สวัสดีค่ะทุกคนที่เข้ามาในพันทิป นี่กระทู้แรกของแอมป์เลยนะ ดีใจกับแอมป์หน่อย ฮ๋า ๆ : D
กระทู้นี้ตั้งใจให้เป็น ไดอารี่ท่องเที่ยวของแอมป์ และแชร์ประสบการณ์ดีมากหน่อย และดีน้อยหน่อยผสมๆ กันไป
ครั้งนี้แอมป์และพี่ ๆ ไปเที่ยวระนองมาสองสามวันในช่วงปิดเทอม (ปิดเทอมแค่อาทิตย์เดียว เที่ยวไหนดี TT")
เผื่อใครรู้สึกเหนื่อยๆ กำลังมองหาสถานที่เงียบๆ ดีๆ ซักแห่ง " เกาะพยาม "
อาจกลายเป็นหนึ่งในตัวเลือกและสถานที่โปรดของคุณอีกแห่งเลยก็ได้
เหมือนกับที่ใครหลายๆ คนได้ลองพยามแล้ว " อยากกลับไป . พยามอีกซักสองสามครั้ง "
2014.11.28 - 2014.11.30
ขอแนะนำตัวซักเล็กน้อย .. เผื่ออยากรู้จักและอยากจะทักทาย แต่พอไม่เจอ แล้วใจก็วุ่นวาย (ไม่ใช่ละๆ ๕๕๕)
ชื่อ แอมป์คะ เป็นลูกครึ่ง (ครึ่งกระบี่ ครึ่งนครศรีธรรมราช) ๕๕๕๕ ถือว่าใต้แท้ร้อยเปอร์เซ็นต์ บ้านอยู่กระบี่ มีพี่สาวสองคน
เป็นลูกที่แม่พ่อค่อนข้างห่วง ไม่ชอบให้ไปเที่ยวทะเล แต่ละครั้งที่ไปเที่ยวทะเลกับพี่ๆ ได้ คือต้องแอบ ต้องหนีไปตลอด
( ครั้งล่าสุดแบบหนีไปโหดๆ คือ หนีไปก่อนประกาศแจ้งเตือนสึนามิ ไปเที่ยวทะเลแหวกแบบวันเดย์ทริปกับพี่ )
ครั้งนี้ก่อนสอบปลายภาค คือ แอมป์ก็เครียดนะ (บอกให้รู้ เพื่อนและคนรอบข้างมักคิดว่าแอมป์เครียดไม่เป็น) ๕๕๕
เลยคิดว่า ปิดเทอมอาทิตย์นึงเนี่ยควรได้พักผ่อน ไปไหนดี ไปเที่ยวเกาะพีพี เกาะลันตา อ่าวนาง ไร่เลย์ ทะเลแหวก ก็ไปมาหมดละ
จะหนีไปเชียงราย เชียงใหม่ แย๊บ ๆ ถามแม่ว่าไปได้ไหม ? แม่บอกปิดเทอมสั้นมาก กลับบ้านดีกว่ามั้ยคะลูก
.. จะเอาโอกาสไหนหนีแม่เที่ยวนะ เวลาและเหตุผลที่จะเที่ยวทะเลในกระบี่ ก็ใช้ไปหมดแล้ว ..
แผนการโกงแม่เที่ยวจึง เกิดขึ้นก่อนเวลาเดินทางจริงแค่หนึ่งอาทิตย์ ...
คิดออกแล้วไปไหนดี !
เพื่อนเอาลิ้งค์มาแปะในหน้าเฟส " แม่เจ้า ! 4 มัลดีฟส์เมืองไทย สวยไฉไลไม่แพ้ที่ไหนในโลกจริงๆ "
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกของการได้อ่านลิ้งค์เว็บนี้ แอมป์จะไม่ทนให้เกาะพยามเป็นเรื่องไกลตัวแอมป์อีกแล้ว
ว่าแล้วหลังจากนั้นก็บังคับขู่เข็ญให้พี่สาวจองโรงแรมให้ในเว็บ agoda (เรียนอยู่ยังไม่มีบัตรเครดิต นี่ข้อดี กิกิ)
แน่นอนหล่ะ ไปเกาะพยามต้องพักบลูสกายรีสอร์ทใช่มั้ยยยย รีวิวในพันทิปเยอะมากกกกกกกกกกกกกกกกก
คนจิตแข็งไม่พอก็ต้องโอนอ่อนอยากพักเป็นธรรมดา แต่ขอโทษนะคะ วันที่จะไป ที่พักเต็ม TT"
โอเค มองอยู่ห่างๆ อย่าห่วงๆ ครั้งหน้ามีโอกาสอีกไม่พลาดแน่ !
