สวัสดีค่ะ ขอต้อนรับทุกท่านเข้าสู่ รายการ.....
รายการที่จะพาคุณชม และ ชิม สิ่งต่างๆที่น่าสนใจจากทั่วทุกมุมโลก
แล้ววันนี้ค่ะ เราก็อยู่กันที่ วัดซางตาครู้ส ซึ่งตั้งอยู่ภายในชุมชนกุฎีจีน ซึ่งเป็นชุมชนที่เก่าแก่ และมีประวัติความเป็นมาที่ยาวนาน และน่าสนใจ
ส่วนด้านหลังที่ทุกคนเห็นอยู่ขณะนี้ ก็คือ โบสถ์ซางตาครู้ส
โบสถ์ซางตาครู้สเป็นภาษาโบรตุเกส แปลว่า วัดมหากางเขต ตามประวัติศาสตร์กล่าวว่าวัดนี้ตั้งขึ้นภายหลังจากที่พระเจ้าตากสินมหาราชทรงกอบกู้เอกราชและสถาปนากรุงธนบุรีเป็นราชธานี โดยพระองค์ได้ทรงพระราชทานที่ดินแปลงหนึ่งให้กับบาทหลวงกอร์ชาวฝรั่งเศส เพื่อใช้สำหรับสร้างโบสถ์ขึ้นในปี พ.ศ.2312 โดยโบสถ์หลังแรกเป็นอาคารไม้ และเป็นสถานที่ประกอบพิธีกรรมทางศาสนาของชุมชนชาวคริสต์ที่มาพึ่งพระบรมโพธิสมภาร ย้ายมาตั้งถิ่นฐานภายหลังจากเสียกรุงศรีอยุธยา
ต่อมาในปี พ.ศ.2378 บาทหลวงปัลเลอกัวจึงสร้างโบสถ์หลังที่ 2 เสร็จซึ่งมีลักษณะคล้ายศาลเจ้าจีนโดยใช้ชื่อว่า “โบสถ์ซางตาครู้ส” แต่ผู้คนนิยมเรียกว่า “วัดกุฎีจีน”
จนมาถึง พ.ศ.2456 บาทหลวงกูเลียล โมกันดาครู้ส ได้สร้างโบสถ์หลังนี้ขึ้นมาใหม่ เป็นหลังที่3 ซึ่งปัจจุบันมีอายุถึง100ปี ตัวอาคารเป็นสถาปัตยกรรมชั้นเดียวแบบอิตาลียุคนีโอคลาสสิคผสมเรอเนอซองค์ ลักษณะที่โดดเด่นคือหอคอยยอดโดมประดับด้วยไม้กางเขนบนเรือนยอด ตัวอาคารก่ออิฐประดับลายปูนปั้นงดงามส่วนล่างทำเป็นโถงประกอบด้วยซุ้มโค้งที่สอดรับกัน ประดับด้วยกระจกสีครึ่งวงกลมที่ถ่ายทอดเรื่องราวจากพระคัมภีร์ โบสถ์ซางตาครู้สแห่งนี้ถือเป็นศาสนสถานที่สำคัญที่อยู่คู่ชุมชนกุฎีจีน ชาวธนบุรี และกรุงเทพฯมายาวนานแห่งหนึ่ง
ที่นี้เราไปดูในตัวโบสถ์กันบ้างดีกว่า ว่ามีสิ่งต่างๆอะไรที่น่าสนใจบ้าง ตามมาเลยค่ะ
ภายในตัวโบสถ์มีเพดานที่ค่อนข้างสูง ตกแต่งด้วยลวดลายคลาสสิค เน้นให้เห็นถึงความหรูหราโอ่อา กว้างขวาง ริมผนังทั้ง 2 ฝั่งประดับไปด้วยกระจกสี เป็นภาพที่บอกเล่าเรื่องราวต่างๆ ในคริสต์ศาสนาและภาพขององค์พระเยซูในอิริยาบถต่างๆ เรียกว่าเป็นจุดเด่นอย่างหนึ่งของที่นี่ได้เลยทีเดียว อีกทั้งตลอดทางเดินภายในโบสถ์จะมีเก้าอี้ไม้สำหรับผู้ที่มาประกอบพิธีกรรมทางศาสนา เรียงขนาบอยู่ทั้ง 2 ข้าง ไล่ไปจนถึงด้านในสุดของโบสถ์ ซึ่งจะเป็นที่ตั้งรูปปั้นขององค์พระเยซูถูกตรึงไว้ด้วยไม้กางเขน
เป็นยังไงกันบ้างหล่ะคะท่าผู้ชม กับโบสถ์ซางตาครู้สแห่งนี้ ที่นอกจากจะเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ในการประกอบพิธีกรรมทางศาสนาของชาวคาทอลิคแล้ว ยังมีการการออกแบบและตกแต่งตัวอาคารให้มีความงดงามอีกด้วย
และสำหรับผู้ที่สนใจจะเยี่ยมชมความงามของโบสถ์ซางตาครู้สแห่งนี้นะคะ สามารถเดินทางมาได้ทั้งทางรถ และทางเรือ
โดยทางเรือจะต้องนั่งเรือด่วนเจ้าพระยา โดยเรือข้ามฝากที่ท่าราชินี แล้วลงเรือมาขึ้นที่ท่ากุฎีจีน หรือ สามารถติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เบอร์โทรศัทพ์ด้านล่างนี้เลยค่ะ
ค่ะและสำหรับช่วงต่อไปนะคะ เราก็จะพาคุณผู้ชมไปดูวิธีการทำขนมฝรั่งกุฎีจีน ขนมโบราญกว่า200ปี ที่มีต้นตำรับมาจากชาวโปรตุเกส
