กระทู้นี้ เป็นมุมพักผ่อน มุมนี้ไม่มีสี ไม่มีกลุ่ม....แต่มีเสียง.........
ห้องเพลงคนรากหญ้าเปิดขึ้นมามีวัตถุประสงค์ เพื่อ
1. มีพื้นที่ให้เพื่อนๆ ได้มาพบปะ พูดคุยระหว่างกัน ในภาวะที่ต้องระมัดระวังการโพสการเมืองอย่างเคร่งครัด
2. เป็นพื้นที่ พักผ่อน ลดความเครียดทางการเมือง ให้เพื่อนๆ มีกิจกรรมสนุกๆ ร่วมกัน
3. สร้างมิตรภาพและความปรองดอง ซึ่งเราหวังให้สังคมไทยเป็นเช่นนี้ แม้นคิดต่างกัน แต่เมื่อคุยกัน
แล้วก็เป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม
เธออย่าหยุดความฝัน ห้องเพลง 2 ปี (เนื้อร้อง ทำนอง ดนตรี ขับร้อง โดย MC มาริโอ้)
กระทู้ห้องเพลงเป็นกระทู้เปิด มิได้ปิดกั้นผู้หนึ่งผู้ใด "ขอให้มาดี เราคือเพื่อนกัน" ซึ่งก็เหมือนกับกระทู้ทั่วไป
ที่เราไม่จำเป็นต้องทราบว่า User ท่านไหนเป็นใครมาจากไหน ...ดังนั้น หากมีบุคคลใดที่มีการโพส
สิ่งผิดกฎหมายและศีลธรรมอันดีของสังคมนั้น หรือสิ่งรบกวนใดๆ ในบอร์ด เป็นเรื่องส่วนบุคคล ทางห้องเพลง
จึงขอแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งสิ้น
สุขสันต์เย็นเสาร์นะคะ .... สวัสดีเพื่อนๆ ห้องเพลง
พี่สาวเหลือน้อยรับหน้าที่ MC ค่ะ
วันนี้ เรียกว่า คริสต์มาสอิฟ คือก่อนคริสต์มาส 1 วัน
ในโอกาสเทศกาลคริสต์มาส พี่สาวเขิญชวนเพื่อน ไปทำความรู้จักโบสถ์คริสต์
ที่สวยงามอลังการ แต่บางแห่ง ก็สวยแบบ คลาสสิค ทุกสถานที่ล้วนมีประวัติ
ยาวนาน ที่น่าสนใจ เชิญค่ะ .....
ยล “โบสถ์คริสต์” ตระการตา สถาปัตย์งามสง่า ด้วยศรัทธาแห่งคริสตชน
“เทศกาลคริสต์มาส” ซึ่งตรงกับวันที่ 25 ธ.ค.ของทุกปี เป็นเทศกาลแห่งการเฉลิมฉลองเพื่อเป็นการ
ระลึกถึงการประสูติของพระเยซูเจ้า ศาสดาแห่งศาสนาคริสต์ ถือได้ว่าเป็นงานใหญ่ของคริสตศาสนิกชน
และเพราะมี ธรรมเนียมในการทำ มิสซา เวลาเที่ยงคืน ก็เลย ขอแนะนำ "โบสถ์คริสต์" ที่น่าสนใจ ค่ะ
คืนนี้ใครจะไปทำมิสซา ทีโบสถ์ไหน
“อาสนวิหารพระนางมารีอาปฏิสนธินิรมล” จังหวัดจันทบุรี
“อาสนวิหารพระนางมารีอาปฏิสนธินิรมล” จังหวัดจันทบุรี เป็นโบสถ์คริสต์ที่ถูกยกให้เป็นอันซีนไทยแลนด์
เนื่องจากโบสถ์แห่งนี้เป็นโบสถ์ที่มีความเก่าแก่และงดงามที่สุดแห่งหนึ่งในเมืองไทย ภายในยังคงรักษาของเก่าเอา