สรุปจากการจองโรงแรมก็ได้พักโรงแรมพีพีแลนด์อีโครีสอร์ท จำนวน ๒ ห้อง ๑ คืน
เป็นห้องพักติดทะเลฝั่งท่าเรือ รีวิวว่าอาหารอร่อย ราคาไม่แพงมาก ก็พี่สาวเป็นคนช่างเลือก แอมป์คิดอย่างนั้น : ))
หลังจากเงินในบัตรเครดิตของพี่หักปุ๊บ แอมป์ก็โทรหาแม่ปั๊บ ดำเนินการแผนต่อไปอย่างไม่มีที่สงสัย (หรอ !)
ฮัลโหลแม่จ๋า .. ปิดเทอมวันที่ ๒๘ ไประนองกันนะ ไปเยี่ยมพี่เอ็มด้วยเลยไง ไปนอนกับพี่เอ็มคืนนึง
แล้วก็วันที่ ๒๙ เราไปนอนพยามกันซักคืนเนอะ น้องจองโรงแรมเรียบร้อยแล้ว (แอมป์นี่พูดรัวๆ กะให้แม่ฟังไม่ทันแล้วตอบตกลง)
แต่ .. แม่ เป็นผู้หญิงที่ฉลาดที่สุด แผนแค่นี้สิวๆ แม่จัดเต็มตอบมาว่า แล้วช่วงนี้ฝนตกไม่ใช่หรอ มรสุมเข้าเวียดนามนะแม่ดูข่าว
แล้วเรือจะไปเกาะไปยังไง เกาะห่างจากฝั่งเท่าไหร่ มีเรือวันละกี่เที่ยว เรือชนิดไหนบ้าง แม่ว่า .. อย่าไปดีกว่ามั้ย ?
เป็นคนถามทิ้งท้ายด้วยน้ำเสียงเบาๆ แต่ซ่อนไว้ถึงความเยือกเย็นที่ทำให้ปลายสายเหงื่อออก
น้องจองโรงแรมไว้แล้ว จ่ายตังค์แล้ว ดูพยากรณ์อากาศแล้ว ดูเรือแล้วมีสปีดโบ้ทด้วย ห่างเท่าไหร่ไว้กูเกิ้ลเอาได้มั้ย ..
ไหน ๆ น้องก็สอบก็เรียนหนัก (อันนี้น้ำเสียงออดอ้อนระดับ ๘.๕) พี่ๆ เขาก็โอเค แม่ก็จะได้ไปพักผ่อนด้วยไง
คิดว่าเหตุผลแรกกับเหตุผลสุดท้ายนี่แหละที่แม่อนุญาต ๕๕๕๕๕ แม่บอกมัดมือชกกันดีดีแบบนี้เลย
สอบเสร็จ .. พุ่งขึ้นเครื่องกลับกระบี่ แบบไม่ได้ร่ำลาเพื่อนๆ พี่ๆ ที่นั่งสอบวิชาอาจารย์พันซ่าอยู่เลยซักคน (เก๊าขอโทษจีจี)
กลับมาบ้าน แม่ขอสละสิทธิ์ในการเดินทางขอใช้เวลาสวีทกับพ่อที่บ้านสองต่อสอง ลูกๆ จึงออกเดินทางไประนองปราศจากผู้ปกครอง
เริ่มต้นจากกระบี่เวลาบ่ายสอง โดยเต๊ปตีนผี (อันนี้ชื่อในตำนานของพี่เอฟ) เรื่องความเร็วนะไม่ต้องพูดถึง ๕๕๕
ใช้เวลาในการเดินทางประมาณ ๔ ชั่วโมงครึ่งก็ถึงระนอง ถึงปุ๊บ หิวปั๊บ ทั้งๆ ที่จริงก็กินกันมาตลอดทาง
เลยตัดสินใจไปหาอาหารทะเลอร่อยๆ ราคาไม่แพงมาก ที่ปากน้ำซีฟู๊ด จะได้เห็นวิวฝั่งเกาะสอง ของประเทศพม่าด้วย
