ที่บ้านมีธุรกิจอยู่ที่ต่างจังหวัดค่ะ มีธุรกิจหลายอย่างมาก เกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์
คุณพ่อคุณแม่มีลูกสามคนค่ะ จบแล้วสอง กำลังเรียนอยู่คนนึง น้องคนเล็กเป็นผู้ชายค่ะ
ที่บ้านเลี้ยงลูกแบบเข้มงวดนิดนึงค่ะ เนื่องจากคุณแม่เป็นคนดุมากๆ ทุกคนจะเชื่อฟัง
และอยู่ในโอวาทหมด ยกเว้นน้องชายที่จะมีสิทธิพิเศษอยู่บ่อยๆ
ปัญหาอยู่ตรงที่ว่าคุณพ่อคุณแม่ไม่เคยถามเลยค่ะว่าชอบอะไร อยากทำอะไร และอยากเป็นอะไรตั้งแต่เด็กๆ
เอาจริงๆแล้วนิสัยพื้นฐานของลูกสามคน เค้าก็ไม่ค่อยรู้ค่ะ เพราะเค้าไม่ค่อยมีเวลาเท่าไหร่ ทำแต่งานตลอด
ซึ่งธุรกิจที่เติบโตมาทุกวันนี้ใช้เวลาประมาณ10กว่าปีค่ะ เรียกได้ว่าโตเร็วมากๆ เมื่อก่อน ก่อนมาทำอสังหา
เค้ามีเวลาอยู่กับลูกตลอด เลยไม่ค่อยมีปัญหาอะไร จนเมื่อเร็วๆนี้ เรากับพี่อยากไปเรียนต่อค่ะ
แต่เราอยากเรียนในสิ่งที่มันไม่เกี่ยวกับธุรกิจเท่าไหร่ เราชอบ fashion ค่ะ มีร้านเป็นของตัวเอง เรียกได้ว่า
ประสบความสำเร็จพอสมควร ส่วนพี่เราอยากเรียน design ประมาณนี้ค่ะ
เรากับพี่กลับมาช่วยที่บ้านได้ประมาณ 2-3 ปีแล้วค่ะ แต่จะไปเรียนต่อเมืองนอก ส่วนตัวเราแล้ว ตกลงกับคุณแม่
ไว้แล้วค่ะตั้งแต่เรียนจบ เรื่องระยะเวลาการช่วยงาน การเรียน และกลับมา ส่วนตัวพี่เราเพิ่งรู้สึกว่าอยากไปเรียนต่อค่ะ
เลยทะเลาะกับคุณแม่ที่เค้าไม่เข้าใจว่าทำไมต้องเรียนต่อ อย่างเค้าไม่เห็นต้องจบสูงๆก็ทำมาขนาดนี้ได้เลย
คุณแม่ไม่เชื่อว่าการเรียนต่อสูงๆจะส่งผลให้ประสบความสำเร็จในด้านการงานเท่าไหร่ เพราะทั้งชีวิตเค้าใช้ประสบ
การณ์ชีวิตล้วนๆเลยค่ะ ซึ่งเราก็นับถือคุณพ่อคุณแม่เรามากๆนะคะ ว่าเค้าเก่งมาก เราเองก็คงทำได้ไม่เท่าเค้า
แค่ในเมื่อเราไม่อยากเป็นในสิ่งที่เค้าเป็นทุกวันนี้ เราเลยค่อนข้างฉีกแนวออกไปหน่อย เราเคยบอกเค้าไปตั้งแต่
เด็กๆแล้วค่ะ ว่าธุรกิจที่เค้ามีเราไม่อยากได้เลย อยากทำงานใน UN หรือกระทรวง ตามความฝันเด็กๆ อยากเดิน
ทางบ่อยๆ ซึ่งทุกวันนี้ รายได้ที่เราได้มาจากการทำงานในสิ่งที่เรารักจริงๆ (เป็นพาร์ทไทม์) ก็สามารถทำให้เรา
ทำแบบนั้นได้พอสมควรค่ะ