รบกวนช่วยแปลภาษาไทยืเป็นอังกฤษให้ทีค่ะ
รายการที่จะพาคุณชม และ ชิม สิ่งต่างๆที่น่าสนใจจากทั่วทุกมุมโลก
แล้ววันนี้ค่ะ เราก็อยู่กันที่ วัดซางตาครู้ส ซึ่งตั้งอยู่ภายในชุมชนกุฎีจีน ซึ่งเป็นชุมชนที่เก่าแก่ และมีประวัติความเป็นมาที่ยาวนาน และน่าสนใจ
ส่วนด้านหลังที่ทุกคนเห็นอยู่ขณะนี้ ก็คือ โบสถ์ซางตาครู้ส
โบสถ์ซางตาครู้สเป็นภาษาโบรตุเกส แปลว่า วัดมหากางเขต ตามประวัติศาสตร์กล่าวว่าวัดนี้ตั้งขึ้นภายหลังจากที่พระเจ้าตากสินมหาราชทรงกอบกู้เอกราชและสถาปนากรุงธนบุรีเป็นราชธานี โดยพระองค์ได้ทรงพระราชทานที่ดินแปลงหนึ่งให้กับบาทหลวงกอร์ชาวฝรั่งเศส เพื่อใช้สำหรับสร้างโบสถ์ขึ้นในปี พ.ศ.2312 โดยโบสถ์หลังแรกเป็นอาคารไม้ และเป็นสถานที่ประกอบพิธีกรรมทางศาสนาของชุมชนชาวคริสต์ที่มาพึ่งพระบรมโพธิสมภาร ย้ายมาตั้งถิ่นฐานภายหลังจากเสียกรุงศรีอยุธยา
ต่อมาในปี พ.ศ.2378 บาทหลวงปัลเลอกัวจึงสร้างโบสถ์หลังที่ 2 เสร็จซึ่งมีลักษณะคล้ายศาลเจ้าจีนโดยใช้ชื่อว่า “โบสถ์ซางตาครู้ส” แต่ผู้คนนิยมเรียกว่า “วัดกุฎีจีน”
จนมาถึง พ.ศ.2456 บาทหลวงกูเลียล โมกันดาครู้ส ได้สร้างโบสถ์หลังนี้ขึ้นมาใหม่ เป็นหลังที่3 ซึ่งปัจจุบันมีอายุถึง100ปี ตัวอาคารเป็นสถาปัตยกรรมชั้นเดียวแบบอิตาลียุคนีโอคลาสสิคผสมเรอเนอซองค์ ลักษณะที่โดดเด่นคือหอคอยยอดโดมประดับด้วยไม้กางเขนบนเรือนยอด ตัวอาคารก่ออิฐประดับลายปูนปั้นงดงามส่วนล่างทำเป็นโถงประกอบด้วยซุ้มโค้งที่สอดรับกัน ประดับด้วยกระจกสีครึ่งวงกลมที่ถ่ายทอดเรื่องราวจากพระคัมภีร์ โบสถ์ซางตาครู้สแห่งนี้ถือเป็นศาสนสถานที่สำคัญที่อยู่คู่ชุมชนกุฎีจีน ชาวธนบุรี และกรุงเทพฯมายาวนานแห่งหนึ่ง
ที่นี้เราไปดูในตัวโบสถ์กันบ้างดีกว่า ว่ามีสิ่งต่างๆอะไรที่น่าสนใจบ้าง ตามมาเลยค่ะ
ภายในตัวโบสถ์มีเพดานที่ค่อนข้างสูง ตกแต่งด้วยลวดลายคลาสสิค เน้นให้เห็นถึงความหรูหราโอ่อา กว้างขวาง ริมผนังทั้ง 2 ฝั่งประดับไปด้วยกระจกสี เป็นภาพที่บอกเล่าเรื่องราวต่างๆ ในคริสต์ศาสนาและภาพขององค์พระเยซูในอิริยาบถต่างๆ เรียกว่าเป็นจุดเด่นอย่างหนึ่งของที่นี่ได้เลยทีเดียว อีกทั้งตลอดทางเดินภายในโบสถ์จะมีเก้าอี้ไม้สำหรับผู้ที่มาประกอบพิธีกรรมทางศาสนา เรียงขนาบอยู่ทั้ง 2 ข้าง ไล่ไปจนถึงด้านในสุดของโบสถ์ ซึ่งจะเป็นที่ตั้งรูปปั้นขององค์พระเยซูถูกตรึงไว้ด้วยไม้กางเขน
เป็นยังไงกันบ้างหล่ะคะท่าผู้ชม กับโบสถ์ซางตาครู้สแห่งนี้ ที่นอกจากจะเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ในการประกอบพิธีกรรมทางศาสนาของชาวคาทอลิคแล้ว ยังมีการการออกแบบและตกแต่งตัวอาคารให้มีความงดงามอีกด้วย
และสำหรับผู้ที่สนใจจะเยี่ยมชมความงามของโบสถ์ซางตาครู้สแห่งนี้นะคะ สามารถเดินทางมาได้ทั้งทางรถ และทางเรือ
โดยทางเรือจะต้องนั่งเรือด่วนเจ้าพระยา โดยเรือข้ามฝากที่ท่าราชินี แล้วลงเรือมาขึ้นที่ท่ากุฎีจีน หรือ สามารถติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เบอร์โทรศัทพ์ด้านล่างนี้เลยค่ะ
ค่ะและสำหรับช่วงต่อไปนะคะ เราก็จะพาคุณผู้ชมไปดูวิธีการทำขนมฝรั่งกุฎีจีน ขนมโบราญกว่า200ปี ที่มีต้นตำรับมาจากชาวโปรตุเกส