เมนูแนะนำจากเอ็มมี่ผู้แสนน่ารักและช่างเลือก (อันนี้สมญานามของพี่เอ็มเวลาเลือกของกิน)
อันได้แก่ ต้มข่าทะเล (มาระนองไม่กิน ถือว่าไม่ถึงนะ) ผักเหลียงผัดทะเล ยำสามกรอบ ก็โอเคนะ
อิ่มเป็นหมี ทั้งพีทั้งมันส์ ก็ขับรถไปเดินย่อยที่ท่าเรือศุลกากร จังหวัดระนอง จุดเด่นคือประภาคาร
มาระนองก็หลายครั้งแล้ว ยังไม่เคยขึ้นไปบนประภาคารเลย ที่นี่มีรถรับส่ง มีร้านกาแฟเปิดใหม่บนประภาคารชั้น ๙
และมีโปรแกรมเชิญชวนข้ามฝั่งไปเที่ยวเกาะสองพม่า เรือมีตลอดทั้งคืนนะคะ คนละ ๑๓๐ บาท แต่ไม่ได้ไปจ้า
เพราะว่าพรุ่งนี้ต้องเก็บแรงนั่งเรือไปเกาะพยามกันอีก และคิดว่าคงไม่มีโชคในการเสี่ยง
ตื่นเช้ามาในวันที่สอง อาบน้ำแต่งตัวมาท่าเรือไปเกาะพยาม ที่ท่าเรือตำบลปากน้ำ
ก็จัดแจงฝากรถ แบกกระเป๋าคนละใบสองใบ (ไปกันแค่หนึ่งคืน) ผู้หญิงก็แบบนี้แหล่ะคะ กระเป๋าเครื่องสำอาง กล้อง และอื่นๆ
เข้าซื้อตั๋วเรือสปีดโบ้ทเที่ยวละ ๓๕๐ บาท ตอน ๙.๓๐ น. คิดว่าจะไปเรือรอบตอนสิบโมง แต่ .. เรือเต็ม ได้รอบ ๑๑.๐๐ ก็นั่งรอซิจ่ะ
ว่าละก็หยิบกล้องขึ้นมาเซลฟี่ เช็คอิน และ ถ่ายธรรมชาติตรงนั้นไปเรื่อย ๆ
บรรยากาศท่าเรือของที่นี่ยังมีความเป็นธรรมชาติสูงมาก สกปรกนิดๆ พอให้เราได้รู้จักระมัดระวังตัวเอง
เห็นบรรยากาศชาวเล แบกขนน้ำจืด อุปกรณ์ก่อสร้าง สิ่งของเครื่องใช้อุปโภคบริโภค ลงเรือกันอย่างแข็งขัน (แก๊สหุงต้มยกทีละสองถัง)
ให้บรรยากาศเห็นคุณค่าของสิ่งของที่เราทิ้งขว้างง่ายๆ .. เมื่อตอนใช้ชีวิตอยู่บนฝั่งได้ดีเลยดีเดียว (จบประโยคได้ดี)
เราใช้เวลาประมาณ ๔๕ นาทีในการเดินทาง (คำโฆษณาบอกว่าแค่ ๓๐ นาที) ช้าแต่ปลอดภัยก็ไม่ว่ากัน
แต่ข้อเสียของเรือที่นี่คือ เสื้อชูชีพไม่พอกับจำนวนผู้โดยสาร
จะหยิบมาใส่ก็กระอักกระอ่วน --"
หันไปถามพี่ๆ ว่า ต้องใส่มั้ย ? ไม่มีใครใส่เลย พี่บอกไม่ต้องใส่ก็ได้ มองๆ ไว้ ละกัน
แอมป์ก็เลยได้แค่นั่งจ้องเสื้อชูชีพไว้ เหมือนในเกมส์เก้าอี้ดนตรี ในใจก็รู้สึกผิด (รับปากกับพ่อไว้ว่าจะใส่เสื้อชูชีพ)
และภาวนาขอให้ทุกคนบนเรือลำนี้ปลอดภัย ..