คุณแม่เราเป็นคนค่อนข้างซีเรียสและจริงจังกับงาน ธุรกิจ และเงินมากๆค่ะ เค้าจะชอบพูดว่าถ้าเราคิดแบบนี้
เราเป็นคนเห็นแก่ตัว เอาแต่ได้ และบาปต่อบุพการี ที่เลี้ยงเรามา ส่งเสียเรามาจนถึงทุกวันนี้ ไหนเราจะไป
เรียนต่ออีก เงินก็ไม่ใช่น้อยๆ ถ้าเราไม่กลับมาทำ หรือรับผิดชอบธุรกิจที่เค้าวางไว้ให้ (พี่น้องสามคนคนละอย่าง)
ก็แสดงว่าเราไม่นึกถึงพ่อแม่เลย ซึ่งเรากลับคิดว่าเราไม่เคยคิดว่าเราจะไม่เลี้ยงดูท่าน หรืออยากให้ท่านพักนะคะ
ธุรกิจที่มีมากมายขนาดนี้ทุกวันนี้ เราและญาติๆคอยบอกคุณแม่เสมอค่ะ ว่ามันเยอะแล้ว คุณแแม่เหนื่อยมามากแล้ว
เงินก็ไม่ได้ใช้เพราะไม่มีเวลาเลย อีกอย่างคุณแม่เราเป็นนักธุรกิจประเภททำแล้วไม่กู้ค่ะ ในช่วงแรกๆที่ลงทุนเลย
ลำบากหน่อย เค้าก็จะบ่นๆว่าเค้าเหนื่อยมาก พอแล้ว ทุกคนก็บอกให้หยุดนะคะ เพราะแค่นี้ก็ดูแลไม่ไหวแล้ว
แต่เค้าก็ไม่หยุดทำค่ะ คิดอะไรได้ก็ทำเลยๆ และเค้าจะชอบคิดวางแผนให้ทุกคนในครอบครัวค่ะ คุณพ่อต้องตามแม่นะ
เป็นแบบนี้นะ ลูกสามคนก็ต้องเดินตามที่เค้าวางไว้แล้วค่ะ ว่าคนนี้ดูแลอันนี้ๆ นะ เค้าไม่สนเลยค่ะว่าลูกอยากทำอะไร
หรือชอบที่จะทำอะไร
หลายๆคนอาจจะคิดนะคะว่า ดีออกที่บ้านมีธุรกิจ สบายอยู่แล้ว ไม่ต้องมาลำบากสร้างเอง หรือเป็นพนักงานเงินเดือน
มันก็จริงค่ะที่เราอยู่สบายมาตลอด แต่เราอยู่มากับความเครียดของคุณพ่อคุณแม่ การที่เค้าไม่มีเวลาอยู่กับเรา
เราไม่เคยได้ไปเที่ยวที่ไหนเลยค่ะหลังจากที่ธุรกิจโตแล้ว ไม่ว่าจะในประเทศหรือต่างประเทศ
หรือเวลาคุยกันภายในโต๊ะอาหารก็จะเป็นเรื่องธุรกิจตลอด ทะเลาะกันในครอบครัวเป็นประจำ ก็มีแต่เรื่องธุรกิจ
เราเลยอยากถามว่าถ้าเราไปเรียนต่อและเลือกทำงานตามที่เราชอบอีกซัก 2-3ปีหรืออาจจะกลับมาช่วยที่บ้าน
แบบไปๆมาๆ ไม่อยู๋แบบถาวร เราจะถือว่าเราทำบาปต่อบุพการีมั้ยคะ ? เราเนรคุณเค้ารึเปล่า? ที่เราไม่อยู่
เลี้ยงดูท่าน ตอนที่ท่านแก่ หรือทดแทนบุญคุณท่าน แต่ใช่ว่าเราไปเรียนหรือไปทำงานที่อื่นแล้วเราจะไม่กลับมา
หรือมาดูแลท่านะนะคะ เราและพี่ทะเลาะกับคุณแม่เรื่องนี้ตลอดเลยค่ะ TT
ขอบคุณมากค่ะ
ทำแบบนี้จะบาปต่อบุพการีมั้ยคะ?