ไว้ได้อย่างดี ตามประวัติศาสตร์ของโบสถ์นี้เริ่มต้นขึ้นเมื่อราว 300 ปีก่อน เมื่อชาวคาทอลิกที่ลี้ภัยมาจากเวียดนาม
ทางเรือ ได้มาตั้งรกรากอยู่ที่เมืองจันท์ และได้ร่วมมือกับทัพพระเจ้าตากสินในการกู้ชาติกู้แผ่นดินเมื่อครั้งเสียกรุง
ครั้งที่สอง ชาวญวนที่นับถือศาสนาคริสต์นี้ได้สร้างชุมชนของตนขึ้น โดยได้สร้างอาสนวิหารหลังแรกขึ้นเป็นสถาน
ที่ประกอบพิธีทางศาสนาเมื่อปี พ.ศ.2253 ใช้ชื่อว่า "วัดน้อย" ตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันตกของแม่น้ำจันทบุรี
โถงด้านใน “อาสนวิหารพระนางมารีอาปฏิสนธินิรมล”
แม่พระประดับพลอย พระแม่มารี เสื้อผ้าประดับ ด้วยพลอยเมืองจันทร์ ทองคำบริสุทธิ์ เงินบริสุทธิ์
(ทำพิธีเสกเมื่อวันที่ 11 ธันวาคม 2552)
เมื่อยุคสมัยผ่านไปอาสนวิหารก็มีการเปลี่ยนแปลง โดยได้มีการซ่อมแซมและสร้างใหม่ขึ้นอีกหลายครั้ง รวมทั้งได้ย้ายมาอยู่
ฝั่งตะวันออกของแม่น้ำจันทบุรี จนเมื่อปี พ.ศ.2452 ชุมชนชาวคริสต์ก็ได้สร้างอาสนวิหารหลังใหม่ขึ้นและได้มีพิธีเฉลิมฉลอง
อย่างมโหฬาร
สำหรับตัวโบสถ์ภายนอกประดับลวดลายฉลุรอบตัวโบสถ์ มีหน้าต่างโค้งแหลม ด้านหน้าโบสถ์มีหอคอยสูงตั้งตระหง่าน
กระหนาบตัวอาคารทั้ง 2 ข้างโดยหอคอยด้านขวามือ (หากมองจากด้านหน้าเข้าไป) เป็นหอนาฬิกาและยอดโดมปลายแหลม
ส่วนทางเข้าตรงกลางเป็นหลังคาจั่วมีช่องแสงและลวดลายประดับสวยงาม (ยอดโดมปลายแหลมอาสนวิหารฯ เคยถูกถอดออก
ในปี พ.ศ.2483 เพื่อไม่ให้เป็นเป้าหมายในการโจมตีทางอากาศ และได้นำยอดโดมมาใส่อีกครั้งในปี พ.ศ.2552 เนื่องใน
โอกาสฉลองอาสนวิหารพระนางมารีอาปฏิสนธินิรมล 100 ปี)
ความสวยงามของ “อาสนวิหารแม่พระบังเกิด”
“อาสนวิหารแม่พระบังเกิด” หรือ “โบสถ์บางนกแขวก” ตั้งอยู่ที่ตำบลบางนกแขวก จังหวัดสมุทรสงคราม โบสถ์คริสต์แห่งนี้
สร้างขึ้นในสมัย ร.5 โดยบาทหลวงเปาโลซัลมอน มิชชันนารีชาวฝรั่งเศส
โบสถ์แห่งนี้มีความงดงามด้วยสถาปัตยกรรมกอธิค มียอดแหลมพุ่งเสียดแทงขึ้นไปบนท้องฟ้า ภายในประดับด้วยภาพเขียน
บนกระจกสีจากฝรั่งเศส วาดเป็นเรื่องราวของพระเยซูและประวัติพระแม่มารีอา งดงามน่าชมเป็นอย่างยิ่ง
บรรยกาศด้านใน “อาสนวิหารแม่พระบังเกิด”
