สวัสดีครับ ชาวหว้ากอทุกท่าน
เรื่องนี่อาจทำให้คุณบางคนตื่นเต้น (รึป่าว)แต่จริงๆแล้วเราไม่ได้สำรวจทุกสิ่งในเอกภพ เราไม่แม้แต่จะเห็นมันทั้งหมดด้วยซ้ำ
ถึงแม้ว่าเราจะรู้ว่าเรามีเวลามากพอเพื่อที่จะสำรวจสิ่งต่างๆ และเราควรจะสำรวจครบทุกอย่างแล้วในตอนนี้แต่เราก็ไม่เลย
ดังนั้นเมื่อผมพูดว่า นี่คือดาวฤกษ์ที่ใหญ่ที่สุดในเอกภพที่เรารู้จัก นั่นหมายถึง เรายังไม่ได้สำรวจดาวฤกษ์ทั้งหมดที่มีอยู่ในเอกภพ
บางทีมันอาจมีดาวฤกษ์ที่ใหญ่กว่านี้รอให้ถูกค้นพบก็ได้ จริงๆแล้วเราสำรวจเอกภพในตอนนี้นั้นป็นเพียงแค่บริเวณเล็กน้อย
เป็นสัดส่วนที่น้อยมากของเอกภพ ผมมั่นใจว่ามีดาวฤกษ์ที่ใหญ่กว่านี้อีกแน่นอนอยู่ข้างนอกนั่น เราแค่ยังไม่ได้ค้นพบมัน
อย่างไรก็ตามบทความนี้อาจจะน่าเบื่อถ้าผมมัวแต่เน้นย้ำว่ามันเป็นเพียงแค่วัตถุที่ใหญ่ที่สุดที่เรารู้จักในชนิดของมัน
ดังนั้นที่ถูกที่สุดคือ
มันอาจจะเป็นไปได้ที่จะเป็นวัตถุที่ใหญ่ที่สุด
มาเริ่มกันเลยครับ
#1 The Largest Structure in the Universe
นักดาราศาสตร์พึ่งจะค้นพบกลุ่มของกาแลคซีซึ่งมีความยาวจากด้านหนึ่งสู่อีกด้านหนึ่ง 4 พันล้านปีแสง
และแน่นอนมันมีหลุมดำขนาดใหญ่ซึ่งกำลังมีกระบวนการกินสิ่งต่างๆอยู่ โครงสร้างนี้คือ กลุ่มควอซาร์ขนาดใหญ่
large quasar group (LQG) และมันใหญ่จริงๆ อย่างเช่นเมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว กาแลคซีทางช้างเผือกบ้านที่น่ารักของเรา
มีขนาดประมาณ 1 แสนปีแสง เพื่อนบ้านที่ใกล้ที่สุดคือ กาแลคซีแอนโดรเมดา มีระยะห่างประมาณ 2.5 ล้านปีแสง
นั้นมีขนาดประมาณ 2 เท่าของกาแลคซีของเรา คือประมาณ 2แสน 6 หมื่นปีแสง นั่นหมายความว่า LQG นั้นใหญ่จนสามารถ
ครอบคลุมพื้นที่ทั้งหมดของกาแลคซีแอนโดรเมดาและกาแลคซีทางช้างเผือก และพื้นที่อวกาศอื่นๆได้อย่างง่ายดาย
จะเปรียบเทียบอะไรอีก โลกนั้นมีอายุสี่พันล้านปี ดังนั้นเวลาที่แสงใช้เคลื่อนที่จากด้านหนึ่งไปยังอีกด้านหนึ้งของ LQG
คือดาวเคราะห์โลกก่อตัวเย็นลง มีสิ่งมีชีวิตพัฒนาขึ้น มีไดโนเสาร์เกิดขึ้นและตายสูญพันธุ์ลง เผ่าพันธุ์มนุษย์พัฒนาขึ้น
อารยธรรมมนุษย์พัฒนา คือประวัติศาสตร์ของโลกทั้งหมดเท่ากับเวลาที่โฟตอนใช้เคลื่อนที่จากด้านหนึ่งของ LQG ไปสู่อีกด้านหนึ่ง