คุณพ่อคุณแม่มีลูกสามคนค่ะ จบแล้วสอง กำลังเรียนอยู่คนนึง น้องคนเล็กเป็นผู้ชายค่ะ
ที่บ้านเลี้ยงลูกแบบเข้มงวดนิดนึงค่ะ เนื่องจากคุณแม่เป็นคนดุมากๆ ทุกคนจะเชื่อฟัง
และอยู่ในโอวาทหมด ยกเว้นน้องชายที่จะมีสิทธิพิเศษอยู่บ่อยๆ
ปัญหาอยู่ตรงที่ว่าคุณพ่อคุณแม่ไม่เคยถามเลยค่ะว่าชอบอะไร อยากทำอะไร และอยากเป็นอะไรตั้งแต่เด็กๆ
เอาจริงๆแล้วนิสัยพื้นฐานของลูกสามคน เค้าก็ไม่ค่อยรู้ค่ะ เพราะเค้าไม่ค่อยมีเวลาเท่าไหร่ ทำแต่งานตลอด
ซึ่งธุรกิจที่เติบโตมาทุกวันนี้ใช้เวลาประมาณ10กว่าปีค่ะ เรียกได้ว่าโตเร็วมากๆ เมื่อก่อน ก่อนมาทำอสังหา
เค้ามีเวลาอยู่กับลูกตลอด เลยไม่ค่อยมีปัญหาอะไร จนเมื่อเร็วๆนี้ เรากับพี่อยากไปเรียนต่อค่ะ
แต่เราอยากเรียนในสิ่งที่มันไม่เกี่ยวกับธุรกิจเท่าไหร่ เราชอบ fashion ค่ะ มีร้านเป็นของตัวเอง เรียกได้ว่า
ประสบความสำเร็จพอสมควร ส่วนพี่เราอยากเรียน design ประมาณนี้ค่ะ
เรากับพี่กลับมาช่วยที่บ้านได้ประมาณ 2-3 ปีแล้วค่ะ แต่จะไปเรียนต่อเมืองนอก ส่วนตัวเราแล้ว ตกลงกับคุณแม่
ไว้แล้วค่ะตั้งแต่เรียนจบ เรื่องระยะเวลาการช่วยงาน การเรียน และกลับมา ส่วนตัวพี่เราเพิ่งรู้สึกว่าอยากไปเรียนต่อค่ะ
เลยทะเลาะกับคุณแม่ที่เค้าไม่เข้าใจว่าทำไมต้องเรียนต่อ อย่างเค้าไม่เห็นต้องจบสูงๆก็ทำมาขนาดนี้ได้เลย
คุณแม่ไม่เชื่อว่าการเรียนต่อสูงๆจะส่งผลให้ประสบความสำเร็จในด้านการงานเท่าไหร่ เพราะทั้งชีวิตเค้าใช้ประสบ
การณ์ชีวิตล้วนๆเลยค่ะ ซึ่งเราก็นับถือคุณพ่อคุณแม่เรามากๆนะคะ ว่าเค้าเก่งมาก เราเองก็คงทำได้ไม่เท่าเค้า
แค่ในเมื่อเราไม่อยากเป็นในสิ่งที่เค้าเป็นทุกวันนี้ เราเลยค่อนข้างฉีกแนวออกไปหน่อย เราเคยบอกเค้าไปตั้งแต่
เด็กๆแล้วค่ะ ว่าธุรกิจที่เค้ามีเราไม่อยากได้เลย อยากทำงานใน UN หรือกระทรวง ตามความฝันเด็กๆ อยากเดิน
ทางบ่อยๆ ซึ่งทุกวันนี้ รายได้ที่เราได้มาจากการทำงานในสิ่งที่เรารักจริงๆ (เป็นพาร์ทไทม์) ก็สามารถทำให้เรา
ทำแบบนั้นได้พอสมควรค่ะ