โบสถ์แห่งนี้มีความสวยงามและเป็นเอกลักษณ์อยู่มาก ภายในอาสนวิหารฯ ประดับด้วยกระจกสี ที่เรียกว่า สเตนกลาส เป็นรูปภาพ
นักบุญต่างๆ ในคริสต์ศาสนา รูปปั้นต่างๆ และกระเบื้องที่ปูพื้นโบสถ์ก็คงเป็นกระเบื้องเก่าดั้งเดิมที่ส่งลงเรือมาจากประเทศฝรั่งเศส
รวมถึงระฆังก็เป็นของเก่าด้วยเช่นกัน มีองค์พระแม่ประดับพลอยกว่า 200,000 เม็ด โดยองค์แม่พระและฐานหล่อขึ้นด้วยเงินบริสุทธิ์
ประดับองค์ด้วยทองคำและพลอยชนิดต่างๆ เช่น พลอยสีขาว บลูแซฟไฟร์ และมรกต องค์พระแม่ยืนเหยียบอยู่บนตัวงู อันเป็นตัวแทน
ของซาตานและความชั่วร้าย ส่วนดวงตาของงูนั้นก็แดงก่ำด้วยเม็ดทับทิมที่ประดับไว้ ดูโดดเด่นและงดงาม
"โบสถ์คริสต์บ้านซ่งแย้" จ.ยโสธร
"โบสถ์คริสต์บ้านซ่งแย้" ตั้อยู่ที่อ.ไทยเจริญ จ.ยโสธร โบสถ์แห่งนี้มีประวัติที่น่าสนใจ คือเมื่อปี พ.ศ.2451 หรือเกือบ 100 ปีที่แล้ว
บ้านหนองซ่งแย้(ที่อยู่ของแย้) อ.ไทยเจริญ จ.ยโสธร เป็นหมู่บ้านเล็กๆกลางดงทึบ มีครอบครัวที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นผีปอบ 5 ครอบครัว
ที่มาจากต่างทิศต่างถิ่นมาอยู่รวมกันที่นี
แต่ว่าพวกเขาประสบกับชะตากรรมเดิมๆ คือถูกผู้คนในหมู่บ้านที่อยู่มาก่อนกล่าวหาว่าเป็นผีปอบ พร้อมๆ กับทำร้าย และระดม
ขับไล่ออกจากหมู่บ้าน กลุ่ม 5 ครอบครัวเมื่ออับจนหนทาง ก็เดินทางไปหาบาทหลวงฝรั่งเศสเดชาแนลและออมโบรซีโอ ที่บ้านเซซ่ง
ต.เชียงเพ็ง อ.ป่าติ้ว จ.ยโสธร มาทำการขับไล่ผีปอบที่สิงอยู่กับตนและครอบครัว ซึ่งบาทหลวงทั้งคู่ต่างไม่ปฏิเสธ ร่วมเดินทางมา
ช่วยเหลือชาวบ้านที่บ้านหนองซ่งแย้
หลังจากนั้นครอบครัวทั้ง 5 ก็เข้ารีตเป็นคริสเตียนนิกายโรมันคาทอลิก โดยต่อมามีคนอพยพมาอยู่เป็น ประชาคมชาวคริสต์มากขึ้น
และเมื่อมีชาวคริสต์มาอยู่เป็นประชาคมมากขึ้น บาทหลวงทั้ง 2 จึงสร้างวัดหนองซ่งแย้ขึ้นมาในปี พ.ศ.2452 โดยใช้ชื่ออย่างเป็นทางการ
ในภาษาลาตินว่า "วัดอัครเทวดามิคาแอล" ซึ่งเป็นชื่อของนักบุญองค์สำคัญ มีบาทหลวงเดชาแนลเป็นอธิการโบสถ์คนแรก
ภายใน "โบสถ์คริสต์บ้านซ่งแย้"
บาทหลวงบุญเลิศ พรหมเสนา อธิการโบสถ์องค์ปัจจุบัน ได้เผยถึงบันทึกของการสร้างโบสถ์หลังนี้ว่า มีชาวบ้านที่ร่วมแรง
ร่วมใจมาสร้างโบสถ์วัดซ่งแย้ราวๆ 1,500 คน โดย แบ่งเป็น 15 กลุ่ม แต่ละกลุ่มรับงานไปทำเป็นแผนกต่างๆ อาทิ กลุ่มจัดหาเสา
