนตัวชอบเรื่องนี้มากที่สุดค่ะ
เรื่องที่ 3 (ฉายวันที่ 11 ธันวาคม) เรื่อง “ชีวิตคู่ หรือ คู่ชีวิต” ชาคริต จับคู่กับ คู่รักป๊อปและน้ำนุ่น ที่เล่าเรื่องราวเป็นธีมความรักทั้งหมด หวานจนมดขึ้นเต็มจอจนสาวๆต้องแอบอิจฉาวุ้นเส้นกันเป็นแถวๆ กับเคมีที่ลงตัวของป๊อปและน้ำนุ่นที่อยู่คู่กันแล้วน่ารักอย่าบอกใคร ทั้งมีภาพมุมกล้องและองค์ประกอบที่สวยงาม เป็นเรื่องราวของการลองชิมอาหารพื้นเมืองอย่างสมองลามะนึ่ง และการตามหานกอัลบาทรอสของชาคริต ซึ่งเป็นนกที่มีแค่รักเดียว แม้ว่าจะต้องจากกันไปถึง 4 ปี แต่มันก็จะบินกลับมาหากันจนเจอและอยู่คู่กันไปตลอดชีวิต หนังสั้นเรื่องนี้จึงเป็นตัวแทนของ ประสาทสัมผัสที่ 2 คือ “รส”การได้รับรู้รสชาติด้วยการชิมอาหาร และรสชาติของชีวิต
เรื่องที่ 4 (ฉายวันที่ 14 ธันวาคม) เรื่อง “กฎของธรรมชาติ” แกงส้ม จับคู่กับฝาแฝดสาว คูและแคน เป็นเรื่องราวของแกงส้มที่มีความสนใจในด้านการได้ยินมากกว่าด้านอื่น เขาจึงเก็บประสบการณ์ต่างๆด้วยการอัดเสียงทุกๆอย่างที่อยู่รอบๆตัว ซึ่งเป็นที่แน่นอนว่าเรื่องสั้นเรื่องนี้จึงเป็นตัวแทนของประสาทสัมผัสที่ 4 ก็คือ“เสียง” อีกทั้งยังพูดถึงเส้นแบ่งระหว่างคนกับธรรมชาติอีกด้วย โดยส่วนตัวคิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องที่มีการนำเสนอได้น่าสนใจมากที่สุด และมีภาพที่สวยงมากในฉากที่แกงส้มเต้นอยู่บนธารลาวากับสีฟ้าของเสื้อเชิ้ตซึ่งตัดกับสีของธรรมชาติด้านหลังออกมาได้โดดเด่นมาก อีกฉากที่ชอบมากคือฉากที่นกบู้บี้บินกระโจนพุ่งลงสู่น้ำเพื่อหาอาหาร เห็นด้วยตาก็ว่าตื่นเต้นแล้ว แต่คนดูจะได้ยินเสียงการพุ่งตัวลงน้ำของนกบู้บี้อย่างชัดเจนมากจากการอัดเสียงของแกงส้ม นั่นจึงเป็นอะไรที่พีคสุดๆ และน่าตื่นเต้นเข้าไปใหญ่ เสียงนี้ยังก้องอยู่ในหัวตลอดเลยแม้จะผ่านการชมมาหลายวันแล้วก็ตาม
เรื่องที่ 5 (ฉายวันที่ 17 ธันวาคม) เรื่อง “ทุกๆวันคือการผจญภัย” เรย์ แมคโดนัลด์ จับคู่กับ มะนาว นายแบบโฆษณากับบอส DJ คลื่น 103 Like FM ธีมคือการบุก ลุย การค้นหา พบเจอสิ่งใหม่ๆทั้งการไปตามหาเต่าถ้ำ ไปเส้นศูนย์สูตรกับอาจารย์ธร ธำรงนาวาสวัสดิ์ (อาจารย์มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ซึ่งเป็นที่ปรึกษาการเดินทางไปกาลาปากอสในครั้งนี้ ) และสัมผัสกับวิถีชีวิตของคนในท้องที่ เช่น การทำน้ำอ้อย ดมกลิ่นเมล็ดกาแฟ และพูดคุยกัน ซึ่งเป็นตัวแทนของประสาทสัมผัสที่ 3 คือ“กลิ่น” ของชีวิตนั่นเอง โดยส่วนตัวในทั้งหมด 5 คนจะชอบเรย์มากที่สุด ชอบมาตั้งแต่หนังเรื่อง O-Negative เรื่องนี้จึงน่าจะเป็นเรื่องที่มีความเป็นธรรมชาติเป็นกันเองมากที่สุดในหนังสั้นทั้งหมด 5 เรื่อง ก็ตามสไตล์เรย์ แมคเขาหละ
หนังสั้นทั้ง 5 เรื่องถ่ายทอดและถ่ายทำออกมาได้ดีมากทั้งหมด ทั้งๆที่มีเวลาการอยู่บนเกาะเพียงไม่กี่วัน และยังเป็นการถ่ายทำที่มีสัตว์ป่าอีกซึ่งไม่สามารถคาดเดาได้ว่าจะพบเจอหรือไม่ หรือคาดเดาได้ว่าพวกเขาจะเคลื่อนไหวไปทางไหน ยิ่งเมื่ออ่านหนังสือของอาจารย์ธร ธำรงนาวาสวัสดิ์ที่เขียนเล่าเรื่องราวของการไปทริปครั้งนี้จนจบแล้วก็ยิ่งทำให้เข้าใจถึงความยากลำบากในการเดินทาง การจัดสรรเวลาทำงาน และได้ความรู้ที่น่าสนใจเต็มไปหมด แถมยังแอบอิจฉาผู้ร่วมเดินทางทั้งหมดที่ได้ไปเจอสัตว์นานาชนิด เพราะส่วนตัวเป็นคนรักสัตว์มาก และรักการเดินทางเป็นชีวิตจิตใจ อ่านไปนึกภาพตามไปและเอามาประติดประต่อกับภาพที่รับชมในหนังสั้น แล้วก็ยิ่งรู้สึกตื่นเต้นเข้าไปใหญ่ อยากไปบ้างค่ะ
สัตว์ทั้งหมดที่พบเจอของการเดินทางครั้งนี้ ส่วนตัวประทับใจกับกิ้งก่าอีกัวน่ามากที่สุด เพราะตอนเด็กๆเคยเลี้ยงแบบนอนคู่กันเลยทีเดียว พอตายนี่ร้องไห้เสียใจเป็นเดือนๆเลยหละ (ไม่ได้นอนทับนะ) ที่กาลาปากอสอีกัวน่ามีการวิวัฒนาการเพื่อปรับตัวให้เข้ากับสิ่งแวดล้อมที่เป็นอยู่แบ่งแยกออกเป็น 2 สายพันธุ์คือ อีกัวน่าบก และอีกัวน่าทะเล อีกัวน่าบกกินตะบองเพชรเป็นอาหาร แต่อีกัวน่าทะเลเท่มาก สามารถว่ายน้ำและดำน้ำลงไปได้ถึง 20 เมตรเพื่อกินอาหารหลักซึ่งเป็นสาหร่าย และกลั้นหายใจได้ถึง 1 ชั่วโมง!!!
กาลาปากอสเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีความงามและมีความอุดมสมบูรณ์ทางธรรมชาติอย่างมาก มนุษย์สามารถอยู่ร่วมกับสัตว์ได้อย่างมีความสุขและแบ่งปันกัน ทั้งยังมีกฎหมายคุ้มครองสัตว์และสิ่งแวดล้อมที่แข็งแรงมาก ขนาดอาหารที่เป็นเนื้อสัตว์ทุกชนิดกาลาปากอสยังต้องนำเข้าเพราะกฎหมายสั่งห้ามทำการประมงหรือจับสัตว์มาเพื่อเป็นอาหาร และสามารถสังเกตได้จากสัตว์ต่างๆไม่มีอาการเกรงกลัวต่อผู้คนที่พบเจอ ไม่มีการวิ่งหนีหรือหลบซ่อนตัว เผลอๆยังเข้ามาใกล้คนเองเลย ก็เพราะพวกเขาไม่เคยโดนการบุกรุกหรือโดนทำร้ายเลยนั่นเอง
ผิดกับเมืองไทยอย่างสิ้นเชิงที่มีคนจำนวนมากไม่สนใจกับสัตว์และสิ่งแวดล้อมเลย เอาแต่ตัวเองเป็นที่ตั้ง ใครจะเดือดร้อนไม่มีที่อยู่อาศัย ไม่มีแหล่งให้หาอาหารก็ไม่สนใจ บางคนเห็นสัตว์เป็น "แค่สัตว์” ไม่เห็นใจ หนำซ้ำบางทีก็ทำร้ายอย่างกับพวกเขาไม่มีชีวิตจิตใจ ในมุมมองส่วนตัวพวกเขาไม่ได้เป็นแค่สัตว์ แต่เป็น "ตั้งสัตว์”ต่างหากหละ มนุษย์ต่างหากที่เป็นแค่สัตว์ที่โหดร้ายที่สุดที่ทำให้สัตว์ต่างๆต้องสูญพันธุ์ไป (อ่านเรื่อง The Lonesome George ที่อาจารย์ธรเขียนถึงแล้วร้องไห้เลย)
หวังว่าหลังจากที่ทุกคนชมหนังสั้นทั้ง 5 เรื่องนี้จบจะทำให้คุณได้รับแรงบันดาลใจกล้าที่เปิดรับสิ่งที่อยู่รอบตัว ออกเดินทาง ค้นหาสิ่งใหม่ๆ พบปะผู้คน ใช้ชีวิต เผชิญโลกกว้าง และเปลี่ยนมุมมองเรื่องสัตว์และสิ่งแวดล้อมใหม่ หันมาช่วยกันอนุรักษ์เพื่อให้อยู่ร่วมกับมนุษย์ไปนานๆ และงดซื้อสัตว์ป่ามาเลี้ยงค่ะ จริงอยู่โดยส่วนตัวตอนเด็กๆจะผ่านการเลี้ยงสัตว์มานานาชนิด แต่เมื่อโตขึ้นเรียนรู้มากขึ้นจึงรู้ว่าสัตว์ควรอยู่คู่กับป่า ไม่ควรนำมาขังกรง และพวกเขาคงจะมีความสุขและสวยงามที่สุดก็ต่อเมื่อเขาได้อยู่ในที่ที่พวกเขาควรอยู่ โดยเฉพาะนกน่าจะเป็นสัตว์ที่ไม่เหมาะจะเลี้ยงมากที่สุดเลย ในธรรมชาตินกต้องโบยบิน ไหนเลยจะมากักขังพวกเขาไม่ให้บินไปสู่อิสระ จริงไหม?
สุดท้ายนี้ต้องขอขอบคุณ Singha และ ทีมงาน pantip มากค่ะ ที่ชวนไปชมหนังสั้นทั้ง 5 เรื่อง ชอบทุกเรื่องเลยค่ะ แค่คุณเปิด...โลกก็เปลี่ยนจริงๆค่ะ
ปล. นี่เป็นความคิดเห็นส่วนตัวเท่านั้น ซึ่งแต่ละคนมีมุมมอง ความชอบ ความคิดต่างกัน และ สามารถอ่าน Review หนังเรื่องอื่นๆได้ที่เพจ Movies Stalker ค่ะ https://www.facebook.com/MoviesStalker