คุณแม่เราเป็นคนค่อนข้างซีเรียสและจริงจังกับงาน ธุรกิจ และเงินมากๆค่ะ เค้าจะชอบพูดว่าถ้าเราคิดแบบนี้
เราเป็นคนเห็นแก่ตัว เอาแต่ได้ และบาปต่อบุพการี ที่เลี้ยงเรามา ส่งเสียเรามาจนถึงทุกวันนี้ ไหนเราจะไป
เรียนต่ออีก เงินก็ไม่ใช่น้อยๆ ถ้าเราไม่กลับมาทำ หรือรับผิดชอบธุรกิจที่เค้าวางไว้ให้ (พี่น้องสามคนคนละอย่าง)
ก็แสดงว่าเราไม่นึกถึงพ่อแม่เลย ซึ่งเรากลับคิดว่าเราไม่เคยคิดว่าเราจะไม่เลี้ยงดูท่าน หรืออยากให้ท่านพักนะคะ
ธุรกิจที่มีมากมายขนาดนี้ทุกวันนี้ เราและญาติๆคอยบอกคุณแม่เสมอค่ะ ว่ามันเยอะแล้ว คุณแแม่เหนื่อยมามากแล้ว
เงินก็ไม่ได้ใช้เพราะไม่มีเวลาเลย อีกอย่างคุณแม่เราเป็นนักธุรกิจประเภททำแล้วไม่กู้ค่ะ ในช่วงแรกๆที่ลงทุนเลย
ลำบากหน่อย เค้าก็จะบ่นๆว่าเค้าเหนื่อยมาก พอแล้ว ทุกคนก็บอกให้หยุดนะคะ เพราะแค่นี้ก็ดูแลไม่ไหวแล้ว
แต่เค้าก็ไม่หยุดทำค่ะ คิดอะไรได้ก็ทำเลยๆ และเค้าจะชอบคิดวางแผนให้ทุกคนในครอบครัวค่ะ คุณพ่อต้องตามแม่นะ
เป็นแบบนี้นะ ลูกสามคนก็ต้องเดินตามที่เค้าวางไว้แล้วค่ะ ว่าคนนี้ดูแลอันนี้ๆ นะ เค้าไม่สนเลยค่ะว่าลูกอยากทำอะไร
หรือชอบที่จะทำอะไร
หลายๆคนอาจจะคิดนะคะว่า ดีออกที่บ้านมีธุรกิจ สบายอยู่แล้ว ไม่ต้องมาลำบากสร้างเอง หรือเป็นพนักงานเงินเดือน
มันก็จริงค่ะที่เราอยู่สบายมาตลอด แต่เราอยู่มากับความเครียดของคุณพ่อคุณแม่ การที่เค้าไม่มีเวลาอยู่กับเรา
เราไม่เคยได้ไปเที่ยวที่ไหนเลยค่ะหลังจากที่ธุรกิจโตแล้ว ไม่ว่าจะในประเทศหรือต่างประเทศ
หรือเวลาคุยกันภายในโต๊ะอาหารก็จะเป็นเรื่องธุรกิจตลอด ทะเลาะกันในครอบครัวเป็นประจำ ก็มีแต่เรื่องธุรกิจ
เราเลยอยากถามว่าถ้าเราไปเรียนต่อและเลือกทำงานตามที่เราชอบอีกซัก 2-3ปีหรืออาจจะกลับมาช่วยที่บ้าน
แบบไปๆมาๆ ไม่อยู๋แบบถาวร เราจะถือว่าเราทำบาปต่อบุพการีมั้ยคะ ? เราเนรคุณเค้ารึเปล่า? ที่เราไม่อยู่
เลี้ยงดูท่าน ตอนที่ท่านแก่ หรือทดแทนบุญคุณท่าน แต่ใช่ว่าเราไปเรียนหรือไปทำงานที่อื่นแล้วเราจะไม่กลับมา
หรือมาดูแลท่านะนะคะ เราและพี่ทะเลาะกับคุณแม่เรื่องนี้ตลอดเลยค่ะ TT
ขอบคุณมากค่ะ