กลุ่มจัดหาไม้กระดาน กลุ่มจัดหาแป้นไม้มาทำหลังคา
ตัวโบสถ์รูปทรงที่สร้างขึ้นมีลักษณะแบบศิลปะไทย กว้าง 16 เมตร ยาว 57 เมตร จัดเป็นโบสถ์ไม้ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย
ใช้แผ่นไม้เป็นแป้นมุงหลังคา 80,000 แผ่น ใช้เสาขนาดต่าง ๆ กันถึง 360 ต้นส่วนใหญ่เป็นเสาไม้เต็ง เสาในแถวกลางมีขนาดใหญ่
ยาวที่สุดมี 260 ต้น สูงจากพื้นดินกว่า 10 เมตร พื้นแผ่นกระดานเป็นไม้แดงและไม้ตะเคียนขนาดใหญ่ ม้านั่งไม้จุคนได้กว่าพันคน
ระฆังโบสถ์มีเส้นผ่าศูนย์กลางเกือบ 2 ฟุต อยู่หอระฆังสูงที่สร้างแบบหอระฆังตามวัดไทยทั่วไป แต่แปลกตรงที่แยกต่างหากจากโบสถ์
แต่เดิมวัดซ่งแย้เป็นเพียงกระต๊อบเล็กๆ ฝาขัดแตะ แต่ต่อมาวัดแห่งนี้ได้มีการพัฒนาขึ้นมาเป็นลำดับ โดยโบสถ์คริสต์รุ่นปัจจุบัน
เป็นโบสถ์หลังที่ 3 ที่มีความน่าสนใจหลายอย่าง ไล่ไปตั้งแต่เริ่มลงมือก่อสร้างในปี พ.ศ. 2490 โดยชาวบ้านแถวนั้นได้ร่วมแรงร่วมใจ
กันตัดไม้ที่อยู่ในป่าละแวกหมู่บ้าน ไม่ว่าจะเป็น ไม้เต็ง ไม้รัง ไม้สัก ไม้จิก ชักลากลำเลียงออกมาจากป่า โดยมีหัวหน้าช่างจาก
จังหวัดอุบลราชธานีมาเป็นผู้คุมงาน
http://www.manager.co.th/Travel/ViewNews.aspx?NewsID=9590000126523
อุ่นเครื่องวันคริสมาสต์อิฟ ด้วยเพลงที่ใครๆ ก็รู้จัก Silent Night
"SILENT NIGHT" - BONEY M
https://www.youtube.com/watch?v=bh0FKnNqxdY
ขอแถมด้วยเพลง พระราราชนิพนธ์ "พรปีใหม่" จาก ชาวสถานทูตอเมริกาประจำประเทศไทย
พรปีใหม่ 2560 โดยชาวสถานทูตอเมริกาประจำประเทศไทย happy new years 2017
https://www.youtube.com/watch?v=6qtUHMbVXGY
สวัสดีปีใหม่จากชาวสถานทูตอเมริกาประจำประเทศไทย สถานทูตฯ เลือกเพลง “พรปีใหม่”
สำหรับวิดีโอเทศกาลปีใหม่ปีนี้เพื่อเป็นการเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
บทเพลงนี้สื่อถึงความหวังและความสุข เป็นบทเพลงฉลองปีใหม่ที่ชาวไทยชื่นชอบและคุ้นเคยเป็นอย่างดี
ห้องเพลง**คนรากหญ้า** พักยกการเมือง มุมเสียงเพลง มุมนี้ไม่มีสี ไม่มีกลุ่ม....มีแต่เสียง....24/12/2016.../sao..เหลือ..noi
กระทู้นี้ เป็นมุมพักผ่อน มุมนี้ไม่มีสี ไม่มีกลุ่ม....แต่มีเสียง.........