ควอซาร์นั้นมักจะอยู๋รวมกลุ่มกันเป็นกลุ่มใหญ่ ดังนั้น LQG นั้นเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นปกติ อย่างไรก็ตาม
ควอซาร์ที่ใหญ่ที่สุดนั้นปกติแล้วจะกว้างแค่ 600ล้านปีแสง การค้นพบใหม่ของ LQG นั้นพบว่า มันประกอบด้วย 73 ควอซาร์
และกว้าง 4 พันล้านปีแสง นั่นทำให้ LQG อื่นๆดูเล็กไปเลยอันที่จริงแล้ว LQG นั้นใหญ่มากจนมันทำให้นักดาราศาสตร์สมัยใหม่
ต่างมึนงง เมื่อเรานำโครงสร้างที่มีสเกลใหญ่ในเอกภพไปใช้ในทฤษฎีสัมพัทภาพทั่วไป จนมันนำไปสู่ทฤษฎีจักรวาลวิทยา
หนึ่งในนั้นที่สำคัญที่สุดคือหลักการจักรวาลวิทยา (cosmological principle) หลักการนี้กล่าวว่า เมื่อมองบนสเกลที่ใหญ่มากระดับหนึ่ง
มันจะไม่มีทิศทางที่สำคัญ หรือสถานที่สำคัญ เอกภพควรจะเป็นแบบเดียวกันหมดไม่ว่าเราจะมองไปในทิศทางใด
เราไม่ควรที่จะมองไปทิศทางหนึ่งและเห็นกาแลคซีแบบก้นหอย หลังจากนั้นมองไปอีกทางหนึ่งและเห็นกลุ่มของควอซาร์เคลื่อนที่
ไปในอวกาศและกลืนกินทุกสิ่งอย่างแม้แต่ตัวของมันเองแต่นั่นคือสิ่งที่เราเห็นและมันดูเหมือนจะเป็นปัญหาในทางวิทยาศาสตร์
เดี๋ยวมาต่อนะครับ ชอบกดโหวตด้วยครับ
4 วัตถุที่ใหญ่ที่สุดในเอกภพที่เรารู้จัก (4 of the Largest Objects in the Known Universe)
เรื่องนี่อาจทำให้คุณบางคนตื่นเต้น (รึป่าว)แต่จริงๆแล้วเราไม่ได้สำรวจทุกสิ่งในเอกภพ เราไม่แม้แต่จะเห็นมันทั้งหมดด้วยซ้ำ
ถึงแม้ว่าเราจะรู้ว่าเรามีเวลามากพอเพื่อที่จะสำรวจสิ่งต่างๆ และเราควรจะสำรวจครบทุกอย่างแล้วในตอนนี้แต่เราก็ไม่เลย
ดังนั้นเมื่อผมพูดว่า นี่คือดาวฤกษ์ที่ใหญ่ที่สุดในเอกภพที่เรารู้จัก นั่นหมายถึง เรายังไม่ได้สำรวจดาวฤกษ์ทั้งหมดที่มีอยู่ในเอกภพ
บางทีมันอาจมีดาวฤกษ์ที่ใหญ่กว่านี้รอให้ถูกค้นพบก็ได้ จริงๆแล้วเราสำรวจเอกภพในตอนนี้นั้นป็นเพียงแค่บริเวณเล็กน้อย
เป็นสัดส่วนที่น้อยมากของเอกภพ ผมมั่นใจว่ามีดาวฤกษ์ที่ใหญ่กว่านี้อีกแน่นอนอยู่ข้างนอกนั่น เราแค่ยังไม่ได้ค้นพบมัน
อย่างไรก็ตามบทความนี้อาจจะน่าเบื่อถ้าผมมัวแต่เน้นย้ำว่ามันเป็นเพียงแค่วัตถุที่ใหญ่ที่สุดที่เรารู้จักในชนิดของมัน
ดังนั้นที่ถูกที่สุดคือ มันอาจจะเป็นไปได้ที่จะเป็นวัตถุที่ใหญ่ที่สุด
มาเริ่มกันเลยครับ
#1 The Largest Structure in the Universe
นักดาราศาสตร์พึ่งจะค้นพบกลุ่มของกาแลคซีซึ่งมีความยาวจากด้านหนึ่งสู่อีกด้านหนึ่ง 4 พันล้านปีแสง