คนไทยแท้ ถึงแล้วต้องถ่ายป้ายจ้า : P
เกาะพยามเป็นเกาะที่ใช้มอเตอไซด์ในการเดินทางเป็นหลัก ว่าละก็ไปเช่ารถ มาแว้นกันดีกว่า
จัดไปสองคันจ่ะ ซึ่งราคาจะขึ้นอยู่กับแบบ ตกราคาอยู่ที่ คันละ ๑๕๐ - ๓๕๐ บาท ซึ้อน้ำมันเติมคันละ ๑ ขวด ราคา ๕๐ บาท
ในใจตอนขับรถเข้าที่พัก ก็คิดและพูดกับพี่ๆ ว่า ดีแล้ว ที่แม่ไม่มา เพราะถ้าแม่มา ป่วยกลับไปแน่ๆ เพราะทางแอ๊ดแวนเจ้อมาก ๆ
ถึงโรงแรมก็มีรีเซ๊ปชั่นเดินกระดิกหางเก๋ ๆ มาทักทาย เป็นกันเองอย่างกับว่าสนิทกันมาสามสี่ปี น่ารักดีนะ เพราะเป็นคนชอบหมา : ))
ประมาณเที่ยงพี่ๆ เลือกที่จะพักสายตาอยู่ที่ห้องพัก แอมป์ผู้มีสัญชาตญาณไม่กลัวแดด ก็เดินออกไปดูวิวส่วนหน้าของโรงแรม
ตอนแรกคิดว่าคงไม่ร้อนเท่าไหร่ กันแดดที่ทาไว้คงจะช่วยได้ --" กลับมาไปส่องกระจก หน้าไหม้ไปสองระดับ นอนพักซักหน่อยดีกว่า
ซักหน่อยก็ปาเข้าไปสี่โมงเย็นจ้า ลุกไปแว้นทัวร์เกาะกัน! พี่เอ็มเป็นคนขับและคนนำทาง เพราะพี่เอ็มเคยมาพยามแล้วสองครั้ง
ก็สนุกดีจ่ะ เพราะไปหลงกันอยู่พักนึง หลงเข้าป่า ผ่านบริเวณก่อสร้าง คนงานชาวต่างชาติเยอะ ต้องรีบยูเทินร์รถกลับอย่างไว
ไอเราก็บอกพี่เอ็มแล้วนะ ว่าเลี้ยวขวา ๆ ไปหาด พี่เอ็มบอกตรงไปนะ พี่จำได้ ถนนนี่รอบเกาะเลยนะน้องเชื่อพี่ๆ .. จ่ะ
สุดท้ายมาหยุดตรงอ่าวนี้ .. น่าจะอ่าวเขาควาย มีภูเขาที่น้ำทะเลกันเซาะจนทะลุด้วย สวยดีจ่ะ แต่หินเยอะไปหน่อย
แต่อ่าวตรงนี้ดีมาก ๆ ตรงแอมป์ได้เจอกับนกเงือก นกแห่งรักแท้ รู้สึกดีมากๆ เลย : ))
เริ่มจะค่ำแล้ว ไปอ่าวใหญ่กันดีกว่า ระยะทางระหว่างไปอ่าวใหญ่ก็จะมีร้านค้า ที่พักมากมาย ทั้งเก่าและกำลังสร้างใหม่
บ้านก็สวยๆ แนว ๆ เยอะเลย รอบนี้กล้องอยู่ในมือก็เลยกดรูปมาได้จำนวนนึง
พระอาทิตย์ตกที่อ่าวใหญ่สวยมาก สวยจนอยากให้คนที่เรารัก ยังรัก และเคยรักมาที่นี่ด้วยกันเลยล่ะ
ฟ้าแบบนี้ ทรายแบบนี้มันเหมาะกับคนที่อินเลิฟ มันคงจะดีมากเลยที่เราได้ใช้สายตามองด้วยกันมากกว่ากดรูปไปฝากเนอะ : ))
[CR] ระนอง สองสามวัน . (เกาะ) พยาม ประมาณหนึ่ง
กระทู้นี้ตั้งใจให้เป็น ไดอารี่ท่องเที่ยวของแอมป์ และแชร์ประสบการณ์ดีมากหน่อย และดีน้อยหน่อยผสมๆ กันไป