ห้องเพลงคนรากหญ้าเปิดขึ้นมามีวัตถุประสงค์ เพื่อ
1. มีพื้นที่ให้เพื่อนๆ ได้มาพบปะ พูดคุยระหว่างกัน ในภาวะที่ต้องระมัดระวังการโพสการเมืองอย่างเคร่งครัด
2. เป็นพื้นที่ พักผ่อน ลดความเครียดทางการเมือง ให้เพื่อนๆ มีกิจกรรมสนุกๆ ร่วมกัน
3. สร้างมิตรภาพและความปรองดอง ซึ่งเราหวังให้สังคมไทยเป็นเช่นนี้ แม้นคิดต่างกัน แต่เมื่อคุยกัน
แล้วก็เป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม
เธออย่าหยุดความฝัน ห้องเพลง 2 ปี (เนื้อร้อง ทำนอง ดนตรี ขับร้อง โดย MC มาริโอ้)
กระทู้ห้องเพลงเป็นกระทู้เปิด มิได้ปิดกั้นผู้หนึ่งผู้ใด "ขอให้มาดี เราคือเพื่อนกัน" ซึ่งก็เหมือนกับกระทู้ทั่วไป
ที่เราไม่จำเป็นต้องทราบว่า User ท่านไหนเป็นใครมาจากไหน ...ดังนั้น หากมีบุคคลใดที่มีการโพส
สิ่งผิดกฎหมายและศีลธรรมอันดีของสังคมนั้น หรือสิ่งรบกวนใดๆ ในบอร์ด เป็นเรื่องส่วนบุคคล ทางห้องเพลง
จึงขอแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งสิ้น
สุขสันต์เย็นเสาร์นะคะ .... สวัสดีเพื่อนๆ ห้องเพลง
พี่สาวเหลือน้อยรับหน้าที่ MC ค่ะ
วันนี้ เรียกว่า คริสต์มาสอิฟ คือก่อนคริสต์มาส 1 วัน
ในโอกาสเทศกาลคริสต์มาส พี่สาวเขิญชวนเพื่อน ไปทำความรู้จักโบสถ์คริสต์
ที่สวยงามอลังการ แต่บางแห่ง ก็สวยแบบ คลาสสิค ทุกสถานที่ล้วนมีประวัติ
ยาวนาน ที่น่าสนใจ เชิญค่ะ .....
ยล “โบสถ์คริสต์” ตระการตา สถาปัตย์งามสง่า ด้วยศรัทธาแห่งคริสตชน
“เทศกาลคริสต์มาส” ซึ่งตรงกับวันที่ 25 ธ.ค.ของทุกปี เป็นเทศกาลแห่งการเฉลิมฉลองเพื่อเป็นการ
ระลึกถึงการประสูติของพระเยซูเจ้า ศาสดาแห่งศาสนาคริสต์ ถือได้ว่าเป็นงานใหญ่ของคริสตศาสนิกชน
และเพราะมี ธรรมเนียมในการทำ มิสซา เวลาเที่ยงคืน ก็เลย ขอแนะนำ "โบสถ์คริสต์" ที่น่าสนใจ ค่ะ
คืนนี้ใครจะไปทำมิสซา ทีโบสถ์ไหน
“อาสนวิหารพระนางมารีอาปฏิสนธินิรมล” จังหวัดจันทบุรี
“อาสนวิหารพระนางมารีอาปฏิสนธินิรมล” จังหวัดจันทบุรี เป็นโบสถ์คริสต์ที่ถูกยกให้เป็นอันซีนไทยแลนด์
เนื่องจากโบสถ์แห่งนี้เป็นโบสถ์ที่มีความเก่าแก่และงดงามที่สุดแห่งหนึ่งในเมืองไทย ภายในยังคงรักษาของเก่าเอา
