...พระอรหันต์ค้างภพ....!?

กระทู้สนทนา
เนื้อความคำสอนในพระไตรปิฎกนอกจากคำสอนของพระศาสดาเพื่อความพ้นทุกข์แล้ว
ยังมีแง่มุมด้านอื่นๆอีกเช่นสังคมธรรมเนียมและคำสอนร่วมสมัยของนิกายความเชื่ออื่นๆ
ให้เราได้ศึกษาแม้เรื่องพระนิพพานก็ทรงเล่าลำดับการบัญญัติพระนิพพานไว้ด้วย
ในพระสูตรหนึ่งทรงเล่าว่าพวกเดียรถีย์ได้บัญญัติพระนิพพานขึ้นมาแข่งกับพุทธองค์
โดยมีนิพพานห้าแบบคือกามคุณและฌานหนึ่งสองสามสี่ขึ้นมาเป็นนิพพาน

และเหล่าเดียรถีเหล่านี้ได้คุยข่มพุทธองค์ว่าไม่มีนิพพานในปัจจุบันเหมือนพวกตน
จึงทำให้เราพบว่าแท้จริงแล้วแต่เดิมพระพุทธองค์ทรงบัญญัติพระนิพพานที่เรียกว่าอนุปาทิเสสขึ้นมาก่อน
ต่อมาจึงบัญญัติอาการสิ้นกิเลสเสร็จกิจหมดตัณหาของพระอรหันต์เป็นพระนิพพานปัจจุบัน
มาประกบกับนิพพานปัจจุบันของพวกเดียรถีย์จึงทำให้พุทธศาสนามีพระนิพพานสองแบบตั้งแต่นั้นมา

ลำพังพระอรหันต์ที่บรรลุนิพพานปัจจุบันสอุปาทิเสสนิพพานธาตุนั้นยังมีภพปัจจุบันรองรับอยู่
จะสิ้นภพจริงๆก็ตอนดับขันธ์ด้วยอนุปาทิเสสนิพพานธาตุเท่านั้นจึงจะสิ้นภพทั้งหมดได้จริง
ดังนั้นสำหรับพระอรหันต์บางองค์ที่มีเมตตาสูงอยากจะโปรดสัตว์ต่อเมื่อดับขันธ์ก็ยังไม่เข้าอนุปาทิเสสนิพพานธาตุ
คงใช้กายเทวดาหรือกายทิพย์เพื่อมาโปรดสัตว์ในสมาธิจิตให้ผู้ปฏิบัติธรรมได้เห็นเพื่อแนะนำคำสอนที่ถูกต้อง

ในพระสูตรชื่ออัตตาสามได้กล่าวรายละเอียดว่ามนุษย์มีสามกายและอายตนะทั้งสามภพก็อยู่ในกายทั้งสามชนิดนี้
ลำพังกายมนุษย์ดับไปก็ยังเหลืออายตนะของกายเทวดาและกายพรหมอยู่
จะสิ้นภพหมดกันจริงก็ตอนเข้าอนุปาทิเสสนิพพานธาตุแล้วเท่านั้น

ภพและจักรวาลของพุทธศษสนาต่างจากจักรวาลของวิทยาศาสตร์
ตรงที่พุทธองค์ทรงรู้เรื่องนี้ด้วยปัญญาญาณเป็นการรู้จบมิใช่แค่เพิ่งเริ่มต้นแบบวิทยาศาสตร์
จึงทรงทราบถึงปัจจัยการมีอยู่ของภพว่ามีอายตนะเป็นปัจจัยภพจึงเกิดขึ้น
ด้วยการเข้าอนุปาทิเสสนิพพานธาตุเท่านั้นจึงจะทำให้อายตนะทั้งสามกายดับไปหมดภพจึงดับหมดตามไปด้วย
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่