ครั้งนี้แอมป์และพี่ ๆ ไปเที่ยวระนองมาสองสามวันในช่วงปิดเทอม (ปิดเทอมแค่อาทิตย์เดียว เที่ยวไหนดี TT")
เผื่อใครรู้สึกเหนื่อยๆ กำลังมองหาสถานที่เงียบๆ ดีๆ ซักแห่ง " เกาะพยาม "
อาจกลายเป็นหนึ่งในตัวเลือกและสถานที่โปรดของคุณอีกแห่งเลยก็ได้
เหมือนกับที่ใครหลายๆ คนได้ลองพยามแล้ว " อยากกลับไป . พยามอีกซักสองสามครั้ง "
2014.11.28 - 2014.11.30
ขอแนะนำตัวซักเล็กน้อย .. เผื่ออยากรู้จักและอยากจะทักทาย แต่พอไม่เจอ แล้วใจก็วุ่นวาย (ไม่ใช่ละๆ ๕๕๕)
ชื่อ แอมป์คะ เป็นลูกครึ่ง (ครึ่งกระบี่ ครึ่งนครศรีธรรมราช) ๕๕๕๕ ถือว่าใต้แท้ร้อยเปอร์เซ็นต์ บ้านอยู่กระบี่ มีพี่สาวสองคน
เป็นลูกที่แม่พ่อค่อนข้างห่วง ไม่ชอบให้ไปเที่ยวทะเล แต่ละครั้งที่ไปเที่ยวทะเลกับพี่ๆ ได้ คือต้องแอบ ต้องหนีไปตลอด
( ครั้งล่าสุดแบบหนีไปโหดๆ คือ หนีไปก่อนประกาศแจ้งเตือนสึนามิ ไปเที่ยวทะเลแหวกแบบวันเดย์ทริปกับพี่ )
ครั้งนี้ก่อนสอบปลายภาค คือ แอมป์ก็เครียดนะ (บอกให้รู้ เพื่อนและคนรอบข้างมักคิดว่าแอมป์เครียดไม่เป็น) ๕๕๕
เลยคิดว่า ปิดเทอมอาทิตย์นึงเนี่ยควรได้พักผ่อน ไปไหนดี ไปเที่ยวเกาะพีพี เกาะลันตา อ่าวนาง ไร่เลย์ ทะเลแหวก ก็ไปมาหมดละ
จะหนีไปเชียงราย เชียงใหม่ แย๊บ ๆ ถามแม่ว่าไปได้ไหม ? แม่บอกปิดเทอมสั้นมาก กลับบ้านดีกว่ามั้ยคะลูก
.. จะเอาโอกาสไหนหนีแม่เที่ยวนะ เวลาและเหตุผลที่จะเที่ยวทะเลในกระบี่ ก็ใช้ไปหมดแล้ว ..
แผนการโกงแม่เที่ยวจึง เกิดขึ้นก่อนเวลาเดินทางจริงแค่หนึ่งอาทิตย์ ...
คิดออกแล้วไปไหนดี ! เพื่อนเอาลิ้งค์มาแปะในหน้าเฟส " แม่เจ้า ! 4 มัลดีฟส์เมืองไทย สวยไฉไลไม่แพ้ที่ไหนในโลกจริงๆ "
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกของการได้อ่านลิ้งค์เว็บนี้ แอมป์จะไม่ทนให้เกาะพยามเป็นเรื่องไกลตัวแอมป์อีกแล้ว
ว่าแล้วหลังจากนั้นก็บังคับขู่เข็ญให้พี่สาวจองโรงแรมให้ในเว็บ agoda (เรียนอยู่ยังไม่มีบัตรเครดิต นี่ข้อดี กิกิ)
แน่นอนหล่ะ ไปเกาะพยามต้องพักบลูสกายรีสอร์ทใช่มั้ยยยย รีวิวในพันทิปเยอะมากกกกกกกกกกกกกกกกก
คนจิตแข็งไม่พอก็ต้องโอนอ่อนอยากพักเป็นธรรมดา แต่ขอโทษนะคะ วันที่จะไป ที่พักเต็ม TT"
โอเค มองอยู่ห่างๆ อย่าห่วงๆ ครั้งหน้ามีโอกาสอีกไม่พลาดแน่ !