ไว้ได้อย่างดี ตามประวัติศาสตร์ของโบสถ์นี้เริ่มต้นขึ้นเมื่อราว 300 ปีก่อน เมื่อชาวคาทอลิกที่ลี้ภัยมาจากเวียดนาม
ทางเรือ ได้มาตั้งรกรากอยู่ที่เมืองจันท์ และได้ร่วมมือกับทัพพระเจ้าตากสินในการกู้ชาติกู้แผ่นดินเมื่อครั้งเสียกรุง
ครั้งที่สอง ชาวญวนที่นับถือศาสนาคริสต์นี้ได้สร้างชุมชนของตนขึ้น โดยได้สร้างอาสนวิหารหลังแรกขึ้นเป็นสถาน
ที่ประกอบพิธีทางศาสนาเมื่อปี พ.ศ.2253 ใช้ชื่อว่า "วัดน้อย" ตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันตกของแม่น้ำจันทบุรี
โถงด้านใน “อาสนวิหารพระนางมารีอาปฏิสนธินิรมล”
แม่พระประดับพลอย พระแม่มารี เสื้อผ้าประดับ ด้วยพลอยเมืองจันทร์ ทองคำบริสุทธิ์ เงินบริสุทธิ์
(ทำพิธีเสกเมื่อวันที่ 11 ธันวาคม 2552)
เมื่อยุคสมัยผ่านไปอาสนวิหารก็มีการเปลี่ยนแปลง โดยได้มีการซ่อมแซมและสร้างใหม่ขึ้นอีกหลายครั้ง รวมทั้งได้ย้ายมาอยู่
ฝั่งตะวันออกของแม่น้ำจันทบุรี จนเมื่อปี พ.ศ.2452 ชุมชนชาวคริสต์ก็ได้สร้างอาสนวิหารหลังใหม่ขึ้นและได้มีพิธีเฉลิมฉลอง
อย่างมโหฬาร
สำหรับตัวโบสถ์ภายนอกประดับลวดลายฉลุรอบตัวโบสถ์ มีหน้าต่างโค้งแหลม ด้านหน้าโบสถ์มีหอคอยสูงตั้งตระหง่าน
กระหนาบตัวอาคารทั้ง 2 ข้างโดยหอคอยด้านขวามือ (หากมองจากด้านหน้าเข้าไป) เป็นหอนาฬิกาและยอดโดมปลายแหลม
ส่วนทางเข้าตรงกลางเป็นหลังคาจั่วมีช่องแสงและลวดลายประดับสวยงาม (ยอดโดมปลายแหลมอาสนวิหารฯ เคยถูกถอดออก
ในปี พ.ศ.2483 เพื่อไม่ให้เป็นเป้าหมายในการโจมตีทางอากาศ และได้นำยอดโดมมาใส่อีกครั้งในปี พ.ศ.2552 เนื่องใน
โอกาสฉลองอาสนวิหารพระนางมารีอาปฏิสนธินิรมล 100 ปี)
ความสวยงามของ “อาสนวิหารแม่พระบังเกิด”
“อาสนวิหารแม่พระบังเกิด” หรือ “โบสถ์บางนกแขวก” ตั้งอยู่ที่ตำบลบางนกแขวก จังหวัดสมุทรสงคราม โบสถ์คริสต์แห่งนี้
สร้างขึ้นในสมัย ร.5 โดยบาทหลวงเปาโลซัลมอน มิชชันนารีชาวฝรั่งเศส
โบสถ์แห่งนี้มีความงดงามด้วยสถาปัตยกรรมกอธิค มียอดแหลมพุ่งเสียดแทงขึ้นไปบนท้องฟ้า ภายในประดับด้วยภาพเขียน
บนกระจกสีจากฝรั่งเศส วาดเป็นเรื่องราวของพระเยซูและประวัติพระแม่มารีอา งดงามน่าชมเป็นอย่างยิ่ง
บรรยกาศด้านใน “อาสนวิหารแม่พระบังเกิด”