และแน่นอนมันมีหลุมดำขนาดใหญ่ซึ่งกำลังมีกระบวนการกินสิ่งต่างๆอยู่ โครงสร้างนี้คือ กลุ่มควอซาร์ขนาดใหญ่
large quasar group (LQG) และมันใหญ่จริงๆ อย่างเช่นเมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว กาแลคซีทางช้างเผือกบ้านที่น่ารักของเรา
มีขนาดประมาณ 1 แสนปีแสง เพื่อนบ้านที่ใกล้ที่สุดคือ กาแลคซีแอนโดรเมดา มีระยะห่างประมาณ 2.5 ล้านปีแสง
นั้นมีขนาดประมาณ 2 เท่าของกาแลคซีของเรา คือประมาณ 2แสน 6 หมื่นปีแสง นั่นหมายความว่า LQG นั้นใหญ่จนสามารถ
ครอบคลุมพื้นที่ทั้งหมดของกาแลคซีแอนโดรเมดาและกาแลคซีทางช้างเผือก และพื้นที่อวกาศอื่นๆได้อย่างง่ายดาย
จะเปรียบเทียบอะไรอีก โลกนั้นมีอายุสี่พันล้านปี ดังนั้นเวลาที่แสงใช้เคลื่อนที่จากด้านหนึ่งไปยังอีกด้านหนึ้งของ LQG
คือดาวเคราะห์โลกก่อตัวเย็นลง มีสิ่งมีชีวิตพัฒนาขึ้น มีไดโนเสาร์เกิดขึ้นและตายสูญพันธุ์ลง เผ่าพันธุ์มนุษย์พัฒนาขึ้น
อารยธรรมมนุษย์พัฒนา คือประวัติศาสตร์ของโลกทั้งหมดเท่ากับเวลาที่โฟตอนใช้เคลื่อนที่จากด้านหนึ่งของ LQG ไปสู่อีกด้านหนึ่ง
ควอซาร์นั้นมักจะอยู๋รวมกลุ่มกันเป็นกลุ่มใหญ่ ดังนั้น LQG นั้นเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นปกติ อย่างไรก็ตาม
ควอซาร์ที่ใหญ่ที่สุดนั้นปกติแล้วจะกว้างแค่ 600ล้านปีแสง การค้นพบใหม่ของ LQG นั้นพบว่า มันประกอบด้วย 73 ควอซาร์
และกว้าง 4 พันล้านปีแสง นั่นทำให้ LQG อื่นๆดูเล็กไปเลยอันที่จริงแล้ว LQG นั้นใหญ่มากจนมันทำให้นักดาราศาสตร์สมัยใหม่
ต่างมึนงง เมื่อเรานำโครงสร้างที่มีสเกลใหญ่ในเอกภพไปใช้ในทฤษฎีสัมพัทภาพทั่วไป จนมันนำไปสู่ทฤษฎีจักรวาลวิทยา
หนึ่งในนั้นที่สำคัญที่สุดคือหลักการจักรวาลวิทยา (cosmological principle) หลักการนี้กล่าวว่า เมื่อมองบนสเกลที่ใหญ่มากระดับหนึ่ง
มันจะไม่มีทิศทางที่สำคัญ หรือสถานที่สำคัญ เอกภพควรจะเป็นแบบเดียวกันหมดไม่ว่าเราจะมองไปในทิศทางใด
เราไม่ควรที่จะมองไปทิศทางหนึ่งและเห็นกาแลคซีแบบก้นหอย หลังจากนั้นมองไปอีกทางหนึ่งและเห็นกลุ่มของควอซาร์เคลื่อนที่
ไปในอวกาศและกลืนกินทุกสิ่งอย่างแม้แต่ตัวของมันเองแต่นั่นคือสิ่งที่เราเห็นและมันดูเหมือนจะเป็นปัญหาในทางวิทยาศาสตร์
เดี๋ยวมาต่อนะครับ ชอบกดโหวตด้วยครับ