สรุปจากการจองโรงแรมก็ได้พักโรงแรมพีพีแลนด์อีโครีสอร์ท จำนวน ๒ ห้อง ๑ คืน
เป็นห้องพักติดทะเลฝั่งท่าเรือ รีวิวว่าอาหารอร่อย ราคาไม่แพงมาก ก็พี่สาวเป็นคนช่างเลือก แอมป์คิดอย่างนั้น : ))
หลังจากเงินในบัตรเครดิตของพี่หักปุ๊บ แอมป์ก็โทรหาแม่ปั๊บ ดำเนินการแผนต่อไปอย่างไม่มีที่สงสัย (หรอ !)
ฮัลโหลแม่จ๋า .. ปิดเทอมวันที่ ๒๘ ไประนองกันนะ ไปเยี่ยมพี่เอ็มด้วยเลยไง ไปนอนกับพี่เอ็มคืนนึง
แล้วก็วันที่ ๒๙ เราไปนอนพยามกันซักคืนเนอะ น้องจองโรงแรมเรียบร้อยแล้ว (แอมป์นี่พูดรัวๆ กะให้แม่ฟังไม่ทันแล้วตอบตกลง)
แต่ .. แม่ เป็นผู้หญิงที่ฉลาดที่สุด แผนแค่นี้สิวๆ แม่จัดเต็มตอบมาว่า แล้วช่วงนี้ฝนตกไม่ใช่หรอ มรสุมเข้าเวียดนามนะแม่ดูข่าว
แล้วเรือจะไปเกาะไปยังไง เกาะห่างจากฝั่งเท่าไหร่ มีเรือวันละกี่เที่ยว เรือชนิดไหนบ้าง แม่ว่า .. อย่าไปดีกว่ามั้ย ?
เป็นคนถามทิ้งท้ายด้วยน้ำเสียงเบาๆ แต่ซ่อนไว้ถึงความเยือกเย็นที่ทำให้ปลายสายเหงื่อออก
น้องจองโรงแรมไว้แล้ว จ่ายตังค์แล้ว ดูพยากรณ์อากาศแล้ว ดูเรือแล้วมีสปีดโบ้ทด้วย ห่างเท่าไหร่ไว้กูเกิ้ลเอาได้มั้ย ..
ไหน ๆ น้องก็สอบก็เรียนหนัก (อันนี้น้ำเสียงออดอ้อนระดับ ๘.๕) พี่ๆ เขาก็โอเค แม่ก็จะได้ไปพักผ่อนด้วยไง
คิดว่าเหตุผลแรกกับเหตุผลสุดท้ายนี่แหละที่แม่อนุญาต ๕๕๕๕๕ แม่บอกมัดมือชกกันดีดีแบบนี้เลย
สอบเสร็จ .. พุ่งขึ้นเครื่องกลับกระบี่ แบบไม่ได้ร่ำลาเพื่อนๆ พี่ๆ ที่นั่งสอบวิชาอาจารย์พันซ่าอยู่เลยซักคน (เก๊าขอโทษจีจี)
กลับมาบ้าน แม่ขอสละสิทธิ์ในการเดินทางขอใช้เวลาสวีทกับพ่อที่บ้านสองต่อสอง ลูกๆ จึงออกเดินทางไประนองปราศจากผู้ปกครอง
เริ่มต้นจากกระบี่เวลาบ่ายสอง โดยเต๊ปตีนผี (อันนี้ชื่อในตำนานของพี่เอฟ) เรื่องความเร็วนะไม่ต้องพูดถึง ๕๕๕
ใช้เวลาในการเดินทางประมาณ ๔ ชั่วโมงครึ่งก็ถึงระนอง ถึงปุ๊บ หิวปั๊บ ทั้งๆ ที่จริงก็กินกันมาตลอดทาง
เลยตัดสินใจไปหาอาหารทะเลอร่อยๆ ราคาไม่แพงมาก ที่ปากน้ำซีฟู๊ด จะได้เห็นวิวฝั่งเกาะสอง ของประเทศพม่าด้วย