โบสถ์แห่งนี้มีความสวยงามและเป็นเอกลักษณ์อยู่มาก ภายในอาสนวิหารฯ ประดับด้วยกระจกสี ที่เรียกว่า สเตนกลาส เป็นรูปภาพ
นักบุญต่างๆ ในคริสต์ศาสนา รูปปั้นต่างๆ และกระเบื้องที่ปูพื้นโบสถ์ก็คงเป็นกระเบื้องเก่าดั้งเดิมที่ส่งลงเรือมาจากประเทศฝรั่งเศส
รวมถึงระฆังก็เป็นของเก่าด้วยเช่นกัน มีองค์พระแม่ประดับพลอยกว่า 200,000 เม็ด โดยองค์แม่พระและฐานหล่อขึ้นด้วยเงินบริสุทธิ์
ประดับองค์ด้วยทองคำและพลอยชนิดต่างๆ เช่น พลอยสีขาว บลูแซฟไฟร์ และมรกต องค์พระแม่ยืนเหยียบอยู่บนตัวงู อันเป็นตัวแทน
ของซาตานและความชั่วร้าย ส่วนดวงตาของงูนั้นก็แดงก่ำด้วยเม็ดทับทิมที่ประดับไว้ ดูโดดเด่นและงดงาม
"โบสถ์คริสต์บ้านซ่งแย้" จ.ยโสธร
"โบสถ์คริสต์บ้านซ่งแย้" ตั้อยู่ที่อ.ไทยเจริญ จ.ยโสธร โบสถ์แห่งนี้มีประวัติที่น่าสนใจ คือเมื่อปี พ.ศ.2451 หรือเกือบ 100 ปีที่แล้ว
บ้านหนองซ่งแย้(ที่อยู่ของแย้) อ.ไทยเจริญ จ.ยโสธร เป็นหมู่บ้านเล็กๆกลางดงทึบ มีครอบครัวที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นผีปอบ 5 ครอบครัว
ที่มาจากต่างทิศต่างถิ่นมาอยู่รวมกันที่นี
แต่ว่าพวกเขาประสบกับชะตากรรมเดิมๆ คือถูกผู้คนในหมู่บ้านที่อยู่มาก่อนกล่าวหาว่าเป็นผีปอบ พร้อมๆ กับทำร้าย และระดม
ขับไล่ออกจากหมู่บ้าน กลุ่ม 5 ครอบครัวเมื่ออับจนหนทาง ก็เดินทางไปหาบาทหลวงฝรั่งเศสเดชาแนลและออมโบรซีโอ ที่บ้านเซซ่ง
ต.เชียงเพ็ง อ.ป่าติ้ว จ.ยโสธร มาทำการขับไล่ผีปอบที่สิงอยู่กับตนและครอบครัว ซึ่งบาทหลวงทั้งคู่ต่างไม่ปฏิเสธ ร่วมเดินทางมา
ช่วยเหลือชาวบ้านที่บ้านหนองซ่งแย้
หลังจากนั้นครอบครัวทั้ง 5 ก็เข้ารีตเป็นคริสเตียนนิกายโรมันคาทอลิก โดยต่อมามีคนอพยพมาอยู่เป็น ประชาคมชาวคริสต์มากขึ้น
และเมื่อมีชาวคริสต์มาอยู่เป็นประชาคมมากขึ้น บาทหลวงทั้ง 2 จึงสร้างวัดหนองซ่งแย้ขึ้นมาในปี พ.ศ.2452 โดยใช้ชื่ออย่างเป็นทางการ
ในภาษาลาตินว่า "วัดอัครเทวดามิคาแอล" ซึ่งเป็นชื่อของนักบุญองค์สำคัญ มีบาทหลวงเดชาแนลเป็นอธิการโบสถ์คนแรก
ภายใน "โบสถ์คริสต์บ้านซ่งแย้"
บาทหลวงบุญเลิศ พรหมเสนา อธิการโบสถ์องค์ปัจจุบัน ได้เผยถึงบันทึกของการสร้างโบสถ์หลังนี้ว่า มีชาวบ้านที่ร่วมแรง
ร่วมใจมาสร้างโบสถ์วัดซ่งแย้ราวๆ 1,500 คน โดย แบ่งเป็น 15 กลุ่ม แต่ละกลุ่มรับงานไปทำเป็นแผนกต่างๆ อาทิ กลุ่มจัดหาเสา
กลุ่มจัดหาไม้กระดาน กลุ่มจัดหาแป้นไม้มาทำหลังคา
ตัวโบสถ์รูปทรงที่สร้างขึ้นมีลักษณะแบบศิลปะไทย กว้าง 16 เมตร ยาว 57 เมตร จัดเป็นโบสถ์ไม้ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย
ใช้แผ่นไม้เป็นแป้นมุงหลังคา 80,000 แผ่น ใช้เสาขนาดต่าง ๆ กันถึง 360 ต้นส่วนใหญ่เป็นเสาไม้เต็ง เสาในแถวกลางมีขนาดใหญ่
ยาวที่สุดมี 260 ต้น สูงจากพื้นดินกว่า 10 เมตร พื้นแผ่นกระดานเป็นไม้แดงและไม้ตะเคียนขนาดใหญ่ ม้านั่งไม้จุคนได้กว่าพันคน
ระฆังโบสถ์มีเส้นผ่าศูนย์กลางเกือบ 2 ฟุต อยู่หอระฆังสูงที่สร้างแบบหอระฆังตามวัดไทยทั่วไป แต่แปลกตรงที่แยกต่างหากจากโบสถ์
แต่เดิมวัดซ่งแย้เป็นเพียงกระต๊อบเล็กๆ ฝาขัดแตะ แต่ต่อมาวัดแห่งนี้ได้มีการพัฒนาขึ้นมาเป็นลำดับ โดยโบสถ์คริสต์รุ่นปัจจุบัน
เป็นโบสถ์หลังที่ 3 ที่มีความน่าสนใจหลายอย่าง ไล่ไปตั้งแต่เริ่มลงมือก่อสร้างในปี พ.ศ. 2490 โดยชาวบ้านแถวนั้นได้ร่วมแรงร่วมใจ
กันตัดไม้ที่อยู่ในป่าละแวกหมู่บ้าน ไม่ว่าจะเป็น ไม้เต็ง ไม้รัง ไม้สัก ไม้จิก ชักลากลำเลียงออกมาจากป่า โดยมีหัวหน้าช่างจาก
จังหวัดอุบลราชธานีมาเป็นผู้คุมงาน
http://www.manager.co.th/Travel/ViewNews.aspx?NewsID=9590000126523
อุ่นเครื่องวันคริสมาสต์อิฟ ด้วยเพลงที่ใครๆ ก็รู้จัก Silent Night
"SILENT NIGHT" - BONEY M
https://www.youtube.com/watch?v=bh0FKnNqxdY
ขอแถมด้วยเพลง พระราราชนิพนธ์ "พรปีใหม่" จาก ชาวสถานทูตอเมริกาประจำประเทศไทย
พรปีใหม่ 2560 โดยชาวสถานทูตอเมริกาประจำประเทศไทย happy new years 2017
https://www.youtube.com/watch?v=6qtUHMbVXGY
สวัสดีปีใหม่จากชาวสถานทูตอเมริกาประจำประเทศไทย สถานทูตฯ เลือกเพลง “พรปีใหม่”
สำหรับวิดีโอเทศกาลปีใหม่ปีนี้เพื่อเป็นการเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช
บทเพลงนี้สื่อถึงความหวังและความสุข เป็นบทเพลงฉลองปีใหม่ที่ชาวไทยชื่นชอบและคุ้นเคยเป็นอย่างดี