เมนูแนะนำจากเอ็มมี่ผู้แสนน่ารักและช่างเลือก (อันนี้สมญานามของพี่เอ็มเวลาเลือกของกิน)
อันได้แก่ ต้มข่าทะเล (มาระนองไม่กิน ถือว่าไม่ถึงนะ) ผักเหลียงผัดทะเล ยำสามกรอบ ก็โอเคนะ
อิ่มเป็นหมี ทั้งพีทั้งมันส์ ก็ขับรถไปเดินย่อยที่ท่าเรือศุลกากร จังหวัดระนอง จุดเด่นคือประภาคาร
มาระนองก็หลายครั้งแล้ว ยังไม่เคยขึ้นไปบนประภาคารเลย ที่นี่มีรถรับส่ง มีร้านกาแฟเปิดใหม่บนประภาคารชั้น ๙
และมีโปรแกรมเชิญชวนข้ามฝั่งไปเที่ยวเกาะสองพม่า เรือมีตลอดทั้งคืนนะคะ คนละ ๑๓๐ บาท แต่ไม่ได้ไปจ้า
เพราะว่าพรุ่งนี้ต้องเก็บแรงนั่งเรือไปเกาะพยามกันอีก และคิดว่าคงไม่มีโชคในการเสี่ยง
ตื่นเช้ามาในวันที่สอง อาบน้ำแต่งตัวมาท่าเรือไปเกาะพยาม ที่ท่าเรือตำบลปากน้ำ
ก็จัดแจงฝากรถ แบกกระเป๋าคนละใบสองใบ (ไปกันแค่หนึ่งคืน) ผู้หญิงก็แบบนี้แหล่ะคะ กระเป๋าเครื่องสำอาง กล้อง และอื่นๆ
เข้าซื้อตั๋วเรือสปีดโบ้ทเที่ยวละ ๓๕๐ บาท ตอน ๙.๓๐ น. คิดว่าจะไปเรือรอบตอนสิบโมง แต่ .. เรือเต็ม ได้รอบ ๑๑.๐๐ ก็นั่งรอซิจ่ะ
ว่าละก็หยิบกล้องขึ้นมาเซลฟี่ เช็คอิน และ ถ่ายธรรมชาติตรงนั้นไปเรื่อย ๆ
บรรยากาศท่าเรือของที่นี่ยังมีความเป็นธรรมชาติสูงมาก สกปรกนิดๆ พอให้เราได้รู้จักระมัดระวังตัวเอง
เห็นบรรยากาศชาวเล แบกขนน้ำจืด อุปกรณ์ก่อสร้าง สิ่งของเครื่องใช้อุปโภคบริโภค ลงเรือกันอย่างแข็งขัน (แก๊สหุงต้มยกทีละสองถัง)
ให้บรรยากาศเห็นคุณค่าของสิ่งของที่เราทิ้งขว้างง่ายๆ .. เมื่อตอนใช้ชีวิตอยู่บนฝั่งได้ดีเลยดีเดียว (จบประโยคได้ดี)
เราใช้เวลาประมาณ ๔๕ นาทีในการเดินทาง (คำโฆษณาบอกว่าแค่ ๓๐ นาที) ช้าแต่ปลอดภัยก็ไม่ว่ากัน
แต่ข้อเสียของเรือที่นี่คือ เสื้อชูชีพไม่พอกับจำนวนผู้โดยสาร จะหยิบมาใส่ก็กระอักกระอ่วน --"
หันไปถามพี่ๆ ว่า ต้องใส่มั้ย ? ไม่มีใครใส่เลย พี่บอกไม่ต้องใส่ก็ได้ มองๆ ไว้ ละกัน
แอมป์ก็เลยได้แค่นั่งจ้องเสื้อชูชีพไว้ เหมือนในเกมส์เก้าอี้ดนตรี ในใจก็รู้สึกผิด (รับปากกับพ่อไว้ว่าจะใส่เสื้อชูชีพ)
และภาวนาขอให้ทุกคนบนเรือลำนี้ปลอดภัย ..
คนไทยแท้ ถึงแล้วต้องถ่ายป้ายจ้า : P
เกาะพยามเป็นเกาะที่ใช้มอเตอไซด์ในการเดินทางเป็นหลัก ว่าละก็ไปเช่ารถ มาแว้นกันดีกว่า
จัดไปสองคันจ่ะ ซึ่งราคาจะขึ้นอยู่กับแบบ ตกราคาอยู่ที่ คันละ ๑๕๐ - ๓๕๐ บาท ซึ้อน้ำมันเติมคันละ ๑ ขวด ราคา ๕๐ บาท
ในใจตอนขับรถเข้าที่พัก ก็คิดและพูดกับพี่ๆ ว่า ดีแล้ว ที่แม่ไม่มา เพราะถ้าแม่มา ป่วยกลับไปแน่ๆ เพราะทางแอ๊ดแวนเจ้อมาก ๆ
ถึงโรงแรมก็มีรีเซ๊ปชั่นเดินกระดิกหางเก๋ ๆ มาทักทาย เป็นกันเองอย่างกับว่าสนิทกันมาสามสี่ปี น่ารักดีนะ เพราะเป็นคนชอบหมา : ))
ประมาณเที่ยงพี่ๆ เลือกที่จะพักสายตาอยู่ที่ห้องพัก แอมป์ผู้มีสัญชาตญาณไม่กลัวแดด ก็เดินออกไปดูวิวส่วนหน้าของโรงแรม
ตอนแรกคิดว่าคงไม่ร้อนเท่าไหร่ กันแดดที่ทาไว้คงจะช่วยได้ --" กลับมาไปส่องกระจก หน้าไหม้ไปสองระดับ นอนพักซักหน่อยดีกว่า
ซักหน่อยก็ปาเข้าไปสี่โมงเย็นจ้า ลุกไปแว้นทัวร์เกาะกัน! พี่เอ็มเป็นคนขับและคนนำทาง เพราะพี่เอ็มเคยมาพยามแล้วสองครั้ง
ก็สนุกดีจ่ะ เพราะไปหลงกันอยู่พักนึง หลงเข้าป่า ผ่านบริเวณก่อสร้าง คนงานชาวต่างชาติเยอะ ต้องรีบยูเทินร์รถกลับอย่างไว
ไอเราก็บอกพี่เอ็มแล้วนะ ว่าเลี้ยวขวา ๆ ไปหาด พี่เอ็มบอกตรงไปนะ พี่จำได้ ถนนนี่รอบเกาะเลยนะน้องเชื่อพี่ๆ .. จ่ะ
สุดท้ายมาหยุดตรงอ่าวนี้ .. น่าจะอ่าวเขาควาย มีภูเขาที่น้ำทะเลกันเซาะจนทะลุด้วย สวยดีจ่ะ แต่หินเยอะไปหน่อย
แต่อ่าวตรงนี้ดีมาก ๆ ตรงแอมป์ได้เจอกับนกเงือก นกแห่งรักแท้ รู้สึกดีมากๆ เลย : ))
เริ่มจะค่ำแล้ว ไปอ่าวใหญ่กันดีกว่า ระยะทางระหว่างไปอ่าวใหญ่ก็จะมีร้านค้า ที่พักมากมาย ทั้งเก่าและกำลังสร้างใหม่
บ้านก็สวยๆ แนว ๆ เยอะเลย รอบนี้กล้องอยู่ในมือก็เลยกดรูปมาได้จำนวนนึง
พระอาทิตย์ตกที่อ่าวใหญ่สวยมาก สวยจนอยากให้คนที่เรารัก ยังรัก และเคยรักมาที่นี่ด้วยกันเลยล่ะ
ฟ้าแบบนี้ ทรายแบบนี้มันเหมาะกับคนที่อินเลิฟ มันคงจะดีมากเลยที่เราได้ใช้สายตามองด้วยกันมากกว่ากดรูปไปฝากเนอะ : ))
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น